Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การตรวจประเมินร่างกายทุกระบบ - Coggle Diagram
บทที่ 3
การตรวจประเมินร่างกายทุกระบบ
เทคนิคการตรวจร่างกาย
การดู (Inspection)
เป็นการสังเกตโดยใช้สายตาสังเกตภาวะสุขภาพสำรวจอวัยวะต่างๆของร่างกายว่าผิดปกติหรือไม่ โดยเริ่มตรวจตั้งแต่ผู้ป่วยเดินเข้ามาว่าเป็นอย่างไร มีใครช่วยพยุงมาหรือไม่รวมทั้งดูลักษณะ และอากัปกิริยาของผู้ป่วยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สีหน้า ท่าทาง ผิวพรรณ อาการแสดงต่างๆทั้งที่ปกติและผิดปกติ ซึ่งการดูสามารถให้การวินิจฉัยเบื้องต้นในโรคบางอย่างได้ เช่นการอักเสบเป็นฝีบริเวณที่เป็นจะมีลักษณะ บวม แดง ร้อน หรือมีหนอง เป็นต้น
การคลำ (Palpation)
1) คลำก้อนเพื่อดูลักษณะผิดปกติ
2) คลำอวัยวะที่คิดว่าถูกดันหรือดึงให้ผิดต าแหน่ง
3) คลำเพื่อตรวจสอบอวัยวะที่อยู่ภายใต้ว่าคืออะไร
4) คลำเพื่อดูว่าอวัยวะนั้นใหญ่หรือเล็กลง
5) คลำเพื่อดูหลอดเลือดต่างๆ เช่น ชีพจรที่ข้อมือ
การเคาะ (Percussion)
เป็นการใช้ปลายนิ้ว ฝ่ามือ สันมือหรือก าปั้นทุบ เพื่อตรวจดูว่ามีความเจ็บปวดหรือไม่ และฟังเสียงของการเคาะ เพื่อจะหาตำแหน่ง ขนาด และความหนาแน่นของโครงสร้างของอวัยวะนั้นๆโดยทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของเสียงไปกระทบอวัยวะที่ต้องการตรวจแล้วเกิดเสียงสะท้อนกลับคืนมา คือ เสียงโปร่ง (Resonance)โปร่งมาก (Hyperresonance) เสียงกังวาน (Tympany) เสียงทึบ(Dullness) หรือ เสียงทึบมาก (Flatness) เสียงที่สะท้อนกลับมามีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอวัยวะที่อยู่ภายใน ซึ่งแต่ละต าแหน่งจะมีเสียงสะท้อนที่เป็นลักษณะเฉพาะที่ ทั้งนี้เพื่อค้นหาความผิดปกติ และขอบเขตของอวัยวะที่อยู่ภายใน
การฟัง (Auscultation)
เป็นการตรวจโดยอาศัยการได้ยิน ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว จะมีเครื่องช่วยฟัง เพื่อให้ชัดเจนขึ้นเรียกว่า หูฟัง (Stethoscope) การฟังเป็นการตรวจแยกโรคในระบบหัวใจ หลอดเลือด ระบบหายใจ และระบบทางเดินอาหาร
ลักษณะทั่วไป ผิวหนัง
ผม ขน เล็บ
การรู้สติและสภาวะทางด้านจิตใจ
ภาวะสุขภาพที่ปรากฎ
อาการแสดงของภาวะผิดปกติไม่สุขสบาย
การเจริญเติบโตและพัฒนาการ
กิริยา อารมณ์และความร่วมมือในการตรวจ
เสียงและการพูด
ท่าทาง การเคลื่อนไหว และท่าเดิน
