Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ - Coggle Diagram
การติดเชื้อที่มาจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การตกขาวผิดปกติ
การตกขาวจากการติดเชื้อรา
ปัจจัยและปัจจัยเสี่ยง
การรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อการรักษาบางชนิดอย่างต่อเนื่อง
การได้รับฮอร์โมนสเตียรอยด์
การรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณฮอร์โมนมาก
ภูมิต้านทานของร่างกายถูกกดจากการเป็นโรคเอดส์
การควบคุมภาวะเบาหวานไม่ดี
การรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลมาก
การสวมใส่ชุดชั้นในที่แน่นเกินไป ทำให้เกิดการอับชื้น
การใช้น้ำล้างทำความสะอาดช่องคลอด
การใส่แผ่นอนามัยโดยไม่เปลี่ยนระหว่่างวัน
อาการและอาการแสดง
มีอาการคันและระคายเคืองมากในช่องคลอด
ตกขาวมีลักษณะสีขาวขุ่น รวมกันเป็นกลุ่มเหมือนนมตกตะกอน
อาจมีการเจ็บขณะร่วมเพศ
มีอาการปัสสาวะลำบากและแสบขัดตอนสุด
ผลกระทบ
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์การตั้งครรภ์ทำให้อาการติดเชื้อเพิ่มเป็นสองเท่า
ผลกระทบต่อทารก จะเป็นเชื้อราในช่องปาก
การประเมินและการวินิจฉัย
ซักประวัติการตกขาวผิดปกติ
การตรวจร่างกาย พบตกขาวมีลักษณะขุ่นรวมกันเป็นก้อนเหมือนนมตกตะกอน
หารตรวจด้วยวิธีแกรมแเตน จะพบลักษณะเป็นเหมือนเส้นด้าย และมีรูปร่างเหมือนยีสต์
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์เข้าใจสาเหตุของการติดเชื้อ
แนะนำการใช้ยาทา
แนะนำตากชุดชั้นในให้แห้งอยู่เสมอ ควรเป็นผ้าฝ้ายไม่ควรใช้ไนลอน
หากติดเชื้อซ้ำๆควรพาสามีมากรักษาด้วย
ระยะคลอด สามารถให้คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
เน้นการดูแลอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
สามารถเลี้ยงดูบุตรด้วยนมมารดาได้ ต้องล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสบุตร
ทารกแรกเกิดอาจมีการติดเชื้อในช่องปาก ให้ปรึกษากุมารแพทย์เพื่อการดูแลทารก
2.การตกขาวจากการติดเชื้อพยาธิ
เป็นพยาธิที่ไม่ต้องการออกซิเจน มีรูปร่างค่อนข้างกลมป้อม
ก่อให้เกิดการอักเสบเยือบุช่องคลอดชนิด Squamous
ติดเชื้อได้ 2 ทาง ทางเพศสัมพันธ์ และอวัยวะสัมผัสเชื้อโดยตรง
อาการและอาการแสดง
ลักษณะของตกขาวมีลักษณะสีขาวปนเทา หรือสีเหลืองเขียว ตกขาวเป็นฟอง และมีกลิ่นเหม็น
มีอาการระคายเคืองที่ปากช่องคลอด ปากช่องคลอดบวมแดง
มีจุอเลือดออกเป็นหย่อมๆ Strawberry spot
ผลกระทบ
ต่อสตรีตั้งครรภ์ ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด เ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
ต่อทารก ทารกคลอดก่อนกำหนด และ ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อย
การประเมินและการวินิจฉัย
ซักประวัติ มีการตกขาวจำนวนมาก เป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น ร่วมกับอาการคัน
การตรวจร่างกาย พบตกขาวเป็นฟองสีเหลืองเขียว อาจพบจุดเลือดออกเป็นหย่อมๆ ที่ผิวปากมดลูก
ตรวจทางห้องปฏิบัติการด้วย Wet mount smear จะพบเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก
แนวทางการรักษา
ใช้ยา metronidazole แต่ห้ามใช้ในไตรมาสแรก หลังไตรมาสแรกไปแล้วสามารถใช้ได้
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
แนะนำการเหน็บยา
แนะนำให้สามีมารักษาพร้อมกัน
แนะนำการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัยโดยใช้ถุงยางอนามัย
แนะนำการรักษาอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกให้แห้งและสะอาด
ระยะคลอด ให้คลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด ให้การพยาบาลเหมือนมารดาหลังคลอดทั่วไป
การตกขาวจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
แบคทีเรียที่ทำให้ช่องคลอดอักเสบมากที่สุด คือ gardnerrella vaginalis
อาติดเชื้อแบคทีเรียได้จากการใช้สบู่ หรือเจลอาบน้ำที่มีสารระคายเคือง
อาการและอาการแสดง
มีอาการคัน ปวดแสบปวดร้อนปากช่องคลอด
ถ่ายปัสสาวะลำบาก แสบขัด เจ็บขณะร่วมเพศ ตกขาวสีขาว สีเทา หรือสัเหลือง ข้นเหนียว
มีกลิ่นเหม็นเหมือนคาวปลา โดยเฉพาะหลังการมีเพศสัมพันธ์แล้ว
ผลกระทบ
ต่อสตรีตั้งครรภ์
ถ้าไม่ได้รักษา อาจทำให้มีการติดเชื้อราได้ง่ายขึ้น
อาจทำให้เกิดการแท้งติดเชื้อ
มารดาหลังคลอดอาจมีไข้
ผลต่อทารก
ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย
ทารกคลอดก่อนกำหนด
การประเมินและการวินิจฉัย
การซักประวัติ ประวัติการมีตกขาวจำนวนมาก
การตรวจร่างกาย ทำ pap smear จะพบเชื้อแบคทีเรีย
จะพบค่า pH มากกว่า 4.5 ในช่องคลอด
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
ให้คำแนะนำการดูแลเหมือนสตรีตั้งครรภ์ทั่วไป
เน้นย้ำให้เห็นความสำคัญของการมาตรวจมาตรวจตามนัด
รักษาความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกไม่ให้อับชื้นโดยใช้น้ำธรรมดา
ระยะคลอด สามารถคลอดทางช่องคลอดได้ตามปกติ
ระยะหลังคลอด
ให้การดูแลเหมือนมานดาหลังคลอดที่วไป
สมารถเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดาได้
เน้นการทำความสะอาดของอวัยวะสืบพันธุ์ให้สะอาดและแห้งเสมอ
ซิฟิลิส
เกิดจากการติดเชื้อ T. Pallidum สามารถติดจากคนสู่ตนโดยตรงกับแผล หรือเยื่อบุที่มีรอยถลอกเล็กๆ
สามารถผ่านเชื้อนี้ไปให้ทารกในครรภ์ได้
พยาธิสรีรภาพ
ภายหลังได้รับเชื้อสู่ร่างกาย ร่างกายจะสร้าง antibody ต่อเชื้อชนิด IgM และ IgG ขึ้นมา เกิดปฏิกิริยา lymphocyte และ plasma cell reaction
ส่งผลให้เนื้อเยื่อมีการอักเสบมีเลือดมาเลี้ยงลดลง เกิดการขาดเลือดกลายเป็นเนื้อตาย และกลายเป็นแผลที่มีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง กดไม่เจ็บ
เชื้อจะเข้าไปในต่อมน้ำเหลือง ทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตแต่กดไม่เจ็บ แผลที่เนื้อเยื่อจะค่อยๆลดลง ผื่นจะค่อยๆหายไปส่วนบริเวณแผลจะมีพังผืดเกิดขึ้นและกลายเป็นแผลเป็น
อาการและอาการแสดง
Primary satge
หลังได้รับเชื้อ 10-90 วัน จะเกิด แผล กลม นิ่ม ของนูนแข็ง ไม่เจ็บ เรียกว่า chancre
ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบโตกดไม่เจ็บมักจะพบเพียง 1 แผล แผลจะอยู่นานประมาณ 3-6 สัปดาห์
Secondary stage
หลังจากแผลหายจะพบผื่นกระจายทั่วร่างกาย ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เยื่อบุรวมทั้งอวัยวะสืบพันธุ์ มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต ผมร่วงเป็นหย่อมๆ
latent srphilis
ระยะนี้ไม่มีอาการใดๆ แต่สามารถแพร่กระจายเชื้อได้ ระยะแผงจะอยู่ได้นานเป็นปั
tertiary syphilis
ระยะนี้เชื้อจะเข้าไปทำลายระบบหัวใจและหลอดเลือด ทำห้เกิด aortic aneurysm และ aortic insufficiency
เกิดรอยโรคที่อวัยวะภายในและกระดูกที่มีลักษณะเฉพาะ gumma lesion รูม่านตาหดเล็กลงได้เมื่อมองใกล้ แต่ไม่หดเล็กลงเมื่อมองแสง เรียกว่า Argyll Robertson pupil
