Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัดการเคลื่อนไหวและการออกกำาลังกาย -…
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัดการเคลื่อนไหวและการออกกำาลังกาย
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การเตรียมผู้ปุวยก่อนวันที่ผ่าตัด
การขับถ่ายถ้าเป็นการผ่าตัดเล็กหรือการผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในช่องท้องแพทย์อาจให้สวนอุจจาระหรือไม่ก็ได้
การเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัด ต้องมีการเตรียมความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะผ่าตัด
อาหารและน้ำดื่มควรงดอาหารผู้ปุวยก่อนผ่าตัดอย่างน้อย8 ชั่วโมง
การดูแลสภาพร่างกายทั่วไป
ในคืนก่อนวันผ่าตัด
ให้ผู้ปุวยทำความสะอาดปากฟันถ้ามีฟันปลอมให้ถอดฟันปลอมออก
ไม่ให้ผู้ปุวยแต่งหน้าทาปากทาเล็บเพราะบริเวณเหล่านี้จะเป็นที่สังเกตอาการเขียวคล้ำ
ในเช้าวันที่จะผ่าตัด
ให้ผู้ปุวยท าความสะอาดร่างกายเปลี่ยนชุดส าหรับใส่เพื่อผ่าตัดและหวีผมเก็บผมให้เรียบร้อย
สังเกตสภาพร่างกายทั่วไปวัดและบันทึกสัญญาณชีพ อาการของผู้ปุวยลงในใบแบบฟอร์มผ่าตัด
การเตรียมผู้ป่วย
ด้านร่างกาย
ด้านจิตใจ
การให้คำแนะนำการปฏิบัติหลังผ่าตัด
Straight Leg Raising Exercise (SLRE)เป็นการออกกำลังขา ข้อสะโพก และกล้ามเนื้อต้นขา
Range of Motion (ROM)เป็นการออกกำลังข้อ
Quadriceps Setting Exercise (QSE) เป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อต้นขา
Deep-breathing exercises
Early ambulation
Effective cough
Abdominal breathing
Turning and ambulation
Extremity exercise
Pain managemenc
การให้ยาแก่ผู้ปุวยก่อนผ่าตัดแพทย์มักจะให้ยาในคืนวันก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยให้ผู้ปุวยคลายความวิตกกังวลและนอนหลับพักผ่อนได้ดีและก่อนผ่าตัดประมาณ45-90 นาที
ตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆที่พิเศษเช่นสายใส่จมูกถึงกระเพาะอาหารชุดให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเครื่องมือผ่าหลอดเลือดเครื่องดูดเสมหะ เป็นต้น
แผ่นบันทึกรายงานต่างๆต้องบันทึกให้ครบและรวบรวมให้เรียบร้อยเพื่อส่งเข้าห้องผ่าตัดอธิบายและให้ผู้ปุวยเซ็นใบยินยอมให้แพทย์ทำการผ่าตัด
การส่งผู้ปุวยไปห้องผ่าตัดให้ผู้ปุวยนอนบนรถนอน(Stretcher) ห่มผ้าให้เรียบร้อยยกไม้กั้นเตียงขึ้นเจ้าหน้าที่ที่เข็นรถนอนต้องเข็นรถด้วยความนุ่มนวล
การดูแลครอบครัวผู้ปุวยพยาบาลต้องแจ้งให้ครอบครัวทราบถึงเวลาที่ผู้ปุวยจะเข้าห้องผ่าตัดควรให้ญาติมาดูแลให้กำลังผู้ปุวยคอยรับผู้ปุวยเมื่อออกจากห้องผ่าตัด
การเตรียมผ่าตัดผู้ปุวยฉุกเฉินในรายที่ต้องผ่าตัดฉุกเฉินจากสาเหตุใดก็ตาม
ให้ผู้ปุวยหรือญาติที่มีสิทธิทางกฎหมายเซ็นใบยินยอมผ่าตัด
เจาะเลือดเพื่อส่งตรวจCBC และ Blood group ทันทีให้สารน้ าทางหลอดเลือดดำใส่สายยางทางจมูกเข้าไปในกระเพาะอาหารตามแผนการรักษา
สังเกตสภาพร่างกายทั่วไปอาการและสัญญาณชีพถ้าผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์ทราบ
การประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการซักประวัติ และตรวจร่างกาย
การตรวจร่างกาย เป็นการประเมินผู้ปุวยเพิ่มเติมจากการซักประวัติ
การตรวจประเมินทางระบบหายใจ
