Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 การประเมินการตรวจร่างกาย (4) การตรวจช่องท้องและอวัยวะสืบพันธุ์,…
บทที่ 3
การประเมินการตรวจร่างกาย (4)
การตรวจช่องท้องและอวัยวะสืบพันธุ์
การตรวจท้อง (Abdomen)
การตรวจช่องท้อง
การดูโดยทั่วไปมีการ
แบ่งหน้าท้องออกเป็นส่วนต่างๆ
ใชการแบ่งหน้าท้องออกเป็น 4 ส่วน
Right lower quadrant (RLQ) คือ สวนล่างขวา
Left upper quadrant (RUQ) คือ สวนบนซ้าย
Left lower quadrant (LLQ) คือ ส่วนล่างซ้าย
Right upper quadrant (RUQ) คือ สวนบนขวา
การตรวจท้อง
นิยมแบ่งออกเป็น 9 ส่วน เพื่อเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยอวัยวะภายในช่องท้องและบรรยายสภาพที่ตรวจพบ การแบ่งท้องออกเป็น 9 ส่วน เกิดจากการลากเส้นสมมติ 4 เส้น
:<3: เส้นขวางล่าตัว ที่ลากผ่านส่วนต่่าที่สุดของชายโครงด้านหน้า
:<3: เส้นขวางล่าตัวที่ลากผ่านของของ iliac crest
:<3: เส้นดิ่งที่ลากต่อเนื่องมาจาก mid clavicular line ซ้ายจนถึงขาหนีบ
:<3: เส้นดิ่งที่ลากต่อเนื่องมาจาก mid clavicular line ขวาจนถึงขาหนีบ
การแบ่งท้องเป็น 9 ส่วน
Hypochondrium ขวา
Epigastrium
Hypochondrium ซ้าย
Lumbar region ขวา
Umbilical area
Lumbar region ซ้าย
Inguinal region ขวา
Hypogastrium หรือ Suprapubic region
Inguinal region ซ้าย
1. การดู
:<3:ดูรูปร่างลักษณะท้องว่าปกติ สมมาตรกัน
หรือไม่หรือท้องโตหรือท้องแฟบ โดยอาจมองจาก
ด้านปลายเท้าของผู้รับบริการ
:<3:ดูผิวหนังหน้าท้อง สีผิว รอยแผลผ่าตัด รอยจ้ำเลือดและหลอดเลือดดำที่ผนังท้องว่าโป่งพองหรือไม่
:<3:ผนังหน้าท้องเคลื่อนไหวเป็นปกติตามการ
หายใจหรือไม่ หรือมีการเต้นที่ผิดปกติ มีการเคลื่อนที่ผิดปกติ
:<3:ลักษณะสะดือ
:<3:สังเกตบริเวณขาหนีบทั้งสองข้าง
ภาวะปกติ
:star: ท้องจะสมมาตรกัน ท้องอาจโตได้กรณี
อ้วนมากหรือตั้งครรภ์และอาจแฟบในรายที่ผอม
:star: อาจพบแผลเป็นและลายที่ผนังหน้าท้องใน
ผู้ที่เคยผ่าตัดและเคยตั้งครรภ์
:star: ไม่พบหลอดเลือดดำขยายหรือโป่งพอง ไม่มีรอยเลือดใดๆ
:star: ลักษณะสะดือและบริเวณขาหนีบปกติ
:star: ท้องจะเคลื่อนไหวโดยยุบลงเวลาหายใจเข้าป่องออกเวลาหายใจออก
:star: ในคนผอมอาจเห็นการเต้นของหลอดเลือดแดงใหญ่บริเวณลิ้นปีได้
ภาวะผิดปกติจากการการตรวจท้อง
