Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีแผล :<3: :<3: - Coggle Diagram
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีแผล :<3: :<3:
การแบ่งชนิดของแผล ลักษณะและกระบวนการหายของแผล :check: :warning:
ชนิดของแผลและปัจจัยการส่งเสริมการหายของแผล :warning:
ชนิดของแผล (Type of wound) สามารถแบ่งตามเหตุผล
แบ่งตามสาเหตุ
แบ่งตามลักษณะ
แบ่งตามลำดับความสะอาด
แบ่งตามระยะเวลาการเกิด
แบ่งตามการรักษา
ชนิดของแผลแบ่งตามสาเหต
แผลที่เกิดจากการผ่าตัด เรียก surgical wound , sterile wound หรือ
incision wound
แผลที่เกิดจากถูกของมีคมตัด เรียก cut wound เช่น แผลจากโดนมีดฟัน หรือถูกเศษแก้วบาด เป็นต้น
แผลที่เกิดจากถูกของมีคมทิ่มแทง เรียก stab wound หรือ peneturatingwound
แผลที่เกิดจากโดนระเบิด เรียก explosive wound
แผลที่เกิดจำกถูกบดขยี้ เรียก crush wound
แผลที่เกิดจากการกระแทกด้วยวัตถุลักษณะมน เรียก traumatic wound
แผลที่เกิดจากถูกยิง เรียก gunshot wound
แผลที่มีขอบแผลขาดกะรุ่งกะริ่ง เรียก lacerated wound
แผลที่เกิดจากการถูไถลถลอก เรียก abrasion wound
แผลที่เกิดจากการติดเชื้อมีหนอง เรียก infected wound
แผลที่เกิดจากการตัดอวัยวะบางส่วน เรียก stump wound
แผลที่เกิดจากการกดทับ เรียก pressure sore, bedsore, decubitus ulcer,pressure injury
แผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและเคมี
แผลที่เกิดจากการปลูกผิวหนัง (skin graft)
ชนิดของแผลแบ่งตามลักษณะพื้นผิว
แผลลักษณะแห้ง (dry wound)
แผลลักษณะเปียกชุ่ม (wet wound)
ชนิดของแผลแบ่งตามลำดับความสะอาด
Class I: Clean wound ประเภทที่ 1 แผลผ่าตัดสะอาด
Class II: Clean-contaminated ประเภทที่ 2 แผลสะอาดกึ่งปนเปื้อน
Class III: Contaminated ประเภทที่ 3 แผลปนเปื้อน
Class IV: Dirty/Infected ประเภทที่ 4 แผลสกปรก/แผลติดเชื้อ
ชนิดของบาดแผลแบ่งตามระยะเวลาการเกิด
แผลที่เกิดเฉียบพลัน (acute wound) เป็นการเกิดแผล และรักษาให้หายในระยะเวลาอันสั้น
แผลเรื้อรัง (chronic wound) เป็นแผลที่เกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน และรักษายาก
แผลเนื้อตาย (gangrene wound) เป็นแผลที่เกิดจากการขาดเลี้ยงไปเลี้ยง
ชนิดของแผลแบ่งตามการรักษา
การรักษาผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูกด้วยวิธีการจัดกระดูกให้อยู่นิ่ง (retention)ด้วยการดามกระดูกด้วยเหล็ก
การรักษาแผลด้วยสุญญากาศ (Negative Pressure Wound Therapy:NPWT) เป็นการรักษาแผลที่มีเนื้อตาย
ปัจจัยที่มีผลต่อการหายของบาดแผล
ปัจจัยเฉพาะที่ (Local factors)
1.1 แรงกด (pressure)
1.2 ภาวะแวดล้อมแห้ง (dry environment)
1.3 การได้รับอันตรายและอาการบวม (trauma and edema)
1.4 การติดเชื้อ (infection)
1.5 ภาวะเนื้อตาย (necrosis)
1.6 ความไม่สุขสบาย (incontinence)
ปัจจัยระบบ (Systemic factors)
2.2 โรคเรื้อรัง (chronic disease)