การชั่งน้ าหนัก วัดส่วนสูง
การตรวจร่างกายตามระบบ โดยเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรคหรือบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
สัญญาณชีพ
การซักประวัติ โดยการสอบถามข้อมูลจากผู้ปุวยและญาติ รวมถึงการทบทวนแฟูมประวัติของผู้ปุวย
ประวัติการผ่าตัด
ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร
ประวัติโรคประจำตัว
การใช้ยา สารเสพติด การสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
ประวัติเกี่ยวกับโรคของระบบต่างๆ ของร่างกาย
ประวัติของคนในครอบครัวหรือญาติที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้รับยาระงับความรู้สึก
การพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัด
การประเมินสภาพผู้ป่วย
แบบแผนการขับถ่าย ควรประเมินในเรื่องต่อไปนี้
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงในแบบแผนการขับถ่ายปัจจุบัน เช่น ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกหลังผ่าตัด
การทำงานของไต เช่น การประเมินภาวะไม่สมดุลสารน้ำและเกลือแร่ จากการเสียหน้าที่ของไต การมีของเสียคั่ง
ประวัติการเสียเลือด สารน้ าทางปัสสาวะ การขับถ่ายที่ปกติก่อนและหลังผ่าตัด
แบบแผนการรับรู้และการดูแลสุขภาพ ได้แก่ ประเมินความรู้ความเข้าใจ และการยอมรับในการผ่าตัดที่เกิดขึ้น
แบบแผนอาหารและการเผาผลาญ การประเมินที่สำคัญได้แก่ประวัติการได้รับและสูญเสียสารน้ำและเกลือแร่ ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดจนถึงหลังผ่าตัด ชนิดและปริมาณของสารน้ำที่ได้รับและออกจากร่างกาย
แบบแผนการปรับตัวและการเผชิญกับความเครียด ประเมินการรับรู้ และวิธีการเปลี่ยนแปลงความเครียด สังเกตพฤติกรรมตอบสนองต่อความเครียด
แบบแผนกิจกรรมและการออกกำลังกาย
ประวัติโรคหัวใจ โรคปอด เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่มีก่อนผ่าตัด
การเปลี่ยนแปลงสัญญาณชีพ
กิจกรรมการพยาบาลหลังผ่าตัด
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ปุวย เพื่อลดอาการท้องอืด
ในรายที่ไม่มีปัญหาในการรับประทานอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด ควรดูแลให้รับประทานอาหารทางปาก ส่วนในรายที่ผาตัดในช่องท้องท าให้ล าไส้หยุดท างานชั่วคราวแพทย์จะพิจารณาให้รับประทานอาหารทางปากเมื่อล าไส้มีการเคลื่อนไหว
สังเกตและบันทึกอาการเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ถึงการย่อยและดูดซึมอาหารผิดปกติ เพื่อปรับเปลี่ยนชนิดและวิธีการให้อาหาร ความถี่ ปริมาณ และความเข้มข้นของสูตรอาหารตามความเหมาะสม
กระตุ้นให้ผู้ปุวยลุกออกจากเตียง หรือจัดท่านอนศีรษะสูงเพื่อลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายและความปลอดภัยของผู้ปุวย
ดูแลความสุขสบายทั่วไป
การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลเกี่ยวกับความสะอาดของร่างกายทั่วไป โดยเฉพาะช่องปาก อวัยวะสืบพันธุ์ และระบบขับถ่าย
ดูแลความปลอดภัยในรายที่ยังไม่ฟื้นจากยาสลบ หรือระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง ควรยกราวกั้นเตียงผู้ปุวยขึ้นก่อนออกจากเตียงผู้ปุวย
การพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด โดยพยาบาลประเมินความเจ็บปวดของผู้ปุวยโดยใช้ Pain scaleดูและให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา ดูแลจัดท่าที่เหมาะสมเพื่อลดการดึงรั้งของแผลผ่าตัด
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
สังเกตลักษณะแผลที่ผิดปกติ โดยเฉพาะแผลมีการติดเชื้อ
สอนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผล และวิธีการส่งเสริมการหายของแผล
สังเกตและประเมินปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการหายของแผล
ทำความสะอาดแผลด้วยหลักปราศจากเชื้อ เพื่อปูองกันการติดเชื้อของแผลซึ่งจะทำให้แผลหายช้า
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจและไหลเวียน
ดูแลให้ได้รับสารน้ำ เลือด หรือพลาสมาทดแทนทางหลอดเลือดดำ ตามแผนการรักษา และติดตามอาการของผู้ปุวยอย่างต่อเนื่อง
ควรให้ผู้ปุวยนอนพักนิ่งๆ ในบริเวณที่มีเลือดออกมากๆ เพื่อลดการเคลื่อนไหวซึ่งจะมีผลทำให้เลือดออกมากขึ้น
สังเกตลักษณะบาดแผลและปริมาณสิ่งคัดหลั่งต่างๆ รวมถึงประเมินการสูญเสียสารน้ำที่เกิดขึ้นหากพบความผิดปกติให้รายงานแพทย์
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำ เป็นให้พร้อมในรายที่มีภาวะช็อก เช่น อุปกรณ์ดูดเสมหะ
ตรวจวัดสัญญาณชีพทึก 15นาที 4ครั้ง ทุก 30นาที 4 ครั้ง และทุก 1ชั่วโมงจนสัญญาณชีพสม่ าเสมอ
สังเกต บันทึก และติดตามผลการตรวจคลื่นหัวใจโดยเฉพาะในรายที่มีการเต้นหัวใจผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจตายหลังผ่าตัด
ดูแลให้ผู้ปุวยได้รับการพักผ่อนทั้งร่างกาย และจิตใจ จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ
การให้คำแนะนำก่อนกลับบ้านสำหรับผู้ปุวยหลังผ่าตัด
การดูแลความสะอาดของร่างกาย
การมาตรวจตามแพทย์นัด
การเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดหลังผ่าตัด
การส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ปุวย อาหารที่ควรรับประทานหรือควรงด การรับประทานยา การสังเกตอาการข้างเคียงของยาที่ได้รับ
เรื่องการดูแลแผล การสังเกตอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายใจให้โล่ง
สังเกตการหายใจของผู้ปุวย
กระตุ้นให้ผู้ปุวยหายใจเข้าออกลึกๆ และไออย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดท่านอน ให้นอนราบไม่หนุนหมอน ตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งปูองกันลิ้นตก และการส าลักอาเจียน
ปลี่ยนท่านอนหรือพลิกตะแคงตัวบ่อยๆ ในรายที่ไม่รู้สึกตัวควรพลิกตะแคงให้ทุก 1-2 ชั่วโมง และในรายที่รู้สึกตัวดีควรจัดให้นอนในท่าศีรษะสูง
กระตุ้นให้ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง
สังเกตอาการบ่งชี้ภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น สัญญาณชีพ รวมถึงค่าออกซิเจนในเลือด
ถ้าผู้ปุวยมีอาการผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์และให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
จะสอดคล้องกับข้อมูลสนับสนุนที่รวบรวมได้จากการประเมินสภาพผู้ปุวย เช่น วิตกกังวลเนื่องจากกลัวการผ่าตัด
การวางแผนการพยาบาล ให้การพยาบาลและประเมินผลหลังให้การพยาบาล
เปิดโอกาสให้ผู้ปุวยระบายความรู้สึก และค้นหาสาเหตุของความวิตกกังวล
ร่วมกันหาทางแก้ไขสาเหตุของความวิตกกังวลร่วมกับผู้ปุวยและญาติ
ประเมินระดับความวิตกกังวล
ดูแลความสุขสบายทั่วไป
