Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่5 การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัดการเคลื่อนไหวและการออกก…
บทที่5
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัดการเคลื่อนไหวและการออกก าลังกาย
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การซักประวัติ
ประวัติการผ่าตัด และการได้รับยาระงับความรู้สึกก่อนหน้านี้
ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร
ประวัติโรคประจำตัว
การใช้ยา สารเสพติด การสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
ประวัติเกี่ยวกับโรคของระบบต่างๆ ของร่างกาย
โรคความดันโลหิตสูง
โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ
โรคลมชัก
โรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
ประวัติของคนในครอบครัวหรือญาติที่มีปัญหาเกี่ยวกับการได้รับยาระงับความรู้สึก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรคทางพันธุกรรมที่มีผลต่อการได้รับยาระงับความรู้สึก
การตรวจร่างกาย
สัญญาณชีพ
การตรวจประเมินทางระบบหายใจ
การชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง
การตรวจร่างกายตามระบบ โดยเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรคหรือบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ข้อบ่งชี้ของการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษอื่นๆ
Electrolytes
BUN/Creatinine
Urinalysis
Blood sugar
Complete blood count
Liver function tests
Chest X-ray
Coagulogram
ECG
ข้อแนะนำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ (Screening tests)
การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การเตรียมผู้ป่วย
ด้านจิตใจ
ผู้ปุวยที่ได้รับการผ่าตัดควรได้รับการเตรียมทางจิตใจทุกคนโดยการเยี่ยมผู้ป่วยก่อนผ่าตัดประเมินความวิตกกังวลก่อนผ่าตัด
การให้คำแนะนำการปฏิบัติหลังผ่าตัด
Early ambulation ยกเว้นมีข้อห้ามหรือการผ่าตัดบางอย่างที่ต้องให้ผู้ป่วยAbsolute bed rest
Quadriceps Setting Exercise (QSE) เป็นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อต้นขา (Quadriceps muscle)
Straight Leg Raising Exercise (SLRE)เป็นการออกกำลังขา ข้อสะโพก และกล้ามเนื้อต้นขาแบบยกขาขึ้นตรงๆ
Range of Motion (ROM)เป็นการออกกำลังข้อโดยมีการเคลื่อนไหวในทุกทิศทางปกติของข้อต่าง ๆ
Deep-breathing exercisesโดยจัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านอนหงายศีรษะสูงวางมือทั้ง2 ข้างบนหน้าอกส่วนล่างแล้วให้กำมือหลวมๆให้นิ้วมือสัมผัสกับหน้าอก
Effective cough โดยจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท่านั่งเอนไปข้างหน้าเล็กน้อยให้ผู้ปุวยประสานมือทั้ง2 ข้างและกดเบาๆเหนือบริเวณที่คิดว่าจะมีแผลผ่าตัด
Abdominal breathingในบางรายที่มีอาการปวดแผลหรือรับการผ่าตัดบริเวณทรวงอกให้หายใจเข้าออกโดยใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องแทนทรวงอก
