Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย -…
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด
การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การตรวจร่างกาย
การตรวจประเมินทางระบบหายใจ
การตรวจร่างกายตามระบบ โดยเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรคหรือบริเวณที่
จะทำการผ่าตัด
การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง
สัญญาณชีพ
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ข้อบ่งชี้ของการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษอื่นๆ
ข้อแนะนำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Screening tests)
การซักประวัติ
ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร
การใช้ยา สารเสพติด การสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
ประวัติการผ่าตัด และการได้รับยาระงับความรู้สึกก่อนหน้านี้ โดยครอบคลุม
ถึงวิธีการให้ยาระงับความรู้สึก และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น
ประวัติของคนในครอบครัวหรือญาติที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้รับยาระงับ
ความรู้สึก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมที่มีผลต่อการได้รับยาระงับความรู้สึก
ระวัติโรคประจำตัว ควรครอบคลุมถึงอาการ ความรุนแรงของโรค ภาวะแทรกซ้อนของโรค และประวัติการรักษา ยาที่ใช้ประจำ
ประวัติเกี่ยวกับโรคของระบบต่างๆ ของร่างกาย
การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การเตรียมผู้ป่วย ซึ่งระยะเวลาก่อนผ่าตัด
ด้านจิตใจ
การให้คำแนะนำการปฏิบัติหลังผ่าตัด
Deep-breathing exercises
Effective cough
Range of Motion (ROM)
Abdominal breathing
Straight Leg Raising Exercise (SLRE)
Turning and ambulation
Quadriceps Setting Exercise (QSE)
Extremity exercise
Early ambulation
Pain management
ด้านร่างกาย
ประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายในการได้รับอาหารที่พอเหมาะ
ภาวะสารน้ำและอีเล็คโทรลัยต์ในร่างกาย
ระบบทางเดินปัสสาวะ
การพักผ่อนและการออกกำลังกาย ต้องได้รับการพักผ่อนที่ดี และมี
การออกกำลังกายที่พอเหมาะ
ระบบทางเดินหายใจ
ให้คำแนะนำและข้อมูลต่างๆ ที่ผู้ป่วยควรทราบเพื่อลดความวิตกกังวล
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
การเตรียมผู้ป่วยก่อนวันที่ผ่าตัด
การให้ยาแก่ผู้ปุวยก่อนผ่าตัด แพทย์มักจะให้ยาในคืนวันก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยให้ผู้ปุวยคลายความวิตกกังวลและนอนหลับพักผ่อนได้ดี และก่อนผ่าตัดประมาณ 45-90 นาที เพื่อลดรีเฟล็กซ์ที่ไวต่อการกระตุ้น ซึ่งเกิดได้จากความเจ็บปวด ความกลัว
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ที่พิเศษ พยาบาลต้องเตรียมให้พร้อมเพื่อที่จะใช้หรือนำไปห้องผ่าตัด
การดูแลสภาพร่างกายทั่วไป
ในคืนก่อนวันผ่าตัด
ของปลอม ของมีค่าต่างๆ ถอดเก็บไว้ให้ญาติดูแลรักษา
สื่อไฟฟ้าต่างๆ ให้ถอดออก เนื่องจากสื่อไฟฟูาต่างๆ จะทำให้เกิดไฟฟ้าสปาร์คขึ้นขณะทำการผ่าตัด
ให้ผู้ปุวยทำความสะอาดปาก ฟัน ถ้ามีฟันปลอมให้ถอดฟันปลอมออก
เพราะขณะที่ดมยากล้ามเนื้อคลายตัว ฟันปลอมอาจหลุดและตกลงไปในหลอดลมได้
ไม่ให้ผู้ปุวยแต่งหน้า ทาปาก ทาเล็บ เพราะบริเวณเหล่านี้จะเป็นที่สังเกต
อาการเขียวคล้ำ ซึ่งเป็นอาการแสดงแรกเริ่มของการขาดออกซิเจน
ในเช้าวันที่จะผ่าตัด
สังเกตภาวะทางอารมณ์ของผู้ปุวย ความกลัวการผ่าตัด พยาบาลต้องผ่อนคลายความกลัว โดยการอธิบายให้ผู้ปุวยเข้าใจอย่างง่ายๆ
ถึงวิธีการผ่าตัดและผลของการผ่าตัด ให้ความเชื่อมั่น และมั่นใจ ให้กำลังใจผู้ปุวย ถ้าหลังจากอธิบายแล้วผู้ป่วยยังมีความกลัวมากให้รายงานแพทย์ทราบ
