Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บริหารการพยาบาลและแนวโน้มวิชาชีพ - Coggle Diagram
บริหารการพยาบาลและแนวโน้มวิชาชีพ
แนวคิดและทฤษฎีการบริหาร
การบริหารมีแนวคิดมาจากธรรมชาติของมนุษย์ โดยมนุษย์บริหารและจัดการเพื่อให้เกิดผลตามที่ตนเองต้องการ ซึ่งการบริหารเข้ามามีบทบาทในการจัดการ ควบคุมและแก้ปัญหาเพื่อให้กลุ่มประสบความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
การบริหารแบบคลาสสิคมุ่ง
ประสิทธิภาพ และ มุ่งประสิทธิผล
โดยไม่คำนึงถึงปริมาณทรัพยากรที่ใช้ในกระบวนการ
การบริหารเชิงกระบวนการบริหาร
ทฤษฎีการบริหารที่เน้นงาน
ของ Luther Gulick and Lyndall Urwick
กระบวนการบริหาร POSDCoRB
D = Directing การอ านวยการหรือการสั่งการ
Co = Coordinating การประสานงาน
S = Staffing การจัดการคน
R = Reporting การรายงาน
O = Organization การจัดการองค์การ
B = Budgeting การบริหารงบประมาณ
P = Planning การวางแผน
ทฤษฎีการบริหารแนวคิดของ Henri Fayol
องค์ประกอบของการบริหาร 5 ประการ
Commanding
Coordinating
Organizing
Controlling
Planning
หลักการจัดการ 14 ประการ
ผลประโยชน์ของหมู่คณะจะต้องเหนือผลประโยชน์ส่วนตน
มีระบบค่าตอบแทนที่ยุติธรรม
ระบบการรวมศูนย์
สายบังคับบัญชา
เอกภาพในทิศทาง
ความเป็นระบบระเบียบ
เอกภาพของสายบังคับบัญชา
ความเท่าเทียมกัน
ความมีวินัย
ความมั่นคงของบุคลากร
การมีอำนาจหน้าที่
. การริเริ่มสร้างสรรค์
การจัดแบ่งงาน
ความสามัคคี
การบริหารตามหลักวิทยาศาสตร์
การบริหารที่เน้นประสิทธิภาพขององค์การ
แนวคิดของ Harrington Emerson
กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน
ใช้หลักเหตุผลทั่วไป พิจารณาจากความน่าจะเป็นไปได้ของงาน
ให้คำแนะนำที่ดีที่ถูกต้องสมบูรณ์
รักษาระเบียบวินัยในการทำงาน
ปฏิบัติงานด้วยความยุติธรรม
มีข้อมูลพร้อมทำงานที่เชื่อถือได้
มีการรายงานผลการดำเนินงานทุกระยะ
มีมาตรฐานงานเสร็จตามเวลา
ผลงานได้มาตรฐาน
ดำเนินงานถือเป็นมาตรฐานได้
มาตรฐานที่กำหนดสามารถปฏิบัติได้
ให้บำเหน็จรางวัลแก่ผู้ปฏิบัติงานดี
การบริหารแบบระบบราชการการ
แนวคิดของ Max Weber
หลักของกฎ ระเบียบ ความมีวินัย และการ
ควบคุม
หลักของความเป็นกลางทางการบริหาร
หลักของความสามารถ
หลักของความเป็นกลางทางการบริหาร
หลักของการกำหนดอำนาจหน้าที่
ตามสายการบังคับ
หลักการเป็นบุคลากรฝ่ายบริหารและได้รับ
เงินเดือนประจำ
หลักของการแบ่งงานกันทำ
การบริหารที่เน้นเวลาและการทำงาน
แนวคิดของ Frank B. And Lillian. Gilbreth
วิเคราะห์องค์ประกอบของงานก่อน
เพื่อขจัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกแล้วสังเคราะห์
องค์ประกอบที่จำเป็นเข้าด้วยกันใหม่เพื่อ
ให้ได้วิธีการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
การบริหารที่เน้นสิ่งจูงใจด้านค่าตอบแทน
แนวคิดของ Henry L. Gantt
พัฒนาระบบจูงใจด้วยโบนัส โดยจ่ายค่าจ้างพิเศษ
ให้คนงานที่ทำงานเกินมาตรฐานและ
จ่ายโบนัสเป็นรางวัลให้แก่หัวหน้าคนงาน
การบริหารจัดการแบบวิทยาศาสตร์
แนวคิดของ Frederick W. Taylor
