Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยในระยะก่อน-หลังผ่าตัด
การพยาบาลผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การประเมินผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การซักประวัติ
ประวัติการผ่าตัด
ประวัติการแพ้ยาหรืออาหาร
การใช้ยา สารเสพติด การสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
ประวัติของคนในครอบครัวหรือญาติ
ประวัติโรคประจำตัว
ประวัติเกี่ยวกับโรคของระบบต่างๆ ของร่างกาย
การตรวจร่างกาย
การชั่งน้้ำหนัก วัดส่วนสูง
การตรวจประเมินทางระบบหายใจ
สัญญาณชีพ
การตรวจร่างกายตามระบบ
การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ข้อบ่งชี้ของการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษอื่นๆ
Blood sugar
Liver function tests
BUN/Creatinine
Coagulogram
Electrolytes
Chest X-ray
Urinalysis
ECG
Complete blood count
ข้อแนะนำการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ
อายุ> 45 ปี แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
CBC
CXR
ECG
อายุ> 60 ปี แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
ECG
E’lytes
CXR
BUN/Cr
CBC
BS
อายุ≤ 45 ปี แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว
CBC
ผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัดใหญ่
E’lytes
BUN/Cr
ECG
CXR
BS
CBC
Coag
การเตรียมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การเตรียมผู้ป่วย
ด้านร่างกาย
ประเมินความสมบูรณ์ของร่างกาย
ประเมินสภาวะความสมดุลของสารน้ำ และอีเล็คโทรลัยต์ในร่างกาย
ระบบทางเดินปัสสาวะ
ให้คำแนะนำและข้อมูลต่างๆ
ระบบทางเดินหายใจ
การพักผ่อนและการออกกำลังกาย
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
ด้ายจิตใจ
ประเมินความวิตกกังวลก่อนผ่าตัด
ควรให้ผู้ป่วยได้รับข้อมูลจริง
การเยี่ยมผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
การให้คำแนะนำการปฏิบัติหลังผ่าตัด
Deep-breathing exercises
นอนหงายศีรษะสูง วางมือไว้บนหน้าอกส่วนกลาง หายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ
Effective cough
นั่งเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย ใช้ 2 มือประสานกุมเบาๆบริเวณแผล เผื่อลดอาการปวด เมื่อไอ
Range of Motion (ROM)
การออกกำลังข้อ โดยมีการเคลื่อนไหวในทุกทิศทางปกติของข้อต่าง ๆ
Abdominal breathing
การหายใจโดยใช้กล้ามหน้าท้อง ทำ 8-10 ครั้ง ทุก 2 ชั่วโมง
Straight Leg Raising Exercise (SLRE)
การออกกำลังขา ข้อสะโพกและกล้ามเนื้อต้นขาแบบยกขาขึ้นตรงๆ
Turning and ambulation
การพลิกตัว ควรทำทุก 2 ชั่วโมง
Quadriceps Setting Exercise (QSE)
การออกกำลังกายกล้ามเนื้อต้นขา 4 มัด
Extremity exercise
ให้ผู้ป่วยนอนในท่าหัวสูงเล็กน้อยหรือนอนในท่าที่สบาย ทำการออกกำลังแขนหรือขาทีละข้าง
Early ambulation
การเตรียมตัวเพื่อลุกจากเตียงให้เดินได้ไวขึ้น
Pain management
การได้รับยาแก้ปวดทางหลอดเลือดดำ
การเตรียมผู้ป่วยก่อนวันที่ผ่าตัด
การดูแลสภาพร่างกายทั่วไป
ทำความสะอาดปากและฟัน ชุดเสื้อผ้า
การเตรียมผิวหนังก่อนผ่าตัด
กำจัดขน และสิ่งสกปรกต่างๆ
การดูแลครอบครัวผู้ป่วย
แจ้งให้ครอบครัวทราบถึงเวลาที่ผู้ป่วยจะเข้าห้องผ่าตัด ควรให้ญาติมาดูแล ให้กำลังใจผู้ป่วย
การขับถ่าย
อาจสวนอุจจาระก่อนผ่าตัด หรือให้รับประทานยาระบายก่อนวันผ่าตัด
การส่งผู้ป่วยไปห้องผ่าตัด
ให้ผู้ปุวยนอนบนรถนอน ห่มผ้าให้เรียบร้อย ยกไม้กั้นเตียงขึ้น
