Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พยาธิวิทยาของเซลล์และเนื้อเยื่อ Cellular Pathology, นางสาวปวีณา หมื่อโป…
พยาธิวิทยาของเซลล์และเนื้อเยื่อ Cellular Pathology
การบาดเจ็บของเซลล์ Definition Of Cell Injury
ชนิของเซลล์ในร่างกาย
Labile Cells
Short Life span อายุสั้นแต่เพิ่มจำนวนได้ตลอดเวลา เช่น เซลล์ผิวหนัง เซลล์เยื่อบุทางเดินอาหารทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ และ เซลล์ไขกระดูก
Permanent Cells
สามารถเพิ่มจำนวนได้เฉพาะระยะตัวอ่อนเท่านั้น เช่น เซลล์ประสาท เซลล์กล้ามเนื้อลาย และ เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ
Stable Cells
จะไม่เพิ่มจำนวนเซลล์ในสภาวะปกติแต่เพิ่มเมื่อเซลล์ถูกทำลายเช่น เซลล์ตับ และ เซลล์กระดูก
ชนิดและความรุนแรงของสิ่งเร้า
External stimuli
อุบัติเหตุถูกรถสิบล้อชน
Internal stimuli
โรคทางพันธุกรรม
ระยะเวลาที่เซลล์สัมผัสกับสิ่งเร้า
ถ้าเซลล์ถูกกระตุ้นนานๆเซลล์อาจทำให้เซลล์บาดเจ็บได้
การตอบสนองของเซลล์ต่อสิ่งเร้า
Cellular adaptation
(stimuli รุนแรงน้อย)
Hypertrophy
คือการเพิ่มขนาดของเซลล์ เช่น มดลูกใหญ่ขึ้นเมื่อท้อง หัวใจโตเพื่อบีบเลือด
Hyperplasia
เซลล์เพิ่มจำนวน เช่น เยื่อบุมดลูกเพิ่มจำนวนในระหว่างที่มีรอบเดือน
Atrophy
ลดขนาดของเซลล์หรืออวัยวะ เช่น ต่อมน้ำนมมีขนาดเล็กลงหลังจากหย่านมลูก
Dysplasia
เซลล์เปลี่ยนแปลงขนาด รูปร่าง ทำงานผิดปกติ อาจเกิดเป็นมะะเร็งได้
Aplasia
เซลล์สร้างตัวผิดปกติทำให้อวัยวะนั้นฝ่อ
Metaplasia
เซลล์ที่เจริญเต็มที่ชนิดหนึ่งถูกแทนที่โดยเซลล์อีกชนิดหนึ่ง แต่ทำงานได้
ความสามารถปรับตัวของเซลล์ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม
Cell Injury
(stimuli รุนแรงน้อย-ปานกลาง)
สาเหตุของภยันตรายที่เกิดกับเซลล์
อันตรายทางฟิสิกส์
พิษจากจุลินทรีย์
ความไม่สมดุลของสารอาหารในร่างกาย
สาเหตุทางเคมี
ปฏิกิริยาภูมิคุ้มกัน
เซลล์ขาดออกซิเจน
ความผิดปกติทางพันธุศาสตร์
กลไกการเกิดภยันตรายต่อเซลล์
Hypoxic cell injury
เซลล์ขาดออกซิเจน ทำให้ไมโทคอนเดรียไม่ผลิต ATP ส่งผลให้ผนังเซลล์ถูกทำลายไป = เซลล์ตาย
Free radical injury
ทำลายโครงสร้างของเซลล์, เยื่อหุ้มเซลล์, ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ และทำลายดีเอ็นเอ
Chemical cell injury
Reversible injury
Cell swelling, Chromatin clumping
Irreversible injury
ทำลายผนังเซลล์,เอนไซม์รั่วออกจาก Lysosome,Nuclear dissolution ทำให้ Cell death ได้
สารเคมีใดก็ตามที่ทำลายเยื่อหุ้มเซลล์
Irreversible injury (stimuli รุนแรงมาก)
Apoptosis
