Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่6 ยาแก้ปวด ลดไข้ ยาต้านการอักเสบ (Analgesic,antipyretic and anti…
บทที่6 ยาแก้ปวด ลดไข้ ยาต้านการอักเสบ (Analgesic,antipyretic and anti-inflammatory drugs) ยาแก้ปวดชนิดเสพติด ยาที่ออกฤทธิ์ต่อระบบทางเดินอาหาร
Analgesic ยาแก้ปวด
- ยาแก้ปวดชนิดเสพติดอย่างอ่อน
- Codeine sulfateมีฤทธิ์แก้ปวดน้อยกว่า morphine ให้ยาในรูปของยาผสมร่วมกับยาแก้ปวดชนิดไม่เสพติด ได้แก่ aspirin , paracetamol เพราะได้ฤทธิ์เสริมกัน มักใช้ codeine ในการแก้ไอมากกว่า codeine เป็นยาในกลุ่ม opioid agonist ออกฤทธิ์โดยจับกับ mu (µ) receptors ซึ่งกระจายอยู่ในบริเวณสมองและไขสันหลัง มีผลบรรเทา อาการปวด มีฤทธิ์อ่อนกว่า morphine
- Tramadol เป็นยาระงับปวดที่มีฤทธิ์ค่อนข้างอ่อน ออกฤทธิ์ 2 แบบ คือ กระตุ้น mu (μ)-receptor แบบ weak agonist และป้องกันการ reuptake ของ serotonin และ norepinephrine เข้าสู่ปลายประสาท descendinginhibitory pathway ของความปวด ทำให้มีผลข้างเคียงได้แก่ คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ ใจสั่น
- ยาแก้ปวดชนิดไม่เสพติด ( Nonopioid anagesics )
- Nonsteroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs)
- ยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์เป็นยากลุ่มที่ใช้เป็นยาแก้ปวดได้ดี โดยเฉพาะ อาการปวดจากการอักเสบ ยาที่จัดเป็นแม่แบบ คือ แอสไพริน (Aspirin) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและใช้กันมานาน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ออกฤทธิ์ต้านการอักเสบได้ โดยไป หยุดยั้งการสร้างสารที่เป็นสื่อกลางในการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ตัวทีสำคัญคือ พรอสตาแกลนดิน (Prostaglandin)
Morphine sulfate
- เป็นยาแก้ปวดที่เข้าสารเสพติดตัวแรก (Prototype analgesic)
- ใช้ในการแก้ปวดชนิดรุนแรง
- ระวังการใช้ในผู้ป่วยโรคหอบหืด ความดันในสมองสูง ภาวะshock ไตวาย และโรคตับ
- Side effect กดศูนย์หายใจ เบื่ออาหาร ตาพร่า เหงื่อออก คัน ท้องผูกปัสสาวะลำบาก
- รูปแบบของยาmorphine: ยารับประทาน (เม็ด สารละลาย ยาอมใต้ลิ้น),ยาฉีดIM, ยาฉีด IV, ยาฉีดเขาทางepidural หรือ patient control analgesia การฉีดเข้าทางหลอดเลือดด าจะต้องเจือจางด้วยNSS หรอ5DW และpush ช้าๆ
- ขนาดและวิธีการบริหารยาโดยทั่วไป
- รับประทาน Tablets (sustained-release) : ต้องกลืนทั้งเม็ด ห้าม บด แบ่ง เคี้ยวหรือทำให้เม็ดยาแตก ขนาดยา ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย โดยทั่วไปเริ่มทำ ขนาดยา 10 – 20 mg ทุก 12 ชั่วโมง
- Capsules (sustained-release pellets) : ต้องกลืนทั้งเม็ด แต่ในกรณีผู้ป่วยกลืนลำบากสามารถแกะ capsule แล้วน า เม็ดยาเล็กๆ (pellets) ไปผสมน้ำหรืออาหารอ่อน ป้อนทางสายให้อาหาร โดยห้าม ทำให้ pellets แตก
- การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยา มอร์ฟีน
