Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัดการเคลื่อนไหวและการออกก าลังกาย -…
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัดการเคลื่อนไหวและการออกก าลังกาย
1.การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
1.การประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การซักประวัติ
ประวัติโรคประจำตัว
ประวัติการผ่าตัด
ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร
การใช้ยา สารเสพติด การสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
ประวัติของคนในครอบครัวหรือญาติที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้รับยาระงับความรู้สึก
ประวัติเกี่ยวกับโรคของระบบต่างๆ
โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
โรคลมชัก
โรคความดันโลหิตสูง
การตรวจร่างกาย
การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง
การตรวจประเมินทางระบบหายใจ
สัญญาณชีพ
การตรวจร่างกายตามระบบ
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ใช้เป็น Screening tests
ยืนยันการวินิจฉัยโรค
2.การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การเตรียมผู้ป่วย
ด้านร่างกาย
การให้คำแนะนำการปฏิบัติหลังผ่าตัดได้แก่
(1)Early ambulation
(2)Quadriceps Setting Exercise (QSE)
(8)Turning and ambulation
(3)Straight Leg Raising Exercise (SLRE)
(9)Extremity exercise
(4)Range of Motion (ROM)
(10)Pain management
(5)Deep-breathing exercises
(6)Effective cough
(7)Abdominal breathing
ด้านจิตใจ
การเตรียมผู้ปุวยก่อนวันที่ผ่าตัดมีดังนี้
1) อาหารและน้ำดื่ม
ควรงดอาหารผู้ป่วยก่อนผ่าตัดอย่างน้อย8 ชั่วโมง
อาหารเหลวใสให้ได้6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
3)การเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัด
เป็นการลดจำนวนจุลินทรีย์
กำจัดขนและสิ่งสกปรกต่างๆ
เตรียมความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะผ่าตัด
(1)บริเวณศีรษะ
(2)บริเวณหูและปุุมกระดูกมาสตอยด์
(3)บริเวณคอ
(4)บริเวณทรวงอก
(5)บริเวณช่องท้อง
(6)บริเวณท้องต่ำกว่าสะดือ
(7)ไต
(8)บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก
(9)แขนข้อศอกและมือ
(10)ตะโพกและต้นขา
(11)การทำ Skin graft
(12)หัวเข่า
(13)ปลายขา
(14)เท้า
(15) ขั้นตอนการเตรียมผิวหนังมีดังนี้
-ถ้าบริเวณที่เตรียมสกปรกมากให้เช็ดด้วยเบนซินแล้วฟอกด้วยสบู่
-โกนขนหรือผม
วางใบมีดประมาณ45º กับผิวหนัง
-ปูผ้ายางรองกันเปื้อน
-เมื่อโกนเสร็จใช้สบู่และน้ำล้างบริเวณนั้นให้สะอาด
-บอกให้ผู้ป่วยทราบ
-เก็บผมหรือขนใบมีดโกนที่ใช้แล้วห่อใส่กระดาษให้เรียบร้อย
-เตรียมเครื่องใช้
2)การขับถ่าย
การผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในช่องท้องแพทย์อาจให้สวนอุจจาระหรือไม่ก็ได้
4)การดูแลสภาพร่างกายทั่วไปจะมีการเตรียมดังนี้
(1)ในคืนก่อนวันผ่าตัด
-ของมีค่าต่างๆถอดเก็บไว้ให้ญาติดูแลรักษา
-สื่อไฟฟูาต่างๆให้ถอดออก
-ให้ผู้ป่วยทำความสะอาดปากฟันถ้ามีฟันปลอมให้ถอดฟันปลอมออก
-ไม่ให้ผู้ป่วยแต่งหน้าทาปากทาเล็บ
(2)ในเช้าวันที่จะผ่าตัด
-สังเกตสภาพร่างกายทั่วไปวัดและบันทึกสัญญาณชีพ