การแต่งตัวและสุขวิทยาส่วนบุคคล
กลิ่นลมหายใจและกลิ่นตัว
สีหน้าที่แสดงออก
การตรวจผิวหนัง
สีผิว (skin color)
สีผิวขึ้นอยู่กับเชื้อชาติ
ภาวะผิดปกติที่อาจพบ
ก. ผิวสีซีด (pallor) นิยมตรวจบริเวณเยื่อบุ เช่น เยื่อบุตา เยื่อบุช่อง
ปาก แต่สามารถตรวจบริเวณอื่นได้ เช่น ผิวหนัง ฝ่ามือ-เท้า ริมฝีปากและเล็บ พบในผู้ป่วย โลหิตจาง ช็อก ผู้สูงอายุอาจพบได้ ดังนั้นต้อง
ประเมินทุกครั้ง
ข. ผิวเหลือง (jaundice) บริเวณที่ตรวจ คือ ตาขาว (sclera) เยื่อบุ
ต่างๆ ฝ่ามือ-เท้า และผิวทั่วไป พบในผู้ป่วย โรคตับ ถุงน้ำดี
ค. ผิวสีเขียวคล้ า (cyanosis) บริเวณที่ตรวจ คือ ริมฝีปาก ใบหน้า ฝ่ามือ-เท้า ลิ้น และเล็บ เป็นลักษณะของการขาดอากาศหายใจ พบในผู้ป่วยโรคหัวใจ หอบหืด
ง. ผิวสีแดง (erythema) บริเวณที่ตรวจ คือ ใบหน้า หน้าอกส่วนบน
หรือบริเวณที่มีอันตรายจนเกิดการอักเสบ เกิดจากเส้นเลือดขยายตัว พบใน ภาวะไข้ อาย ดื่มสุรา มีการอักเสบ
จ. ผิวสีอื่นๆ จากการเปลี่ยนแปลงของเม็ดสี เช่น ผู้สูงอายุ
ลักษณะผิว (skin texture)
เป็นความรู้สึกในการคลําผิวหนัง ผิวปกติจะเรียบ เกลี้ยง ไม่หยาบหรือขรุขระ เคลื่อนที่ได้ และเป็นไปตามอายุ เช่น ผิวหนังผู้สูงอายุ จะใช้เทคนิค ดูและคลำ
ความตึงตัว (skin turgor)
ตรวจโดยใช้นิ้วชี้และนิ้วหัวแม่มือ หยิบผิวหนังและไขมันใต้ผิวหนังขึ้นมาแล้วปล่อย สังเกตดูว่าจีบหายไปเร็วหรือช้า บริเวณที่นิยมตรวจได้แก่ หน้าผาก ข้างแก้ม ใต้กระดูกไหปลาร้า หลังมือภาวะปกติผิวหนังกลับสภาพเดิมทันทีภาวะผิดปกติ ผิวหนังตั้งอยู่นานเกิน
2-3 วินาที เรียกว่า poor skin turgor
อุณหภูมิของผิวหนัง (temperature)
บริเวณที่ตรวจ คือ ผิวกายทั่วไปในการประเมินอุณหภูมิผิวหนังทั่วไปภาวะปกติ ผิวหนังจะอุ่นทั่วกาย
ภาวะผิดปกติ ผิวหนังร้อน ในรายมีไข้
ผิวหนังเย็น ในรายที่ทีภาวะช็อก มือเท้าเย็น หรือเลือด
ไปเลี้ยงส่วนปลายไม่ด
ความชุ่มชื่น (moisture)
บริเวณที่ตรวจ คือ ผิวบริเวณหน้าโดยเฉพาะหน้าผาก และ ผิวกายทั่วไป ภาวะปกติ ผิวจะแห้ง ชุ่มชื้น
ภาวะผิดปกติ เหงื่อออกมาก เหงื่อขึ้นทั่วร่างกาย ผิวแห้งมากการ
ไหลเวียนไม่ด
เม็ดผื่นหรือตุ่ม (skin lesion)
ใช้การดูและคล าผิว เมื่อพบเม็ดผื่นต่างๆ ให้ตรวจดู สี ชนิดหรือประเภทรูปร่างหรือการรวมกัน ต าแหน่งและการกระจาย เป็นการกระจายทั่วไปหรือเฉพาะ สิ่งที่พบร่วมกับเม็ดผื่นและตุ่มนั้นๆควรศึกษาและบอกลักษณะที่ตรวจพบได้ถูกต้อง (รายละเอียดใน