กำหนดเครื่องมือในการควบคุมงาน
กำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติงาน
ใช้คนให้เหมาะกับงาน
“เงิน” เป็นปัจจัยจูงใจที่สำคัญ
การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
การบริหารเชิงพฤติกรรม
ทฤษฎีลำดับขั้นของความต้องการของ Abraham Maslow
บุคคลมักดิ้นรนตอบสนองความต้องขั้นต่ำสุดก่อน
เมื่อได้รับการตอบสนองแล้ว จึงแสวงหาความต้องการขั้นสูงขึ้นไปตามลำดับ
ลำดับขั้นที่ 4 ความต้องการเป็นที่ยอมรับ ยกย่อง และเกียรติยศชื่อเสียง
ลำดับขั้นที่ 5 ความต้องการใฝ่รู้ใฝ่เรียน
ลำดับขั้นที่ 3 ความต้องการความเป็นเจ้าของ และความรัก
ลำดับขั้นที่ 2 ความต้องการความปลอดภัย
ลำดับขั้นที่ 6 ความต้องการทางสุนทรียะ
ลำดับขั้นที่ 1 ความต้องการทางสรีระ
ลำดับขั้นที่ 7 ความต้องการความสำเร็จ หรือความสมบูรณ์แบบในชีวิต
ความต้องการของมนุษย์มีความสลับซับซ้อน
ทฤษฎี X และ Y ของ Douglas McGregor
ทฤษฎี Y
การทำงานของมนุษย์ก็เหมือนกับ
การเล่น การพักผ่อนตามธรรมชาติ
มนุษย์รู้จักกระตุ้นตนเองให้อยาก
ทำงาน
มนุษย์จะขยันขันแข็ง
มนุษย์มีวินัยในตนเอง
มนุษย์มีสมรรถภาพในการทำงาน
และมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค
มนุษย์มักแสวงหาความรับผิดชอบ
ทฤษฎี X
มนุษย์ชอบหลีกเลี่ยงงาน
มนุษย์ชอบทeงานตามคำสั่งและ
ต้องการให้มีผู้ควบคุม
มนุษย์มักเกียจคร้าน
ต้องใช้วินัยของหมู่คณะบังคับ
มนุษย์มักหลีกเลี่ยงไม่อยาก
รับผิดชอบ
มนุษย์ไม่เฉลียวฉลาดขาดความ
รับผิดชอบ
แนวคิดการบริหารเชิงมนุษย์สัมพันธ์ของ Elton Mayo
ปัจจัยทางด้านกายภาพ ไม่ได้เป็นตัวกำหนดปริมาณผลผลิต
ทฤษฎีการบริหารที่เน้นงาน
พฤติกรรมการทำงานของคนงานถูกกำหนดโดยระบบการให้รางวัล
และการลงโทษทางสังคมไม่ใช่ระบบการให้รางวัลและการลงโทษ
ทางเศรษฐกิจ
การบริหารเชิงปริมาณ
การบริหารการปฏิบัติ
ใช้เทคนิคเชิงปริมาณเพื่อปรับปรุงผลผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าและบริการ
ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร
ยึดหลักการที่เน้นการออกแบบ
และการนำเอาระบบข้อมูลสารสนเทศ
โดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์
แนวคิดวิทยาการการจัดการ
บริหารตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิค
คณิตศาสตร์ในการวิเคราะห์และแก้ปัญหา
ยึดหลักการเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดสินใจ
จากการใช้ตัวแบบทางคณิตศาสตร์และวิธีการเชิงสถิต
การบริหารงานสมัยใหม่
ทฤษฎี Z ของ Willium Ouchi
การประเมินและเลื่อนตำแหน่ง
การบริหารมีระบบการควบคุมที่ไม่มีรูปแบบ
ความรับผิดชอบเฉพาะบุคคล
ลักษณะงานอาชีพ
การตัดสินใจแบบมีส่วนร่วม
การทำงานและมนุษย์สัมพันธ์ในองค์การมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง
มีเสรีภาพเท่าเทียมกันยึดหลักซื่อสัตย์ต่อกัน
การจ้างงานตลอดชีพ
การบริหารโดยมุ่งคุณภาพทั้งองค์การ
การป้องกันความ
ผิดพลาดเสียหาย
การสร้างคุณค่าในกระบวนการทำงานในทุกขั้นตอน
จัดระบบระเบียบวินัย
ในการทำงาน
การจัดการ QC
การจัดการ HA
การจัดการ ISO
การศึกษา EdPex
การจัดการ 5 ส