-สังเกตภาวะทางอารมณ์ของผู้ป่วย
-ให้ผู้ป่วยทำความสะอาดร่างกาย
5)การให้ยาแก่ผู้ปวยก่อนผ่าตัด
มักจะให้ยาในคืนวันก่อนผ่าตัด
ก่อนผ่าตัดประมาณ45-90 นาที
6)เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆที่พิเศษ
7)แผ่นบันทึกรายงานต่างๆต้องบันทึกให้ครบ
8)การส่งผู้ป่วยไปห้องผ่าตัด
9)การดูแลครอบครัวผู้ปุวย
10) การเตรียมผ่าตัดผู้ปุวยฉุกเฉิน
(4)ให้ผู้ป่วยหรือญาติที่มีสิทธิทางกฎหมายเซ็นใบยินยอมผ่าตัด
(5)ถ้าผู้ป่วยไม่มีญาติมาด้วยพยาบาลต้องถามหรือหาที่อยู่ของครอบครัว
(3)ทำความสะอาดและเตรียมผิวหนังบริเวณที่จะผ่าตัดให้เรียบร้อย
(6)วัดและบันทึกอาการ
(2)ให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
(7)สังเกตสภาพร่างกายทั่วไปอาการและสัญญาณชีพ
(1)เจาะเลือดเพื่อส่งตรวจCBC และ Blood group
2.การพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัด
1การประเมินสภาพผู้ป่วย
แบบแผนกิจกรรมและการออกกำลังกาย ได้แก่
1)ประวัติโรคหัวใจ โรคปอด เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
2)การเปลี่ยนแปลงสัญญาณชีพ
แบบแผนอาหารและการเผาผลาญ
แบบแผนการขับถ่าย ควรประเมิน
3)ประวัติการเสียเลือด สารน้ำทางปัสสาวะ การขับถ่ายที่ปกติก่อนและหลังผ่าตัด
4)ลักษณะการเปลี่ยนแปลงในแบบแผนการขับถ่ายปัจจุบัน
5)การทำงานของไต
แบบแผนการรับรู้และการดูแลสุขภาพ
แบบแผนการปรับตัวและการเผชิญกับความเครียด ประเมินการรับรู้ และวิธีการเปลี่ยนแปลงความเครียด สังเกตพฤติกรรมตอบสนองต่อความเครียด
2.กิจกรรมการพยาบาลหลังผ่าตัด
1 การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายใจให้โล่ง
1)การจัดท่านอน
3)กระตุ้นให้ผู้ปุวยหายใจเข้าออกลึกๆ และไออย่างมีประสิทธิภาพ
2)สังเกตการหายใจของผู้ป่วย
4)เปลี่ยนท่านอนหรือพลิกตะแคงตัวบ่อยๆ
5)กระตุ้นให้ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง
6)ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
7)สังเกตอาการบ่งชี้ภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ
8)ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์
2 การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจและไหลเวียน
4)ควรให้ผู้ป่วยนอนพักนิ่งๆ
5)เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นให้พร้อมในรายที่มีภาวะช็อก
3)ดูแลให้ได้รับสารน้ำ เลือด
6)สังเกต บันทึก และติดตามผลการตรวจคลื่นหัวใจ
2)สังเกตลักษณะบาดแผลและปริมาณสิ่งคัดหลั่งต่างๆ
7)ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนทั้งร่างกาย และจิตใจ
1)ตรวจวัดสัญญาณชีพทึก 15นาที 4ครั้ง ทุก 30นาที 2 ครั้ง และทุก 1ชั่วโมงจนสัญญาณชีพสม่ำเสมอ
3 การพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด
ใช้ Pain scaleดู
ให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
ดูแลจัดท่าที่เหมาะสม
แนะนำให้ทำกิจกรรมที่เบี่ยงเบนความสนใจ
4 การพยาบาลเพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
2)ดูแลให้ได้รับสารอาหารและพลังงานอย่างเพียงพอ
1)กระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกออกจากเตียง
2)ดูแลให้ได้รับสารอาหารและพลังงานอย่างเพียงพอ