:green_cross:ท้องโตกว่าปกติ (abdominal distention) ไม่สมมาตรกัน ด้านใดด้านหนึ่งโตกว่าปกติ ท้องโตกว่าปกติ อาจเกิดจาก ลม น้่าในช่องท้อง หรือมีก้อนในช่องท้อง
:green_cross: ท้องแฟบกว่าปกติมากเรียก Scaphoid abdomen อาจพบในผู้ที่ขาดสารอาหาร
:green_cross: บริเวณขาหนีบมีก้อนนูน ซึ่งอาจเป็น hernia
:green_cross: อาจพบสะดือถูกดึงหรือดันที่ ผิดปกติ หรือสะดือจุ่นจากการมีสารน้่าในช่องท้อง
2. การฟัง
การใช้หูฟังในต่ำเหน่งที่ต้องการจะตรวจ
:no_entry: ไม่ควรมีสิ่งที่ปกปิด หรือบังผ่านเสื้อผ้า เพราะอาจท่าให้เสียงที่ได้ยินผิดพลาด หรือไม่ชัดเจน ซึ่งเกิดจากการเสียดสีกับเนื้อผ้า
:no_entry: ไม่วางหูฟังบนเสื้อ หรือบนหน้าอกที่มีขน เพราะจะท่าให้เกิดเสียงดัง ไม่ชัดเจน และอาจผิดปกติ
:no_entry: ผู้ป่วยควรถอดเสื้อในส่วนที่จะตรวจด้วยการฟัง
:no_entry: ถ้าหน้าอกมีขนมาก ให้ใช้น้่าทาก่อน
:no_entry:ถ้าผู้ป่วยที่มีผิวหนังแห้งมาก ควรใช้น้่ามันมะกอกทาก่อน
เทคนิคในการตรวจท้อง
การฟัง ใช้ chest piece ด้าน Diaphragm วางบนหน้าท้องบริเวณ
umbilical area เพื่อฟังเสียงที่เกิดจากการบีบตัวของล่าไส้ ซึ่งเรียกว่า bowel sound
• สังเกตลักษณะเสียงและนับจ่านวนครั้งต่อนาที
• การที่จะสรุปว่าไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวของล่าไส้ ควรใช้เวลาฟังอย่างน้อย 3 นาทีก่อนที่จะบอกว่าไม่ได้ยินเสียง
3.การเคาะ
การเคาะจะช่วยบ่งบอกลักษณะอวัยวะที่อยู่ในช่องท้อง และเป็นการช่วยตรวจสอบว่าท้องโตที่เห็นได้จากการดูนั้นเกิดจากมีอากาศ สารน้่า หรือก้อนในช่องท้อง
3.1 การเคาะท้อง
•จะเคาะทั่วหน้าท้องเพื่อดูสภาพของช่องท้องโดยทั่วไป
•จะค้นหาต่าแหน่งที่เคาะเจ็บ (localized tenderness)
•การเคาะต้องสังเกตดูว่าเสียงเคาะปกติ โปร่ง หรือทึบผิดปกติ
•ต่าแหน่งที่ใช้เคาะท้อง การเคาะหาขอบเขตของอวัยวะหรือสิ่งที่คาดว่าจะผิดปกติ จะเคาะจากส่วนที่โปร่งไปหาส่วนที่เคาะทึบ โดยวางนิ้วมือให้ขนานกับแนวที่คาดว่าเสียงจะเปลี่ยน
•ถ้าหากต้องการตรวจอวัยวะตื้นให้เคาะเบา แต่ถ้าหากต้องการตรวจอวัยวะลึกให้เคาะแรงขึ้น
ภาวะปกติ
จะได้เสียงโปร่ง หรือ tympany
ภาวะผิดปกติ
:<3: ได้เสียง hypertympany ในกรณีมีอากาศมาก
:<3: ถ้าหากมีสารน้่าหรือก้อน เคาะเสียงโปร่งน้อยลง (hypotvmpany) หรือทึบ(dull) (การแยกว่าเป็นสารน่าหรือก้อน ใช้การตรวจหาสารน้ำในช่องท้อง)
การตรวจหาสารน้ำในช่องท้อง
