Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย -…
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด
การเคลื่อนไหวและการออกกำลังกาย
การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
ด้านจิตใจ
ช่วยลดความวิตกกังวล ความกลัวต่างๆ พยาบาลควรทำความเข้าใจ และแก้ไขเกี่ยวกับความเชื่อผิดๆ ควรเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้แสดงความรู้สึกที่กังวลออกมา
การให้คำแนะนำการปฏิบัติหลังผ่าตัด
การฝึกทักษะการปฏิบัติตัวในระยะหลังผ่าตัด เพื่อการพักฟื้นหลังผ่าตัดเร็วขึ้น ช่วยป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน
Early ambulation การลุกจากเตียงโดยเร็ว
Quadriceps Setting Exercise (QSE) การออกกำลังกายกล้ามเนื้อต้นขา
ด้านร่างกาย
ระบบหัวใจและหลอดเลือด ประเมินความสามารถในการทำงานของหัวใจ ว่าสามารถทนต่อการผ่าตัดได้หรือไม่
ภาวะสารน้ำและอีเล็คโทรลัยต์ในร่างกาย
การพักผ่อนและการออกกำลังกาย
ระบบทางเดินหายใจประเมินสภาวะของปอดและหลอดลม
การเตรียมผู้ป่วยก่อนวันผ่าตัด
การขับถ่าย
การผ่าตัดเล็ก หรือการผ่าตัดที่ไม่เกี่ยวกับอวัยวะในช่องท้อง แพทย์อาจสวนอุจจาระหรือไม่ก็ได้ หรือให้ทานยาระบายก่อนวันผ่าตัด
การผ่าตัดใหญ่หรือผ่าตัดเปิดช่องท้อง แพทนย์จะสวนอุจจาระก่อนผ่าตัด สำหรับกระเพาะปัสสาวะควรว่าง
การเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัด
บริเวณศีรษะ มีการโกนผมบริเวณศีรษะออก เช็ดใบหู ทำความสะอาดช่องหู
บริเวณทรวงอก เตรียมด้านหน้าจากคอตอนบนจนถึงระดับสะดือจากแนวยาวของหัวนมด้านข้างที่ไม่ได้ผ่าตัดไปจนถึงกึ่งกลางหลังของข้างที่ทำ
บริเวณท้องต่ำกว่าสะดือ เตรียมบริเวณตั้งแต่ระดับราวนมลงมาถึงต้นขา รวมทั้งบริเวณฝีเย็บ
อาหารและน้ำดื่ม
ควรงดอาหารผู้ป่วยก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
ผู้ป่วยปากแห้ง ให้ผู้ป่วยบ้วนปากบ่อยๆ
การพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัด
กิจกรรมการพยาบาลหลังผ่าตัด
สังเกตการหายใจของผู้ป่วย เช่น การหายใจเร็วตื้นจากการค้างของฤทธิ์ยาสลบ
กระตุ้นให้ผู้ป่วยหายใจเข้าออกลึกๆ และไออย่างมีประสิทธิภาพตามวิธีที่สอนผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การจัดท่านอน ให้นอนราบไม่หนุนหมอน ตะแครงหน้าไปด้านใดด้านหนึ่งป้องกันลิ้นตก และการสำลักอาเจียน อย่างน้อย 6-12 ชั่วโมง
เปลี่ยนท่านอนหรือพลิกตะแครงตัวบ่อยๆ ทุก 1-2 ชั่วโมง ในรายที่รู้สึกตัวดีควรจัดให้นอนในท่าศีรษะสูง นอกจากนี้ควรส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีการลุกนั่งบนเตียงโดยเร็วและลุกขึ้นเดินได้ภายใน 24 ชั่วโมง
ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 15 นที 4 ครั้งทุก 30 นาที 2 ครั้ง และทุก 1 ชั่วโมงจนสัญญาณชีพสม่ำเสมอ
สังเกตลักษณะบาดแผลและปริมาณสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ที่ออกจากร่างกายผู้ป่วย
กระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกออกจากเตียง หรือจัดท่านอนศีรษะสูงเพื่อลดอาการแน่นท้อง ท้องอืด
ดูแลให้ได้รับสารอาหารและพลังงานอย่างเพียงพอ
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
การช่วยเหลือผู้ป่วยเคลื่อนไหวบนเตียง การจัดท่านอน
ท่านอนหงาย (Dorsal or Supine position)จัดท่านอนโดยมีหลังสัมผัสที่นอนหน้าหงายขึ้น ศีรษะ คอ ไหล่ ข้อเท้าพยุงให้ตั้งฉาก 90 องศา ป้องกันการเหยียดของข้อเท้า
ท่านอนตะแคง (Lateralor Slide-lying position) เป็นท่าที่สบายสำหรับผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวตนเองไม่ได้ ท่านี้ช่วยลดการกดทับบริเวณหลัง ข้อต่างๆ
ท่านอนคว่ำ (Prone position) เป็นการจัดท่านอนให้ด้านหน้าท้องแนบกับที่นอนและเอียงหน้าไปข้างใดข้างหนึ่ง งอแขนทั้งสองข้างไปด้านศีรษะขาเหยียดออกและแยกห่างออกจากกันเล็กน้อย ท่านี้ไม่ควรจัดท่านอนให้ผู้ป่วยที่ไม่รู้สึกตัว
การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย
การออกกำลังกายชนิดที่ให้ผู้ป่วยทำร่วมกับความช่วยเหลือของผู้อื่น (Active assistive exercise) วิธีนี้ดีกว่าวิธีอื่น เพราะเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมีการทำงานร่วมด้วย เช่น การพยุงหรือช่วยเหลือผู้ป่วยในการลุก-นั่งข้างเตียง เดินข้างเตียง
การออกกำลังกายโดยให้กล้ามเนื้อทำงานแต่ข้อไม่เคลื่อน (Isometric or Static exercise) เพื่อเพิ่มความตึงตัวและแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ป้องกันกล้ามเนื้อลีบ โดยให้ผู้ป่วยเกร็งกล้ามเนื้อ เพื่อให้กล้ามเนื้อมีการหดรัดตัวชั่วระยะหนึ่ง
การออกกำลังกายโดยให้ผู้อื่นทำให้ผู้ป่วย (Passive exercise) เป็นการออกกำลังกายโดยการเคลื่อนไหวข้อต่างๆ ช่วยให้มีการเคลื่อนไหวและช่วยป้องกันการหดรั้งของกล้ามเนื้อผิดรูป
การออกกำลังกายให้ผู้ป่วยออกแรงต้านกับแรงอื่น (Resistive exercise) เป็นการใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ให้ผู้ป่วยออกแรงต้าน วิธีนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น มีความแข็งแรงและทำงานได้ดี
การออกกำลังกายชนิดให้ผู้ป่วยทำเอง (Active or Isotonic Exercise) ผู้ป่วยเคลื่อนไหวส่วนต่างๆของร่างกายด้วยตนเอง เช่น การทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง การให้ผู้ป่วยยกแขน ขา ขณะนอนอยู่บนเตียง