สังเกตสภาพร่างกายทั่วไป วัดและบันทึกสัญญาณชีพ อาการของผู้ปุวยลง
ในใบแบบฟอร์มผ่าตัด และใบแบบฟอร์มบันทึกทางการพยาบาล ถ้าผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์ทราบ
ให้ผู้ป่วยทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนชุดสำหรับใส่เพื่อผ่าตัด และหวีผมเก็บผมให้เรียบร้อย แล้วนอนพักอยู่บนเตียงตลอดเวลาจนกว่าจะไปห้องผ่าตัด
แผ่นบันทึกรายงานต่างๆ ต้องบันทึกให้ครบ และรวบรวมให้เรียบร้อย เพื่อส่งเข้าห้องผ่าตัด อธิบายและให้ผู้ปุวยเซ็นใบยินยอมให้แพทย์ท าการผ่าตัด กรณีผู้ปุวยยังไม่บรรลุนิติภาวะให้ผู้ปกครองที่มีอำนาจตามกฎหมายเป็นผู้เซ็นแทน ถ้าผ่าตัดฉุกเฉิน และผู้ปุวยไม่สามารถเซ็นใบยินยอมผ่าตัดได้ควรให้ญาติหรือครอบครัวเป็นผู้เซ็นแทน แต่ถ้าติดต่อญาติไม่ทันเวลา เนื่องจากเกรงว่าอาจเป็น อันตรายต ่อชีวิตได้หากท าการผ ่าตัดล่าช้าออกไป แพทย์สามารถท าผ่าตัดได้โดยได้รับอนุมัติจากผู้อำนวยการโรงพยาบาล
การเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัด
บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก เตรียมตั้งแต่ระดับสะดือ ลงมาถึงฝีเย็บ และด้านในของต้นขาและก้น
แขน ข้อศอก และมือ เตรียมบริเวณแขนข้างที่จะทำผ่าตัดทั้งด้านหน้าและ
ด้านหลัง จากหัวไหล่ถึงปลายนิ้วมือ รวมทั้งโกนขนรักแร้ตัดเล็บให้สั้นและทำความสะอาดด้วย
ไต เตรียมด้านหน้าจากบริเวณรักแร้จนถึงบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์และต้นขา ทั้ง2 ข้าง ด้านข้างจากรักแร้ถึงตะโพก ด้านหลังจากแนวกึ่งกลางล าตัวด้านหน้าอ้อมไปจนถึงกระดูกสันหลังซีกของ ไตข้างที่จะทำการผ่าตัดนั้น
ตะโพกและต้นขา เตรียมบริเวณจากระดับเอวลงมาถึงระดับต่ ากว่า หัวเข่า
ข้างที่จะท า 6 นิ้ว ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง รวมทั้งเตรียมบริเวรอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกด้วย
บริเวณท้องต่ำกว่าสะดือ เตรียมบริเวณตั้งแต่ระดับราวนมลงมาถึงต้นขา รวมทั้งบริเวณฝีเย็บด้วย
การทำ Skin graft ท าความสะอาดผิวหนังทั้งบริเวณ Donor site และ
Recipient site ให้กว้าง
บริเวณช่องท้อง เตรียมตั้งแต่ระดับรักแร้ลงมาถึงฝีเย็บ
หัวเข่า เตรียมจากขาหนีบถึงข้อเท้าข้างที่จะทำผ่าตัดโดยรอบ
บริเวณทรวงอก เตรียมด้านหน้าจากคอตอนบนจนถึงระดับสะดือจากแนวยาวของหัวนมข้างที่ไม่ได้ท าผ่าตัดไปจนถึงกึ่งกลางหลังของข้างที่ทำ และขนอ่อนของต้นแขนจนถึงต่ำกว่าข้อศอก 1 นิ้ว
ปลายขา เตรียมจากเหนือหัวเข่า ประมาณ 8 นิ้ว ลงมาถึงเท้าข้างที่จะผ่าตัด
ตัดเล็บเท้าให้สั้น และท าความสะอาดเล็บด้วย
บริเวณคอ
เท้า เตรียมจากใต้หัวเข่าลงไปถึงเท้าข้างที่จะทำผ่าตัด ตัดเล็บเท้าให้สั้นและทำความสะอาดเล็บด้วย
บริเวณหูและปุุมกระดูกมาสตอยด์ ให้ เตรียมบริเวณกว้างเป็นวงรอบออกไป
จากหูประมาณ 1 – 2 นิ้ว โกนขนอ่อน ที่ใบหูด้วย
ขั้นตอนการเตรียมผิวหนัง
ถ้าบริเวณที่เตรียมสกปรกมาก ให้เช็ดด้วยเบนซินแล้วฟอกด้วยสบู่ ถ้าไม่
สกปรกให้ฟอกด้วยน้ าสบู่ธรรมดา ล้างบริเวณนั้นด้วยน้ าให้สะอาด การฟอกสบู่ให้ใช้ผ้าก๊อสชุบสบู่ เช็ดจากบริเวณที่จะท าผ่าตัดแล้ววงโดยรอบบริเวณนั้นออกมา เพื่อมิให้บริเวณที่จะท าผ่าตัดปนเปื้อนเชื้อโรคอีก
โกนขน หรือผม ถ้าขนหรือผมนั้นยาวใช้กรรไกรตัดให้สั้นก่อน ใช้ก๊อสชุบสบู่
หรือ Hibiscrub ชโลมให้ทั่วเพื่อท าให้ขนหรือผมบริเวณนั้นนุ่ม จะได้โกนได้ง่ายขึ้น จับมีดโกนให้ถนัด ดึงผิวหนังบริเวณที่จะโกนให้ตึง วางใบมีดประมาณ 45º กับผิวหนัง และโกนไปตามแนวขน การลากใบมีดโกนแต่ละครั้งลากยาวประมาณ 6 - 8 นิ้ว โกนบริเวณผ่าตัดให้สะอาดปราศจากขน ระวังอย่าให้มีดโกนบาดผิวหนัง
ปูผ้ายางรองกันเปื้อนบริเวณที่จะเตรียมผ่าตัด