Turning and ambulationควรทำทุก 2 ช.ม. เช่นพลิกตัวไปทางขวา ให้ขยับตัวไปทางซ้าย ใช้มือซ้ายจับราวกั้นเตียงซ้าย แล้วพลิกมาทางขวา การลุกนั่งให้ผู้ช่วยเหลือไขหัวเตียงขึ้น ประมาณ 45-60 องศา
Extremity exerciseให้ผู้ป่วยนอนในท่าหัวสูงเล็กน้อยหรือนอนในท่าที่สบาย ทำการออกก าลังแขนหรือขาทีละข้างโดยเฉพาะการเหยียดออกและงอเข้าของทุกข้อ ยกเว้นในรายที่มีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหวหลังผ่าตัด เช่น การผ่าตัดหลอดเลือดที่ขา
Pain managementหลังผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการระงับความเจ็บปวดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งได้แก่ การได้รับยาแก้ปวดทางหลอดเลือดดำ พยาบาลควรสอนที่ช่วยในการระงับความเจ็บปวดควบคู่กันไป เช่น การใช้หมอนหรือฝุามือทั้งสองข้างในการพยุงแผลขณะไอ เพื่อลดการกระทบกระเทือนของแผล
ด้านร่างกาย
ระบบทางเดินหายใจต้องประเมินสภาวะของปอดและหลอดลมดูการทำงานของระบบทางเดินหายใจ
ระบบทางเดินปัสสาวะต้องประเมินสภาวะของไต
ระบบหัวใจและหลอดเลือดต้องประเมินความสามารถในการทำงานของหัวใจและหลอดเลือดเพื่อดูว่าร่างกายสามารถทนต่อการผ่าตัดได้หรือไม่
ประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายในการได้รับอาหารที่พอเหมาะการได้รับอาหารที่ดีมีประโยชน์ที่เพียงพอและถูกส่วน
ภาวะสารน้ำและอีเล็คโทรลัยต์ในร่างกาย
การพักผ่อนและการออกก าลังกาย
ให้คำแนะนำและข้อมูลต่างๆที่ผู้ป่วยควรทราบเพื่อลดความวิตกกังวล
การเตรียมผู้ป่วยก่อนวันที่ผ่าตัด
การขับถ่ายถ้าเป็นการผ่าตัดเล็กหรือการผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวข้องกับอวัยวะในช่องท้องแพทย์อาจให้สวนอุจจาระหรือไม่ก็ได้หรือให้รับประทานยาระบายก่อนวันผ่าตัด
การเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัด การเตรียมบริเวณที่จะผ่าตัดต้องเตรียมให้กว้างกว่าบริเวณที่จะผ่าตัดจริงกำจัดขนและสิ่งสกปรกต่างๆถ้าผิวหนังบริเวณที่จะผ่าตัดมีเม็ดผื่นหรือมีการติดเชื้อเกิดขึ้นแพทย์อาจต้องเลื่อนการผ่าตัดออกไปจนเชื้อหาย
อาหารและน้ำดื่มควรงดอาหารผู้ป่วยก่อนผ่าตัดอย่างน้อย8 ชั่วโมงสำหรับอาหารเหลวใสให้ได้6 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด
ขั้นตอนการเตรียมผิวหนัง
บอกให้ผู้ปุวยทราบ กั้นม่านดูให้มีแสงสว่างเพียงพอ
ปูผ้ายางรองกันเปื้อนบริเวณที่จะเตรียมผ่าตัด
เตรียมเครื่องใช้
ถ้าบริเวณที่เตรียมสกปรกมากให้เช็ดด้วยเบนซินแล้วฟอกด้วยสบู่ ถ้าไม่สกปรกให้ฟอกด้วยน้ าสบู่ธรรมดาล้างบริเวณนั้นด้วยน้ าให้สะอาด
โกนขนหรือผม ถ้าขนหรือผมนั้นยาวใช้กรรไกรตัดให้สั้นก่อนใช้ก๊อสชุบสบู่หรือ Hibiscrub ชโลมให้ทั่วเพื่อทำให้ขนหรือผมบริเวณนั้นนุ่มจะได้โกนได้ง่ายขึ้น
เมื่อโกนเสร็จใช้สบู่และน้ำล้างบริเวณนั้นให้สะอาด เช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