ก้าวไปสู่ความเป็นเลิศ
ทฤษฎีการบริหารเชิงสถานการณ์
เป็นการผสมผสานแนวคิดระหว่างระบบปิดและระบบเปิด
และยอมรับหลักการของทฤษฎีระหว่างทุกส่วน
ของระบบจะต้องสัมพันธ์ และมีผลกระทบซึ่งกันและกัน
สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดการตัดสินใจ
และรูปแบบการบริหารที่เหมาะสม
ผู้บริหารจะต้องพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ให้ดีที่สุด
คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความต้องการของบุคคลในหน่วยงานเป็นหลักมากกว่าที่จะแสวงหาวิธีการอันดีเลิศมาใช้ในการทำงาน
โดยใช้ปัจจัยทางด้านจิตวิทยาในการพิจารณาด้วย
การบริหารจะดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์
เน้นให้ผู้บริหารรู้จักใช้การพิจารณาความแตกต่างที่มีอยู่ในหน่วยงาน
การบริหารโดยผู้นำในยุคควอนตัม
Diversity is a necessity of life
Error is essential to creation:
Simple systems make up complex systems
Systems thrive when all of their functions intersect and interact
Adding value to a part adds value to the whole
Equilibrium and disequilibrium are in constant tension
All health care is local
Change is generated from the center outward
Wholes are made up of parts
Revolution results from the aggregation of local changes
ทฤษฎีระบบ
ทำงานร่วมกับระบบอื่นๆในลักษณะที่เป็นหนึ่งเดียวกันในองค์การ
มีความอิสระของตนเอง หรือสามารถสร้างระบบการทำงานของตนเองได้
หลักการและกระบวนการบริหารการพยาบาล
การจัดการ (Management) คือ การประสานและบูรณาการทรัพยากรทั้งหมด (3 M + II) โดยใช้กระบวนการบริหาร (วางแผนจัดองค์กรการจัดการทรัพยากรมนุษย์อำนวยการกำกับ) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กร
ทรัพยากรการบริหาร
3M + 11
Man: บุคคล
Material: วัสดุอุปกรณ์
Money: เงิน
Information: ข้อมูล
การบริหารการพยาบาล คือ การประสานงานและบูรณาการทรัพยากรทั้งหมดทางการพยาบาลโดยใช้กระบวนการบริหารเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายขององค์กรพยาบาล (ฝ่ายการพยาบาลกลุ่มงานพยาบาล)
เป้าหมายของการบริหารองค์กร
คุณภาพของผลผลิต, บริการ-บุคลากรปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มกำลังความสามารถ
ประสิทธิผลของการบริหาร-บริการต้องเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพสูงสุด
ประสิทธิภาพของการบริการ-การใช้ทรัพยากร (คนของเงิน etc. ) คุ้มค่า
กระบวนการบริหารหลังศตวรรษที่ 19
Planning การพิจารณากำหนดแนวปฏิบัติ
Organizing ออกแบบโครงสร้างสายงาน
Staffing การบริหารทรัพยากรมนุษย์
Directing การชักนำจูงใจผู้ปฏิบัติ
Controlling การควบคุมโดยวัดและประเมินผล
วัตถุประสงค์การบริหารจัดการของพยาบาล
เพื่อการบริการ: การจัดระบบการพยาบาลและการใช้กระบวนการพยาบาล
เพื่อดำเนินงาน: การจัดการทรัพยากรเพื่อการบริหาร
เพื่อพัฒนาคน: การบริหารทรัพยากรมนุษย์
ระดับการบริหาร
กลุ่มงานการพยาบาล
หัวหน้างานและหัวหน้าหอผู้ป่วย
ระดับการบริหารด้วยกระบวนการพยาบาล