2.1 อายุ (age)
2.3 นํ้าในร่างกาย (body fluid)
2.4 การไหลเวียนของโลหิตบกพร่อง (vascular insufficiencies)
2.5 ภาวะกดภูมิคุ้มกันและรังสีรักษา (immunosuppression and radiation therapy)
2.6 ภาวะโภชนาการ (nutritional status)
ลักษณะการหายของแผล :warning:
ลักษณะการหายของแผล (Type of wound healing)
การหายของแผลแบบปฐมภูมิ(Primary intention healing)
การหายของแผลแบบทุติยภูมิ(Secondary intention healing )
การหายของแผลแบบตติยภูมิ(Tertiary intention healing)
กระบวนการหายของแผล (Stage of wound healing)
ระยะ1: ห้ามเลือดและอักเสบ (Hemostasis and Inflammatory phase)
ระยะ 2: การสร้างเนื้อเยื่อ (Proliferate phase)
ระยะ 3: การเสริมความแข็งแรง (Remodeling phase)
การบันทึกลักษณะบาดแผล
ชนิดของบาดแผล เช่น แผลผ่าตัด (incision wound) เย็บกี่เข็ม (stitches)
ตำแหน่ง/บริเวณ เช่น ตำแหน่ง RLQ
ขนาด ควรระบุเป็นเซนติเมตร
สี เช่น แดง (readiness) เหลือง (yellow) ดำ(black) หรือปนกัน
ลักษณะผิวหนัง เช่น ผื่น (rash) เปียกแฉะ (Incontinence) ตุ่มน้าพองใส (bruises)
ขั้นหรือระยะความรุนแรงของบาดแผล เช่น แผลกดทับขั้น 4
สิ่งที่ปกคลุมบาดแผลหรือสำรคัดหลั่ง (discharge) เช่น หนอง (pus) สารคัดหลั่ง
วิธีการเย็บแผลและวัสดุที่ใช้ในการเย็บแผล
ห้ามเลือด
ดึงขอบแผลเข้าหากัน
ส่งเสริมการหายของแผล
ป้องกันมิให้เชื้อโรคเข้าไปในแผล
รักษาสภาพปกติของผิวหนัง
วิธีการเย็บแผล
Continuous method เป็นวิธีการเย็บแผลแบบต่อเนื่องตลอดความยาวของแผล
Interrupted method เป็นวิธีการเย็บแผลที่ต้องตัดวัสดุเย็บแผลในทุกฝีเข็ม
Subcuticular method เป็นกำรเย็บแผลแบบ continuous method แต่ใช้เข็มตรงในการเย็บ
Retention method (Tension method) เป็นวิธีกำรเย็บรั้งแผลเข้าหากัน เพื่อพยุงแผลในกรณีผู้ที่มีชั้นไขมันหน้าท้องนา
วัสดุที่ใช้ในการเย็บแผล
วัสดุที่ละลายได้เอง (Absorbable sutures)
1.1 เส้นใยธรรมชาติ
1.2 เส้นใยสังเคราะห์
วัสดุที่ไม่ละลายเอง (Non-absorbable sutures)
2.1 เส้นใยตามธรรมชาติ
2.2 เส้นใยสังเคราะห์
2.3 วัสดุที่เย็บเป็นโลหะ
วิธีการทำแผลชนิดต่างๆ และการตัดไหม :warning:
มีวัตถุประสงค์
ให้สภาวะที่ดีเหมำะแก่การงอกของเนื้อเยื่อ
ดูดซึมสารคัดหลั่ง เช่น เลือด น้าเหลือง หนอง เป็นต้น
จำกัดการเคลื่อนไหวของแผลให้อยู่นิ่ง
ให้ความชุ่มชื้นกับพื้นผิวของแผลอยู่เสมอ
ป้องกันไม่ให้ผ้าปิดแผลติดและดึงรั้งเนื้อเยื่อที่งอกใหม่
ป้องกันแผลหรือเนื้อเยื่อที่เกิดใหม่จากสิ่งกระทบกระเทือน
ป้องกันแผลปนเปื้อนเชื้อโรคจำกอุจจาระปัสสำวะสิ่งสกปรกอื่น ๆ
เป็นการห้ามเลือด
ช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกสุขสบาย
อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำแผล
อุปกรณ์ทำความสะอาดแผล
1.1 ชุดทำแผล (dressing set)
1.2 สารละลาย (solution)
การทำแผลผ่าตัดแบบแห้ง (Dry dressing)