หนังสือ)
จุดเลือดออก
เป็นการตรวจจุดเลือด หรือจ้ำเลือดที่เกิดจากการขยายของหลอดเลือดชั้นตื้น การตรวจเริ่มด้วยการดู และการใช้คล าเพิ่มเติมจุดจ้ำเลือดที่พบบ่อยและควรศึกษา (รายละเอียดในหนังสือ)
การบวม (edema)
ใช้เทคนิค การดูและการคลำ โดยใช้นิ้วมืออาจใช้นิ้วหัวแม่มือ หรือนิ้วชี้นิ้วเดียว หรือนิ้วชี้ กลาง และนิ้วนาง กดลงบนผิวหนังที่ด้านหลังมีกระดูกรอง กดแรงและนานพอควร ประมาณ 5-10 วินาที และสังเกตมีรอยบุ๋มหรือไม่ ต าแหน่งที่ตรวจ คือ หลังเท้า ข้อเท้า ขาด้าน medial ต่อกระดูกหน้าแข้ง (tibia)
ระดับการบวม มี 4 ระดับ 1+ กดบุ๋มลงไป 2 ม.ม
2+ กดบุ๋มลงไป 4 ม.ม
3+ กดบุ๋มลงไป 6 ม.ม
4+ กดบุ๋มลงไป 8 ม.ม
การตรวจผมและขน
การตรวจผม ใช้เทคนิคการดู คล า และดมกลิ่น ร่วมกัน มีจุดมุ่งหมาย
เพื่อดูปริมาณ การกระจายของผมและขน ลักษณะ และสุขวิทยาของผมและขน การตรวจผมร่วงท าโดยหยิบผมมาส่วนหนึ่งแล้วดึง ถ้าผมร่วงติดมือออกมาทุกครั้งเกิน 5 เส้น เรียกว่า ผมร่วง
ภาวะปกติ สีผมจะเป็นธรรมชาติของเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์ ปริมาณผม
มากในวัยรุ่น ผมควรนุ่ม ไม่หยาบและหักง่าย หนังศีรษะควรสะอาด ในผู้สูงอายุผมน้อยลง เมลานินลดลง ผมสีจางลง เส้นผมร่วงง่ายและแห้งง่าย ขนบริเวณรักแร้และหัวเหน่าจะลดลง แต่บริเวณหน้าจะเพิ่มขึ้น
ภาวะผิดปกติ ผมเปลี่ยนสีไป (โดยไม่ย้อม) ผมร่วงมาก ผมหยาบ
เปราะ แตกง่าย ผมสกปรก มีรังแค เหา มีกลิ่น มีบาดแผลและตุ่ม
การตรวจเล็บ
การตรวจเล็บใช้การดูและคล า มีจุดมุ่งหมาย ดูสี รูปร่าง ลักษณะ
เล็บ และค้นหาความผิดปกติ
ภาวะปกติ โคนเล็บจะนุ่มหยุ่นเล็กน้อย มุมระหว่างฐานเล็บ (nailbase) กับผิวหนังโคนเล็บ ประมาณ 160 องศา เล็บเป็นสีชมพู ผิวเล็บเรียบแนบสนิทกับเนื้อเยื่อด้านล่าง
ภาวะผิดปกติ เล็บไม่เรียบ นูนบางไม่เท่ากัน หรือมีลักษณะ ดังนี
เล็บรูปช้อน (spooning finger) มีลักษณะโค้งเว้าตรงกลาง ส่วน
ปลายกระดกขึ้นทุกเล็บ (เล็บแอ่น) มักพบในผู้ที่โลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก
นิ้วปุ้ม (clubbing finger) เนื้อเยื่อโคนเล็บจะนุ่มและหยุ่นมาก มุม
ระหว่างเล็บและโคนเล็บมากกว่า 160องศา เล็บมีความโค้งนูนมากกว่าปกติ มักพบในผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ
ศีรษะ ใบหน้า คอ