ทักษะการบริหาร
Technical skill ความชำนาญในการปฏิบัติ
Human skill ความสามารถด้านมนุษยสัมพันธ์
Conceptual skill ความคิดริเริ่มการตัดสินใจการวางแผนงานระดับมหภาค
ปัจจัยนำเข้า (Input)
การจัดโครงสร้างหอผู้ป่วย
1) พยาบาลสามารถมองเห็นผู้ป่วยได้ทุกคน
2) ใช้ระยะเวลาเดินไปหาผู้ป่วยได้รวดเร็ว
3) มีความเป็นอิสระ แต่ต้องสามารถติดต่อได้
4) ระยะห่างระหว่างผู้ป่วยแต่ละคนไม่น้อยกว่า 1 เมตร
5) มีสาธารณปโภคและมีความปลอดภัย
การบริหารจัดการ
1) กำหนดเวลาเหมาะสม
2) ใช้ความรู้และหลักวิชา
3) มอบหมายงานด้วยความยุติธรรม
4) กำหนดวิธีการหรือหลักการที่นำมาใช้ในการพยาบาล
5) กำหนดมาตรฐานการพยาบาล
6) กำหนดการรายงานผล
7) กำหนดการตรวจสอบการดำเนินงาน
การบริหารทรัพยากร
1) จัดหมวดหมู่: ครุภัณฑ์, วัสดุ, เวชภัณฑ์, เครื่องมือแพทย์เครื่องใช้สำนักงาน, คน, ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
การบริหารจัดการคน
1) การจัดอัตรากำลัง
2) กำหนดบทบาทหน้าที่
3) ติดตามประเมินผล
4) มีการพัฒนาต่อเนื่อง
5) มีสวัสดิการ
การจัดการเครื่องมือเครื่องใช้
1) จัดให้บุคลากรมีความรู้
2) มีคู่มือการใช้งาน
3) มีระบบการรักษาซ่อมบำรุงการจัดเก็บ
4) ซ่อมแซมจำหน่ายเมื่อหมดอายุ
การบริหารจัดการข้อมูล
1) จัดระบบทะเบียน
2) จัดระบบการรับ-ส่งข้อมูล
3) มีระบบการแก้ปัญหาให้ผู้ป่วย
4) การจัดระบบการรายงานและเสนอรายงาน
ขั้นตอนกระบวนการ (Process)
1) กำหนดวิธีการพยาบาล
2) กำหนดเทคนิค
3) กำหนดขั้นตอนการปฏิบัติ
4) กำหนดวิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
5) กำหนดคุณภาพการพยาบาล
6) ความต้องการการพยาบาล (NHPPD) ของผู้ป่วยตามเกณฑ์จำแนกฯ ของ Warstler, 1970 ชม. ความต้องการ / วัน 5. Intensive Care 12 4. Modified Intensive Care 7.5 3. Intermediate Care 5.5 2. Minimal Care 3.5 1. Self Care 1.5 7)
7) จัดระบบการสื่อสารข้อมูลระหว่างพยาบาลด้วยกัน
ประเภทผู้ป่วย
ผู้ป่วยประเภท 5 Intensive care
เจ็บป่วยที่อวัยวะที่ควบคุมสัญญาณชีพและมีอาการแปรปรวน
อยู่ในภาวะวิกฤตต่อชีวิตที่ต้อง monitor ตลอดเวลา
ผู้ป่วยที่ต้องการ ICU (หนักมาก)
ผู้ป่วยประเภท 4 Modified intensive care
มีภาวการณ์เปลี่ยนแปลงของสัญญาณชีพอยู่บ้าง แต่สามารถติดตามได้เป็นระยะ ๆ
ผู้ป่วยหนัก แต่ไม่ต้องการ ICU
ผู้ป่วยประเภท 3 Intermediate care
ผู้ป่วยหนักปานกลาง
บาดเจ็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับอวัยวะสัญญาณชีพ
ผู้ป่วยประเภท 2 minimal ill
ต้องการการบรรเทาอาการรบกวนสัญญาณชีพปกติ
มีการผ่าตัดหรือหัตถการ
ผู้ป่วยประเภท 1 Self care
รอ DC Investigate
ช่วยเหลือตนเองได้ทั้งหมด
ขั้นตอนผลลัพธ์ของงาน (Output)
1) กำหนดให้มีการประเมินผลการพยาบาล
2) มีการตรวจสอบคุณภาพและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
-การตรวจเยี่ยมผู้ป่วย
-การตรวจเยี่ยมทางบริหาร
หลักการจัดระบบการบริการพยาบาล
ให้บริการเสมอภาค
ต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง
ดูแลแบบองค์รวม
ให้บริการด้วยหลักมนุษยธรรม
