Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาปฏิชีวนะ กลุ่มยาที่ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน, 💙, 💛, 💚, ❤, 💗, 🧡,…
ยาปฏิชีวนะ กลุ่มยาที่ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน
1.2.1 ยากลุ่ม Aminoglycoside
กลไกการออกฤทธิ์
ยาออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรียที่
Bacteria ribosome 30S แบบ Irreversible
ข้อบ่งใช้
เป็นยาปฎิชีวะนะใช้รักษาติดเชื้อแบคทีเรีย
ผิวหนัง
ทางเดินหายใจ
กระดูก ข้อ
หลังผ่าตัด
ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำแพทย์
ใช้รักษาการติดเชื้อแบคทีเรียขั้นรุนแรง
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้เป็นยาร่วมในการรักษาการติดเชื้อ gr- รุนแรง
รักษาโรคติดต่อเชื้อแบคทีเรียที่ร้ายแรง เช่น เชื้อวัณโรค
ติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินปัสสาวะ ติดเชื้อของผิวหนัง หรือโครงสร้างผิวหนัง
ติดเชื้อของกระดูก เยื่อบุช่องท้องอักเสบ
นำมาใช้ในการรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ จากแบคทีเรีย gr- โดยการฉีดเข้าไขสันหลัง
ข้อควรระวัง
1.หลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม Aminoglycoside ร่วมกับยาที่เป็นพิษต่อหู ไต หรือระบบประสาท เพราะจะเสริมฤทธิ์กันทำให้พิษของยาสูงขึ้น
2.เมื่อใช้รักษาเด็กทารก ผู้ป่วยที่สูงอายุ ไตพิการหรือหูพิการ และผู้ป่วยที่เป็นโรค Myasthenia gravis ควรปรับขนาดยาให้ลดลง
3.ยามีพิษต่อไตและหู ผู้ป่วยได้รับยาเกิน 5 วัน จะมีอาการหูอื้อ หูตึง วิงเวียน เดินเซ
มักเป็นแบบถาวร ดังนั้นควรตรวจสภาพการทำงานของไต และการรับฟังของผู้ป่วยเป็นระยะๆ
ข้อห้ามใช้
1.การใช้ยาขนาดสูง จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าไม่ทำงาน หายใจลำบาก ควรหลีกเลี่ยงการใช้ร่วมกับยาสลบ และยาคลายกล้ามเนื้อ เพราะเสริมฤทธิ์กัน
2.ยาถูกขับออกทางไตทั้งหมด จึงไม่เหมาะสำหรับการติดเชื้อในตับและทางเดินน้ำดี
ตัวอย่างยา
ยา Amikacin
นำมาใช้ในการรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด
ผลข้างเคียง
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย เบื่ออาหาร หรือมีอาการเจ็บ แดง ระคายเคืองบริเวณที่ฉีด
อาการข้างเคียงรุนแรง ได้แก่ อาการแพ้ยา ไตทำงานผิดปกติ มีอาการสับสน เวียนศีรษะหรือหมดสติ การทรงตัวผิดปกติ การได้ยินเปลี่ยนแปลง กล้ามเนื้ออ่อนแรง
ยา Gentamicin
นำมาใช้ในการรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกบางชนิด ยาออกฤทธิ์โดยยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรียที่ Bacteria ribosome 30S และ 50S ส่งผลให้เกิดการชะงักการเจริญเติบโตของเซลล์
ผลข้างเคียง
มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลด
วิงเวียนศีรษะ มีผื่นคันตามผิวหนัง
รู้สึกปวดบริเวณที่ฉีดยา อารมณ์แปรปรวน ปวดข้อ
มีอาการอื่นๆร่วมด้วย ได้แก่ อาการแพ้ยา สูญเสียการได้ยิน เวียนศีรษะอย่างรุนแรง
กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ไตทำงานผิดปกติ
ยา Streptomycin
ผลข้างเคียง
การเกิดพิษต่อไต และความเป็นพิษต่อหู ซึ่งอาจทำให้เกิดการสูญเสียการได้ยิน
ชั่วคราวหรือถาวรได้
การที่ยาส่งผลกระทบต่อระบบประสาท อาจทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการทรงตัว
เป็นยาที่นำมาใช้ร่วมกับการรักษาการติดเชื้อวัณโรค
ยา Neomycin
ไม่นิยมใช้เพราะมีพิษต่อหูและไต ปัจจุบันนำมาใช้เป็นยาเฉพาะที่
และใช้สำหรับเตรียมภาวะปราศจากเชื้อในทางเดินอาหารก่อนผ่าตัด
คำแนะนำในการใช้ยา
3.หากผู้ป่วยเป็นโรคไต การได้ยินผิดปกติ การทรงตัวผิดปกติ ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกตา โรคเกี่ยวกับประสาทและกล้ามเนื้อ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยานี้
2.ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปี ขึ้นไป ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้