ผลกระทบ
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์ ผิวหนังและเนื้อเยื่ออักเสบ คลอดก่อนกำหนด และแท้ง
ต่อทารก พิการแต่กำเนิด ติดเชื้อซิฟิลิส ปัญญาอ่อน โรคหัวใจแต่กำเนิด
การประเมินและวินิจฉัย
ซักประวัติเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อซิฟิลิส
การตรวจร่างกายครั่นเนื้อครั่นตัว ตรวจอวัยวะสืบพันธ์ภายนอกพบแผลที่มีลักษณะขอบแข็ง กดไม่เจ็บ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
การตรวจหา antibody ได้แก่ RPR VDRL ให้ผล reactive ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็น ซิฟิลิส ต้องตรวจยืนยันด้วย treponemal test เสมอ
การตรวจหา antibody เพื่อยืนยันการติดเชื้อซิฟิลิส ที่จำเพาะต่อเชื้อ CMIA EIA ICS TPHA TPPA หาก treponema test ให้ผลบวก reactive
การคัดกรอลส่วนใหญ่นิยมใช้การตรวจด้วยวิธี VDRL เนื่องจากเป็นวิธีที่ให้ผลเร็ว
หนองใน
เกิดจากการติดเชื้อ Neiseria gonorrheae หรือ gonococcus
เชื้อเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเยื่อเมือกต่างๆ ของอวัยวะสืบพันธ์ุจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
พยาธิสรีรภาพ
เมื่อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะเข้าไปเกาะติดกับเซลล์ขับเมือก จะทำปฏิกิริยากับภูมิต้านของร่างกาย
ทำให้เกิดสารเคมีที่เป็นพิษต่อเซลล์และเนื้อเยื่อ ส่งผลให้เนื้อเยื่ออักเสบเป็นหนอง
ถ้าเชื้อเข้าสู่เชิงกรานจะไปทำลายถุงน้ำคร่ำทำให้ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
อาการและอาการแสดง
มีอาการอักเสบของปากมดลูกและช่องคลอดทำให้ตกขาวเป็นหนองข้นปริมาณมาก
อาจพบอาการกดเจ็บบริเวณ ต่อมบาร์โธลิน (bartholin's gland)
พบอาการปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะบ่อย เป็นหนองข้น และปัสสาวะเป็นเลือด
ผลกระทบ
ต่อสตรีตั้งครรภ์ ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด แท้งบุตร และการเจ็บรรภ์ก่อนกำหนด
ต่อทารก ทารกที่คลอดทางช่องคลอด ทำให้เกิดตาอักเสบ และอาจเป็นสาเหตุทำให้ตาบอดได้ ทำให้ช่องปากอักเสบ
การประเมินและการวินิจฉัย
ซักประวัติเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อหนองใน
การตรวจร่างกาย พบหนองสีขาวขุ่น บางรายอาจพบเลือดปนหนอง หากมีการอักเสบขาหนีบจะบวม กดเจ็บบริเวณต่อมบาร์โธลิน
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตรวจ gram stain smear หากมีการติดเชื้อจะพบ intracellular gram negative diplocooci
แนวทางการรักษา
ทารกแรกเกิดทุกรายควรได้รับยาป้ายตาคือ 1% tetracycline ointment เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่ตา
หากพบว่ามีการติดเชื้อให้ยา ceftriaxone, azithromycin, penicillin
การติดเชื้อเริม
เกิดจากเชื้อไวรัส HSV เข้าสู่ร่างกายโดยผ่านที่เยื่อบุหรือแผลที่ผิวหนัง
พยาธิสรีรภาพ
ภายหลังเชื้อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้ผิวหนัเป็นตุ่มน้ำใส เล็กๆจำนวนมาก เมื่อตุ่มแตก หนังกำพร้าจะหลุดพร้อมกับทำให้เกิดแผลตื้น ทำให้รู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่แผล
อาการและอาการแสดง
ปวดแสบปวดร้อนและคันบริเวณที่สัมผัสโรค กลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ แล้วแตกกลายเป็นแผล