5 การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายและความปลอดภัยของผู้ป่วย
2)การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลเกี่ยวกับความสะอาดของร่างกาย
3)ดูแลความปลอดภัยในรายที่ยังไม่ฟื้นจากยาสลบ
1)ดูแลความสุขสบายทั่วไป
6 การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
4)สอนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผล
3)ทำความสะอาดแผลด้วยหลักปราศจากเชื้อ
2)สังเกตลักษณะแผลที่ผิดปกติ
1)สังเกตและประเมินปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการหายของแผล
7 การให้คำแนะนำก่อนกลับบ้านสำหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัด
5)การมาตรวจตามแพทย์นัด
4)การดูแลความสะอาดของร่างกาย
3)การส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
2)การเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมต่างๆ
1)เรื่องการดูแลแผล การสังเกตอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ
3.การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
1 การช่วยเหลือผู้ป่วยเคลื่อนไหวบนเตียง
1การประเมินผู้ป่วย
2)ท่าที่เหมาะสม
3)ความยากลำบากและไม่สุขสบาย
1)ความสามารถของผู้ป่วยในการช่วยเหลือตนเอง
4)ปัญหาอื่นๆ ที่พบในผู้ป่วย
2 ปฏิบัติการพยาบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ปุวยบนเตียงดังนี้
1)การเตรียมผู้ป่วย
2) การเตรียมตัวพยาบาล
3) การจัดท่าผู้ป่วย
(3) ท่านอนคว่ า (Prone position)
(4) ท่านอนตะแคงกึ่งคว่ า (Semiprone position)
(2) ท่านอนตะแคง (Lateral or Slide-lying position)
(5) ท่านั่งบนเตียง (Fowler’s position)
(1)ท่านอนหงาย (Dorsal orSupine position)
(6) ท่านอนหงายชันเข่า (Dorsal recumbent position)
(7) ท่านอนหงายพาดเท้าบนขาหยั่ง (Lithotomy position)
(8) ท่านอนคว่ำคุกเข่า (Knee-chest position)
(9) ท่านอนศีรษะต่ำปลายเท้าสูง (Trendelenburg position)
2 การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
1หลักการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ได้แก่
6)ย่อเข่าและสะโพก
7)หาวิธีที่เหมาะสมเพื่อผ่อนแรง
5)หลังตรง ป้องกันการปวดหลัง
8)ผู้ป่วยควรอยู่ใกล้พยาบาลมากที่สุด
4)ยืนแยกเท้าทั้งข้างห่างกันพอสมควร
9)ยกตัวผู้ป่วยให้พ้นจากที่นอนเล็กน้อย
3)ควรยืนในท่าที่ถูกต้องและมั่นคง
10)ใช้ผ้าขวางเตียงช่วยในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแทนการเลื่อนผู้ป่วย
2)หันหน้าเข้าหาผู้ป่วยและไปในทิศทางที่จะเคลื่อนย้าย
11)ให้สัญญาณเพื่อความพร้อมเพรียง
1)ควรจัดท่าผู้ป่วยให้นอนหงายราบ
12)ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรหาผู้ช่วยเหลือตั้งแต่ 2คนขึ้นไป
2การประเมินผู้ปุวยก่อนการเคลื่อนย้าย
1)ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
2)ท่าที่เป็นข้อห้ามของผู้ป่วย
3)ส่วนที่อ่อนแรงหรือพิการ
5)ส่วนที่จำเป็นต้องให้อยู่นิ่งๆ
6)ผู้ป่วยอ่อนเพลียมากน้อยแค่ไหน
4)ความมั่นคงในการคงท่าของผู้ป่วย
7)ความต้องการการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนท่าและความสุขสบาย
3 วิธีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