เมื่อโกนเสร็จใช้สบู่และน้ำล้างบริเวณนั้นให้สะอาด เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
บอกให้ผู้ปุวยทราบ กั้นม่าน ดูให้มีแสงสว่างเพียงพอ
เก็บผมหรือขน ใบมีดโกนที่ใช้แล้วห่อใส่กระดาษให้เรียบร้อย แยกใบมีดโกนออกต่างหาก แล้วทิ้งใบมีดโกนลงในภาชนะที่ส าหรับทิ้งของมีคม ท าความสะอาดเครื่องใช้ และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
เตรียมเครื่องใช้ประกอบด้วย ถาดสี่เหลี่ยม 1 ใบ บรรจุมีดโกนหนวดพร้อม
ใบมีดที่คมและสะอาด 1 อัน กรรไกร ผ้าก๊อส 2-3 ชิ้น กระดาษรองขนหรือผม ผ้ายางรองกันเปื้อน สบู่ใส ชามกลม สบู่ที่ใช้โดยมาก คือ Hibiscrub หรือ น้ำสบู่ เหยือกบรรจุน้ำอุ่น 1 ใบ ชามรูปไต
การเตรียมเฉพาะที่อื่นๆ ได้แก่ บริเวณช่องคลอด นอกจากต้องโกนขนและทำความสะอาดผิวหนังแล้ว อาจต้องสวนล้างช่องคลอด ด้วยน้ำยาระงับเชื้อ
บริเวณศีรษะ โกนผมบริเวณศีรษะออก เช็ดใบหู และท าความสะอาดช่องหู
ภายนอกด้วยไม้พันส าลีที่ปราศจากเชื้อ เตรียมบริเวณลงมาถึงแนวกระดูกไหปลาร้าทั้งหน้าและหลัง ไม่ต้องเตรียมบริเวณใบหน้า
การส่งผู้ปุวยไปห้องผ่าตัด ให้ผู้ปุวยนอนบนรถนอน (Stretcher) ห่มผ้าให้
เรียบร้อย ยกไม้กั้นเตียงขึ้น เจ้าหน้าที่ที่เข็นรถนอนต้องเข็นรถด้วยความนุ่มนวล ระมัดระวังอย่าเข็นเร็วเกินไป ควรมีพยาบาลตามไปส่งที่ห้องผ่าตัดด้วยพยาบาลควรอยู่กับผู้ปุวยตลอดเวลาจนกว่าจะมีเจ้าหน้าที่ห้องผ่าตัดมารับเข้าห้องผ่าตัด
การขับถ่าย ถ้าเป็นการผ่าตัดเล็ก หรือการผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในช่องท้อง แพทย์อาจให้สวนอุจจาระหรือไม่ก็ได้ หรือให้รับประทานยาระบายก่อนวันผ่าตัด ถ้าเป็นการผ่าตัดใหญ่หรือผ่าตัดเปิดสู่ช่องท้องแพทย์จะให้มีการสวนอุจจาระก่อนผ่าตัด ส าหรับกระเพาะปัสสาวะควรว่างเมื่อจะเข้าห้องผ่าตัดโดยให้ผู้ป่วย ถ่ายปัสสาวะก่อนผ่าตัด หรือคาสายสวนปัสสาวะไว้ตามแผนการรักษา
การดูแลครอบครัวผู้ปุวย พยาบาลต้องแจ้งให้ครอบครัวทราบถึงเวลาที่ผู้ปุวยจะเข้าห้องผ่าตัด ควรให้ญาติมาดูแล ให้ก าลังผู้ปุวย คอยรับผู้ปุวยเมื่อออกจากห้องผ่าตัด พยาบาลควรพูดปลอบโยนญาติในกรณีที่ญาติมีความวิตกกังวล
อาหารและน้าดื่มควรงดอาหารผู้ป่วยก่อนผ่าตัดอย่างน้อย8 ชั่วโมง ส าหรับอาหารเหลวใสให้ได้ 6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัดถ้าผู้ป่วยปากแห้งให้ผู้ป่วยบ้วนปากบ่อยๆถ้าผู้ป่วยได้รับอาหารหรือน้าเข้าไปในระยะเวลาที่ห้ามนี้ต้องรีบรายงานให้ แพทย์ทราบทันทีซึ่งแพทย์อาจเลื่อนการผ่าตัดออกไปหรืออาจใส่สายเข้าไปที่กระเพาะอาหารเพื่อดูดเอาอาหารในกระเพาะอาหารออกมา
การเตรียมผ่าตัดผู้ปุวยฉุกเฉิน ในรายที่ต้องผ่าตัดฉุกเฉินจากสาเหตุใดก็ตาม
ให้ผู้ปุวยหรือญาติที่มีสิทธิทางกฎหมายเซ็นใบยินยอมผ่าตัด
ถ้าผู้ปุวยไม่มีญาติมาด้วย พยาบาลต้องถามหรือหาที่อยู่ของครอบครัว เบอร์
โทรศัพท์ของ ครอบครัว และรีบแจ้งให้ครอบครัวทราบโดยเร็วที่สุด
ทำความสะอาดและเตรียมผิวหนังบริเวณที่จะผ่าตัดให้เรียบร้อย ถอดฟัน
ปลอม อวัยวะปลอมต่างๆ ของมีค่า เครื่องประดับ สื่อไฟฟูาออก ล้างสีเล็บออกให้หมด
วัดและบันทึกอาการ สัญญาณชีพ รวมทั้งการให้ยาก่อนผ่าตัด ลงในใบ
แบบฟอร์มก่อนผ่าตัด และใบแบบฟอร์มบันทึกทางการพยาบาลให้เรียบร้อย
ให้ผู้ปุวยถ่ายปัสสาวะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะท าได้ เพื่อตรวจปัสสาวะ และให้
กระเพาะปัสสาวะว่าง ถ้าผู้ปุวยไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้แพทย์อาจให้สวนปัสสาวะ
สังเกตสภาพร่างกายทั่วไป อาการ และ สัญญาณชีพ ถ้าผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์ทราบ
เจาะเลือดเพื่อส่งตรวจ CBC และ Blood group ทันทีให้สารน้ าทางหลอด
เลือดดำ ใส่สายยางทางจมูกเข้าไปในกระเพาะอาหาร ตามแผนการรักษา
การพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัด
การประเมินสภาพผู้ป่วย
แบบแผนการขับถ่าย
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงในแบบแผนการขับถ่ายปัจจุบัน
การทำงานของไต
ประวัติการเสียเลือด สารน้ำทางปัสสาวะ การขับถ่ายที่ปกติก่อนและหลัง
ผ่าตัด
แบบแผนการรับรู้และการดูแลสุขภาพ ได้แก่ ประเมินความรู้ความเข้าใจ และการยอมรับในการผ่าตัดที่เกิดขึ้น ความร่วมมือในการปฏิบัติการรักษาพยาบาล และการปฏิบัติตนเพื่อส่งเสริม ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของตนเอง
แบบแผนอาหารและการเผาผลาญ การประเมินที่สำคัญได้แก่ ประวัติการ
ได้รับและสูญเสียสารน้ำและเกลือแร่ ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดจนถึงหลังผ่าตัด
แบบแผนการปรับตัวและการเผชิญกับความเครียด ประเมินการรับรู้ และวิธีการเปลี่ยนแปลงความเครียด สังเกตพฤติกรรมตอบสนองต่อความเครียด
แบบแผนกิจกรรมและการออกกำลังกาย
การเปลี่ยนแปลงสัญญาณชีพ
ประวัติโรคหัวใจ โรคปอด เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่มีก่อนผ่าตัด
กิจกรรมการพยาบาลหลังผ่าตัด
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ป่วย เพื่อลดอาการท้องอืด แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน และส่งเสริมภาวะโภชนาการที่ดีหลังผ่าตัด
ดูแลให้ได้รับสารอาหารและพลังงานอย่างเพียงพอ ในรายที่ไม่มีปัญหาในการรับประทานอาหาร
สังเกตและบันทึกอาการเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ถึงการย่อยและดูดซึมอาหาร
ผิดปกต
กระตุ้นให้ผู้ปุวยลุกออกจากเตียง หรือจัดท่านอนศีรษะสูงเพื่อลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายและความปลอดภัยของผู้ปุวย
การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลเกี่ยวกับความสะอาดของร่างกายทั่วไป
โดยเฉพาะช่องปาก อวัยวะสืบพันธุ์ และระบบขับถ่าย
ดูแลความปลอดภัยในรายที่ยังไม่ฟื้นจากยาสลบ หรือระดับความรู้สึกตัว
เปลี่ยนแปลง ควรยกราวกั้นเตียงผู้ปุวยขึ้นก่อนออกจากเตียงผู้ปุวย
ดูแลความสุขสบายทั่วไป
การพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด โดยพยาบาลประเมินความเจ็บปวดของผู้ปุวยโดยใช้ Pain scale ดูและให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
สังเกตลักษณะแผลที่ผิดปกติ โดยเฉพาะแผลมีการติดเชื้อ
ทำความสะอาดแผลด้วยหลักปราศจากเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแผลซึ่งจะทำให้แผลหายช้า
สังเกตและประเมินปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการหายของแผล ได้แก่ ตำแหน่งของแผลผ่าตัด ลักษณะของแผลเปิดหรือแผลปิด ภาวะโภชนาการของผู้ปุวย ภาวะโรค
สอนและให้ค าแนะน าเกี่ยวกับการดูแลแผล และวิธีการส่งเสริมการหายของแผล โดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีโปรตีน และวิตามินซีสูง ลดการกระทบกระเทือนแผลผ่าตัดในช่วงที่ยังไม่ได้ตัดไหม การออกกำลังกายเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดมาเลี้ยงที่แผลดีขึ้น
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจและไหลเวียน
ควรให้ผู้ปุวยนอนพักนิ่งๆ ในบริเวณที่มีเลือดออกมากๆ เพื่อลดการ
เคลื่อนไหวซึ่งจะมีผลท าให้เลือดออกมากขึ้น
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นให้พร้อมในรายที่มีภาวะช็อก
ดูแลให้ได้รับสารน้ำ เลือด หรือพลาสมาทดแทนทางหลอดเลือดดำ ตาม
แผนการรักษา และติดตามอาการของผู้ปุวยอย่างต่อเนื่อง
สังเกต บันทึก และติดตามผลการตรวจคลื่นหัวใจโดยเฉพาะในรายที่มีการเต้นหัวใจผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจตายหลังผ่าตัด
สังเกตลักษณะบาดแผลและปริมาณสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ที่ออกจากร่างกายผู้ป่วยรวมถึงประเมินการสูญเสียสารน้ าที่เกิดขึ้นหากพบความผิดปกติให้รายงานแพทย์