การตรวจหาสารน้่าในช่องท้อง มี 2 วิธี คือ การตรวจ shifting dullness และ fluid thrill
3.2 การเคาะตับ
:<3: การเคาะเพื่อหาขอบเขตบนของตับ
:<3: การเคาะเพื่อหาขอบล่างของตับ
ภาวะปกติ
เคาะได้เสียงทึบของตับตามแนว mid clavicular line ระหว่างช่อง
ซี่โครงที่ 6 ถึงใต้ชายโครงประมาณ 1 นิ้ว หรือกว้างประมาณ 10-12 เซนติเมตร
ภาวะผิดปกติ
:star: เคาะได้บริเวณตับเล็กกว่าปกติ ซึ่งอาจพบในภาวะถุงลมปอดโป่งพองมากมีก๊าซใต้กระบังลมมาก
:star: เคาะได้บริเวณตับโตกว่าปกติ พบในผู้ที่มีพยาธิสภาพของตับ
3.3 การเคาะม้าม
การเคาะม้าม ให้ผู้รับบริการนอนตะแคงขวา มือทั้ง
สองยกขึ้นหนุนไข ทรวงอกด้านซ้ายจากบนลงล่างจากช่องซี่โครงที่ 7 ถึง 11 แต่ละช่องซี่โครงเคาะไนaxillary line ไป posterior axillary line สังเกตลักษณะเสียงที่เคาะได้ทั้งอยู่ และหายใจออก
ภาวะปกติ
พบเสียงทึบของม้าม (Splenic dullness) ได้ที่ช่องซี่โครงที่ 9-10 หรือ mid axillary line ส่วนช่องซี่โครงที่ 11 จะโปร่ง
ภาวะผิดปกติ
พบเสียงทึบของม้ามมากกว่าปกติ เช่น ทึบในแนว anterior axillary line ซ้าย จนถึงช่องซี่โครงที่ต่่าสุดในช่วงหายใจเข้า อาจถือว่ามีม้ามโตหรือการตรวจ splenic percussion ได้ผลบวก
3.4 การเคาะไต (Costrovertebral angle tenderness,CVA)
เป็นการเคาะไตเพื่อตรวจอาการเจ็บที่เกิดจากกรวยไต
อักเสบหรือมีการอักเสบของเนื้อไต เช่น การติดเชื้อ
ภาวะปกติ
จะไม่มีอาการเจ็บเมื่อเคาะถูก
ภาวะผิดปกติ
คือ มีอาการเจ็บหรือปวด
4. การคลำ
การคลำท้องมี2 แบบ
•การคลำตื้นการคลำเบา (light palpable หรือ superficial palpable
•คลำลึกหรือคลำสองมือ (deeppalpable หรือ bimanual palpable)
•การคลำอวัยวะต่างๆให้ยึดหลักว่าคลำส่วนที่เจ็บเป็นส่วนสุดท้ายหรือหลังสุดของการตรวจ
4.1 การคลำท้อง
ภาวะปกติ
ท้องนุ่ม ไม่มีต่าแหน่งกดเจ็บ ไม่มีท้องตึงแข็ง(guarding abdomen) ไม่มีกดเจ็บ (tenderness abdomen) ไม่มีตึงแข็งและกดเจ็บ (guarding andtenderness) ไม่มีการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อตลอดเวลา (rigidity) ไม่มี rebound tenderness คลำไม่พบก้อน คลำไม่พบการขยายโตของอวัยวะ
ภาวะผิดปกติ
ท้องตึงแข็ง (guarding abdomen) กดเจ็บ (tenderness abdomen) ตึงแข็งและกดเจ็บ (guarding and tenderness) การแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อตลอดเวลา (rigidity) มี rebound tenderness เจ็บบริเวณเอว (frank