ปฏิบัติโดยใช้หลักวิชาความรู้ความสามารถ
มอบหมายงานด้วยความเหมาะสม ยุติธรรม
มุ่งให้บริการทั้งเชิงรับเชิงรุก
มีการติดตามประเมินผล และมีมาตรฐาน
ระบบการดูแลผู้ป่วย
Case method ดูแลเป็นคนต่อเวร
Functional method ดูแลตามหน้าที่
Team method มีทีมการพยาบาล
Primary method ดูแลแบบเจ้าของไข้
Case management ดูแลโดยผู้จัดการผู้ป่ วย
การจัดอัตรากำลังของหอผู้ป่วย
แยกประเภทผู้ป่วย : 5 ประเภท
กำหนดเวลาที่ผู้ป่วยต้องการการพยาบาลในหนึ่งวัน
กำหนดเวลาที่พยาบาลท างาน
คำนวณเวลาที่ต้องการพยาบาลในแต่ละเวร
คิดจำนวนพยาบาลทั้งหมดในหอผู้ป่วยเพิ่มอีก 25%
การนิเทศทางการพยาบาลและการตัดสินใจแก้ไขปัญหา
กระบวนการนิเทศงานทางการพยาบาล
แนวคิดหลักของการนิเทศ
Management
การจัดการระบบการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ
Education
การพัฒนา รักษาความรู ้และทักษะต่างๆ
Supportive
การจัดการและบรรเทาความเครียดจากการปฏิบัติงาน
การเกิดปัญหาทางการพยาบาล
กระบวนการพยาบาล
Assessment
การประเมินผู้ป่วยในพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค
เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ไม่เพียงพอในการตรวจสอบข้อมูลสำคัญของผู้ป่วย
การมีส่วนร่วมและทักษะใหม่ ๆ ใช้งานปก
กำลังคนไม่เพียงพอในแผนก
การบันทึกข้อมูลผู้ป่วยไม่สมบูรณ์
การสื่อสารระหว่างทีมใหญ่
Nursing Diagnosis
การกำหนดกิจกรรมการพยาบาลไม่เป็นไปในแนวทางเดียวกันในรายโรคเดียวกัน
การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาไม่ถูกต้อง
ขาดข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจนและไม่ต่อเนื่อง
ข้อมูลสนับสนุนไม่ตรงกับปัญหาของแต่ละเวรในแต่ละวัน
ผู้ป่วยมีความซับซ้อน
ขาดประสบการณ์และทักษะในการพยาบาลผู้ป่วยรายโรค
Care Plan
การวางแผนการพยาบาลไม่สอดคล้องกับอาการของ Plan ผู้ป่วยทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ตรงกับแผนที่วางไว้
เกิดเหตุ Unplan ต่างๆที่ไม่มีตามแผนกิจกรรมการพยาบาลที่กำหนดไว้
การวางแผนการจำหน่ายผู้ป่วยรายทั้งรายโรคไม่สมบูรณ์และไม่ครอบคลุม
Implantation
การลงมือปฏิบัติตามแผนกิจกรรมการพยาบาลที่กำหนดไว้ล่าช้าจากคำสั่งการรักษาไม่ชัดเจนรอ confirm จากแพทย์นาน
ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามแผนกิจกรรมการพยาบาลที่กำหนดไว้เนื่องจากผู้ป่วยมีความซับซ้อนจำนวนผู้ป่วยมากอัตรากำลังไม่เพียงพอทำให้ผู้ป่วยไม่ได้รับกิจกรรมการพยาบาลทุกขั้นตอน
บางรายโรคไม่มี CPG, CNPG ในการปฏิบัติ
Evaluation
การประเมินผลไม่ครอบคลุม
การประเมินผู้ป่วยล่าช้าส่งผลอาการทรุดหนักลงรวดเร็ว
การตัดสินใจและการแก้ปัญหา
การควบคุมและการกับดูแลการปฏิบัติของบุคลากรทางการพยาบาลให้ไปเป็นตามมาตรฐานและจริยธรรมวิชาชีพเพื่อความปลอดผู้ป่วยและเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพ (เช่นการทำงานเกินบทบาท, พยาบาลที่อยู่ระหว่างการฝึกอบรมเป็นต้น)
การนิเทศทางคลินิกการกำกับดูแลการส่งเสริมการพัฒนาคุณภาพและความปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วย