เปิดแผลโดยใช้มือ (ใส่ถุงมือ) หยิบผ้าปิดแผลโดยพับส่วนที่สัมผัสแผลอยู่ด้านในทิ้งลงชามรูปไต หรือถุงพลาสติก
เปิดชุดทำแผล (ตามหลักการของ IC) หยิบ forceps ตัวแรกโดยใช้มือจับด้านนอกของผ้าห่อชุดทไแผล
หยิบ non-tooth forceps ใช้คีบส่งของ sterile ทำหน้ำที่เป็น transfer forceps
หยิบ tooth forceps ใช้รับของ sterile ทำหน้ำที่เป็น dressing forceps
หยิบสำลีชุบ alcohol 70% เช็ดรอบๆ แผลวนจากในออกนอกห่างแผล 1 นิ้วเ
หยิบสำลีชุบ 0.9% NSS เช็ดจำกบนลงล่ำงจนแผลสะอำดแล้วเช็ดด้วยส ำลีแห้ง
ทำแผลด้วย antiseptic solution ตำมแผนกำรรักษา (ถ้ามี)
ปิดแผลด้วย gauze ติดพลำสเตอร์ตำมแนวขวำงของลำตัวโดยเริ่มติดชิ้นแรกตรง
เก็บอุปกรณ์ ถอดถุงมือ ถอด mask และล้ำงมือ ทิ้งขยะในถังขยะติดเชื้อทุกครั้ง
การทำแผลผ่าตัดแบบเปียก (Wet dressing)
เปิดแผลโดยใช้มือ (ใส่ถุงมือ) เปิดชุดทำแผลตำมหลัก IC หยิบผ้าปิดแผลส่วนบนทิ้งลงในชามรูปไตหรือถุงพลาสติก
ทำความสะอาดริมขอบแผลเช่นเดียวกับการทำ dry dressing
ใช้สำลีชุบน้าเกลือหรือน้ายาตามแผนการรักษาเช็ดภายในแผลจนสะอาด
ใช้ผ้า gauze ชุบน้ายำ (solution) ใส่ในแผล (packing) เพื่อฆ่าเชื้อและดูดซับ
ปิดแผลด้วยผ้า gauze และปิดพลาสเตอร์ตามแนวขวางของลำตัว
การตัดไหม (Suture removal)
หลักการตัดไหม
ตรวจสอบคำสั่งการรักษาของแพทย์ทุกครั้งว่ามีจุดประสงค์ให้ตัดไหมทุกอัน(total stitches off) หรือตัดอันเว้นอัน (partial stitches off)
เศษไหมที่เย็บแผลส่วนที่มองเห็นเป็นส่วนที่มีการสัมผัสเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ตามผิวหนังในการตัด
ขณะตัดไหมหากพบว่ามีขอบแผลแยกให้หยุดทำ และปิดแผลด้วยวัสดุที่ช่วยดึงรั้งให้ขอบแผลติดกัน (sterile strip)
วิธีการพันแผลชนิดต่างๆ :warning:
ได้เเก่
ใช้เป็นแรงกดป้องกันเลือดไหล
ช่วยพยุงผ้าปิดแผลให้อยู่กับที่
ให้ความอบอุ่นบริเวณนั้น ๆ
ช่วยให้อวัยวะอยู่คงที่ และพยุงอวัยวะไว้
รักษารูปร่างของอวัยวะให้พร้อมที่จะใส่อวัยวะเทียม
ป้องกันการติดเชื้อ
ชนิดของผ้าพันแผล
ผ้าสามเหลี่ยม (triangular bandage)
ผ้าพันแผลชนิดม้วน (roller bandage)
ผ้าพันแผลชนิดพิเศษ (special bandage)
การพันผ้าแบบชนิดม้วน
การพันแบบวงกลม (circular turn)
การพันแบบเกลียว (spiral turn)
การพันแบบเกลียวพับกลับ (spiral reverse)
การพันเป็นรูปเลข 8 (figure of eight)
การพันแบบกลับไปกลับมา (recurrent)
ปัจจัยที่ทำให้เกิดแผลกดทับ ระยะของแผลกดทับและการป้องกันแผลกดทับ :warning:
ปัจจัยส่งเสริมการเกิดแผลกดทับ
ปัจจัยภายในร่างกาย
1.1 อายุ
1.2 ภาวะโภชนาการ
1.3 ยำที่ได้รับกำรักษำ
1.4 การผ่ำตัด
ปัจจัยภายนอกร่างกาย
2.1 แรงกด
2.2 แรงเสียดทาน
2.3 แรงเฉือน
2.4 ความชื้น
ระยะของแผลกดทับ
ระดับที่ 1 ผิวหนังแดงไม่มีการฉีกขำดของผิวหนังและไม่จางหายไปภายใน 30 นาที
ระดับที่ 2 ผิวหนังแดงเริ่มมีแผลเล็กๆ มีหนังแท้ถูกทำลายฉีกขาดเป็นแผลตื้นมีรอยแดงบริเวณเนื้อเยื่อรอบๆ และเริ่มมีสำรคัดหลั่งจำกแผล