และต่อมนํ้าเหลือง
การตรวจศีรษะ
การดู ผู้ตรวจยืนเผชิญหน้ากับผู้ใช้บริการ สังเกตดูสิ่งต่อไปนี้ คือ
รูปร่างและขนาดของศีรษะ ผม หนังศีรษะภาวะปกติ ศีรษะจะมีขนาดผันแปรไปตามขนาดร่างกายของบุคคล เด็กแรกเกิดของศีรษะใหญ่กว่ารอบอก แต่เมื่อโตขึ้นขนาดศีรษะจะเล็กกว่ารอบอก ศีรษะต้องสมดุล ไม่บิดเบี้ยว ผิดรูป ผมสีตามเชื้อชาติและวัย
การคลำ ผู้ตรวจยืนเผชิญหน้ากับผู้ใช้บริการ ใช้ปลายนิ้ววนเป็น
วงกลมและเบาๆไปทั่วศีรษะ โดยเริ่มส่วนหน้าของศีรษะ ด้านข้าง ไล่ไปส่วนบนและท้ายทอย เพื่อค้นหาก้อนผิดปกติและบริเวณท้ายทอยจะคลำหาต่อมน้ าเหลืองด้วย (occipital lymphnode)
ภาวะปกติ คล าไม่พบก้อนผิดปกติ ไม่พบต่อมน้ าเหลือง
ภาวะผิดปกติ คล าพบก้อนผิดปกติ ซึ่งต้องระบุลักษณะก้อนที่พบ
พร้อมบอกต าแหน่งที่พบด้วย คล าพบต่อมน้ าเหลืองที่ท้ายทอยโต
การตรวจใบหน้า
การดู ผู้ตรวจยืนเผชิญหน้ากับผู้ใช้บริการ สังเกตความ
สมมาตรของใบหน้า การเคลื่อนไหวต่างๆบนใบหน้า การกระจายของขนคิ้ว ขนตา หนวดเครา สีผิว และลักษณะของผิวหน้า ค้นหา
รอยโรค สังเกตมุมปาก การแสดงออกของใบหน้า การท างานของกล้ามเนื้อใบหน้า โดยจะให้เลิกคิ้ว หลับตาปี๋ ยิงฟัน ท าปากจู๋ เป่า
ลมแก้มป่อง
ภาวะปกติ ใบหน้าทั้ง 2 ซีกสมมาตรกัน ไม่บิดเบี้ยว ไม่มีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ขนคิ้วขนตากระจายปกติ สมํ่าเสมอ ใบหน้าไม่บวม ไม่มีรอยโรคหลับตาได้สนิท รอยย่นเมื่อเลิกคิ้วสมมาตรกัน ยิงฟันได้ มุมปากยกเท่ากันทําปากจู๋และเป่าแก้มได้
ภาวะผิดปกติ หน้าบิดเบี้ยว ไม่สมมาตร มีการกระตุก เคลื่อนไหวผิดปกติบนใบหน้า ใบหน้าบวม มีรอยโรค หลับตาไม่ได้ รอยย่นหน้าผากไม่สมมาตรกัน ยิงฟันแล้วมีมุมปากตก ท าปากจู๋และเป่าแก้มไม่ได้ พบผื่นแดงที่ใบหน้า
การตรวจใบหน้า
Nephrotic syndrome : ใบหน้าบวมมาก จนท าให้สีผิว
ค่อนข้างซีด การบวมเริ่มจากบริเวณรอบๆตา จนบางครั้งลืมตาแทบไม่ขึ้น แก้มป่องตึง ริมฝีปากจะหนาและซีด การตรวจร่างกายส่วนอื่นจะพบการบวมทั่วตัว
Cushing syndrome : ใบหน้าจะกลม เรียกว่า moon face
แก้มป่อง แดงผมหยาบ บาง มีหนวดหรือเครา การตรวจร่างกายส่วนอื่นพบ ลําตัวอ้วน แขนขาลีบ พบในผู้ป่วยที่มี adrenal hormone ผิดปกติ หรือผู้ใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจ า
การตรวจคอ
การดู กล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ให้ผู้ใช้บริการก้มหน้าจน