ทักษะเชิงวิชาชีพ
ความสามารถในการประเมินปัญหา
ความสามารถในการให้การพยาบาลสอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยและครอบครัวแต่ละราย
ความสามารถในการปรับปรุงการพยาบาลให้เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของผู้ป่วย
ความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้าเกี่ยวกับปัญหาฉุกเฉินและรายงานได้ทันท่วงที
ความสามารถในการแก้ปัญหาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับเหตุการณ์
ตัดสินใจวินิจฉัยสั่งการได้เป็นอย่างดีมีเหตุผล
ความสามารถในการให้ความรู้และให้การปรึกษาเพื่อสนับสนุนการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยและครอบครัว
ความสามารถในการให้การพยาบาล / ช่วยเหลือจนท. ระดับต่ำกว่าในกรณีที่ต้องให้การพยาบาลที่ซับซ้อน
ความสามารถประยุกต์ความรู้การปฏิบัติงานได้อย่างมีเหตุผล
การส่งเสริมการตัดสินใจทางคลินิกและการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม: มีการจัดระบบให้พยาบาลเข้าถึงข้อมูลแหล่งความรู้ที่เป็นปัจจุบันมาตรฐานวิชาชีพและแหล่งข้อมูลอื่น ๆ ที่สามารถช่วยในการดูแล / ตัดสินใจในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างทันกาล
การส่งเสริมการตัดสินใจเกี่ยวกับปัญหาทางจริยธรรมที่ซับซ้อน: ส่งเสริมให้มีการค้นหาประเด็นจริยธรรมที่ซับซ้อนและดำนินการให้มีการแก้ไขรวมทั้งสนับสนุนทรัพยากรที่เกี่ยวข้อง
บทบาทของพยาบาลและการจัดการพยาบาล / การดูแลผู้ป่วยในความหลากหลายและความแตกต่างของความต้องการบริการสุขภาพของกลุ่มผู้ป่วย (การจัดกับปัญหาความบกพร่องเกี่ยวกับด้านความรู้ความสามารถของบุคลากรรวมทั้งบุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยไม่ปลอดภัยหรือความไม่เป็นมืออาชีพ
การส่งเสริมการใช้กระบวนการพยาบาล: มีระบบ / กระบวนการที่ส่งเสริมให้พยาบาลสามารถใช้กระบวนการพยาบาลในการดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพและปลอดภัยและสามารถสะท้อนให้ความรู้ความสามารถทักษะเชิงวิชาชีพของพยาบาลได้อย่างชัดเจนโดยใช้ผู้ป่วยเป็นตัวเรียนรู้
ความเสี่ยงและการประกันคุณภาพทางการพยาบาล
“ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งถึงสองปี”
วิธีการค้นหาความเสี่ยง
เวชระเบียยน
12 กิจกรรมทบทวน
บันทึกประจำาวันและรายงานต่างๆ
คำร้องเรียนผู้รับบริการ
เรื่องเล่าเร้าพลัง
การเดิน Round
การเยี่ยมตรวจภายใน
Trigger tool
การรายงานความเสี่ยง
แนวคิดในการประกันคุณภาพทางการพยาบาล
ระบบ
Hospital Accreditation
Joint Commission International Accreditation
Thailand Quality Award, Education Criteria for Performance Excellence
มิติ
มิติของลำดับขั้นการพัฒนา
ภาพรวม
ตั้งรับแล้วใช้วิกฤติเป็นโอกาส
หลักคิดสำคัญ
ทำงานประจำให้ดี มีอะไรให้คุยกัน และขยันทบทวน
มิติของพื้นที่การพัฒนา
ภาพรวม
วางระบบในเชิงรุก
หลักคิดสำคัญ
เป้าหมายชัดวัดผลได้ ให้คุณค่า และอย่ายึดติด
มิติของกระบวนการพัฒนา
ภาพรวม
สร้างวัฒนธรรมคุณภาพ
หลักคิดสำคัญ
Core values 5 กลุ่ม (ทิศทางน้ำ ผู้รับผล คนทำงาน การพัฒนา พาเรียนรู้)