แผ่นบันทึกรายงานต่างๆ
ต้องบันทึกให้ครบ
อาหารและน้ำดื่ม
ควรงดอาหารผู้ป่วยก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
สายใส่จมูกถึงกระเพาะอาหาร , ชุดให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เตรียมให้พร้อมเพื่อที่จะใช้หรือนำไปห้องผ่าตัด
การเตรียมผ่าตัดผู้ป่วยฉุกเฉิน
เจาะเลือดเพื่อส่งตรวจ CBC และ Blood group ทันที
ให้ผู้ป่วยถ่ายปัสสาวะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทำความสะอาดและเตรียมผิวหนังบริเวณที่จะผ่าตัดให้เรียบร้อย
ให้ผู้ป่วยหรือญาติที่มีสิทธิทางกฎหมายเซ็นใบยินยอมผ่าตัด
หากผู้ป่วยไม่มีญาติมาด้วย ถามหรือหาที่อยู่ของครอบครัว เบอร์โทรศัพท์ของ ครอบครัว และรีบแจ้งให้ครอบครัวทราบโดยเร็วที่สุด
วัดและบันทึกอาการ
สังเกตสภาพร่างกายทั่วไป
การให้ยาแก่ผู้ป่วยก่อนผ่าตัด
ให้ยาในคืนวันก่อนผ่าตัดเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยคลายความวิตกกังวลและนอนหลับพักผ่อนได้ดี
การพยาบาลผู้ป่วยหลังผ่าตัด
การประเมินสภาพผู้ป่วย
แบบแผนกิจกรรมและการออกกำลังกาย
ประวัติโรคหัวใจ โรคปอด เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่มีก่อนผ่าตัด
การเปลี่ยนแปลงสัญญาณชีพ
แบบแผนอาหารและการเผาผลาญ
ประวัติการได้รับและสูญเสียสารน้ำและเกลือแร่
แบบแผนการขับถ่าย
ลักษณะการเปลี่ยนแปลงในแบบแผนการขับถ่ายปัจจุบัน
การทำงานของไต
ประวัติการเสียเลือด
แบบแผนการรับรู้และการดูแลสุขภาพ
ประเมินความรู้ความเข้าใจ
แบบแผนการปรับตัวและการเผชิญกับความเครียด
ประเมินการรับรู้ และวิธีการเปลี่ยนแปลงความเครียด
กิจกรรมการพยาบาลหลังผ่าตัด
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายใจให้โล่ง
และคงไว้ซึ่งการทำงานระบบหายใจ
เปลี่ยนท่านอนหรือพลิกตะแคงตัวบ่อยๆ
กระตุ้นให้ทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง
กระตุ้นให้ผู้ปุวยหายใจเข้าออกลึกๆ และไออย่างมีประสิทธิภาพ
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา
สังเกตการหายใจของผู้ป่วย
สังเกตอาการบ่งชี้ภาวะแทรกซ้อนทางเดินหายใจ
การจัดท่านอน
ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติให้รีบรายงานแพทย์และให้ออกซิเจนตามแผนการรักษา
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการทำงานของระบบหัวใจและไหลเวียน
ควรให้ผู้ป่วยนอนพักนิ่งๆ ในบริเวณที่มีเลือดออกมากๆ
เตรียมเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นให้พร้อมในรายที่มีภาวะช็อก
ดูแลให้ได้รับสารน้ำ เลือด หรือพลาสมาทดแทนทางหลอดเลือดดำ ตามแผนการรักษา
สังเกต บันทึก และติดตามผลการตรวจคลื่นหัวใจ
สังเกตลักษณะบาดแผลและปริมาณสิ่งคัดหลั่งต่างๆ ที่ออกจากร่างกายผู้ป่วย
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับการพักผ่อนทั้งร่างกาย และจิตใจ
ตรวจวัดสัญญาณชีพทุก 15 นาที 4 ครั้ง , ทุก 30 นาที 2 ครั้ง และทุก 1ชั่วโมงจนสัญญาณชีพสม่ำเสมอ
การพยาบาลเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดจากแผลผ่าตัด
ประเมินความเจ็บปวดของผู้ป่วยโดยใช้ Pain scale
ดูและให้ได้รับยาแก้ปวดตามแผนการรักษา
จัดท่าที่เหมาะสมเพื่อลดการดึงรั้งของแผลผ่าตัด
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
ดูแลให้ได้รับสารอาหารและพลังงานอย่างเพียงพอ
สังเกตและบันทึกอาการเปลี่ยนแปลง
กระตุ้นให้ผู้ป่วยลุกออกจากเตียง
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมความสุขสบายและความปลอดภัยของผู้ป่วย
การดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลเกี่ยวกับความสะอาดของร่างกายทั่วไป
ดูแลความปลอดภัยในรายที่ยังไม่ฟื้นจากยาสลบ หรือระดับความรู้สึกตัวเปลี่ยนแปลง
ดูแลความสุขสบายทั่วไป
การพยาบาลเพื่อส่งเสริมการหายของแผล
สังเกตลักษณะแผลที่ผิดปกติ โดยเฉพาะแผลมีการติดเชื้อ
ทำความสะอาดแผลด้วยหลักปราศจากเชื้อ
สังเกตและประเมินปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการหายของแผล
สอนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลแผล และวิธีการส่งเสริมการหายของแผล
การให้คำแนะนำก่อนกลับบ้านสำหรับผู้ป่วยหลังผ่าตัด
การส่งเสริมภาวะโภชนาการของผู้ป่วย
การดูแลความสะอาดของร่างกาย
การเคลื่อนไหวหรือกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดหลังผ่าตัด
การมาตรวจตามแพทย์นัด
เรื่องการดูแลแผล การสังเกตอาการ และอาการแสดงของการติดเชื้อ
การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย
ความหมาย
การช่วยบุคคลที่ด้อยสมรรถภาพ ทางกายจิตใจ บุคคลที่เจ็บป่วยเรื้อรัง หรือบุคคลที่อยู่ในระยะพักฟื้น
การช่วยเหลือผู้ป่วยเคลื่อนไหวบนเตียง
การประเมินผู้ป่วย
ท่าที่เหมาะสม และระยะเวลาที่ผู้ป่วยจะคงอยู่ในท่าที่เปลี่ยนให้ใหม่
ความยากลำบากและไม่สุขสบายในขณะเปลี่ยนท่าหรือเมื่ออยู่ในท่าที่จัดให้
ความสามารถของผู้ป่วยในการช่วยเหลือตนเอง
ปัญหาอื่นๆ ที่พบในผู้ป่วย
ปฏิบัติการพยาบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยบนเตียง
การเตรียมตัวพยาบาล
การจัดท่าผู้ป่วย
ท่านอนคว่ำ
ท่านอนตะแคงกึ่งคว่ำ
ท่านั่งบนเตียง
ท่านอนหงายชันเข่า
ท่านอนหงายพาดเท้าบนขาหยั่ง
ท่านอนคว่ำคุกเข่า
ท่านอนตะแคง
ท่านอนศีรษะต่ำปลายเท้าสูง
ท่านอนหงาย
การเตรียมผู้ป่วย
การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
หลักการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
ย่อเข่าและสะโพก
หาวิธีที่เหมาะสม เพื่อผ่อนแรงในการยกหรือเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
หลังตรง ป้องกันการปวดหลัง
ผู้ป่วยควรอยู่ใกล้พยาบาลมากที่สุด
ยืนแยกเท้าทั้งข้างห่างกันพอสมควร เฉียงปลายเท้าไปตามทิศทางที่ต้องการเคลื่อนย้าย
ยกตัวผู้ป่วยให้พ้นจากที่นอนเล็กน้อยเพื่อลดแรงเสียดทาน
ควรยืนในท่าที่ถูกต้องและมั่นคง
ใช้ผ้าขวางเตียงช่วยในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแทนการเลื่อนผู้ป่วย
หันหน้าเข้าหาผู้ป่วยและไปในทิศทางที่จะเคลื่อนย้าย
ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ควรหาผู้ช่วยเหลือตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
ควรจัดท่าผู้ป่วยให้นอนหงายราบอยู่ในท่าที่สบาย
ให้สัญญาณเพื่อความพร้อมเพรียง
การประเมินผู้ป่วยก่อนการเคลื่อนย้าย
ความมั่นคงในการคงท่าของผู้ป่วย
ส่วนที่จำเป็นต้องให้อยู่นิ่งๆ
ส่วนที่อ่อนแรงหรือพิการ
ผู้ป่วยอ่อนเพลียมากน้อยแค่ไหน
ท่าที่เป็นข้อห้ามของผู้ป่วย
ความต้องการการเคลื่อนย้ายเปลี่ยนท่าและความสุขสบายของผู้ป่วย
ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
วิธีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย
นำหมอนหนุนศีรษะของผู้ป่วยออก วางหมอนที่พนักหัวเตียง อุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นเอาออกจากเตียง
พยาบาลยืนในท่าที่ถูกต้องมั่นคงและใช้หลักการของกลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย
แจ้งให้ผู้ปุวยทราบและบอกวิธีการให้ความร่วมมือถ้าทำได
พยุงผู้ป่วยด้วยความนุ่มนวลและมั่นคง
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