3)พยาบาลยืนในท่าที่ถูกต้องมั่นคง
4)พยุงผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง
2)นำหมอนหนุนศีรษะของผู้ปุวยออก วางหมอนที่พนักหัวเตียง
1)แจ้งให้ผู้ป่วยทราบและบอกวิธีการให้ความร่วมมือ
3 การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
1 การออกกำลังกายเพื่อเตรียมผู้ป่วยเดิน
4) เหยียดข้อเข่า
5) งอข้อเท้า
3) กางและหุบข้อตะโพก
6) งอและเหยียดนิ้วเท้า
2) หมุนข้อตะโพก
7) เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ตะโพกต้นขา
1)ให้ผู้ป่วยงอและเหยียดข้อตะโพก
2 การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินโดยพยาบาล 1คนเเละ 2 คน
4 การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
1 ชนิดของอุปกรณ์ช่วยเดิน
4)Crutches
3)Cane
2)Walker หรือ Pick –up frames
1)Parallel bar
2 ประโยชน์ของอุปกรณ์ช่วยเดิน
3)เพิ่มการพยุงตัว (Support)
1)ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ำหนักแทนขา
3 การเตรียมผู้ปุวยก่อนการฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
3)การฝึกในราวคู่ขนาน
2)การฝึกในท่าตั้งตรง (Upright)
1)การฝึกความแข็งแรง (Strength)
4 การลงน้ำหนักที่ขาเวลาเดิน
5 รูปแบบการเดิน (Gait pattern)
5)Swing –through gait
4)Swing –to gait
3)Three –point gait
2)Two –point gait
1)Four –point gait
6 วิธีการฝึกผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
1)ไม้ค้ำยันรักแร้(Auxiliary crutches)
ช่วยพยุงตัวได้ดีและแบ่งรับน้ำหนักได้ถึง80% ของน้ำหนักตัว
(1)การวัดขนาด
ในท่านอน
ในท่ายืน
(2)การสอนเดิน
4 –Point gait : จังหวะการเดิน
ไม้ซ้าย ขาขวา ไม้ขวา ขาซ้ายไม้ซ้าย ขาขวา ไม้ขวา ขาซ้าย
2 –Point gait : จังหวะการเดิน
ไม้ซ้าย+ ขาขวา ไม้ขวา+ ขาซ้ายไม้ซ้าย+ ขาขวา ไม้ขวา+ ขาซ้าย
3 –Point gait : จังหวะการเดิน
ไม้2 ข้าง ขาที่มีปัญหา ขาที่ดีไม้2 ข้าง ขาที่มีปัญหา ขาที่ดี
Swing-to gait : จังหวะการเดินคือ
ไม้2 ข้าง–จากนั้นยกและเหวี่ยงตัวไปจนถึงระดับไม้ ใช้ในผู้ป่วยParaplegia ที่ขาไม่มีแรง2 ข้าง
Swing-through gait : จังหวะการเดิน คือ
ไม้2 ข้าง-จากนั้นยกและเหวี่ยงตัวไปจนเลยระดับไม้การเดินแบบนี้ ต้องใช้พลังงานในการเดินมาก
การเดินขึ้นบันได: จังหวะการเดินคือ
ยกขาข้างที่ดีก้าวขึ้นก่อน–ตามด้วยขาข้างที่มีปัญหา–สุดท้ายคือไม้ค้ำยัน
การเดินลงบันได: จังหวะการเดินคือ
ยกไม้ลงไปก่อน–ตามด้วยขาข้างที่มีปัญหา–สุดท้ายคือขาข้างที่ดี
2)Lofstrand crutch
(1)การวัดความยาว
โดยให้ปลายไม้ห่างจากนิ้วก้อยไปทางด้านข้าง6 นิ้ว จากนั้นเลื่อนปรับระดับไม้
(2)การสอนเดิน
เดินPoint gait เช่นเดียวกับAxillary crutches แต่เดินSwing gait ไม่ได้
3)Platform crutch
4)ไม้เท้า(Cane)
5)ไม้เท้า3 ขา(Tripod cane)
6)Walker จะให้Support มากที่สุดในช่วงการเดิน
4การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย
1 การออกกำลังกาย
1 การออกกำลังกายชนิดให้ผู้ป่วยทำเอง (Active or Isotonic Exercise)
2 การออกกำลังกายโดยให้ผู้อื่นทำให้ผู้ปุวย (Passive exercise)
3 การออกกำลังกายชนิดที่ให้ผู้ปุวยทำร่วมกับความช่วยเหลือของผู้อื่น (Active assistive exercise)