มิติของการประเมินผล
การบริหารความขัดแย้ง
แนวคิดเกี่ยวกับความขัดแย้ง
นิยาม
เชิงโครงสร้าง
การต่อสู้อย่างชัดเจนและเปิดเผยระหว่างหน่วยทางสังคมตั้งแต่สองหน่วยขึ้นไป ภายในองค์กรหรือระหว่างองค์กรเพื่อช่วงชิงทรัพยากรที่มีค่าหรือโอกาสการเข้าถึงทรัพยากร
เชิงกระบวนการ
ผลประโยชน์ ชื่อเสียง เกรียติยศและศักดิ์ศรี ความเชื่อ ค่านิยม อุดมการณ์ของตนเองและคนอื่นที่ตนเองให้ความเคารพนับถือ
มุมมอง
มุมมองแบบดั้งเดิม: ความขัดแย้งในฐานะสิ่งผิดปกติหรือสูญเสียการทําหน้าที่
มุมมองแบบมนุษยสัมพันธ์: ความขัดแย้งเป็นพลังธรรมชาติ
มุมมองแบบปฏิสัมพันธ์นิยม: ความขัดแย้งมีพลังเชิงบวก
ประเภทของความขัดแย้ง
ความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ (relationship conflict)
ความขัดแย้งด้านงาน (task-focused conflict)
ความขัดแย้งด้านกระบวนการ (process conflict)
กระบวนการพัฒนาความขัดแย้ง
องค์ประกอบความขัดแย้ง
อารมณ์เชิงลบ (negative emotionality)
การยอมรับได้ (acceptability)
ความสําคัญ (importance)
ศักยภาพในการแก้ไข (resolution potential)
สาเหตุความขัดแย้ง
ปัจจัยด้านคุณลักษณะส่วนบุคคล
• บุคลิกภาพ
• ค่านิยม
• เป้าประสงค์
• ความมุ่งมั่นต่อจุดยืน
• ความเครียดและความโกรธ
• ความปรารถนาที่เป็นอิสระ
ปัจจัยด้านระหว่างบุคคล
• การรับรู้เป้าหมายของฝ่ายอื่น
• การสื่อสาร
• พฤติกรรม
• โครงสร้าง
ปัจจัยด้านประเด็น
• ความซับซ้อน
• ลักษณะด้านความซับซ้อน
รูปแบบการจัดการความขัดแย้ง
บทบาทคู่
ขัดแย้ง
แนวทางแบบกําหนดบรรทัดฐาน
Prescriptive model
◦ ให้ความสําคัญและตระหนักถึงสาเหตุและผลของความขัดแย้งอยู่ตลอดเวลาพร้อมแสวงหาทางเลือกในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง
◦ การเผชิญหน้ากับความขัดแย้ง การแยกแยะระหว่างผลประโยชน์กับจุดยืน การฟังฝ่ายตรงข้ามอย่างตั้งใจและจริงจังและการพูดเพื่อ
เสริมความเข้าใจและร่วมมือเป็นหลัก
◦ ปรับปรุงอารมณ์ให้มีความเยือกเย็น มั่นคงและการแสดงออกที่ไม่เห็นด้วยเดิมที่อยู่บนพื้นฐานของอารมณ์ให้อยู่บนพื้นฐานของเหตุผล
◦ แสดงออกการกระทํากับความตั้งใจในเชิงบวกพร้อมให้ความช่วยเหลือ มิใช่เป็นการทําร้ายและไม่กล่าวโทษซึ่งกันและกัน
◦ มีจิตใจที่เปิดกว้าง รับความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย
แนวทางแบบพรรณนา
Descriptive model
การแข่งขัน
การบรรลุข้อตกลงในเชิงยุทธวิธีต่อ
สัญลักษณ์ว่าอีกฝ่ายพ่ายแพ้
การประนีประนอม การขยายทรัพยากร
การแสดงจุดร่วม สงวน
จุดต่าง
การหลีกเลี่ยง
บทบาท
ผู้บริหาร
บทบาทฝ่าย
ที่สาม
การจัดการความขัดแย้งโดยผู้บริหารองค์กร
การใช้ภาวะผู้นําที่เหมาะสม
การใช้การมีส่วนร่วม
SWOT
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบุคลากร
การเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรที่เป็นทางการโดยการออกแบบงานใหม่
การขยายทรัพยากร
การกําหนดหรือสร้างเป้าหมายที่เหนือกว่า
OD
การจัดการความขัดแย้งโดยคนกลาง
การเป็นผู้ไกล่เกลี่ย
การเป็นผู้ชี้ขาด
การเป็นผู้ปรองดอง
การเป็นที่ปรึกษา