ดูแลให้ผู้ปุวยได้รับการพักผ่อนทั้งร่างกาย และจิตใจ จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ อยู่เป็นเพื่อน คอยใจก าลังใจ เพื่อลดความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น เป็นส่วนช่วยลดการใช้ออกซิเจนในร่างกายของผู้ป่วย
ตรวจวัดสัญญาณชีพทึก 15 นาที 4 ครั้ง ทุก 30 นาที 4 ครั้ง และทุก 1ชั่วโมงจนสัญญาณชีพสม่ำเสมอ
การให้คำแนะนำก่อนกลับบ้านสำหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัด
การส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ปุวย อาหารที่ควรรับประทานหรือควรงด การรับประทานยา การสังเกตอาการข้างเคียงของยาที่ได้รับ
การดูแลความสะอาดของร่างกาย
การเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นข้อจ ากัดหลังผ่าตัด
การมาตรวจตามแพทย์นัด
เรื่องการดูแลแผล การสังเกตอาการ และอาการแสดงของการติดเชื้อ
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายใจให้โล่ง และคงไว้ซึ่งการท างานระบบหายใจภายหลังการผ่าตัดระยะแรก
เปลี่ยนท่านอนหรือพลิกตะแคงตัวบ่อยๆ ในรายที่ไม่รู้สึกตัวควรพลิกตะแคง
ให้ทุก 1-2 ชั่วโมง และในรายที่รู้สึกตัวดีควรจัดให้นอนในท่าศีรษะสูง (Fowler’s position) นอกจากนี้ควรส่งเสริมให้ผู้ปุวยมีการลุกนั่งบนเตียงโดยเร็วและลุกขึ้นเดินได้ภายใน 24 ชั่วโมงถ้าไม่มีข้อห้ามตามแผนการรักษา
กระตุ้นให้ทำกิจวัตรประจ าวันด้วยตนเองเพื่อเพิ่มกิจกรรมการเคลื่อนไหว
ขณะอยู่บนเตียงและลดภาวะแทรกซ้อนจากการนอนท่าเดียวนานๆ
กระตุ้นให้ผู้ปุวยหายใจเข้าออกลึกๆ และไออย่างมีประสิทธิภาพตามวิธีที่
สอนผู้ปุวยก่อนการผ่าตัดและติดตามการปฏิบัติตัวของผู้ปุวยหลังผ่าตัด
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา พร้อมทั้งติดตามผลการรักษาโดยการสังเกต บันทึกลักษณะสี กลิ่น และจำนวนของเสมหะ รวมทั้งสังเกต
อาการข้างเคียงของยา
สังเกตการหายใจของผู้ปุวย
สังเกตอาการบ่งชี้ภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น
สัญญาณชีพ รวมถึงค่าออกซิเจนในเลือด
การจัดท่านอน ให้นอนราบไม่หนุนหมอน ตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง
ปูองกันลิ้นตก และการส าลักอาเจียน ถ้าผู้ปุวยรู้สึกตัวดีอาจให้นอนราบหนุนหมอนได้ ยกเว้นในรายที่ได้รับยาชาเข้าทางไขสันหลังให้นอนราบอย่างน้อย 6-12 ชั่วโมง
ถ้าผู้ปุวยมีอาการผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์และให้ออกซิเจนตามแผนการ
รักษา
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การประเมินผู้ปุวยก่อนการเคลื่อนย้าย
ความมั่นคงในการคงท่าของผู้ปุวย
ส่วนที่จำเป็นต้องให้อยู่นิ่งๆ
ส่วนที่อ่อนแรงหรือพิการ
ผู้ปุวยอ่อนเพลียมากน้อยแค่ไหน
ท่าที่เป็นข้อห้ามของผู้ปุวย
ความต้องการการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนท่าและความสุขสบายของผู้ปุวย
ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
วิธีการเคลื่อนย้ายผู้ปุวย
นำหมอนหนุนศีรษะของผู้ปุวยออก วางหมอนที่พนักหัวเตียง อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นเอาออกจากเตียง
พยาบาลยืนในท่าที่ถูกต้องมั่นคงและใช้หลักการของกลไกการเคลื่อนไหว
ร่างกาย
พยุงผู้ปุวยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง โดยใช้วิธีสอดมือเข้าไปในต าแหน่งของร่างกายที่จะยกเพื่อรองรับน้ าหนักร่างกายส่วนนั้น
แจ้งให้ผู้ปุวยทราบและบอกวิธีการให้ความร่วมมือถ้าท าได้
หลักการเคลื่อนย้ายผู้ปุวย
ย่อเข่าและสะโพก
หาวิธีที่เหมาะสมเพื่อผ่อนแรงในการยกหรือเคลื่อนย้ายผู้ปุวย
หลังตรง ปูองกันการปวดหลัง
ผู้ปุวยควรอยู่ใกล้พยาบาลมากที่สุด