คางชิดอก เอียงศีรษะไปด้านซ้ายและขวา หมุนศีรษะไปด้านซ้ายและขวากล้ามเนื้อ trapezius ให้ผู้ใช้บริการแหงนหน้าให้ศีรษะไป
ด้านหลังจนสุดให้ยืดคอเต็มที่
ภาวะปกติ สามารถเคลื่อนไหวได้ตามที่ให้ทำ และเห็น
พื้นที่หรือขอบเขตของคอ อันเนื่องจากกล้ามเนื้อ 2 มัดนี้ คือ จะเกิดพื้นที่สามเหลี่ยมของคอ 2 ส่วน สามเหลี่ยมด้านหน้าอาณาเขตบนเป็นกระดูกขากรรไกรล่างด้านข้างเป็นกล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ด้านในเป็นเส้นแบ่งกลางล าตัว สามเหลี่ยมด้านหลังมีขอบเขตระหว่าง
กล้ามเนื้อ trapezius, sternocleidomastoid และกระดูกไหปลาร้า
ภาวะผิดปกติ คอเอียง คอแข็ง ไม่สามารถก้มคอ
เอียงคอ หมุนคอ แหงนหน้า ยืดคอได้ หรือทำได้แต่ไม่สุด หรือมีอาการเจ็บปวดขณะทำ
การตรวจคอ
การคลำ กล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ให้ผู้ใช้บริการหันศีรษะไป
ด้านตรงข้ามผู้ตรวจวางมือบริเวณคางและแก้ม บอกให้ผู้ใช้บริการหันศีรษะกลับ โดยผู้ตรวจดันหรือกดมือต้านการหันศีรษะ
กล้ามเนื้อ trapezius ผู้ตรวจวางมือบนไหล่ทั้ง 2 ข้างของ
ผู้ใช้บริการ ให้ยกไหล่ขึ้นต้านแรงผู้ตรวจ หรือให้ก้มศีรษะ ผู้ตรวจกดที่หน้าผากต้านแรงในการเงย
ภาวะปกติ สามารถต้านแรงผู้ตรวจได้
ภาวะผิดปกติ ไม่สามารถต้านแรงได้หรือ เคลื่อนไหวได้อ่อนแรงหรือเจ็บ
การตรวจหลอดลมคอ
การตรวจหลอดลมคอ (trachea) ใช้เทคนิค การคลำ ให้ผู้ใช้บริการ
อยู่ในท่านั่งหรือนอนหงาย หน้าตรง ก้มคอลงเล็กน้อยเพื่อให้กล้ามเนื้อ sternocleidomastoid หย่อน ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือที่ถนัด แยงที่บริเวณ suprasternal notch ให้นิ้วอยู่ 2 ข้างของหลอดลมคอ สังเกตความสะดวกในการแยง และสังเกตเนื้อนุ่มๆที่คลำพบ
การตรวจหลอดลมคอ
ภาวะปกติ หลอดลมอยู่ตรงกลางคอ คือ นิ้วทั้งสองแยงได้สะดวก
เท่ากัน คลำได้เนื้อนุ่มๆเท่ากันทั้งสองข้าง
ภาวะผิดปกติ หลอดลมเฉไปทางใด นิ้วที่แยงของฝั่งตรงข้ามจะแยง
ได้สะดวกกว่าและอาจคลําพบวงกระดูกอ่อนของหลอดลมได้
การตรวจต่อมไทรอยด์
การดู ผู้ตรวจ ยืนด้านหน้า กับผู้ใช้บริการ ให้แหงนหน้าและกลืนนํ้าลาย จะเห็นต าแหน่งไทรอยด์ สังเกตล าคอบริเวณของต่อมไทรอยด์และ cricoid cartilage ซึ่งดูขณะกลืนจะเลื่อนขึ้นข้างบน ดูความเท่ากันของทั้ง 2 ข้าง ดูก้อนนูนที่ผิดปกติ