ผู้ที่เคยติดเชื้อ HSV มักจะเกิดการติดเชื้อเมื่อภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ
ผลกระทบ
ต่อสตรีตั้งครรภ์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้ง การเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด
ต่อทารก IUGR ทารกคลอดก่อนกำหนด หากให้คลอดทางช่องคลอดทารกอาจติดเชื้อขณะคลอดได้
การประเมินและการวินิจฉัย
ซักประวัติเกี่ยยวกับการเคยติดเชื้อเริมมาก่อนหรือไม่
การตรวจร่างกาย จะพบตุ่มน้ำใส หากตุ่มแตกจะกลายเป็นแผลอักเสบ ปวดแสบปวดร้อน แผลค่อนข้างแข็ง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การเพาะเชื้อใน Hank"s medium
แนวทางการรักษา
ให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อซ้ำเติม ล้างแผลด้วย NSS
ให้ Acyclovir 200 mg รับประทานวันละ 5 ครั้ง นาน 5-7 วัน
หูดหงอนไก่
เกิดจากการติดเชื้อ human papilloma virus
อาการและอาการแสดง
มีรอยโรคเป็นติ่งเนื้อสีชมพูคล้ายหงอนไก่ มักเกิดบริเวณที่อับชื้น มีขรุยคล้ายดอกกะหล่ำและยุ่ยมาก
ผลกระทบ
ต่อสตรีตั้งครรภ์ มารดาหลังคลอดมีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกได้
ต่อทารก ทารกเสียงเปลี่ยน Voive change เสียงร้องได้แหบผิดปกติ
การประเมินและการวินิจฉัย
ซักประวัติเคยติดเชื้อหูดหงอนไก่มาก่อน
ตรวจร่างกาย พบรอยโรคเป็นติ่งเนื้อสีชมพูคล้าหงอนไก่ ผิวขรุขระคล้ายดอกกะหล่ำ ในช่องคลอด ปากช่องคลอด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตัดชิ้นเนื้อตรวจทางพยาธิวิทยา
การติดเชื้อ HIV ขณะตั้งครรภ์
การแพร่เชื้อจากมารดาสู่ทารก
ระหว่างตั้งครรภ์ เชื้อสามารถผ่านทางรก
โดยผ่านเซลล์ trophoblast และ macrophages
ระหว่างคลอด ทารกะสัมผัสกับเลือดของมารดา น้ำคร่ำ และสารคัดหลั่งในช่องคลอดของมารดา ทำให้ทารกมีโอกาสติดเชื้อ
ระยะคลอด ส่วนใหญ่มักจะติดเชื้อจากน้ำนมมารดา
พยาธิสรีรภาพ
ภายหลังเชื้อ HIV เข้าสู่ร่างกาย เชื้อจะใช้ส่วน GP 120 จับกับ CD4 receptor ของเซลล์เม็ดเลือดขาว จากนั้นเชื้อจะเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดขาวเหล่านั้น
ทำให้ร่างกายมีเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ติดเชือ HIV จำนวนมาก ส่งผลให้เม็ดเลือดขาวในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่อง
อาการและอาการแสดง
ระยะเริ่มแรกของการติดเชื้อ
เริ่มตั้งแต่ติดเชื้อ จนร่างกายเริ่มสร้าง antibody ประมาณ 1-6 สัปดาห์ หลังติดเชื้อ
เริ่มมีไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว มีผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต
ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ
ระยะนี้ร่างกายจะแข็งแรงเป็นปกติเหมือนคนทั่วไป สามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้
ระยะติดเชื้อที่มีอาการ
อุณหภูมิร่างกายสูงมากกว่า 37.8 องศา เป็นพักๆ หรือติดต่อกันทุกวัน
อุจจาระร่วงเรื้องรัง น้ำหนักลดเกิน 10 % ของน้ำหนักตัว พบเชื้อราในช่องปากหรือฝ่าขาว
ระยะป่วยเป็นเอดส์
มีไข้ ผอม ต่อมน้ำเหลืองโตหลายแห่ง ซีด
อาจพบลิ้นหรือช่องปากเป็นฝ่าขาวจากเชื้อรา
ระยะนี้ภูมิคุ้มกันจะเสื่อมเต็มที่ ทำให้เชื้อโรคฉวยโอกาสเข้ามาในร่างกาย
ผลกระทบ
ต่อสตรีตั้งครรภ์ มีโอกาสติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่ายขึ้น
ต่อทารก ทารกคลอกก่อนกำหนด ทารกแรกเกิดน้ำหนักตัวน้อย ทารกตายคลอด