ยืนแยกเท้าทั้งข้างห่างกันพอสมควร และเฉียงปลายเท้าไปตามทิศทางที่
ต้องการเคลื่อนย้าย และอยู่ในสมดุลเมื่อต้องการเคลื่อนไปทางหัวเตียงหรือปลายเตียง
ยกตัวผู้ปุวยให้พ้นจากที่นอนเล็กน้อยเพื่อลดแรงเสียดทาน
ควรยืนในท่าที่ถูกต้องและมั่นคง
ใช้ผ้าขวางเตียงช่วยในการเคลื่อนย้ายผู้ปุวยแทนการเลื่อนผู้ปุวย
หันหน้าเข้าหาผู้ปุวยและไปในทิศทางที่จะเคลื่อนย้าย
ให้สัญญาณเพื่อความพร้อมเพรียง
ควรจัดท่าผู้ปุวยให้นอนหงายราบอยู่ในท่าที่สบาย
ผู้ปุวยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรหาผู้ช่วยเหลือตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปและให้
สัญญาณขณะยก หรือใช้อุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงมาใช้เมื่อจำเป็น
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
การออกกำลังกายเพื่อเตรียมผู้ปุวยเดิน
เหยียดข้อเข่า เหยียดขาพร้อมกับกดข้อเข่าลงกับที่นอน และยกส้นเท้าขึ้น
จากเตียงสูงเท่าที่จะทำได้ สลับทำกับขาอีกข้างหนึ่ง
งอข้อเท้า หมุนข้อเท้าเข้าหาตัวและออกจากตัว โดยวิธีหมุนข้อเท้าเป็น
วงรอบตามเข็มนาฬิกาและหมุนทวนเข็มนาฬิกา
กางและหุบข้อตะโพก เหยียดข้อเข่าและให้ข้อเท้างอเข้าหาปลายขา ยกขาข้างที่ท าไปที่ข้างเตียงทั้งสองด้าน สลับท ากับขาอีกข้างหนึ่ง
งอและเหยียดนิ้วเท้า
หมุนข้อตะโพก เหยียดขาทั้งสองข้าง หมุนเข้าหาตัวและหมุนออกจากตัวแล้วให้หมุนขาทั้งสองข้างเข้าหาตัวจนนิ้วหัวแม่เท้าชนกัน แล้วหมุนขาออกนอกตัวจนส้นเท้าทั้งสองข้างชนกัน
เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ตะโพกต้นขา โดยการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องแล้วคลายออกแล้วหายใจเข้าลึกๆ ให้กล้ามเนื้อหน้าท้องขยายมากที่สุด และเกร็งกล้ามเนื้อตะโพกพร้อมกับยกขาขึ้น
ให้ผู้ปุวยงอและเหยียดข้อตะโพก โดยให้ผู้ปุวยนอนบนเตียง เหยียดขาออกและยกขึ้นแล้วงอเข่าและยกเข่าเข้าหาอกพร้อมงอเท้าให้นิ้วเท้าโค้งหาปลายขา เสร็จแล้วจึงเหยียดเข่าและตะโพกออกให้อยู่ในท่าขาเหยียด
การช่วยเหลือผู้ปุวยหัดเดิน
การช่วยเหลือผู้ปุวยหัดเดินโดยพยาบาล 1 คน
กรณีใช้เข็มขัดหรือผ้าคาดเอว เมื่อช่วยผู้ปุวยลงจากเตียงแล้ว พยาบาล
ยืนเยื้องด้านหลังผู้ปุวย ใช้มือ 2 ข้างยืดเข็มขัดหรือผ้าคาดเอวเพื่อพยุงผู้ป่วยขณะผู้ปุวยเดิน ิธีนี้จะช่วยคงจุดศูนย์ถ่วงหรือใช้มือหนึ่งจับเข็มขัดบริเวณกึ่งกลางเอว อีกมือหนึ่งจับบริเวณต้นแขนของผู้ปุวยก้าวเดินช้าๆ พร้อมกัน
กรณีไม่ใช้เข็มขัด ให้ใช้มือด้านใกล้ตัวจับที่ต้นแขนของผู้ปุวย มือไกลตัว
จับที่ปลายแขนของผู้ปุวย ถ้าผู้ปุวยเป็นลมให้สอดแขนเข้าใต้รักแร้รับน้ำหนักตัวผู้ป่วยและแยกเท้ากว้าง ึงตัวผู้ปุวยขึ้นมาข้างตัวพยาบาลโดยใช้ สะโพกรับน้ าหนักตัวผู้ปุวย และค่อยๆ วางตัวผู้ปุวยลงบนพื้น
การช่วยเหลือผู้ปุวยหัดเดินโดยพยาบาล 2 คน ให้พยาบาลยืนข้างผู้ปุวยคน
ละด้าน มือพยาบาลข้างใกล้ตัวผู้ปุวยสอดใต้รักแร้ผู้ปุวย อีกข้างหนึ่งจับปลายแขนหรือมือผู้ปุวยข้างเดิมผู้ปุวยและพยาบาลทั้ง 2 คนเดินพร้อมกัน ถ้าผู้ปุวยเป็นลมพยาบาลทั้ง 2 คนเลื่อนมือข้างที่พยุงใต้รักแร้ไป
ข้างหน้าให้ล าแขนสอดอยู่ใต้รักแร้ น้ าหนักตัวผู้ปุวยไว้พร้อมกับใช้สะโพกยันผู้ปุวยไว้แล้วค่อย ๆ พยุงผู้ปุวยลงบนพื้น
การช่วยเหลือผู้ป่วยเคลื่อนไหวบนเตียง
การประเมินผู้ปุวย พยาบาลจะให้การช่วยเหลือผู้ปุวยนั้นควรทราบข้อมูลต่างๆของผู้ปุวย
ท่าที่เหมาะสม และระยะเวลาที่ผู้ปุวยจะคงอยู่ในท่าที่เปลี่ยนให้ใหม
ความยากล าบากและไม่สุขสบายในขณะเปลี่ยนท่าหรือเมื่ออยู่ในท่าที่จัดให้
ความสามารถของผู้ปุวยในการช่วยเหลือตนเอง
ปัญหาอื่นๆ ที่พบในผู้ปุวย
ปฏิบัติการพยาบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ปุวยบนเตียง
การเตรียมตัวพยาบาล พยาบาลควรยืนในท่าที่ถูกต้อง พยุงผู้ปุวยด้วยความ
