Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจที่เกิดภายหลัง (Nursing Care of Children with…
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กโรคหัวใจที่เกิดภายหลัง
(Nursing Care of Children with Acquired Heart Disease)
ไข้รูมาติก (Rheumatic Fever)
สาเหตุ
ไข้รูมาติกเป'นโรคทีมักเกิดตามหลังการติดเชื้อ ในทางเดินหายใจส่วนบน เช่น คออักเสบ หรือต่อมทอนซิลอักเสบ จากเชื้อ β-hemolytic streptococcus group A และไม่ได้รบัการรักษาอย่างถูกต้องภายในเวลา 1-5 สัปดาห์จึงเกิดการอักเสบตามอวัยวะต่างๆของร่างกายขึ้น
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อเกิดการติดเชื้อ β-hemolytic streptococcus group A ในร่างกาย เช่น การติดเชื้อการเกิดโรคนั้น เชื่อว่า เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะมีปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรค (antigen-antibody)ที่หูการติดเชื้อที่ต่อมทอนซิล โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ล าคอ ซึ่งมักพบได้บ่อย ประมาณ 1-5 สัปดาห์ ผู้ป่วยจึงแสดงอาการส าหรับกลไก(reaction) โดยจะสร้างแอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อโรค แต่เนื่องจากส่วนต่างๆ ของเชื้อโรคมีความคล้ายคลึงกันทางระบบภูมิคุมกันกับเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย แอนติบอดีจ าเพาะต่อเชื้อโรค ดังกล่าวก็จะมีปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆด้วย จึงท าให้เนื้อเยื่อเหล่านี้ถูกท าลาย เช่น หัวใจ เนื้อเยื่อของข้อ สมอง เนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง โดยท าให้เนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆมีการอักเสบเกิดขึ้น การอักเสบเหล่านี้ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็จะหายขาดได้แต่ในรายที่มีการอักเสบของหัวใจมักจะพบว่ามีความพิการอย่างถาวร โดยเริ่มจากการอักเสบของหัวใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ทุกชั้น ได้แก่ pericarditis, myocarditis และ endocarditis และรวมไปถึงลิ้นหัวใจด้วย ท าให้ลิ้นหัวใจถูกท าลายต าแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่ ลิ้นไมตรัล (mitral valve) และ ลิ้นเอออร์ติค (aortic valve) โดยท าให้เกิดแผลขึ้น เกิดเป็นลิ้นหัวใจรั่วและตีบตามมา
อาการและอาการแสดง
อาการหลัก (major criteria)
1.การอักเสบของหัวใจ (Carditis) หัวใจอักเสบพบได้ทุกชั้นของเนื้อเยื่อหัวใจ
2 ข้ออักเสบ (Arthritis) อาการข้ออักเสบเป็นอาการหลักของโรคไข้รูมาติกที่พบได้บ่อย
อาการเคลื่อนไหวผิดปกติ (Sydenham’s chorea)เป็นความผิดปกติทางระบบประสาท
(neurological disorder)
ปุ่มใต้หนัง (Subcutaneous nodules) ความชุกของการเกิดปุ่มใต้หนังในผู้ป่วยโรคไข้รูมาติกพบประมาณร้อยละ 1-9
5 ผื่นแดงที่ผิวหนัง (Erythema marginatum) ผื่นแดงที่ผิวหนังมักจะปรากฏในระยะแรกของไข้รูมาติก พบได้ประมาณร้อยละ 0-16
อาการรอง (minor criteria)
ไข้ต่ าๆ ประมาณ 38.0 องศาเซลเซียส บางครั้งไข้อาจสูงได้ แต่มักไม่เกิน 39 องศาเซลเซียส
polyarthralgia มีอาการปวดข้อโดยไม่มีอาการอักเสบ คือ บวม แดง ร้อน ทำให้ขยับข้อได้ลำบาก
เลือดกำเดาไหลโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดจากการอักเสบของหลอดเลือด ปวดท้อง อาจเกิดจากหัวใจวาย
ร่วมกับมีตับโต
อาการอื่นๆที่อาจพบได้ คือ รู้สึกไม่สบาย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย เหงื่อออกมาก เจ็บหน้าอก ซีด และนํ้าหนักลด
มีประวัติเคยเป็นไข้รูมาติกมาก่อน หรือมีประวัติเป็นหวัดหรือเจ็บคอบ่อย