การคลำ คลำจากด้านหน้า หรือ ด้านหลัง ก็ได้
การคลําจากด้านหน้า วางปลายนิ้วชี้และนิ้วกลางของผู้ตรวจตรงบริเวณหลอดลมคอระดับต่อมไทรอยด์ บอกให้ผู้ใช้บริการกลืนน้ำลาย สังเกตว่ามีก้อนเคลื่อนผ่านนิ้วมือ คือ ส่วน isthmus ของต่อมซึ่งอยู่หน้าหลอดลมคอ จากนั้นตรวจไทรอยด์กลีบขวา โดยให้เอียงคอไปด้านขวา ก้มหน้าเล็กน้อย ใช้นิ้วหัวแม่มือขวาผู้ตรวจดันหลอดลมไปทางขวา แล้วสอดนิ้วมือซ้ายเข้าใต้กล้ามเนื้อ sternocleidomastoid ใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง และหัวแม่มือซ้ายของผู้ตรวจคลําไทรอยด์กลีบขวา จากนั้นคลําไทรอยด์กลีบซ้ายด้วยวิธีเดียวกัน
การคลําจากด้านหลัง ผู้ตรวจยืนอยู่ด้านหลัง ให้ผู้ใช้บริการก้มหน้า
เล็กน้อย ผู้ตรวจวางนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนางของทั้งสองมือ อยู่ที่ต าแหน่งหลอดลม บอกให้ผู้ใช้บริการกลืนน้ าลาย คล า isthmus ของต่อม
ซึ่งจะเคลื่อนขึ้น จากนั้นคล าแต่ละกลีบ โดยให้เอียงคอไปด้านที่ต้องการตรวจ มือที่อยู่ด้านตรงข้ามกับกลีบที่ตรวจจะดันหลอดลมให้เคลื่อนไป
ทางด้านที่ตรวจ มือด้านที่เหลือจะคลํากลีบของต่อม โดยสอดนิ้วให้เข้าใต้กล้ามเนื้อ sternocleidomastoid
ภาวะปกติ ส่วน isthmus ของไทรอยด์จะเคลื่อนที่ข้างบนขณะกลืน ซึ่งตรวจได้จากการคล าพบก้อนเคลื่อนขึ้น ต่อมไทรอยด์ทั้งกลีบซ้ายและขวาจะนุ่ม คลำหารูปร่างและขอบเขตได้ไม่ชัดเจน
ภาวะผิดปกติ มองเห็นต่อมไทรอยด์โต มีก้อน มี nodule นูนชัดเจน คลําต่อมไทรอยด์ได้โตมากและคลําได้ง่ายชัดเจน ผิวของต่อมอาจขรุขระ แข็ง และผิดปกติ
การตรวจต่อมน้ำเหลือง
หาขนาด ความยืดหยุ่น ความยึดติดกับเนื้อเยื่อการอักเสบและผิวหนังที่ปกคลุม ดังนั้นการตรวจต่อมน้ำเหลืองต้องรู้ต าแหน่งกายภาพ
การตรวจต่อมน้ำลาย parotid grand
อาจตรวจพร้อมกับการคล าต่อมน้ าเหลือง การตรวจจะสังเกต
รูปร่าง ขนาด ความหนาแน่น การกดเจ็บ การเคลื่อนไหว ซึ่งปกติจะไม่เห็น แต่ถ้าโตขึ้นจะพบก้อนอยู่ด้านหน้าหู
ตา หู จมูก ปาก
การตรวจตา
ตรวจความสามารถในการมองเห็น (visual acuity)
ตรวจลานตา (visual field)
ตรวจเคลื่อนไหวของลูกตา (extraocular movement)
ตรวจต าแหน่งตา ลูกตา และบริเวณรอบตา
ตรวจรูม่านตา (pupils)
ตรวจความใสของของกระจกตา (cornea)
ตรวจตาขาวและเยื่อบุลูกตา (sclera and conjunctiva)
การตรวจหู
ภาวะปกติ ใบหูทั้ง 2 ข้างอยู่ระดับกับตา