นุ่มนวลและมั่นคง ขณะยกตัวหรือเลื่อนตัวผู้ปุวยให้ใช้วิธีสอดมือเข้าใต้ตำแหน่งร่างกายส่วนที่จะยก เพื่อรองรับน้ าหนักร่างกายส่วนนั้น ไม่ควรใช้มือหยิบหรือจับขาผู้ปุวยขณะยกหรือเลื่อนตัวผู้ปุวย ถ้าต้องใช้พยาบาลมากกว่า 1 คน ควรให้สัญญาณเพื่อท าพร้อมกัน
การจัดท่าผู้ป่วย
ท่านั่งบนเตียง (Fowler’s position)
ท่านอนหงายชันเข่า (Dorsal recumbent position)
ท่านอนตะแคงกึ่งคว่ า (Semiprone position)
ท่านอนหงายพาดเท้าบนขาหยั่ง (Lithotomy position)
ท่านอนคว่ า (Prone position)
ท่านอนคว่ าคุกเข่า (Knee-chest position)
ท่านอนตะแคง (Lateral or Slide-lying position)
ท่านอนหงาย (Dorsal or Supine position)
ท่านอนศีรษะต่ าปลายเท้าสูง (Trendelenburg position)
การเตรียมผู้ปุวย ให้เอาหมอนหนุนศีรษะของผู้ปุวยออก วางหมอนไว้ที่พนัก
หัวเตียง ปรับระดับเตียงให้อยู่ในแนวราบพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วย
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
การเตรียมผู้ปุวยก่อนการฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
การฝึกในท่าตั้งตรง (Upright) บนเตียงหรือเบาะ
การฝึกในราวคู่ขนาน
การฝึกความแข็งแรง (Strength) ความทนทาน (Endurance) และการ
ประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ (Co – ordination) ที่ใช้ในการเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
การลงน้ำหนักที่ขาเวลาเดิน (Weight Bearing Status) ผู้ปุวยจะต้องลง
น้ำหนักตามแผนการรักษา
ประโยชน์ของอุปกรณ์ช่วยเดิน
ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ าหนักแทนขา 1 หรือ 2 ข้าง เมื่อมีข้อห้ามหรือมี
การอ่อนแรงจนขาไม่สามารถรับน้ าหนักได้ (Non – weight bearing)
เพิ่มการพยุงตัว (Support) เพื่อให้สามารถทรงตัวได้ (Balance)
ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ าหนักแทนขา 1 หรือ 2 ข้าง เมื่อมีข้อห้ามในการ
รับน้ าหนักเต็มทั้งขา (Partial weight bearing) ข้างนั้น
รูปแบบการเดิน (Gait pattern) การฝึกเดินไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ช่วยเดินแบบใด จะใช้รูปแบบการเดินแบบใดแบบหนึ่ง
Three – point gait เป็นรูปแบบการเดินที่ใช้บ่อยในผู้ปุวยที่มีพยาธิสภาพ
ของขา 1 ข้าง
Swing – to gait วิธีนี้เหมาะที่สุดส าหรับผู้ปุวยที่มีการจ ากัดในการใช้ขาทั้ง
2 ข้าง ร่วมกับมีความไม่มั่นคง (Instability) ของล าตัว สามารถใช้ได้กับไม้ค้ำยัน และ Walker
Two – point gait เป็นรูปแบบการเดินที่มีความก้าวหน้าขึ้นจาก Four –
point gait ต้องใช้การทรงตัวและความมั่นคงมากกว่า
Swing – through gait เป็นรูปแบบการเดินที่ก้าวหน้ามาจาก Swing –
to gait
Four – point gait เป็นรูปแบบการเดินที่มีความมั่นคงมากที่สุด
ชนิดของอุปกรณ์ช่วยเดิน
Walker หรือ Pick – up frames มีหลายชนิด
Cane มีหลายชนิด
Parallel bar = ราวคู่ขนาน ราวเดิน
Crutches ( ไม้ยันรักแร้ , ไม้ค้ำยัน )
วิธีการฝึกผู้ปุวยใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน มีวิธีการวัดขนาดและการสอนเดินโดย
อุปกรณ์ช่วยการเดิน
Platform crutch ประกอบด้วยแกนอลูมิเนียม ยาวขึ้นจนถึงระดับข้อศอก
และมีแผ่นรองรับท่อนแขนส่วนปลาย รวมทั้งมีมือจับ (Vertical hand grip)
ไม้เท้า (Cane) เป็นอุปกรณ์ช่วยเดินที่ใช้เพียงข้างเดียวเป็นส่วนใหญ่ มีทั้ง
ชนิดขาเดียว และสามขา ให้ความมั่นคงไม่มาก
Lofstrand crutch ประกอบด้วยแกนอลูมิเนียม และมีด้ามมือจับ รวมทั้ง
ห่วงคล้องรอบช่วงต้นของท่อนแขนส่วนปลาย
ไม้เท้า 3 ขา (Tripod cane) มีฐานกว้าง และมีจุดยันรับน้ าหนักที่พื้น 3 จุด
ท าให้มั่นคงกว่าไม้เท้าขาเดียว
ไม้ค้ำยันรักแร้(Auxiliary crutches)