การรักษา
ให้ยาปฏิชีวนะส าหรับก าจัดเชื้อ ß-hemolytic streptococcus group A เกิดในล าคอและทอนซิล
ให้ยาสำหรับต้านการอักเสบของหัวใจและข้อ ได้แก่ salicylate และ steroid ซึ่งได้น ามาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคไข้รูมาติก
ให้นอนพัก โดยทั่วไปผู้ป่วยที่มี carditis และอาการหัวใจวาย ให้พักจนกว่าจะควบคุมภาวะหัวใจวายได้ต่อมาค่อยๆ เพิ่มการเคลื่อนไหวมากขึ้นในเวลา 3 เดือน
ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจวาย ให้การรักษาโดยใช้ยา digitalis เช่น digoxin ยาขับปัสสาวะ ยาลด afterload
ถ้าควบคุมภาวะหัวใจวายไม่ได้ โดยการรักษาทางยา อาจต้องพิจารณาให้การรักษาโดยการผ่าตัด
การรักษา chorea เช่น phenobarbital, haloperidol และอาจใช้chlopromazine
การพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 1
ผู้ป่วยมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ เนื่องจากติดเชื้อ ß-hemolytic streptococcus group A
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 2
ผู้ป่วยมีการอักเสบของข้อ เนื่องจากติดเชื้อ ß-hemolytic streptococcus group A
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 3
อาจเกิดการกลับซ้ าของไข้รูมาติก โดยมีการติดเชื้อ ß-hemolytic streptococcus group A
โรคหัวใจรูมาติก (Rheumatic Heart disease)
สาเหตุ
โรคหัวใจรูมาติกเป็นผลหรือภาวะแทรกซ้อนของไข้รูมาติก เนื่องจากร่างกายได้รับเชื้อ ß-hemolytic
streptococcus group A ประมาณ 1-5 สัปดาห์ แล้วไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือทันท่วงที จึงท าให้เกิดหัวใจ
อักเสบ และจะมีการท าลายลิ้นหัวใจด้วย ส่งผลให้ลิ้นหัวใจมีพยาธิสภาพ คือ มักท าให้เกิดการรั่วของลิ้นหัวใจ หลังจากนั้นในบางรายอาจเกิดการตีบของลิ้นหัวใจตามมา เนื่องจากมีกระบวนการซ่อมแซม จะท าให้เกิดพังผืดบริเวณลิ้นหัวใจ และ ใต้ลิ้นหัวใจ ความผิดปกติดังกล่าวอาจพบได้หลายลิ้น ที่พบบ่อย ได้แก่ ลิ้นไมตรัลและ
ลิ้นเออร์ติค
พยาธิสรีรภาพ
ภายหลังที่เด็กเป็นไข้รูมาติกแล้ว จะมีการอักเสบของลิ้นหัวใจทุกชั้น เช่น เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบและเยื่อบุหัวใจอักเสบ ซึ่งประกอบด้วย แผ่นลิ้น (cusp) เนื้อเยื่อยึดลิ้น (chordae tendinae) และกล้ามเนื้อ(papillary (papillary muscle) ในรายที่เป็นไข้รูมาติกซ้ าๆหลายๆครั้ง จะส่งผลให้ลิ้นหัวใจถูกท าลายมากขึ้น โดยมีการหดตัว หรือแข็งตัวขึ้น ท าให้เกิดความผิดปกติของลิ้นหัวใจขึ้น อาจจะเป็นการรั่ว หรือการตีบ จึงเรียกว่าโรคหัวใจรูมาติก ดังนั้นผู้ป่วยไข้รูมาติก าได้รับการรักษาโรคอย่างทันท่วงทีและป้องกันที่ถูกต้อง ก็จะไม่เป็นโรคหัวใจรูมาติก
การพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ß-hemolytic streptococcus group A ซ้า และมีการติดเชื้อเยื่อบุหัวใจจากการเป็นโรคไข้รูมาติกมาก่อน
ผู้ป่วยเสี่ยงต่อเนื้อเยื่อของร่างกายขาดออกซิเจน เนื่องจากมีภาวะหัวใจวาย เพราะมีการอักเสบของหัวใจและพยาธิสภาพของลิ้นหัวใจ
ผู้ป่วยมีความเครียดต่อการถูกจ ากัดให้พักอยู่บนเตียงและอยู่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลานาน
บิดามารดาเกิดความวิตกกังวลต่อการเจ็บป่วยของบุตร และการดูแลบุตรเมื่อกลับบ้าน
การพยาบาลผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะหัวใจวาย
สาเหตุ
ความผิดปกติของหัวใจที่ท าให้หัวใจท างานมากขึ้น เนื่องจากมีปริมาณเลือดในหัวใจเพิ่มมากขึ้น เกิดจากมี
การรั่วไหลของเลือด
กลุ่มที่มีเลือดไหลลัดจากหัวใจซีกซ้ายไปซีกขวา (left to right shunt)เช่น VSD, ASD และ PDA
