Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่2 การปรับตัวของร่างกายในภาวะที่มีพยาธิสภาพระดับเซลล์ - Coggle Diagram
บทที่2 การปรับตัวของร่างกายในภาวะที่มีพยาธิสภาพระดับเซลล์
ความเครียด และความผิดปกติในการทำหน้าที่ของเซลล์
Stress and Alterations in Cellular Function
มนุษย์สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและนอกเพื่อให้คืนสู่สภาพปกติ
สมองเป็นอวัยวะที่สำคัญทำหน้าที่ในการตรวจสอบ วิเคราะห์ ส่งข้อมูลโดยมีการรับสัญญาณประสาทเพื่อหลั่งฮอร์โมนและกระตุ้นระบบประสาทซิมพาเทติค
พยาธิสภาพที่เกิดขึ้นกับเซลล์มีทั้งแบบกลับคืนสู่สภาพปกติและไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติและตายได้
การบาดเจ็บของเซลล์เริ่มจากการสูญเสียNa- K pumpที่เยื่อหุ้มเซลล์ทำให้เซลล์บวม สูญเสียระบบเมตาบอลิซึม และเซลล์ในร่างกายเกิดการเสียสมดุล
การอยู่รอดของร่างกายเกิดจากการสมดุลของเซลล์ในร่างกายมีการปรับตัวกับภาวะความเครียด ปรับตัวกับภาวะการเปลี่ยนแปลงในร่างกายได้
กลไกการปรับตัวของร่างกาย
เป็นการปรับตัวทางสรีรวิทยาควบคุมระดับเมตาบอลิซึม ในภาวะที่ร่างการเผชิญกับสิ่งที่เป็นอันตราย
มีการเปลี่ยนแปลงเมตาบอลิซึมและสารเคมีในร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเจริญเติบโต เช่น การ ลด/เพิ่ม ขนาดของเซลล์
กลไกการปรับตัว
ระยะที่1 Alarm reaction หรือ fight or flight เป็นภาวะเตือนให้ร่างกายมีพลังงานพอรับมือกับความเครียด
ระยะที่2 Stage of resistance ถ้าระยะคุกคามยังอยู่ร่างกายจะเข้าสู่ระยะต่อต้าน ระยะนี้ระบบประสาทส้่วนนอกทำงานเต็มที่
ระยะที่3 Stage of exhaustionอยู่ในระยะที่2ยาว สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้เข้าสู่พยาธิสภาพเช่น ต่อมหมวกไตโต ต่อมน้ำเหลืองโต เลือดออกในทางเดินอาหาร
ฮอร์โมนกลับภาวะความเครียด
Epinephrine หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง มีผลต่อเมตาบอลิซึม ทำให้เกิดการสลายไกลโคเจน มีการหลังกลูโคสจากตับ เลือดไปเลี้ยงสมองได้ดี
เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะตอบสนองโดยผ่านระบบ sympathico-adrenal system
์Norepinephrine กล้ามเนื้อเรียบในหลอดเลือดหัวตัว ความดันโลหิตสูง กระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย
Adrenocortical steroid เป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระบบหัวใจและหลอดเลือด ควบคุมน้ำ เมตาบอลิซึม ระบบภูมิคุ้มกัน การอักเสบ การสืบพันธุ์ การทำงานของสมอง
Aldosterone เป็นฮอร์โมนที่หลั่งจากต่อมหมวกไตส่วนนอก เมื่อขาดน้ำมากๆจะกระตุ้น renin-angiotensin ให้หลั่งaldosterone ที่หลอดไตส่วนปลาย ดูดกลับโซเดียมและขับโปแตสเซียม ทำให้น้ำนอกเซลล์และความดันโลหิตสูงตาม
ฮอร์โมนเพศและcortisol ที่สร้างออกมาในระหว่างความเครียดจะกดการหลั่ง luteinizing hormone(LH),estradiolและprogesterone
Glucocorticoid เป็นฮอร์โมนที่ละลายในไขมัน สำคัญต่อกลูโคสเมตาบอลิซึม หลั่งจากต่อมหมวกไตส่วนนอก โดยการกระตุ้นของ ACTH จากต่อมพิทูอิทารีส่วนหน้า
ความผิดปกติของการทำหน้าที่ของเซลล์
เซลล์มีการปรับตัวเมื่อเจอกับสิ่งที่เป็นอันตราย เพื่อขจัดสิ่งคุกคามออกไปแล้วมาสู่สภาวะปกติและการปรับตัวบางอย่างสามารถทำให้เกิดการสูญเสียได้