จัดหมวดหมู่กิจกรรมการพยาบาลเพื่อลดการรบกวนผู้ปุวยและให้ผู้ปุวยได้พัก
รายงานแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ
การประเมินสภาพผู้ป่วย
รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อนำไปสู่การวางแผนการพยาบาล
การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย
การเคลื่อนไหวร่างกาย
ปูองกันไม่ให้เกิดอันตราย หรือมีความพิการของกระดูกและกล้ามเนื้อ
ลดการเมื่อยล้าหรือการใช้พลังงานมากเกินไป
ส่งเสริมและสนับสนุนการท างานของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ
ผลกระทบจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
ระบบทางเดินหายใจ
ปอดขยายตัวลดลง เนื่องจากการนอนหงายท าให้แรงกดด้านหน้า ด้านล่างจากน้ าหนักของทรวงอกที่กดลงบนที่นอนและอวัยวะในช่องท้อง
มีการคั่งของเสมหะมากขึ้น เนื่องจากการพัดโบกของ Cilia เพื่อพัดเสมหะจากทางเดินอากาศส่วนล่างสู่ส่วนบนลดลง
ระบบทางเดินอาหาร
มีผลต่อการขับถ่าย ทำให้ท้องผูกเนื่องจากการบีบตัวของล าไส้ลดลงจากการหลั่งAdrenaline ลดลง
มีผลต่อการรับประทานอาหาร ทำให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย กังวลใจจากการนอนเฉยๆ และโรคที่ เป็นอยู่
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
มีการคั่งของเลือดในหลอดเลือดดำที่ข
เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
หัวใจทำงานมากขึ้น
ความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่า
ระบบทางเดินปัสสาวะ
มีการคั่งของปัสสาวะในไตและกระเพาะปัสสาวะ
การถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติในระยะแรกๆ เนื่องจากการนอนนาน ๆ ทำให้เลือดไหลกลับสู่ หัวใจมากขึ้น Cardiac output เพิ่มขึ้น
เกิดนิ่วในไตและกระเพาะปัสสาวะ
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
การประสานงานของกล้ามเนื้อแขนขาลดลงหรือไม่สัมพันธ์กัน
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลีบเล็ก การที่ใยกล้ามเนื้อไม่มีการหดหรือหดตัว
กระดูกผุ เปราะบาง พบบ่อยที่กระดูกขา ตัวกระดูกสันหลัง และกระดูกเท้า
อาการปวดหลัง เกิดการท่านอนที่ไม่ถูกต้อง
ระบบเมตาบอลิซึมและการเผาผลาญอาหาร
มีระดับโปรตีนในกระแสเลือดลดต่ำลง
มีความผิดปกติด้านอัตมโนทัศน์และภาพลักษณ์
การเผาผลาญอาหารลดลง
ระบบผิวหนังผิวหนังเสียหน้าที่ทำให้เกิดแผลกดทับ พบในผู้ปุวยสูงอายุ
เซลล์ตายและลุกลามกลายเป็นแผล
แรงดึงรั้งเกิดจากแรงกดทับและการเสียดทานที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
เกิดแรงกดทับ ระหว่างปุุมกระดูกกับที่นอนที่รองรับในการนอนในท่าต่าง ๆ ทำให้เซลล์ขาดออกซิเจน
การออกกำลังกาย
ารออกก าลังกายชนิดที่ให้ผู้ปุวยทำร่วมกับความช่วยเหลือของผู้อื่น วิธีนี้ให้ผลดีกว่าวิธีที่ให้ผู้อื่นทำให้ผู้ป่วย เพราะเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมีการทำงานร่วมด้วย
การออกกำลังกายโดยให้กล้ามเนื้อทำงานแต่ข้อไม่เคลื่อน เพื่อเพิ่มความตึงตัวและแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ปูองกันกล้ามเนื้อลีบ โดยให้ผู้ปุวยเกร็งกล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อมีการหดรัดตัวชั่วระยะหนึ่ง ประมาณ 6วินาทีแล้วจึงผ่อนคลาย