การออกกำลังกายเพื่อเตรียมผู้ป่วยเดิน
งอและเหยียดนิ้วเท้า
กางและหุบข้อตะโพก
เหยียดข้อเข่า
หมุนข้อตะโพก เหยียดขาทั้งสองข้าง หมุนเข้าหาตัวและหมุนออกจากตัว
เกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้อง ตะโพกต้นขา
ให้ผู้ป่วยงอและเหยียดข้อตะโพก โดยให้ผู้ป่วยนอนบนเตียง
งอข้อเท้า
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดิน
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินโดยพยาบาล 1 คน
การช่วยเหลือผู้ปุวยหัดเดินโดยพยาบาล 2 คน
การช่วยเหลือผู้ป่วยหัดเดินด้วยอุปกรณ์ช่วยเดิน
ชนิดของอุปกรณ์ช่วยเดิน
Parallel bar
คือ ราวคู่ขนาน ราวเดิน
Walker หรือ Pick – up frames
เป็นอลูมิเนียม หรือแสตนเลส เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอายุมากและการทรงตัวไม่ดีนัก
Cane
เป็นการเดินด้วยไม้เท้าอันเดียว ผู้ป่วยต้องมีมั่นคงในการเดิน
Crutches
ไม้ยันรักแร้ , ไม้ค้ำยัน
ประโยชน์ของอุปกรณ์ช่วยเดิน
ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ำหนักแทนขา 1 หรือ 2 ข้าง
เมื่อมีข้อห้ามหรือมีการอ่อนแรงจนขาไม่สามารถรับน้้ำหนักได้
เพิ่มการพยุงตัว เพื่อให้สามารถทรงตัวได้
ช่วยแบ่งเบาหรือรับน้ำหนักแทนขา 1 หรือ 2 ข้าง
เมื่อมีข้อห้ามในการรับน้ำหนักเต็มทั้งขา
การเตรียมผู้ป่วยก่อนการฝึกใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
การฝึกในท่าตั้งตรง บนเตียงหรือเบาะ
การฝึกในราวคู่ขนาน
การฝึกความแข็งแรง ความทนทาน และการประสานสัมพันธ์ของกล้ามเนื้อ
การลงน้ำหนักที่ขาเวลาเดิน
Partial weight bearing (PWB)
Full weight bearing (FWB)
Toe touch weight bearing (TTWB)
Weight bearing as tolerated (WB AS Tol.)
Non weight bearing (NWB)
รูปแบบการเดิน
Three – point gait
การเดินที่ใช้บ่อยในผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพของขา 1 ข้าง
Swing – to gait
วิธีนี้เหมาะที่สุดสำหรับผู้ปุวยที่มีการจำกัดในการใช้ขาทั้ง2 ข้าง ร่วมกับมีความไม่มั่นคง
Two – point gait
ต้องใช้การทรงตัวและความมั่นคงมากกว่า Four – point gait
Swing – through gait
วิธีนี้ทำให้เดินได้เร็วขึ้นกว่า Four – point gait และ Swing – to gait
มีความมั่นคงน้อยที่สุดในรูปแบบการเดินทั้งหมด
Four – point gait
การเดินที่มีความมั่นคงมากที่สุด
วิธีการฝึกผู้ป่วยใช้อุปกรณ์ช่วยเดิน
Platform crutch สามารถลงน้ำหนักที่ท่อนแขนส่วนปลาย แทนการลงน้ำหนักที่ข้อมือ
ไม้เท้า ช่วยเดินที่ใช้เพียงข้างเดียวเป็นส่วนใหญ่ ให้ความมั่นคงไม่มาก
และลดการลงน้ำหนักเฉพาะขาข้างใดข้างหนึ่งได้เพียง 20 – 25 %
Lofstrand crutch ช่วยเพิ่มความมั่นคงของท่อนแขนส่วนปลายเวลายันลงน้ำหนัก สามารถใช้เป็นคู่แทนไม้ค้ำยัน
ไม้เท้า 3 ขา มีฐานกว้าง และมีจุดยันรับน้ำหนักที่พื้น 3 จุด ทำให้มั่นคงกว่าไม้เท้าขาเดียว
ไม้ค้ำยันรักแร้ ช่วยพยุงตัวได้ดีและแบ่งรับน้ำหนักได้ถึง 80% ของน้ำหนักตัว
Walker ให้Support มากที่สุดในช่วงการเดินช่วยเพิ่มความมั่นคงขณะเดินได้มากที่สุด
การออกกำลังกายและการเคลื่อนไหวร่างกาย
การออกกำลังกาย
การออกกำลังกายชนิดให้ผู้ป่วยทำเอง
ผู้ป่วยจะเคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกายด้วยตนเอง
การออกกำลังกายชนิดนี้ให้ผลดี
การออกกำลังกายโดยให้ผู้อื่นทำให้ผู้ป่วย
การออกกำลังกายโดยการเคลื่อนไหวข้อต่างๆ ให้กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายด้วยตนเองได้หรือมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว ช่วยให้ข้อมีการเคลื่อนไหวและช่วยป้องกันการหดรั้งของกล้ามเนื้อผิดรูป