กลไกการปรับตัวในด้านเมตาบอลิซึม
ในขณะอดอาหาร จะมีการดึงไขมันมาใช้พลังงาน
ในขณะที่ขาดแคลเซียม จะดึงแคลเซียมจากกระดูกโดยการทำงานของosteoclast ภายใต้การทำงานของพาราไทรอยด์ฮอร์โมน
เพิ่มการทำงานของเซลล์
ลดการทำงานของเซลล์
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในเซลล์
Atrophy คือการลดขนาดของเซลล์
Physiologic atrophy คือขนาดเล็กลงเมื่อไม่ได้ใช้งาน เช่นการฝ่อของสมองในผู้สูงอายุ
Pathologic atrophy คือการฝ่อเล็กลงจากพยาธิสภาพ จากการขาดอาหาร เลือด และออกซิเจน เช่น ไตมีขนาดเล็กลงเนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไตตีบ
Hypertrophy คือการมีขนาดโตขึ้นของเซลล์
Hyperplasia การมีขนาดใหญ่ขึ้นจากการเพิ่มจำนวนเซลล์
Intracellular accumulations เป็นการสะสมสารในเซลล์เนื่องจากเมตาบอไลท์สามารถขับออกจากร่างกายได้
การสะสมฝุ่นจากเหมืองถ่านในปอดของพนักงานเหมืองแร่
Aging คือภาวะเสื่อมของเซลล์ที่ไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้หรือเป็นความชรา
Death เป็นภาวะคุกคามชีวิต
การเปลี่ยนแบบแผนการเจริญเติบโตที่มีลักษณะผิดปกติ
Dysplasia เป็นการเปลี่ยนแปลงเซลล์ทั้งขนาด ตัวควบคุมการเจริญเติบโตและโครงร่างเซลล์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
Metaplasia คือการเปลี่ยนแปลงเซลล์ที่มีวิวัฒนาการสูง
Anaplasia คือการแบ่งตัวที่ไม่เป็นระเบียบทั้งขนาดและรูปร่าง
Neoplasia คือมีการเปลี่ยนแปลงทั้งขนาดและรูปร่างการจัดเรียงตัว
Metastasis คือเคลื่อนย้ายต่ำแหน่งเซลล์มะเร็งไปยัง ทอนหรือหลอดเลือด
สาเหตุของการทำลายเซลล์
รังสี ทำให้อะตอม โมเลกุล ของเซลล์แตกตัว รังสีทำลายเซลล์ที่มีการแบ่งตัวมาก
ไฟฟ้า ทำให้กล้ามเนื้อหดตัว รบกวนกระแสประสาท ทำลายเนื้อเยื่อชั้นลึก
สารอาหา รการขาดสารอาหารหรือได้รับมากเกินไปทำอันตรายต่อเซลล์ได้
สิ่งแวดล้อม อาชีพ การเดินทาง อุบัติเหตุิทำให้กระดูกหัก กล้ามเนื้อฉีกขาด
อุณหภูมิ ถ้าสูง43-46ทำให้เซลล์เนื้อเยื่อตาย ถ้าอุณหภูมิลดลงมากทำให้หลอดเลือดหดตัวขาดเลือดไปเลี้ยง
การติดเชื้อไวรัส
ความผิดปกติของยีน
ผิดปกติของภูมิคุ้มกัน
การตอบสนองของเซลล์ต่อการบาดเจ็บ
Reversible injury เซลล์กลับสู่สภาพเดิมได้
เซลล์บวม
เกิดไขมัน
เซลล์ที่ไม่สามารถคืนสู่สภาพเดิมได้
Necrosis
เซลล์ตายเป็นกลุ่ม
ไม่ต้องใช้พลังงาน
มีการอักเสบ
จัดเป็นพยาธิสภาพ
Apoptosis
เซลล์ตายเดี่ยว
ใช้พลังงาน
ไม่มีการอักเสบ
อาจเป็นพยาธิสภาพหรือปกติก็ได้
กลไกการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เมื่อเกิดพยาธิสภาพ
อนุมูลอิสระทำลายเซลล์ ถูกทำลายด้วยการขาดเลือดไปเลี้ยง สารเคมี รังสี การติดเชื้อจุลชีพการอักเสบ
ภาวะขาดออกซิเจน ขัดขวางกระบวนการเมตาบอลิซึม
ภาวะขาดสมดุลแคลเซียม ภาวะที่ขาดเลือดไปเลี้ยงทำให้แคลเซียมเคลื่อนออกนอกเซลล์ผิดปกติ
การสะสมไขมัน ส่วนใหญ่มาจากสารผิดและการเผาผลาญที่บกพร่อง
พยาธิสภาพการบาดเจ็บและการตายของเซลล์ หลังจากไมโตคอนเดรียถูกทำลายทำให้โปรตีนออกมาอยู่ในไซโตพลาสซึมจนทำให้เกิด apoptosis
Apoptosis คือการเปิดโปรแกรมให้เซลล์ตายถ้าขจัดเซลล์ตายออกไปไม่ได้เซลล์ก็ปรับตัวไม่ได้จึงเกิดการตายของเซลล์