การออกกำลังกายชนิดให้ผู้ปุวยทำเองผู้ปุวยจะเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยตนเอง เช่น การท ากิจวัตรประจ าวันด้วยตนเอง การให้ผู้ปุวยยกแขน ขา ขณะนอนอยู่บนเตียง
การออกกำลังกายให้ผู้ปุวยออกแรงต้านกับแรงอื่น เป็นการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ให้ผู้ปุวยออกแรงต้าน วิธีนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
การออกกำลังกายโดยให้ผู้อื่นทำให้ผู้ปุวย เป็นการออกกำลังกายโดยการเคลื่อนไหวข้อต่างๆ ให้กับผู้ปุวยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายด้วยตนเองได้หรือมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
การประเมินผู้ป่วยก่อนการเคลื่อนย้าย พยาบาลควรประเมินดังนี้
ความมั่นคงในการคงท่าของผู้ป่วย
ส่วนที่จ าเป็นต้องให้อยู่นิ่งๆ
ส่วนที่อ่อนแรงหรือพิการ
ผู้ปุวยอ่อนเพลียมากน้อยแค่ไหน
ท่าที่เป็นข้อห้ามของผู้ปุวย
ความต้องการการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนท่าและความสุขสบายของผู้ป่วย
ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
วิธีการเคลื่อนย้ายผู้ปุวย ปฏิบัติดังนี้
พยาบาลยืนในท่าที่ถูกต้องมั่นคงและใช้หลักการของกลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย
พยุงผู้ปุวยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง โดยใช้วิธีสอดมือเข้าไปในตำแหน่งของร่างกายที่จะยกเพื่อรองรับน้ำหนักร่างกายส่วนนั้น
น าหมอนหนุนศีรษะของผู้ปุวยออก วางหมอนที่พนักหัวเตียง อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นเอาออกจากเตียง
แจ้งให้ผู้ปุวยทราบและบอกวิธีการให้ความร่วมมือถ้าทำได้
หลักการเคลื่อนย้ายผู้ปุ่วย
หลังตรง ปูองกันการปวดหลัง
ย่อเข่าและสะโพก
ยืนแยกเท้าทั้งข้างห่างกันพอสมควร และเฉียงปลายเท้าไปตามทิศทางที่ต้องการเคลื่อนย้าย
หาวิธีที่เหมาะสมเพื่อผ่อนแรงในการยกหรือเคลื่อนย้ายผู้ปุ่วย
ควรยืนในท่าที่ถูกต้องและมั่นคง
ผู้ปุวยควรอยู่ใกล้พยาบาลมากที่สุด
หันหน้าเข้าหาผู้ปุวยและไปในทิศทางที่จะเคลื่อนย้าย
ยกตัวผู้ปุวยให้พ้นจากที่นอนเล็กน้อยเพื่อลดแรงเสียดทาน
ควรจัดท่าผู้ปุวยให้นอนหงายราบอยู่ในท่าที่สบาย
ใช้ผ้าขวางเตียงช่วยในการเคลื่อนย้ายผู้ปุวยแทนการเลื่อนผู้ป่วย
ห้สัญญาณเพื่อความพร้อมเพรียง
ผู้ปุวยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรหาผู้ช่วยเหลือตั้งแต่ 2คนขึ้นไปและให้สัญญาณขณะยก หรือใช้อุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงมาใช้เมื่อจำเป็น
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
การออกกำลังกายเพื่อเตรียมผู้ป่วยเดิน
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
การช่วยเหลือผู้ป่วยเคลื่อนไหวบนเตียง
ปฏิบัติการพยาบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ปุวยบนเตียง
การเตรียมตัวพยาบาลพยาบาลควรยืนในท่าที่ถูกต้องพยุงผู้ปุวยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง ขณะยกตัวหรือเลื่อนตัวผู้ปุวยให้ใช้วิธีสอดมือเข้าใต้ตำแหน่งร่างกายส่วนที่จะยก เพื่อรองรับน้ าหนักร่างกายส่วนนั้น
การจัดท่าผู้ปุวย มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ปุวยเกิดความสุขสบายขณะนอนพักบนเตียงหรือเตรียมท าหัตถการ และปูองกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากท่านอนที่ไม่ถูกต้อง