และเอียง 10 องศาในแนวตั้ง ในรูหูพบขี้หู เยื่อบุปกติ ไม่มีสิ่งผิดปกติ และเห็นเยื่อแก้วหูเป็นแผ่นสีเทามีแสงสะท้อนเป็นรูปกรวยของเยื่อแก้วหู
ภาวะผิดปกติ ใบหูสูงหรือต่ ากว่าระดับมุม
ตา พบในผู้ป่วยสมอง ใบหูเล็กเกินอาจมีผลต่อการได้ยิน เยื่อบุในรูหูบวมแดง มีสิ่งผิดปกติหรือขี้หู เยื่อแก้วหูมีสีชมพูอมแดงหรือเหลืองขุ่น หรือสีขาวไม่สะท้อนแสง
การตรวจจมูกและโพรงอากาศ
ภาวะปกติ ปีกจมูกและจมูกมีขนาดเหมาะสมเท่ากัน ไม่หุบบานมาก
ขณะหายใจ ไม่มีการอักเสบ เยื่อบุจมูกสีชมพู ไม่บวมแดง มีสิ่งคัดหลั่งเล็กน้อย สีใส ผนังกั้นจมูกตรง จะไม่เห็น turbinate ชัดเจน
ภาวะผิดปกติ ปีกจมูกทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน มีบวมแดง หุบบานไม่
เท่ากันขณะหายใจ เยื่อบุจมูกบวมแดง มีสิ่งคัดหลั่งสีเขียว หรือมี
เลือดออก ผนังกั้นจมูกเอียงหรือคด มองเห็น turbinate ชัดเจน
การตรวจปากและช่องปาก
ภาวะปกติ ริมฝีปากสีชมพู ชุ่มชื้น ไม่มี
แผล ตุ่ม บวม เยื่อบุช่องปาก เพดานปาก สีชมพู ไม่ซีด ไม่มีตุ่มเม็ดผื่น ไม่มีรอยช้ำห้อเลือด หรือรอยแดง ลิ้นไม่เป็นฝ้าเหงือกสีชมพูขนาดปกติ คลุมคอฟันมิดชิดไม่หนา และไม่มีการอักเสบ ลิ้นไก่อยู่ตรงกลางไม่เฉเอียง ทอนซิลอยู่ระหว่าง anterior และ posterior pillar ขนาดไม่โตเกิน pillar ผนังคอเป็นสีชมพู ไม่แดง ไม่มีตุ่ม หรือสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกต
ภาวะผิดปกติ ริมฝีปากคล้ า เขียวหรือซีดมาก บวมแดง มีแผล
หรือตุ่ม เยื่อบุช่องปากซีดมีตุ่ม เหงือกซีดหรือบวมแดง ลิ้นแตกลิ้นเลี่ยน เป็นฝ้า ลิ้นไก่เฉเอียง ทอนซิลโตเกิน pillar ออกมา แดง มีหนอง
การตรวจเต้านมและรักแร้
การตรวจเต้านม
ภาวะปกติ เต้านมทั้ง 2 ข้างไม่ควรแตกต่างกันมาก สีผิวอ่อนกว่าผิวกาย ไม่มีก้อน ไม่พบหลอดเลือดที่ผิดปกติ หัวนมสีชมพูหรือน้ำตาลเข้ม ไม่มีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติไหลออกมา
ภาวะผิดปกติ เต้านมขนาดใหญ่มากกว่าปกติหรือไม่เท่ากัน
แตกต่างกันมาก ผิวหนังเป็นสีแดง มีลักษณะเหมือนผิวส้ม มีการอักเสบ เห็นหลอดเลือดขยายชัดเจน บวม หัวนมถูกดึงรั้งไปด้าน
ใดด้านหนึ่ง มีตุ่ม มีแผล มีก้อน หัวนมมีสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกต
การตรวจรักแร้
ภาวะปกติ ไม่พบก้อน คลำไม่พบต่อมน้ าเหลือง
ภาวะผิดปกติ พบก้อน หรือต่อมน้ำเหลืองใหญ่กว่าปกติ