การเตรียมเฉพาะที่อื่นๆได้แก่ บริเวณช่องคลอด นอกจากต้องโกนขนและทำความสะอาดผิวหนังแล้ว อาจต้องสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาระงับเชื้อบริเวณทวารหนัก ลำไส้ใหญ่อาจต้องสวนอุจจาระจนกระทั่งน้ำที่ออกมาใส
เก็บผมหรือขนใบมีดโกนที่ใช้แล้วห่อใส่กระดาษให้เรียบร้อย แยกใบมีดโกนออก แล้วทิ้งใบมีดโกนลงในภาชนะที่สำหรับทิ้งของมีคม ทำความสะอาดเครื่องใช้และเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
การดูแลสภาพร่างกายทั่วไป
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆที่พิเศษเช่น สายใส่จมูกถึงกระเพาะอาหาร
แผ่นบันทึกรายงานต่างๆต้องบันทึกให้ครบและรวบรวมให้เรียบร้อยเพื่อส่งเข้าห้องผ่าตัดอธิบายและให้ผู้ป่วยเซ็นใบยินยอมให้แพทย์ทำการผ่าตัดกรณีผู้ป่วยยังไม่บรรลุนิติภาวะให้ผู้ปกครองที่มีอำนาจตามกฎหมายเป็นผู้เซ็นแทน
การให้ยาแก่ผู้ปุวยก่อนผ่าตัด
การส่งผู้ป่วยไปห้องผ่าตัดให้ผู้ป่วยนอนบนรถนอน(Stretcher) ห่มผ้าให้เรียบร้อยยกไม้กั้นเตียงขึ้นเจ้าหน้าที่ที่เข็นรถนอนต้องเข็นรถด้วยความนุ่มนวลระมัดระวังอย่าเข็นเร็วเกินไปควรมีพยาบาลตามไปส่งที่ห้องผ่าตัดด้วย
ในเช้าวันที่จะผ่าตัด
ให้ผู้ป่วยทำความสะอาดร่างกาย เปลี่ยนชุดสำหรับใส่เพื่อผ่าตัดและหวีผมเก็บผมให้เรียบร้อย แล้วนอนพักอยู่บนเตียงตลอดเวลาจนกว่าจะไปห้องผ่าตัด
สังเกตภาวะทางอารมณ์ของผู้ป่วยความกลัวการผ่าตัด เช่น กระวนกระวายนอนไม่หลับเป็นต้น
สังเกตสภาพร่างกายทั่วไปวัดและบันทึกสัญญาณชีพ อาการของผู้ป่วยลงในใบแบบฟอร์มผ่าตัดและใบแบบฟอร์มบันทึกทางการพยาบาลถ้าผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์ทราบ
การดูแลครอบครัวผู้ป่วยพยาบาลต้องแจ้งให้ครอบครัวทราบ ถึงเวลาที่ผู้ป่วยจะเข้าห้องผ่าตัด ควรให้ญาติมาดูแลให้กำลังใจผู้ปุวย
ในคืนก่อนวันผ่าตัด
ของปลอม ของมีค่าต่างๆ ถอดเก็บไว้ให้ญาติดูแลรักษา
สื่อไฟฟูาต่างๆเช่น กิ๊บที่ทำด้วยโลหะ ที่คาดผมที่ทำด้วยโลหะ เป็นต้น ให้ถอดออก
ให้ผู้ป่วยทำความสะอาดปากฟันถ้ามีฟันปลอมให้ถอดฟันปลอมออก
ไม่ให้ผู้ป่วยแต่งหน้า ทาปาก ทาเล็บ เพราะบริเวณเหล่านี้จะเป็นที่สังเกตอาการเขียวคล้ำ
การเตรียมผ่าตัดผู้ปุวยฉุกเฉิน
เจาะเลือดเพื่อส่งตรวจCBC และ Blood group ทันที
ให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทำความสะอาดและเตรียมผิวหนังบริเวณที่จะผ่าตัดให้เรียบร้อย ถอดฟันปลอม อวัยวะปลอมต่างๆ ของมีค่า ล้างสีเล็บออกให้หมด
ให้ผู้ป่วยหรือญาติที่มีสิทธิทางกฎหมายเซ็นใบยินยอมผ่าตัด
สังเกตสภาพร่างกายทั่วไปอาการและสัญญาณชีพถ้าผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์ทราบ
ถ้าผู้ป่วยไม่มีญาติมาด้วย พยาบาลต้องถามหรือหาที่อยู่ของครอบครัวเบอร์โทรศัพท์ ของครอบครัวและรีบแจ้งให้ครอบครัวทราบโดยเร็วที่สุด
วัดและบันทึกอาการสัญญาณชีพ รวมทั้งการให้ยาก่อนผ่าตัดลงในใบแบบฟอร์มก่อนผ่าตัดและใบแบบฟอร์มบันทึกทางการพยาบาลให้เรียบร้อย
การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกา
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายชนิดให้ผู้ปุวยท าเอง (Active or Isotonic Exercise)