pain) พบก้อนในช่องท้อง คลำพบอวัยวะในช่องท้องขนาดผิดปกติ
4.2 การคลำตับ
ภาวะปกติ
ปกติจะคลำขอบตับไม่พบหรือประมาณ 1-2 เซนติเมตร จากใต้ชายโครงขวา ขอบตับที่คล่าได้ ผิวจะเรียบ ขอบเรียบ บาง นุ่ม ไม่ขรุขระและกดไม่เจ็บ
ภาวะผิดปกติ
ตับมีขนาดโตเกินขอบชายโครงมาก ตับแน่น (firm) แข็ง (hard)หรือแข็ง มากเหมือนหิน (stony hard) ผิวขรุขระ (nodular) และกดเจ็บ(tenderness)
4.3 การคลำม้าม
การคลำม้าม ในผู้ที่ม้ามโตชัดเจน ต้องเริ่มที่ระดับที่ต่่า
กว่าขอบม้ามได้ เช่น อาจเริ่มที่ left inguinal regionใกล้ขาหนีบไล่เรื่อยขึ้นไปจนจรดชายโครงซ้าย
ภาวะปกติ
คลำไม่พบขอบม้าม
ภาวะผิดปกติ
คลำพบขอบม้าม ซึ่งต้องโตประมาณ 2-3 เท่าของขนาดปกติ จึงจะคลำได้
4.4 การคลำไต
ใช้ปลายนิ้วกดบริเวณ costovertebral angle ทั้ง 2 ข้าง สอบถามว่าเจ็บหรือไม่ หรือทุบไตเบาๆ
จัดให้ผู้รับบริการนอนหงายราบ
ภาวะปกติ
คลำได้ขอบล่างของไตขวาระหว่างมือทั้งสองระหว่างหายใจเข้า ขอบเรียบ แข็งและไม่เจ็บ ไตซ้ายคลำไม่ได้
ภาวะผิดปกติ
คลำได้ไตหรือก้อนขนาดใหญ่ หรือได้ลักษณะผิดปกติระหว่างมือทั้งสองขอบไม่เรียบ แข็งมากหรือกดเจ็บ
การตรวจอวัยวะสืบพันธุ์และทวารหนัก
(Genital organ และ Anus)
การตรวจอวัยวะสืบพันธุ์ชาย
ภาวะปกติ ผิวหนังไม่มีรอยโรค การกระจายของขนปกติ
ภาวะผิดปกติ ผิวหนังมีรอยโรค มีแผล ก้อน สิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติ และมีการอักเสบ ซึ่งต้อง ตรวจโดยละเอียดต่อไป
การตรวจอวัยวะสืบพันธุ์หญิง
ภาวะปกติ ผิวหนังไม่มีรอยโรค การกระจายของขนปกติ
ภาวะผิดปกติ ผิวหนังมีรอยโรค มีการอักเสบ แผล มีสิ่งคัดหลังผิดปกติ มีก้อน หรือมีการ โผล่ ของอวัยวะอื่นออกมาทางช่องคลอด มี hernia หรือ ก้อนโตผิดปกติ
การตรวจทวารหนัก
สังเกตดู บริเวณผิวหนังรอบทวารหนักว่าปกติหรือไม่ มีริดสีดวงทวาร (external hemorrhoid) หรือไม่
การคล่า จะตรวจเมื่อผู้รับบริการมีปัญหา และต้องท่าด้วยความระมัดระวัง
การคล่าต่อมลูกหมาก
ภาวะปกติ ไม่มีรอยแผล รอยเกา รอยอักเสบ รอยโรค ก้อน ถุงน้่ากล้ามเนื้อมีความตึงตัวต่อมลูกหมากปกติลักษณะนุ่ม ไม่โต ไม่เจ็บ
ภาวะผิดปกติ มีแผล รอยเกา รอยอักเสบ มีการฉีกขาดเป็นร่อง (fissure) มีริดสีดวงทวาร (hemorrhoid) และฝี ถุงน้่า ฝี มีก้อน มีอวัยวะยื่นโผล่