1.หากมีประวัติแพ้ยาหรือส่วนประกอบของยานี้ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา
4.ผู้ที่ตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
1.2.2 ยากลุ่ม Macrolides
ข้อบ่งใช้
ให้ผลดีสำหรับการรักษาโรคติดเชื้อกลุ่มอื่น เช่น Mycoplasma pneumophila Chlamydia trachomatis และ Mycobacterium avium complex
ให้ผลสำหรับใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและลบ
ผลข้างเคียง
อาจพบว่ามีตับอักเสบ ตัวเหลือง ตาเหลือง จากการที่มีถุงน้ำดีอับเสบเฉียบพลัน และ Cholestatic hepatitis
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน เบื่ออาหาร ปวดท้อง ไข้ มีผื่นขึ้น
กรณีที่ฉีดเข้าหลอดเลือด อาจทำให้หลอดเลือดอักเสบ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
กรณีฉีดยาเข้ากล้าม ยาจะไประคายเคืองต่อเนื้อเยื่อบริเวณที่ฉีดยา ทำให้เกิดอาการปวดหลังฉีดยา
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรียที่ bacteria ribosome 50S
ถ้าใช้ใน Dose สูงมีฤทธิ์เป็น bactericidal (ไปทำลายCell wall)
ข้อห้ามใช้
ยา Erythromycin และ Clarithromycin เมื่อใช้ร่วมกับ Theophylline ทำให้ระดับ Theophylline เพิ่มขึ้น และเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
ยากลุ่ม Macrolides
Clarithromycin
Roxithromycin
Erythromycin
Azithromycin
ตัวอย่างยา
ยา Clarithromycin
นำไปใช้ป้องกันหรือรักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียชนิดต่างๆ ในร่างกายทั้งบริเวณผิวหนังและในระบบทางเดินหายใจ ใช้ร่วมกับยาอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา
ไม่ควรใช้ยาในคนเป็นดีซ่านหรือมีปัญหาเกี่ยวกับตับจากการใช้ยานี้
ไม่ควรใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เพราะยาอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
ไม่ควรใช้ยาในคนที่เคยมีประวัติโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดลองคิวทีซินโดรม มีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติที่อันตรายถึงชีวิต
ยา Rozithromycin
คำแนะนำการใช้ยา
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากมีประวัติแพ้ยา Roxithromycin หรือยากลุ่มแมคโครไลด์ (Macrolides) อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ข้อควรระวัง
ระมัดระวังการขับขี่ยานพาหนะ เพราะยานี้อาจทําให้เกิดอาการเวียนศีรษะ
หากใช้ยาเป็นเวลานาน ควรติดตามการทํางานของตับ
นำมาใช้ในการรักษาโรคที่มาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ในผู้ที่เป็นโรคโพรพีเรีย (Porphyria) หรือผู้ที่มีภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivity)
ห้ามใช้ยานี้ร่วมกับยารักษาไมเกรนในกลุ่มเออร์กอต อัลคาลอยด์ (Ergot Alkaloids) ยาซิม วาสแตติน (Simvastatin) ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporin) ยาไดจอกซิน (Digoxin) เพราะอาจเกิดปฏิกิริยาที่ ไม่พึงประสงค์
ยา Azithromycin
คำแนะนำในการใช้ยา
2 ชั่วโมงก่อนหรือหลังรับประทานยานี้ ไม่ควรรับประทานยาดกรดที่มีส่วนผสมของอลูมิเนียมและแมงกานีส เพราะยาลดกรดไปลดประสิทธิภาพการทำงานของยา
ข้อควรระวัง
ไม่ใช้ยานี้ควบคู่กับยาเนวฟินนาเวียร์ (Nelfinavir) ซึ่งเป็นยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวี(HIV) และยาในกลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด (Blood thinner) เช่น ยาวอร์ฟาริน(Warfarin)
ยานี้ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดด เพราะยาอาจทำให้ผิวไวต่อแสงและทำให้ผิวไหม้จากแสงแดดได้
นำมาใช้รักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย
หลอดลมอักเสบ
ทอนซิลอักเสบ
ปอดบวม
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้สำหรับการติดเชื้อของทางเดินหายใจ ในกรณีที่ใช้ยาอื่นไม่ได้หรือไม่ได้ผล
ใช้ป้องกันการติดเชื้อ Mycobacterium avium complex (MAC) ในผู้ป่วย AIDS