- หากยามีการเปลี่ยนสีหรือมีการตกตะกอนห้ามใช้ยา
- ระวังเรื่องอาการไม่สุขสบายจากการท้องผูก หากให้ยาเป็นเวลานาน ดูแล ให้ได้รับยาระบายเพื่อลดภาวะไม่สุขสบาย
- ให้รับประทานอาหารที่มีกากใยเพื่อบรรเทาอาการท้องผูก
- การให้ยาทาง NG tube ต้องให้ในรูปของยาน้ำ
-
Antipyretic คือ ยาลดไข้
- Paracetamol อะเซตามีโนเฟน(acetaminophen)มีฤทธิ์บรรเทาอาการยาแก้ปวดและลดไข้ ซึ่งเป็นยาพื้นฐานที่มักใช้เพื่อบรรเทาไข้ อาการปวดศีรษะ และอาการปวดเมื่อย และรักษาให้กายจากโรคหวัดและไข้หวัด พาราเซตามอลมักใช้รักษาอาการปวดพื้นฐานถึงการปวดอย่างซับซ้อน
- Aspirin (Acetylsalicylic acid) เพื่อบรรเทาอาการปวด อักเสบ และลดไข้ ขนาดยาแอสไพรินในข้อบ่งใช้นี้ควรเป็นขนาดยาที่สูง คือ 325-650 มิลลิกรัมควรเริ่มด้วยขนาดยา 600-650 มิลลิกรัมขึ้นไปในการ บรรเทาอาการปวดปานกลางถึงรุนแรงและขนาด 500-1000 มิลลิกรัมเพื่อลดไข้) รับประทานทุก 4-6 ชั่วโมง ลักษณะของเม็ดยาจะมีขนาดใหญ่ และเป็นเม็ดยาที่ถูกเคลือบเพื่อควบคุมให้มีการปลดปล่อยยาที่ลำไส้เล็ก(enteric-coated tablet) ผู้ป่วยควรรับประทานยาทั้งเม็ดหลังอาหารทันทีเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหารโดยใช้ตามอาการที่เป็น และหยุดใช้ยาเมื่ออาการหมดไป
- ผลไม่พึงประสงค์ของยาแอสไพริน คือ สามารถทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้รู้สึกไม่สบายในระบบทางเดินอาหาร เลือดออกใน ทางเดินอาหารเกิดภาวะกรดไหลย้อน อาหารไม่ย่อย เบื่ออาหาร
- Ibuprofen เป็นยาที่ใช้ลดไข้ แก้ตัวร้อน อีกชนิดหนึ่งที่ได้ผลดีและเป็นทำนิยมมากขึ้นๆในปัจจุบัน จะช่วยลดไข้ แก้ตัวร้อน และแก้ปวดได้ผลดีแล้ว ข้อควรระวังในการใช้ยา ทำให้กระเพาะอักเสบ ไตทำงานลดลง เลือดออกง่ายเนื่องจากต้านการแข้งตัวของเลือด ต้องระมัดระวังหรือไม่ใช้เลยในรายที่มีอาการขาดน้ำเพราะส่งผลให้ไตวายได้ มีโอกาสเป็นไข้เลือดออกจากการใช้ยา
- สเตียรอยด์กลุ่มฮอร์โมนที่ถูกสร้างจากต่อมหมวกไต (Adrenal cortex steroids) ซึ่งที่ต่อมนี้จะสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่ง เป็นฮอร์โมนเพศชาย ถูกสร้างขึ้นจากสารตั้งต้นที่เรียกว่า คอเลสเตอรอล(Cholesterol) ซึ่งสเตียรอยด์ที่ถูกสร้างขึ้น มีหลักๆ 2 ชนิด คือ Cortisol และ Aldosterone
- Hydrocortisone , Prednisolone ,Triamcinolone
- Fluocinolone, Betamethasone ,Clobetasol
- Desoximetasone, Prednicarbate, Mometasone
- Beclomethasone, Budesonide ,Dexamethas
- ประโยชน์
- โรคทางเดินอาหาร ได้แก่
Ulcerative colitis, Crohn's disease
- โรคตับ Subacute Hepatic Necrosis, Chronic active Hepatitis, ตับอักเสบจากแอลกอฮอล์และตับแข็งในสตรีที่ไม่ดื่มสุราโรคมะเร็งในโรค Lymphoblastic Leukemia มะเร็งเต้านม ป้องกันอาเจียนในผู้ที่ได้รับยาต้านมะเร็ง
- ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง โรคโลหิตจางImmunohemolytic anemia
-
-
-
-
-
-
-
-
-