การเตรียมผู้ปุวยให้เอาหมอนหนุนศีรษะของผู้ปุวยออก วางหมอนไว้ที่พนักหัวเตียงปรับระดับเตียงให้อยู่ในแนวราบพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยของผู้ปุวย
การประเมินผู้ป่วย พยาบาลจะให้การช่วยเหลือผู้ปุวยนั้นควรทราบข้อมูลต่างๆ ของผู้ป่วย
ท่าที่เหมาะสมและระยะเวลาที่ผู้ปุวยจะคงอยู่ในท่าที่เปลี่ยนให้ใหม่
ความยากลำบากและไม่สุขสบายในขณะเปลี่ยนท่าหรือเมื่ออยู่ในท่าที่จัดให้
ความสามารถของผู้ปุวยในการช่วยเหลือตนเอง
ปัญหาอื่นๆ ที่พบในผู้ปุวย เช่น ความผิดปกติเกี่ยวกับผิวหนัง กระดูก
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
ประโยชน์ของอุปกรณ์ช่วยเดิน
ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ าหนักแทนขา 1 หรือ 2ข้าง เมื่อมีข้อห้ามหรือมีการอ่อนแรงจนขาไม่สามารถรับน้ าหนักได้ (Non –weight bearing)
เพิ่มการพยุงตัว (Support) เพื่อให้สามารถทรงตัวได้ (Balance)
ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ าหนักแทนขา 1 หรือ 2ข้าง เมื่อมีข้อห้ามในการรับน้ าหนักเต็มทั้งขา (Partial weight bearing) ข้างนั้น
การเตรียมผู้ปุวยก่อนการฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
การฝึกในท่าตั้งตรง (Upright) บนเตียงหรือเบาะ เช่น การฝึกการทรงตัวในท่านั่ง
การฝึกในราวคู่ขนาน เช่น ฝึกยืน ฝึกทรงตัว ฝึกท่าทางการเดิน
การฝึกความแข็งแรง (Strength) ความทนทาน(Endurance) และการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ(Co –ordination) ที่ใช้ในการเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
ชนิดของอุปกรณ์ช่วยเดิน
Walker หรือ Pick –up frames มีหลายชนิดเช่นStandard walker หมาะส าหรับผู้ปุวยที่มีอายุมากและการทรงตัวไม่ดีนัก
Cane มีหลายชนิด เช่น Walk cane มักใช้กับผู้สูงอายุ หรือในผู้ปุวยอัมพาตครึ่งซีก
Parallel bar = ราวคู่ขนานราวเดินเป็นเครื่องช่วยเดินที่ให้ความมั่นคงที่สุด
Crutches ( ไม้ยันรักแร้ , ไม้ค้ ายัน ) มีหลายชนิด เช่น Auxiliary crutches ใช้ได้กับผู้ปุวยที่ค่อนข้างแข็งแรง หรือมีการทรงตัวดี
การลงน้ำหนักที่ขาเวลาเดิน
Fullweight bearing (FWB) หมายถึง เดินโดยขาข้างที่เจ็บลงน้ำหนักได้เต็มที่ ระดับการลงน้ าหนัก 100%
Weight bearing as tolerated (WB AS Tol.) หมายถึง เดินโดยขาข้างที่เจ็บลงน้ำหนักเท่าที่ทนไหวเท่าที่ทนได้
Partial weight bearing (PWB) หมายถึง เดินโดยลงน้ำหนักข้างที่เจ็บได้บางส่วน ระดับการลงน้ าหนัก 20-50%
Toe touch weight bearing (TTWB) หมายถึง เดินโดยเอาปลายเท้าข้างที่เจ็บแตะพื้นUp to ระดับการลงน้ าหนัก 20%
Non weight bearing (NWB) หมายถึง ไม่ลงน้ำหนักของขาข้างที่เจ็บ ระดับการลงน้ าหนัก 0%
รูปแบบการเดิน
Three –point gait
Swing –to gait
Two –point gait
Swing –through
Four –point gait
วิธีการฝึกผู้ปุวยใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
ไม้เท้า
Platform crutchประกอบด้วยแกนอลูมิเนียม ยาวขึ้นจนถึงระดับข้อศอก และมีแผ่นรองรับท่อนแขนส่วนปลาย
ไม้ค้ำยันรักแร้
Lofstrand crutchประกอบด้วยแกนอลูมิเนียม และมีด้ามมือจับ รวมทั้งห่วงคล้องรอบช่วงต้นของท่อนแขนส่วนปลาย
ไม้เท้า3 ขา