ใช้รักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย gr+
ใช้รักษาการติดเชื้อของผิวหนังจากเชื้อ Streptococcus S. aureus (MSSA)
1.2.3 ยากลุ่ม Lincosamide
ตัวอย่างยา
Lincomycin
Clindamycin
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรียที่ bacteria ribosome 50S ใช้ต้านแบคทีเรีย gr +
ข้อบ่งใช้
นำมารักษาผู้ที่ติดเชื้อแบคทีเรียและแพ้ยาปฏิชีวนะในกลุ่มเพนนิซิลลิน ใช้ได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยปริมาณการใช้ยาจะแตกต่างกันไปตามอายุหรืออาการของผู้ป่วยตามดุลยพินิจของแพทย์
การนำไปใช้ทางคลินิก
ใช้เป็นยาเดี่ยวหรือใช้ควบคู่กับยาปฏิชีวนะตัวอื่นหรือใช้เมื่อใช้ยาตัวอื่นแล้วไม่ได้ผล
ใช้รักษาและป้องกันการติดเชื้อของแผลผ่าตัดบริเวณหน้าท้องใช้รักษาการติดเชื้อในข้อต่อกระดูกระบบทางเดินหายใจช่องปากช่องท้อง
ใช้รักษาการติดเชื้อในระบบสืบพันธุ์ในหญิง (รักษาแบคทีเรียในช่องคลอด) อาจใช้ร่วมกับยาในกลุ่ม Aminoglycoside
ใช้รักษาสิวเช่น Clindamycin อาจใช้เช่น Clindamycin ในการป้องกันการอักเสบของเนื้อเยื่อบุโพรงหัวใจ (Endocarditis) แทนการรักษาด้วย Erythromycin
ใช้เป็นยาแทน (Alternative drug) ในการป้องกันหรือรักษาปอดอักเสบจากเชื้อในผู้ป่วยเอดส์
ใช้ Clindamycin ร่วมกับ Primaquine รักษาปอดอักเสบจากเชื้อ Pneumocystic jiroveci (Pneumocystic jiroveci pneumonia)
ผลข้างเคียงของยา
อาการที่พบบ่อย
ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน ผื่นคัน มีไข้ เจ็บคอ แสบตา รู้สึกขมปาก เวียนศีรษะ มึนงง
ข้อควรระวัง
บุคคลในกลุ่มต่อไปนี้ จำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ยา เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเอง
ผู้ที่เคยแพ้ยา Lincomycin
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหืด โรคตับ โรคไต เป็นต้น
คำแนะนำในการใช้ยา
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากใช้ยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลง
ห้ามใช้ยาเป็นเวลานานเกินกว่าที่แพทย์สั่ง เพราะอาจทำให้เกิดการติดเชื้ออื่นซ้ำได้
ผู้ป่วยที่อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปควรใช้ยาอย่างระมัดระวัง เพราะมีแนวโน้มที่จะเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาได้มากกว่าผู้ป่วยวัยอื่น ๆ
1.2.4 ยากลุ่ม Tetracycline
ตัวอย่างยา
Doxycycline
Minocycline
Tetracycline
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
โดยการยับยั้งการสร้างโปรตีนของแบคทีเรีย
โดยจับกับ 30S ribosome
ข้อบ่งใช้
Second user : ใช้ในการรักษาสิว การรักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น Syphillis
Selective user : ใช้ร่วมกับยาอื่นในการรักษาโรคกระเพาะอาหารอักเสบที่มีสาเหตุจากเชื้อ H.pylori
Primary user : ใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อ Mycroplasma pnuemoniae, Chlamydiae
ผลข้างเคียง
ระคายเคืองระบบทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
มีผลต่อกระดูกและฟัน พบการเจริญของฟันผิดปกติแบบถาวร ฟันเหลือง
มีฤทธิ์ทำลาย Normal flora โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวาน หรือภูมิคุ้มกันพร่อง
อาจมีอาการแพ้แสง Demeclocycline และ Doxycycline
ทำผิวหนังแพ้แสงมากที่สุดในกลุ่ม Tetracyclines
ความเป็นพิษต่อตับและไต
Minocycline ทำให้เกิดอาการมึนงง หูอื้อ เดินเซ คลื่นไส้ อาเจียน
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยไตวายและเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี
หญิงที่ให้นมบุตรห้ามรับประทานยานี้
การรับประทานยาชนิดนี้อาจทำให้ผิวไวต่อแสง
และเสี่ยงเกิดผิวไหม้ได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดด
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ระหว่างใช้ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ
คำแนะนำการใช้ยา