ระดับที่ 3 แผลลึกถึงชั้นไขมัน (subcutaneous) แต่ยังไม่ถึงชั้นกล้ำมเนื้อ (muscle)มีรอยแผลลึก มีสิ่งขับหลั่งจำกแผล:
ระดับที่ 4 แผลลึก เป็นโพรงถึงกล้ามเนื้อ กระดูก และเยื่อหุ้มข้อ พบมีเนื้อตาย
บริเวณที่อาจเกิดแผลกดทับได้ง่ายในท่าทางต่าง ๆ
ท่านอนหงาย บริเวณที่เกิดคือ ท้ายทอย ใบหูหลังส่วนบน ก้นกบ ข้อศอก ส้นเท้า
ท่ำนอนคว่า บริเวณที่เกิดคือ ใบหูและแก้ม หน้าอกและใต้ราวนม หน้าท้องหัวไหล่ สันกระดูกตะโพก หัวเข่าปลายเท้า
ท่านอนตะแคง บริเวณที่เกิดคือ ศีรษะด้านข้าง หัวไหล่ กระดูกก้น ปุ่มกระดูกต้นขา ฝีเย็บ หัวเข่าด้านหน้า ตำตุ่ม
ท่านั่ง บริเวณที่เกิดคือ ก้นกบ ปุ่มกระดูกก้น หัวเข่าด้านหนัง กระดูกสะบักเท้า ข้อเท้าด้านนอก
กระบวนการพยาบาลในการพยาบาลผู้ป่วยที่มีแผล :warning:
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
การปฏิบัติการพยาบาลแบบองค์รวม (Holistic nursing care)
การประเมินผล (Evaluation)
เกณฑ์การประเมินผล
กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยที่มีแผลกดทับ :warning:
การประเมินภาวะสุขภาพ (Assessment)
การประเมินความสามารถของผู้ป่วย (ability assessment)
1.1 ความสามารถในการเคลื่อนไหว
1.2 ความสามารถในการช่วยเหลือตนเอง
1.3 ประเมินการขับถ่าย
ประเมินความเสี่ยงโดยใช้แบบประเมินความเสี่ยง (Risk assessment tool)
2.1 แบบประเมิน Braden Scale
2.2 ผู้ป่วยที่มีปัญหำพร่องควำมสำมำรถในกำรเคลื่อนไหว
2.3 ประเมินควำมเสี่ยงสม่ํ่าเสมอทุก ๆ 72 ชั่วโมง
ประเมินผิวหนังและความสะอาด(skin assessment & cleaning)
3.1 ประเมินลักษณะผิวหนังผู้ป่วยแต่ละรายอย่างเป็นระบบอย่างละเอียด ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า เน้นบริเวณปุ่มกระดูก อย่างน้อยเวรละครั้ง
3.2 ทำควำมสะอาดบริเวณผิวหนังอย่ำงสมาเสมอด้วยน้าสะอาด หรือผลิตภัณฑ์อาบน้าชนิดด่างอ่อน เพื่อป้องกันการระคายเคืองต่อผิวหนัง
3.3 ลดปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ผิวหนังแห้ง
3.4 จัดการความเปียกชื้นจากการถ่ายปัสสาวะอุจจาระ
3.5 ใส่ผ้ำอ้อมสำเร็จรูป ในรำยที่ไม่สำมำรถควบคุมการขับถ่ายได้ด้วยตนเอง
3.6 ห้ามนวดบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลกดทับ
ประเมินภำวะโภชนำกำร (nutritional assessment)
4.1 ประเมินค่าดัชนีมวลกำย แปลผลภาวะโภชนาการ
4.2 ประเมินสารอาหารที่ได้รับพอต่อความต้องการใน 1 วันหรือไม่
4.3 รายที่รับอาหารได้น้อยมากต้องรายงานแพทย์เพื่อให้อาหารทางสายยาง
การวินิจฉัยทางการพยาบาล (Diagnosis)
การวางแผนให้การพยาบาล (Planning)
การให้การพยาบาลตามแผนการพยาบาลที่วางไว้
4.1 การจัดท่าทาง (positioning)
4.2 การใช้อุปกรณ์กดแรงกด (pressure-relieving device)
4.3 การจัดโปรแกรมการให้ความรู้ (educational programs)
การประเมินผลการพยาบาล
ต้องมีควำมสอดคล้องกับข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลและ
เกณฑ์การประเมินผลรายข้อ (ปัญหาสุขภาพ)