Walker จะให้Support มากที่สุดในช่วงการเดินเมื่อเทียบกับ Cane และ
Crutches จึงช่วยเพิ่มความมั่นคงขณะเดินได้มากที่สุด
การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย
การเคลื่อนไหวร่างกาย
ปูองกันไม่ให้เกิดอันตราย หรือมีความพิการของกระดูก และกล้ามเนื้อ
ลดการเมื่อยล้า หรือการใช้พลังงานมากเกินไป
ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ
ผลกระทบจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
ระบบทางเดินหายใจ
ปอดขยายตัวลดลง (Decrease lung expansion)
มีการคั่งของเสมหะมากขึ้น เนื่องจากการพัดโบกของ Cilia เพื่อพัดเสมหะ
จากทางเดินอากาศส่วนล่างสู่ส่วนบนลดลง และในท่านอนราบเสหะจะไหลมาสู่ส่วนล่างของหลอดลม
ระบบทางเดินอาหาร
มีผลต่อการรับประทานอาหาร ท าให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย กังวลใจจาก
การนอนเฉยๆ และโรคที่ เป็นอยู่ความต้องการพลังงานลดลง เป็นสาเหตุให้เกิดการขาดสารอาหาร
มีผลต่อการขับถ่าย ทำให้ท้องผูก (Constipation)
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
มีการคั่งของเลือดในหลอดเลือดดำที่ขา
เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (Thrombus)
หัวใจทำงานมากขึ้น
ความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension)
ระบบทางเดินปัสสาวะ
มีการคั่งของปัสสาวะในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Urinary stasis)
เกิดนิ่วในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Renal Calculi)
การถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติในระยะแรกๆ (Diuresis)
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
การประสานงานของกล้ามเนื้อแขนขาลดลงหรือไม่สัมพันธ์กัน
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลีบเล็ก (Muscle atrophy)
กระดูกผุ เปราะบาง (Osteoporosis)
อาการปวดหลัง (Back pain)
ระบบเมตาบอลิซึมและการเผาผลาญอาหาร
มีระดับโปรตีนในกระแสเลือดลดต่ำลง (Hypoproteinemia)
มีความผิดปกติด้านอัตมโนทัศน์และภาพลักษณ์ (Self concept and
Body image)
การเผาผลาญอาหารลดลง
ระบบผิวหนัง ผิวหนังเสียหน้าที่ทำให้เกิดแผลกดทับ (Bed sore or Pressuresore or Decubitus ulcer)
เซลล์ตายและลุกลามกลายเป็นแผล
การเสียดทาน (Friction) เมื่อผู้ปุวยถูกลากหรือเลื่อนตัว ทำให้ผิวหนังขูดกับที่นอน
เกิดแรงกดทับ (Pressure) ระหว่างปุุมกระดูกกับที่นอนที่รองรับในการนอน
ในท่าต่าง ๆ ทำให้เซลล์ขาดออกซิเจน
แรงดึงรั้ง (Shearing force)
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายชนิดที่ให้ผู้ป่วยทำร่วมกับความช่วยเหลือของผู้อื่น (Activeassistive exercise)
การออกกำลังกายโดยให้กล้ามเนื้อทำงานแต่ข้อไม่เคลื่อน (Isometric or
Static exercise)
การออกกำลังกายโดยให้ผู้อื่นทำให้ผู้ป่วย (Passive exercise)
การออกกำลังกายให้ผู้ปุวยออกแรงต้านกับแรงอื่น (Resistive exercise)
การออกกำลังกายชนิดให้ผู้ป่วยทำเอง (Active or Isotonic Exercise)
กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
วิตกกังวลเนื่องจากกลัวการผ่าตัด
วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา
การวางแผนการพยาบาล ให้การพยาบาล และประเมินผลหลังให้การพยาบาล
ร่วมกันหาทางแก้ไขสาเหตุของความวิตกกังวลร่วมกับผู้ปุวยและญาต
ดูแลความสุขสบายทั่วไป
เปิดโอกาสให้ผู้ปุวยระบายความรู้สึก และค้นหาสาเหตุของความวิตกกังวล
จัดหมวดหมู่กิจกรรมการพยาบาลเพื่อลดการรบกวนผู้ปุวยและให้ผู้ปุวยได้พัก
ประเมินระดับความวิตกกังวล
รายงานแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ
การประเมินสภาพผู้ป่วย รวบรวมข้อมูลที่จ าเป็นเพื่อนำไปสู่การวางแผนการพยาบาล