4 การออกกำลังกายโดยให้กล้ามเนื้อทำงานแต่ข้อไม่เคลื่อน (Isometric or Static exercise)
5 การออกกำลังกายให้ผู้ปุวยออกแรงต้านกับแรงอื่น (Resistive exercise)
การเคลื่อนไหวร่างกาย
1 ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ
2 ป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย หรือมีความพิการของกระดูกและกล้ามเนื้อ
3 ลดการเมื่อยล้าหรือการใช้พลังงานมากเกินไป
3 ผลกระทบจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
1 ระบบผิวหนัง
1)เกิดแรงกดทับ (Pressure)
2) เซลล์ตายและลุกลามกลายเป็นแผล
3) การเสียดทาน (Friction)
4)แรงดึงรั้ง (Shearing force)
2 ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
1)กระดูกผุ เปราะบาง (Osteoporosis)
2)การประสานงานของกล้ามเนื้อแขนขาลดลงหรือไม่สัมพันธ์กัน
3)กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลีบเล็ก (Muscle atrophy)
4)อาการปวดหลัง (Back pain)
3 ระบบหัวใจและหลอดเลือด
1)หัวใจทำงานมากขึ้น
2)มีการคั่งของเลือดในหลอดเลือดดำที่ขา
3)เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (Thrombus)
4)ความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension)
4 ระบบทางเดินหายใจ
2)มีการคั่งของเสมหะมากขึ้น
1)ปอดขยายตัวลดลง (Decrease lung expansion)
5ระบบทางเดินอาหาร
1)มีผลต่อการรับประทานอาหาร ทำให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
2)มีผลต่อการขับถ่าย ทำให้ท้องผูก (Constipation)
6ระบบทางเดินปัสสาวะ
3)เกิดนิ่วในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Renal Calculi)
2)มีการคั่งของปัสสาวะในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Urinary stasis)
1)การถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติในระยะแรกๆ (Diuresis)
7 ระบบเมตาบอลิซึมและการเผาผลาญอาหาร
3)มีความผิดปกติด้านอัตมโนทัศน์และภาพลักษณ์ (Self concept and Body image)
2)มีระดับโปรตีนในกระแสเลือดลดต่ำลง (Hypoproteinemia)
1)การเผาผลาญอาหารลดลง
5.กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด
กรณีตัวอย่าง ผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัดช่องท้อง ไม่เคยมีประสบการณ์การผ่าตัดมาก่อน สอบถามพยาบาลเกี่ยวกับการผ่าตัดบ่อยครั้ง นอนกระสับกระส่าย และเข้าห้องน้ าปัสสาวะบ่อย
1การประเมินสภาพผู้ป่วย
รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อนำไปสู่การวางแผนการพยาบาล
2 ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล เช่น
วิตกกังวลเนื่องจากกลัวการผ่าตัด
วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา
3 การวางแผนการพยาบาล ให้การพยาบาลและประเมินผลหลังให้การพยาบาล
3 ร่วมกันหาทางแก้ไขสาเหตุของความวิตกกังวลร่วมกับผู้ป่วยและญาติ
6 รายงานแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ
2 เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึก และค้นหาสาเหตุของความวิตกกังวล
4 ดูแลความสุขสบายทั่วไป
1 ประเมินระดับความวิตกกังวล
5 จัดหมวดหมู่กิจกรรมการพยาบาลเพื่อลดการรบกวนผู้ป่วยและให้ผู้ป่วยได้พัก