การออกก าลังกายโดยให้ผู้อื่นท าให้ผู้ปุวย (Passive exercise)
การออกกำลังกายชนิดที่ให้ผู้ปุวยทำร่วมกับความช่วยเหลือของผู้อื่น (Active assistive exercise)
การออกกำลังกายโดยให้กล้ามเนื้อทำงานแต่ข้อไม่เคลื่อน (Isometric or Static exercise)
การออกกำลังกายให้ผู้ป่วยออกแรงต้านกับแรงอื่น (Resistive exercise)
การเคลื่อนไหวร่างกาย
ปูองกันไม่ให้เกิดอันตราย หรือมีความพิการของกระดูกและกล้ามเนื้อ
ลดการเมื่อยล้าหรือการใช้พลังงานมากเกินไป
ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ
ผลกระทบจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
ระบบผิวหนังผิวหนังเสียหน้าที่ทำให้เกิดแผลกดทับ (Bedsoreor Pressure sore or Decubitusulcer)พบในผู้ปุวยสูงอายุ
เซลล์ตายและลุกลามกลายเป็นแผล
การเสียดทาน (Friction)
เกิดแรงกดทับ (Pressure)
แรงดึงรั้ง (Shearing force)
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
การประสานงานของกล้ามเนื้อแขนขาลดลงหรือไม่สัมพันธ์กัน
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลีบเล็ก (Muscle atrophy) การที่ใยกล้ามเนื้อไม่มีการหดหรือหดตัว
กระดูกผุ เปราะบาง (Osteoporosis)
อาการปวดหลัง (Back pain)
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
มีการคั่งของเลือดในหลอดเลือดดำที่ขา
เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (Thrombus)
หัวใจทำงานมากขึ้น
ความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension)
ระบบทางเดินหายใจ
ปอดขยายตัวลดลง (Decrease lung expansion)
มีการคั่งของเสมหะมากขึ้น
ระบบทางเดินอาหาร
มีผลต่อการรับประทานอาหาร ทำให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย กังวลใจจากการนอนเฉยๆ และโรคที่ เป็นอยู่ความต้องการพลังงานลดลง
มีผลต่อการขับถ่าย ทำให้ท้องผูก (Constipation)
ระบบทางเดินปัสสาวะ
มีการคั่งของปัสสาวะในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Urinary stasis) และกระเพาะปัสสาวะสูญเสียหน้าที่
เกิดนิ่วในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Renal Calculi)
การถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติในระยะแรกๆ (Diuresis)
ระบบเมตาบอลิซึมและการเผาผลาญอาหาร
มีระดับโปรตีนในกระแสเลือดลดต่ำลง (Hypoproteinemia) จากการนอนนาน ทำให้เบื่ออาหารรับประทานอาหารพวกโปรตีนน้อยลง
มีความผิดปกติด้านอัตมโนทัศน์และภาพลักษณ์ (Self concept and Body image)
การเผาผลาญอาหารลดลง
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
วิธีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
นำหมอนหนุนศีรษะของผู้ปุวยออก วางหมอนที่พนักหัวเตียง อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นเอาออกจากเตียง
พยาบาลยืนในท่าที่ถูกต้องมั่นคงและใช้หลักการของกลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย
แจ้งให้ผู้ป่วยทราบและบอกวิธีการให้ความร่วมมือถ้าทำได้
พยุงผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง โดยใช้วิธีสอดมือเข้าไปในตำแหน่งของร่างกายที่จะยกเพื่อรองรับน้ าหนักร่างกายส่วนนั้น
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
การช่วยเหลือผู้ปุวยหัดเดิน
การช่วยเหลือผู้ปุวยหัดเดินโดยพยาบาล 1คน
กรณีใช้เข็มขัดหรือผ้าคาดเอว
ช่วยคงจุดศูนย์ถ่วงหรือใช้มือหนึ่งจับเข็มขัดบริเวณกึ่งกลางเอว อีกมือหนึ่งจับบริเวณต้นแขนของผู้ป่วยก้าวเดินช้า ๆ พร้อมกัน
เมื่อช่วยผู้ป่วยลงจากเตียงแล้ว พยาบาลยืนเยื้องด้านหลังผู้ป่วย ใช้มือ 2ข้างยืดเข็มขัดหรือผ้าคาดเอวเพื่อพยุงผู้ป่วยขณะผู้ป่วยเดิน
กรณีไม่ใช้เข็มขัด
ให้ใช้มือด้านใกล้ตัวจับที่ต้นแขนของผู้ป่วย
มือไกลตัวจับที่ปลายแขนของผู้ป่วย
ถ้าผู้ป่วยเป็นลมให้สอดแขนเข้าใต้รักแร้รับน้ำหนักตัวผู้ป่วยและแยกเท้ากว้าง ดึงตัวผู้ป่วยขึ้นมาข้างตัวพยาบาลโดยใช้ สะโพกรับน้ำหนักตัวผู้ป่วย และค่อยๆ วางตัวผู้ป่วยลงบนพื้น
การช่วยเหลือผู้ปุวยหัดเดินโดยพยาบาล 2คน
ให้พยาบาลยืนข้างผู้ป่วยคนละด้าน
มือพยาบาลข้างใกล้ตัวผู้ป่วยสอดใต้รักแร้ผู้ป่วย อีกข้างหนึ่งจับปลายแขนหรือมือผู้ป่วยข้างเดิม ผู้ป่วยและพยาบาลทั้ง 2 คนเดินพร้อมกัน
การออกกำลังกายเพื่อเตรียมผู้ปุวยเดิน
กางและหุบข้อตะโพก
เหยียดข้อเข่า เหยียดขาพร้อมกับกดข้อเข่าลงกับที่นอน
หมุนข้อตะโพก เหยียดขาทั้งสองข้าง หมุนเข้าหาตัวและหมุนออกจากตัวแล้วให้หมุนขาทั้งสองข้างเข้าหาตัวจนนิ้วหัวแม่เท้าชนกัน
งอข้อเท้า หมุนข้อเท้าเข้าหาตัวและออกจากตัว
ให้ผู้ป่วยงอและเหยียดข้อตะโพก
งอและเหยียดนิ้วเท้า
เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ตะโพกต้นขา
การช่วยเหลือผู้ป่วยเคลื่อนไหวบนเตียง
ปฏิบัติการพยาบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ปุวยบนเตียง
การเตรียมตัวพยาบาลพยาบาลควรยืนในท่าที่ถูกต้องพยุงผู้ปุวยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง
การจัดท่าผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความสุขสบายขณะนอนพักบนเตียงหรือเตรียมทำหัตถการ และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากท่านอนที่ไม่ถูกต้อง
การเตรียมผู้ป่วย ให้เอาหมอนหนุนศีรษะของผู้ป่วยออก วางหมอนไว้ที่พนักหัวเตียงปรับระดับเตียงให้อยู่ในแนวราบพร้อมทั้งดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วย
การประเมินผู้ปุวยก่อนการเคลื่อนย้าย
ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
ท่าที่เป็นข้อห้ามของผู้ป่วย
ส่วนที่อ่อนแรงหรือพิการ
ความมั่นคงในการคงท่าของผู้ป่วย
ส่วนที่จำเป็นต้องให้อยู่นิ่งๆ
ผู้ป่วยอ่อนเพลียมากน้อยแค่ไหน
ความต้องการการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนท่าและความสุขสบายของผู้ป่วย
การประเมินผู้ป่วย
ท่าที่เหมาะสมและระยะเวลาที่ผู้ปุวยจะคงอยู่ในท่าที่เปลี่ยนให้ใหม่
ความยากลำบากและไม่สุขสบายในขณะเปลี่ยนท่าหรือเมื่ออยู่ในท่าที่จัดให้
ความสามารถของผู้ป่วยในการช่วยเหลือตนเอง