ปริมาณการใช้ยา Tetracyclines ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นหลัก
โดยจะพิจารณาจากอายุ ปัจจัยด้านสุขภาพ สาเหตุ และความรุนแรงในการติดเชื้อของผู้ป่วย
1.2.5 ยากลุ่ม Chlotamphenicol
กลไกการออกฤทธิ์
คุณสมบัติที่ออกฤทธิ์กว้าง
ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรีย
โดยมีการจับกับ Bacteria ribosome 50S
ข้อบ่งใช้
รักษาโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ในผู้ที่ใช้ยาอื่นไม่ได้ผล
รักษาการติดเชื้อ Thyphois fever (ไข้ไทฟอยด์) Scrub typhus (สครับไทฟัส)
รักษาโรคหูอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
รักษาการติดเชื้อพวก anaerobe
รักษาการติดเชื้อต่างๆที่เปลือกตา เยื่อตาขาว ถุงน้ำตา
ผลข้างเคียง
ระคายเคืองทางเดินอาหาร คลื่นไส้อาเจียน และท้องเสีย
กดการทำงานของไขกระดูก พบการสร้างเม็ดเลือดแดงลดลง เกิดภาวะซีด (Aplastic anemia)
ข้อควรระวัง
ยานี้จะต้องใช้ภายใต้คำสั่งแพทย์เท่านั้น
ผู้ที่ใช้ยาสมุนไพร และอาหารเสริมที่แพทย์สั่งหรือนอกเหนือใบสั่งแพทย์
เกรย์ซินโดรม (Gray syndrome) โดยทารกจะมีอาการผิวสีเทา
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่เคยมีประวัติการแพ้ยาคลอแรมเฟนิคอล
ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วยโรคไขกระดูกทำงานผิดปกติ
ห้ามใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่ให้นมบุตร
คำแนะนำการใช้ยา
ยารับประทาน
ผู้ใหญ่ รับประทานวันละ 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม แบ่งให้เป็น 4 ครั้ง
เด็ก ทารกคลอดก่อนกำหนดและทารกแรกเกิดให้ยาวันละ 25 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม แบ่งให้เป็น 4 ครั้ง
ทารกครบกำหนดคลอดที่อายุมากกว่า 2 สัปดาห์ขึ้นไป
ให้วันละ 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม แบ่งให้เป็น 4 ครั้ง
ยาฉีด
ผู้ใหญ่ ให้วันละ 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม แบ่งให้ทุก ๆ 6 ชั่วโมง
เด็ก ให้วันละ 50 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัม แบ่งเป็น 4 ครั้ง ทุก 6 ชั่วโมง
ยาป้ายตา
ป้ายบริเวณถุงเยื่อตาขาวด้านล่าง วันละ 3-4 ครั้ง หรือ ทุก ๆ 3 ชั่วโมง
ยาหยอดตา
หยอดครั้งละ 1 หยด ทุก 2 ชั่วโมง โดยเพิ่มปริมาณได้ขึ้นอยู่กับอาการ
ยาหยอดหู
ใช้ยาหยอดความเข้มข้น 5% วันละ 2-3 ครั้ง
1.2.6 กลุ่มยา Glycylcyclines
Tigecycline (เตตราไซคลีน)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีนของแบคทีเรีย โดยจับกับ Bacteria ribosome 30S ซึ่งส่งผลให้ Aminoacyl – tRNA เข้าจับที่ตำแหน่ง A site บนไรโบโซมไม่ได้
ข้อบ่งใช้
Tigecycline ใช้สำหรับการรับการรักษา, ควบคุม, ป้องกันและรักษาอาการและสภาพของโรคต่อไปนี้ให้ดีขึ้น
ติดเชื้อที่ผิวหนัง
การติดเชื้อในช่องท้อง
โรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรีย
ผลข้างเคียง
พบได้บ่อย ได้แค่ คลื่นไส้ อาเจียน
ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจพบ เช่น รบกวนอัตราการเต้นของหัวใจ ปวดศีรษะ เกิดการติดเชื้ออื่นที่ไม่ไวต่อยา
คำแนะนำในการใช้ยา
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ โดยเฉพาะโรคตับยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ
ยาเตตราไซคลีนชนิดรับประทาน ควรรับประทานตอนท้องว่าง 1 ชั่วโมงก่อนมื้ออาหาร หรือหลังมื้ออาหาร 2 ชั่วโมง และดื่มน้ำตามมาก ๆ หลีกเลี่ยงการรับประทานร่วมกับผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต นม ชีส ไอศกรีม เป็นต้น
ข้อควรระวัง
การใช้ยาในเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด โดยปริมาณการใช้ยาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว การตอบสนองต่อการรักษา และปัญหาด้านสุขภาพของเด็ก
ผู้ป่วยควรรับประทานยาอย่างต่อเนื่องจนครบตามปริมาณและระยะเวลาที่แพทย์สั่ง และไม่ควรหยุดใช้ยาแม้ว่าจะมีอาการดีขึ้น เพื่อช่วยให้หายขาดจากโรคและป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
💙
💛
💚
❤
💗
🧡