กลุ่มที่มีการรั่วของลิ้นหัวใจ เช่น tricuspid insufficiency (TI), mitral insufficiency (MI) และtaortic insufficiency (AI)
1.3 กลุ่มที่มีเลือดไปปอดมากขึ้น มักพบในโรคหัวใจแต่ก าเนิดชนิดเขียว เช่น Truncus Artriosus, TGAโดยไม่มี VSD, DORV
ความผิดปกติของหัวใจที่ทำให้หัวใจท างานมากขึ้น เนื่องจากมีความดันในเวนตริเคิลสูงกว่าปกติ
2.1 กลุ่มที่มีการอุดกั้นการไหลเวียนเลือดจากเวนตริเคิล เช่น Aortic stenosis(AS), PS, severe Coarctation of Aorta
2.2 กลุ่มที่มีแรงต้านทานการไหลเวียนของเลือดออกจากเวนตริเคิลมากขึ้น
เช่น systemic hypertension และ primary pulmonary hypertension
ความผิดปกติของกล้มเนื้อของหัวใจ (myocardial factor) ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจ
ลดลง
จังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ (dysrhythmias) ส่งผลให้ปริมาณเลือดไหลปริมาณเลือดไหลออกจากหัวใจลดลง
พยาธิสรีรภาพ
ปัจจัยทั้ง 4 ประการ
1) ปริมาณของเลือดในเวนตริเคิลก่อนบีบตัว (preload, ventricular end-diastolic volme)
2) การหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ (myocardial contractility)
3) แรงต้านทานการไหลเวียนของเลือดขณะหัวใจบีบตัว (afterload)
4) อัตราการเต้นของหัวใจ (heart rate)
ปัยจัยเหล่านี้จะมีการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้มีปริมาณเลือดที่ไหลออกจากหัวใจต่อนาที (cardiac output) เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาึ่งปริมาณเลือดที่บีบออกจากหัวใจต่อนาทีนั้น จะเท่ากับปริมาณเลือดที่หัวใจบีบออกมาในแต่ละครั้ง (stroke volume)คูณด้วยอัตราการเต้นของหัวใจในหนึ่งนาที
อาการและอาการแสดง
หัวใจซีกซ้ายวาย
ผู้ป่วยมีภาวะ hypoxia จึงมีอาการหายใจเร็ว (tachypnea)
หายใจลำบาก (dyspnea), เหนื่อยหอบ นอนราบไม่ได้(orthopnea)
มีอาการเหนื่อยหอบในช่วงกลางคืน (paroxysmal nocturmal dyspnea)
บางรายอาจมีอาการไอมีเสมหะเป็นฟองหรือมีเลือดปน และ
ฟังได้เสียง crepitation เนื่องจากมี pulmonary congestion
หัวใจซีกขวาวาย
ผู้ป่วยมีอาการบวม เช่น บวมที่ขา บวมทั้งตัว มีน้ าหนักเพิ่มขึ้น
บางรายมีม้ามโต คลื่นไส้อาเจียน เบื่ออาหาร
ปวดท้อง แน่นอึดอัดท้อง แขนขาเย็น บวม มีีนํ้าในช่องท้อง
อาการสำคัญที่ช่วยบ่งชี้ว่ามีภาวะหัวใจวาย (cardinal signs)
1) หัวใจโต
2) หัวใจเต้นเร็ว
3) หายใจเร็ว
4) ตับโต
การรักษา
ให้ยากลุ่มกลัยโคไซด์ (digitalis glycosides)
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของหัวใจ
ยากลุ่ม Beta-adrenergic receptor blocking agent ทำให้ epinephrine และ norepinephrineออกฤทธิ์ไม่ได้
อัตราการเต้นของหัวใจและแรงบีบตัวของกล้ามเนื้อหัวใจลดลง
กล้ามเนื้อหัวใจใช้ออกซิเจนลดลง
ความดันโลหิตจะลดลงอย่างช้าๆ
ยาขยายหลอดเลือด (vasodilators)ทำให้ลด afterload และpreload และเพิ่ม cardiac output
ยา ACE inhibitors หรือ ACEI (angiotensin-converting enzyme inhibitors) ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ ไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่ทำลาย angiotensin
ยาขับปัสสาวะ (diuretic drugs) เพื่อลดการคั่งหรือสะสมของนํ้าและโซเดียมในร่างกาย
ลดอาหารรสเค็ม บางรายอาจจำกัดเกลือหรือโซเดียมในอาหาร สำหรับรายที่มีอาการมาก
ให้ออกซิเจน ในรายที่มีภาวะปอดบวมนํ้า ถ้ามีอาการเหนื่อยหอบมากให้ออกซิเจน
ให้ sedative ในรายที่ร้องไห้งอแง กระสับกระส่าย ทำให้ไม่ได้พักผ่อนหรือนอนหลับไม่เพียงพอ