ปัญหาอื่นๆ ที่พบในผู้ปุวย เช่น ความผิดปกติเกี่ยวกับผิวหนัง กระดูก หลอดเลือด เป็นต้น
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
ชนิดของอุปกรณ์ช่วยเดิน
Cane มีหลายชนิด เช่น Walk cane , Tripod cane , Quad cane , Standard cane เป็นการเดินด้วยไม้เท้าอันเดียว
Crutches ( ไม้ยันรักแร้ , ไม้ค้ ายัน ) มีหลายชนิด เช่น Auxiliary crutches , Platform crutches ( Forearm bearing crutches ) , Forearm crutch , Gutterที่นิยมใช้ คือ Auxiliary crutches ใช้ได้กับผู้ปุวยที่ค่อนข้างแข็งแรง หรือมีการทรงตัวดี
Walker หรือ Pick –up frames มีหลายชนิดเช่นStandard walker , Rolling walker, Reciprocal walker , Hemi walker นิยมใช้ คือ Standard walkerเป็นอลูมิเนียม หรือแสตนเลส
Parallel bar = ราวคู่ขนานราวเดิน
ประโยชน์ของอุปกรณ์ช่วยเดิน
ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ำหนักแทนขา 1 หรือ 2ข้าง เมื่อมีข้อห้ามหรือมีการอ่อนแรงจนขาไม่สามารถรับน้ าหนักได้ (Non –weight bearing)
เพิ่มการพยุงตัว (Support) เพื่อให้สามารถทรงตัวได้ (Balance)
ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ำหนักแทนขา 1 หรือ 2ข้าง เมื่อมีข้อห้ามในการรับน้ าหนักเต็มทั้งขา (Partial weight bearing) ข้างนั้น
การเตรียมผู้ปุวยก่อนการฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
การฝึกในท่าตั้งตรง (Upright) บนเตียงหรือเบาะ
การฝึกในราวคู่ขนาน
การฝึกความแข็งแรง (Strength) ความทนทาน(Endurance) และการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ(Co –ordination) ที่ใช้ในการเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
การลงน้ำหนักที่ขาเวลาเดิน (Weight BearingStatus)
Partial weight bearing (PWB)
Fullweight bearing (FWB)
Toe touch weight bearing (TTWB)
Weight bearing as tolerated (WB AS Tol.)
Non weight bearing (NWB)
รูปแบบการเดิน (Gait pattern)
Three –point gait
Swing –to gait
Two –point gait
Swing –through gait
Four –point gait
วิธีการฝึกผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ช่วยเดินมีวิธีการวัดขนาดและการสอนเดินโดยอุปกรณ์ช่วยการเดิน
ไม้ค้ ายันรักแร้(Auxiliary crutches)
การวัดขนาด
ในท่านอน
ให้ผู้ป่วยนอนหงาย พักส่วนไหล่ ไม่เกร็ง
วัดความยาวจากAnterior auxiliary fold ถึงส้นเท้า บวก1 นิ้วส าหรับความสูงของรองเท้า
ในท่ายืน
ให้ผู้ป่วยถือ Auxiliary crutches ให้ปลายไม้ห่างจากนิ้วก้อยไปทางด้านข้าง6 นิ้ว ด้านหน้า6 นิ้ว
ปรับระดับความยาวไม้ให้Underarm rest ต่ำกว่าAnterior
การสอนเดิน
4 –Point gait
จังหวะการเดินคือ ไม้ซ้าย ขาขวา ไม้ขวา ขาซ้ายไม้ซ้าย ขาขวา ไม้ขวา ขาซ้าย........
2 –Point gait
จังหวะการเดิน คือ ไม้ซ้าย+ ขาขวา ไม้ขวา+ ขาซ้ายไม้ซ้าย+ ขาขวา ไม้ขวา+ ขาซ้าย....
3 –Point gait
จังหวะการเดิน คือ ไม้2 ข้าง ขาที่มีปัญหา ขาที่ดีไม้2 ข้าง ขาที่มีปัญหา ขาที่ดี........