การประเมินและการวินิจฉัย
ซักประวัติการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ
การตรวจร่างกาย พบต่อมน้ำเหลืองโต มีแผลในปาก มีฝ้าในปาก ติดเชื้อราในช่องคลอด
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจเชื้อ HIV viral testing การตรวจหา antibody ต่อเชื้อ HIV และการตรวจนับเม็ดเลือดขาว ชนิด CD4
การป้องกันและการรักษา
ให้ยาต้านไวรัสแก่สตรีตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อ HIV เพื่อลดปริมาณของเชื้อ
ให้ยาเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อฉวยโอกาสระหว่างตั้งครรภ์
พิจารณาใหเคลอดทางช่องคลอด
viral load อยู่ในระดับต่ำ 50-999 copies/ml
หลีกเลี่ยงการโกนขนบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก
หลังคลอดหลีกเลี่ยงการใช้ยากลุ่ม ergotamine หลีกเลี่ยงการใส่สายสวนอาหาร หลีกเลี่ยงการเลี้ยงบุตรด้วยนมแม่
การพยาบาล
ระยะตั้งครรภ์
คัดกรองสตรีตั้งครรภ์และสามีที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
แนะนำให้มาฝากครรภ์ตามนัดทุกครั้ง
ให้ความรู้แก่สตรีตั้งครรภ์และครอบครัว
ประเมินภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับยาต้านไวรัส
ประเมินความวิตกกังวลความกลัวของสตรีตั้งครรภ์
ระยะคลอด
ดูแลผู้คลอดโดยยึดหลัก universal precaution เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ทำคลอดด้วยวิธีที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อผู้คลอดและทารกให้น้อยที่สุด
ดูแลให้ผู้คลอดและทารกได้รับยาต้านไวรัสตามแผนการรักษา
ประเมินอาการเปลี่ยนแปลงและภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ตกเลือดหลังคลอด ภาวะติดเชื้อ
ระยะหลังคลอด
ดูแลมารดาหลังคลอดโดยยึดหลัก universal precaution
แนะนำให้หลีกเลี่ยงการเลี้ยงบุตรด้วยนมมารดา
แนะนำให้ใส่เสื้อชั้นในที่คับเพื่อยับยั้งการสร้างและหลั่งน้ำนม
แแนะนำวิธีป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น
แนะนำการวางแผนครอบครัว โดยสามารถใช้วิธีคุมกำเนิดได้ทุกวิธีโดยต้องใช้ร่วมกับถุงยางอนามัยเสมอ
อธิบายให้มารดาหลังคลอดเข้าใจและตระหหนักถึงคววามสำคัญของการนำทารกมาตรวจเลือดเพื่อประเมินการติดเชื้อ
การพยาบาล โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซิฟิลิส หนองใน เริม และหูดหงอนไก่
ระยะตั้งครรภ์
คัดกรองและประเมินภาวะสุขภาพขิงสตรีตั้งครรภ์
แนะนำให้นำสามีมาตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค
อธิบายให้เข้าใจถึงการดำเนินของโรค
แนะนำให้หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลและหนอง
เน้นความสำคัญของการมาตรวจตามนัด
ระยะคลด
ดูแลผู้คลอดโดยยึดหลัก universal precaution เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
หลีกเลี่ยงการทำหัตถการทางช่องคลอด
ดูแลผู้คลอดและทารกได้รับยาตามแผนการรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ระยะหลังคลอด
ให้การพยาบาลโดยยึดหลัก universal precaution เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
แระเมินอาการติดเชื้อของทารกแรกเกิด
แนะนำมารดาหลังคลอดเกี่ยวกับการดูแลรักษาความสะอาดร่างกาย
แนะนำการเลี้ยงบุตร โดยล้างมือให้สะอาดก่อนจับทารกทุกครั้ง
ดูแลมารดาหลังคลอดและทารกให้ได้รับยาป้องกันการติดเชื้อตามแผนการรักษา