การออกกำลังกายชนิดที่ให้ผู้ป่วยทำร่วมกับความช่วยเหลือของผู้อื่น
วิธีนี้ให้ผลดีกว่าวิธีที่ให้ผู้อื่นทำให้ผู้ป่วย เพราะเป็นการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อมีการทำงานร่วมด้วย
การออกกำลังกายโดยให้กล้ามเนื้อทำงานแต่ข้อไม่เคลื่อน
เพื่อเพิ่มความตึงตัวและแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ป้องกันกล้ามเนื้อลีบ
การออกกำลังกายให้ผู้ป่วยออกแรงต้านกับแรงอื่น
การใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ให้ผู้ป่วยออกแรงต้าน วิธีนี้ช่วยให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้น
มีความแข็งแรงและทำงานได้ดี
การเคลื่อนไหวร่างกาย
การเคลื่อนไหวของร่างกาย
การเคลื่อนไหวร่างกายใดๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะในบ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่สันทนาการใดๆ
กลไกการเคลื่อนไหวร่างกาย
การเคลื่อนไหวร่างกายจะทำโดยตนเองหรือทำการเคลื่อนไหวด้วยวัตถุสิ่งของใดก็ได้ ทำให้เกิดผลดีต่อร่างกายทำให้ลดการเมื่อยล้าหรือการใช้พลังงานในการเคลื่อนไหวและรักษาสมดุล
ข้อดีต่อร่างกาย
ป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย หรือมีความพิการของกระดูก และกล้ามเนื้อ
ลดการเมื่อยล้า หรือการใช้พลังงานมากเกินไป
ส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ
ผลกระทบจากการไม่เคลื่อนไหวร่างกาย
ระบบผิวหนัง
เซลล์ตายและลุกลามกลายเป็นแผล
การเสียดทาน
เกิดแรงกดทับ
แรงดึงรั้ง
ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
การประสานงานของกล้ามเนื้อแขนขาลดลงหรือไม่สัมพันธ์กัน
กล้ามเนื้ออ่อนแรง ลีบเล็ก
กระดูกผุ เปราะบาง
อาการปวดหลัง
ระบบหัวใจและหลอดเลือด
มีการคั่งของเลือดในหลอดเลือดดำที่ขา
เกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ
หัวใจทำงานมากขึ้น
ความดันต่ำขณะเปลี่ยนท่า
ระบบทางเดินหายใจ
ปอดขยายตัวลดลง
มีการคั่งของเสมหะมากขึ้น
ระบบทางเดินอาหาร
มีผลต่อการรับประทานอาหาร ทำให้เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
มีผลต่อการขับถ่าย ทำให้ท้องผูก (Constipation)
ระบบทางเดินปัสสาวะ
มีการคั่งของปัสสาวะในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Urinary stasis)
เกิดนิ่วในไตและกระเพาะปัสสาวะ (Renal Calculi)
การถ่ายปัสสาวะมากกว่าปกติในระยะแรกๆ (Diuresis)
ระบบเมตาบอลิซึมและการเผาผลาญอาหาร
มีระดับโปรตีนในกระแสเลือดลดต่ำลง (Hypoproteinemia)
มีความผิดปกติด้านอัตมโนทัศน์และภาพลักษณ์ (Self concept andBody image)
การเผาผลาญอาหารลดลง
กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยก่อนและหลังผ่าตัด
การประเมินสภาพผู้ป่วย
รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นเพื่อนำไปสู่การวางแผนการพยาบาล
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
วิตกกังวลเนื่องจากกลัวการผ่าตัด
วิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและแผนการรักษา
การวางแผนการพยาบาลให้การพยาบาล
และประเมินผลหลังให้การพยาบาล
ร่วมกันหาทางแก้ไขสาเหตุของความวิตกกังวลร่วมกับผู้ป่วยและญาต
ดูแลความสุขสบายทั่วไป
เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยระบายความรู้สึกและค้นหาสาเหตุของความวิตกกังวล
จัดหมวดหมู่กิจกรรมการพยาบาลเพื่อลดการรบกวนผู้ปุวยและให้ผู้ป่วยได้พัก
ประเมินระดับความวิตกกังวล
รายงานแพทย์เมื่อพบอาการผิดปกติ