Swing-to gait
จังหวะการเดินคือ ไม้2 ข้าง–จากนั้นยกและเหวี่ยงตัวไปจนถึงระดับไม้ ใช้ในผู้ป่วยParaplegia ที่ขาไม่มีแรง2 ข้าง แต่มีแรงกล้ามเนื้อล าตัว โดยอาจจะต้องสวมกายอุปกรณ์เสริมขา(KAFO) เวลายืนและเดินด้วย
Swing-through gait
จังหวะการเดิน คือ ไม้2 ข้าง-จากนั้นยกและเหวี่ยงตัวไปจนเลยระดับไม้
การเดินขึ้น–ลงบันได
การเดินขึ้นบันได
จังหวะการเดินคือ: ยกขาข้างที่ดีก้าวขึ้นก่อน–ตามด้วยขาข้างที่มีปัญหา–สุดท้ายคือไม้ค้ ายัน
การเดินลงบันได
จังหวะการเดินคือ: ยกไม้ลงไปก่อน–ตามด้วยขาข้างที่มีปัญหา–สุดท้ายคือขาข้างที่ดี
Lofstrand crutch
การวัดความยาวให้ผู้ป่วยถือLofstrand crutch โดยให้ปลายไม้ห่างจากนิ้วก้อยไปทางด้านข้าง6 นิ้ว จากนั้นเลื่อนปรับระดับไม้
การสอนเดินเดินPoint gait เช่นเดียวกับAxillary crutches แต่เดินSwing gait ไม่ได้ การเดินขึ้นลงบันไดก็เช่นเดียวกับAxillary crutches
Platform crutchประกอบด้วยแกนอลูมิเนียม ยาวขึ้นจนถึงระดับข้อศอก และมีแผ่นรองรับท่อนแขนส่วนปลาย รวมทั้งมีมือจับ(Vertical hand grip) บริเวณส่วนปลายของแผ่นรองรับท่อนแขน และมีVelcro strap รัดรอบท่อนแขนเพื่อยึดติดกับ Crutch มีข้อดี คือ สามารถลงที่ท่อนแขนส่วนปลาย แทนการลงน้ าหนักที่ข้อมือ
ไม้เท้า(Cane)
เป็นอุปกรณ์ช่วยเดินที่ใช้เพียงข้างเดียวเป็นส่วนใหญ่ มีทั้งชนิดขาเดียว และสามขา ให้ความมั่นคงไม่มาก และลดการลงน้ำหนักเฉพาะขาข้างใดข้างหนึ่งได้เพียง20 –25 % จึงใช้ กรณีต้องการช่วยพยุงน้ำหนักบางส่วนหรือลดความเจ็บปวด
การพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัด
กิจกรรมการพยาบาลหลังผ่าตัด
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจและไหลเวียน
ตรวจวัดสัญญาณชีพทึก 15นาที 4ครั้ง ทุก 30นาที 4 ครั้ง และทุก 1ชั่วโมงจนสัญญาณชีพสม่ำเสมอ
สังเกตลักษณะบาดแผลและปริมาณสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ที่ออกจากร่างกายผู้ป่วย
ดูแลให้ได้รับสารน้ำเลือด หรือพลาสมาทดแทนทางหลอดเลือดดำ
ควรให้ผู้ป่วยนอนพักนิ่งๆ ในบริเวณที่มีเลือดออกมากๆ เพื่อลดการเคลื่อนไหว
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นให้พร้อมในรายที่มีภาวะช็อก เช่น อุปกรณ์ดูดเสมหะ อุปกรณ์ให้ออกซิเจน
สังเกต บันทึก และติดตามผลการตรวจคลื่นหัวใจโดยเฉพาะในรายที่มีการเต้นหัวใจผิดปกติ กล้ามเนื้อหัวใจตายหลังผ่าตัด
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนทั้งร่างกาย และจิตใจ จัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบสงบ อยู่เป็นเพื่อน คอยใจกำลังใจ
การพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด
ประเมินความเจ็บปวดของผู้ปุวยโดยใช้ Pain scaleดูและให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายใจให้โล่ง
เปลี่ยนท่านอนหรือพลิกตะแคงตัวบ่อยๆ ในรายที่ไม่รู้สึกตัวควรพลิกตะแคงให้ทุก 1-2 ชั่วโมง และในรายที่รู้สึกตัวดีควรจัดให้นอนในท่าศีรษะสูง (Fowler’s position)
กระตุ้นให้ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง
กระตุ้นให้ผู้ปุวยหายใจเข้าออกลึกๆ และไออย่างมีประสิทธิภาพตามวิธี
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษ
สังเกตการหายใจของผู้ป่วย เช่น การหายใจเร็วตื้นจากการค้างของฤทธิ์ยาสลบ
สังเกตอาการบ่งชี้ภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ
การจัดท่านอน ให้นอนราบไม่หนุนหมอน ตะแคงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งปูองกันลิ้นตก และการส าลักอาเจียน
ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์และให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
กระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกออกจากเตียง หรือจัดท่านอนศีรษะสูงเพื่อลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด
ดูแลให้ได้รับสารอาหารและพลังงานอย่างเพียงพอ
สังเกตและบันทึกอาการเปลี่ยนแปลงที่บ่งชี้ถึงการย่อยและดูดซึมอาหารผิดปกติ
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายและความปลอดภัยของผู้ป่วย
การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลเกี่ยวกับความสะอาดของร่างกายทั่วไป
ดูแลความปลอดภัยในรายที่ยังไม่ฟื้นจากยาสลบ หรือระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง
ดูแลความสุขสบายทั่วไป เช่น การนอนหลับ อาการคลื่นไส้ การปวดถ่ายปัสสาวะ
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
สังเกตลักษณะแผลที่ผิดปกติ โดยเฉพาะแผลมีการติดเชื้อ
ทำความสะอาดแผลด้วยหลักปราศจากเชื้อ
สังเกตและประเมินปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการหายของแผล
สอนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผล และวิธีการส่งเสริมการหายของแผล
การให้คำแนะนำก่อนกลับบ้านสำหรับผู้ปุวยหลังผ่าตัด
การส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ปุวย อาหารที่ควรรับประทานหรือควรงด
การดูแลความสะอาดของร่างกาย
การเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดหลังผ่าตัด
การมาตรวจตามแพทย์นัด
เรื่องการดูแลแผล การสังเกตอาการและอาการแสดงของการติดเชื้อ
การประเมินสภาพผู้ป่วย
แบบแผนอาหารและการเผาผลาญ
ประวัติการได้รับและสูญเสียสารน้ำและเกลือแร่ ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดจนถึงหลังผ่าตัด ชนิดและปริมาณของสารน้ำที่ได้รับและออกจากร่างกาย ภาวะโภชนาการ และปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่ได้รับในแต่ละวัน
แบบแผนการขับถ่าย
ประวัติการเสียเลือด สารน้ำทางปัสสาวะ การขับถ่ายที่ปกติก่อนและหลังผ่าตัด
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงในแบบแผนการขับถ่ายปัจจุบัน
การทำงานของไต เช่น การประเมินภาวะไม่สมดุลสารน้ำและเกลือแร่ จากการเสียหน้าที่ของไต การมีของเสียคั่ง
แบบแผนกิจกรรมและการออกกำลังกาย
ประวัติโรคหัวใจ โรคปอด เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่มีก่อนผ่าตัด
การเปลี่ยนแปลงสัญญาณชีพ
แบบแผนการปรับตัวและการเผชิญกับความเครียด
ประเมินการรับรู้ และวิธีการเปลี่ยนแปลงความเครียด สังเกตพฤติกรรมตอบสนองต่อความเครียด
แบบแผนการรับรู้และการดูแลสุขภาพ
ประเมินความรู้ความเข้าใจ และการยอมรับในการผ่าตัดที่เกิดขึ้น ความร่วมมือในการปฏิบัติการรักษาพยาบาล และการปฏิบัติตนเพื่อส่งเสริม ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของตนเอง
กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
วิตกกังวลเนื่องจากกลัวการผ่าตัด
วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา
การวางแผนการพยาบาล ให้การพยาบาลและประเมินผลหลังให้การพยาบาล
ร่วมกันหาทางแก้ไขสาเหตุของความวิตกกังวลร่วมกับผู้ป่วยและญาติ
ดูแลความสุขสบายทั่วไป
เปิดโอกาสให้ผู้ปุวยระบายความรู้สึก และค้นหาสาเหตุของความวิตกกังวล
จัดหมวดหมู่กิจกรรมการพยาบาลเพื่อลดการรบกวนผู้ป่วยและให้ผู้ป่วยได้พัก
ประเมินระดับความวิตกกังวล
รายงานแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ
การประเมินสภาพผู้ป่วย
รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อนำไปสู่การวางแผนการพยาบาลเช่น การปรับตัวและความทนทานต่อความเครียด ความรู้สึกของผู้ปุวยเมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลความยินยอมที่จะเข้ารับการผ่าตัดความรู้เกี่ยวกับโรคและการผ่าตัด