รักษาสาเหตุของการเกิดภาวะหัวใจวาย เช่น การผ่าตัด หรือการรับการตรวจสวนหัวใจเพื่อการรักษา (interventional catheterization
การพยาบาล
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 1
ปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงร่างกายต่อนาทีลดลง เป็นผลจากความผิดปกติของหัวใจหรือหลอดเลือด เช่น VSD,ASD, PDA, MI, AI
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 2
ผู้ป่วยมีนํ้าหนักเกิน เนื่องจากมีการคั่งหรือการสะสมของนํ้าในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักเกินไป
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 3
มีโอกาสเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เนื่องจากมีอัตราการเผาผลาญพลังงานสูงกว่าปกติ
เป็นผลจากการทำหน้าที่ของหัวใจลดลงและการเพิ่มขึ้นของอัตราการเต้นของหัวใจและอัตราการหายใจ
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 4
มีโอกาสเกิดพัฒนาการล่าช้า
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 5
มีโอกาสเกิดภาวะเป็นพิษจากดิจิตาลิส
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 6
มีโอกาสเกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ เนื่องจากมีการคั่งของเลือดในปอด เนื้อที่ของปอดในการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนลดลงส่งผลให้ประสิทธิภาพในการท างานของปอดลดลง
และง่ายต่อการติดเชื้อและการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล 7
บิดามารดาและ/หรือผู้ป่วยเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและสิ่งแวดล้อมใน
โรงพยาบาลบิดามารดาอาจประสบปัญหาในการให้ยาแก่ผู้ป่วยเด็กที่บ้าน
โรคคาวาซากิ
สาเหตุ
ยังไมทราบแนชัด เข้าใจว่ามีความเกี่ยวเนื่องกับพันธุกรรมตลอดจนการสัมผัสกับอะไรบางอย่างในสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น สารเคมี หรือจุลินทรีบางชนิด ไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติเกิดการอักเสบของหลอดเลือดแดงขึ้นทั่วร่างกาย
อาการและอาการแสดง
เด็กจะมีไข้สูงทกคน โดยมากมักเปนนานเกิน 5 วัน บางรายอาจนาน 3 – 4 สัปดาห อาจมีผื่นขึ้นตามตัวและแขนขา
ตาแดง จะเป็นทั้ง 2 ขาง มักเห็นภายใน 2-4 วันแรกนับจากเริ่มมีไข้ ตาที่แดงจะเป็นบริเวณตาขาวมาก ไม่ค่อยมีขี้ตา และไม่ค่อยเจ็บ
ริมฝปากแห้งและแดง อาจแตกมีเลือดออกด้วย เยื่อบุในปากจะแดงด้วย แต่ไม่มีแผล ลิ้นจะแดงและมีปุ่มรับรสใหญ่กว่าปกติ ลักษณะคล้ายผลสตรอเบอรรี่
ฝามือและฝ่าเท้า จะบวมแดง บางรายเจ็บชัดเจน ตั้งแต่ช่วงแรกๆของโรค ประมาณ 2-3 สัปดาห์หลังจากเริ่มมีไข้จะเห็นผิวหนังลอก โดยเริ่มลอกบริเวณรอบๆเล็บมือ เล็บเท้า อาจลามมาจนลอกทั้ฝ่ามือ ฝ่าเท้า
ผื่น มักขึ้นภายใน5 วันแรกนับจากมีไข้ โดยมักเป็นทั่วทั้งบริเวณลําตัว และแขน ขา โดยบริเวณสะโพกอวัยวะเพศ ขาหนีบ ผื่นจะหนาแน่นที่สุด บางครั้งจะมีการลอกคล้าที่มือและเท้าด้วย
ตอมนํ้าเหลือง ที่โตมักพบที่คอ มักเป็นข้างเดียว ลักษณะค่อนข้างแข็ง และกดไม่ค่อยเจ็บ
การรักษา
ชวงที่มีไข้ใน 10 วันแรก
ให้ยาลดการอักเสบคือ ยา aspirin ขนาดสูงให้รับประทานอยางตอเนื่องประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
ให้ intravenous immune globulin (IVIG) เข้าหลอดเลือดดำ
หลังจากไข้ลดจะตองให้ยา aspirin ขนาดตํ่าวันละ 1 ครั้ง รับประทานตอเนื่อง 6 – 8 สัปดาห์
ภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ
หัวใจอักเสบ
ลิ้นหัวใจรั่ว
หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจโป่ง พอง
นางสาวชุติกาญจน์ ทองคำ รหัสนักศึกษา 61180040404