การตายอัตโนมัติ เมื่อหมดอายุการใช้งาน เกิดจากไมโทคอนเดรียเริ่มหมดอายุขัยไม่สามารถสร้าง ATP แล้วถูกกำจัดออกไปโดย macrophage
Memb.& organellesไม่เปลี่ยนแปลงไม่เกิดการอักเสบ
Necrosis การเน่าของเซลล์
เซลล์ตายด้วยการย่อยตัวเองด้วยเอนไซม์ที่รั่วจาก lysosome เกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยง การรับสารพิษ การติดเชื้อ Memb.& organelles ถูกย่อย มีการอักเสบ เซลล์บวม เซลล์รอบๆข้างตายไปด้วย มีการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ตายแล้ว
การเน่าชนิดมีสภาพเหลว
โปรตีนที่ถูกเอนไซม์ย่อยเหลวตัวลง
การเน่าแบบเนยแข็ง
พบในคนไข้ที่ติดเชื้อวัณโรคในตับ
การเน่าชนิดเนื้อแข็ง
เซลล์สูญเสียนิวเคลียสเกิดจากการขาดออกซิเจน
การเน่าตายของไขมันจากเอนไซม์
Lipase จากตับอ่อนหรือเซลล์ย่อย adipose tissue ที่เก็บไว้ตามร่างกาย
การเน่าตายแบบแก็งกรีน
เกิดจากเซลล์ขาดเลือดไปเลี้ยง และติดเชื้อแบคทีเรีย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ แขน ขา ปลายนิ้ว
Fibrinoid necrosis
การตายของผนังหลอดเลือดเกิดจากปฎิกิริยาภูมิคุ้มกัน
การเกิดการตายของเซลล์
สารที่ทำให้เกิดความผิดปกติ
การคั่งของสารที่เป็นไขมันชนิดอื่นๆ
Macrophages กินเศษไขมันของเซลล์ที่ตาย ในตัวมันจึงเต็มไปด้วย fats
การสะสมไกลโคเจนภายในเซลล์
พบในผู้ที่ผิดปกติในการเผาผลาญน้ำตาลเช่น โรคเบาหวาน
กลโคเจนที่อยู่ในเซลล์จะเห็นเป็นช่องว่างใสใน cytoplasm เรียกว่า clear cell
การสะสมสารมีสีภายในเซลล์
สีนอกร่างกาย
สะสมเหล็กภายในเซลล์ทำให้เกิดโรค siderosis
สะสมผงซิลิก้าในเซลล์ เรียกว่า silicosis
Carbon pigment
Tattoo (การสัก)
สีในร่างกาย
สีฮีโมสิเดอริน : เกิดจาก Hb มีเหล็ก
สี lipofuscin สีแห่งความชราภาพ
สีเมลานิน : ป้องกันแงแดด
Bilirubin : เกิดจาก Hb แต่ไม่มีเหล็กมีมากจะเกิดภาวะดีซ่าน
การสะสมโปรตีนในเซลล์
ปรตีนที่ตกค้างอยู่ใน plasma cell เรียกว่า Russell bodies
โปรตีนที่รั่วออกทาง glomeruli จะถูกดูดกลับทาง proximal tubule ด้วยวิธี pinocytosis แล้ว pinocytic vesicle จะรวมกับ lysosome เกิดเป็น phagolysosome --> hyaline droplets
การคั่งค้างของสารพวกไขมันในร่างกาย
มี FFA มากเกินต้องการเข้ามาสู่ตับ
เกิดจากร่างกายกำจัดไขมันออกได้น้อย
ลดการสังเคราะห์ apoprotein
Cell biology
เซลล์ เป็นหน่วยหลักของชีวิตที่เล็กที่สุด
ดำรงชีวิตได้โดยอิสระ
แต่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆตัว
เซลล์มีรักษาความสมดุลภายในเซลล์(homeostasis)
นางสาวปวีณา หมื่อโป เลขที่ 51 นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 2