Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม, ่, ่, ั - Coggle Diagram
ทฤษฎีพฤติกรรมนิยม
Ivan Pavlov
ประวัติ
1849-1936
นักจิตวิทยาชาวรัสเซีย
ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยา เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร
ผู้คิดค้นทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค
ทฤษฎีการวางเงื่อนไข
แบบคลาสสิคของพาฟลอฟ
เป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนองซึ่งเป็นผลมาจากความใกล้ชิดหรือการฝึกหัด ซึ่งเป็นไปโดยอัตโนมัติ และมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าได้รับการวางเงื่อนไข
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค
ครูใช้วิธีเสนอสิ่งที่จะสอนไปพร้อมกับสิ่งเร้าที่ผู้เรียนชอบตามธรรมชาติ
การนำเรื่องที่เคยสอนแล้วมาสอนใหม่
การนำธรรมชาติของผู้เรียนมาเป็นสิ่งเร้า ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดี
การจัดกิจกรรมการเรียนให้ต่อเนื่องและมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
การเสนอสิ่งเร้าให้ชัดเจนในการสอน
หากต้องการให้ผู้เรียนเกิดพฤติกรรมใด ควรมีการใช้สิ่งเร้าหลายแบบ
John B. Watson
ประวัติ
บิดาแห่งพฤติกรรมนิยม
นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
1878-1958
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขของวัตสัน
Little Albert experiment
ก่อน
การวางเงื่อนไขของวัตสัน
การทดลอง
วางเงื่อนไขของวัตสัน
หลัง
การวางเงื่อนไขของวัตสัน
การทดลองกลับ
การวางเงื่อนไขของวัตสัน
การประยุกต์ทฤษฎีการวางเงื่อนไขของวัตสันในการสอน
การลดความกลัว (Phobia) เช่น ผู้สอนสร้างความคุ้นเคยเพื่อไม่ให้เด็กเกิดความกลัวแล้วไม่อยากมาโรงเรียน
ผู้เรียนที่ถูกวางเงื่อนไขให้กลัวผู้สอน ช่วยโดยไม่ลงโทษ แต่ให้การเสริมแรง
B. F. Skinner
ชนิดของตัวเสริมแรง
ตัวเสริมแรง
ตัวเสริมแรงปฐมภูมิ
เป็นความต้องการทางด้านร่างกาย
เช่น อาหาร ขนม
ตัวเสริมแรงทุติยภูมิ
เกิดจากการวางเงื่อนไข
เช่น เงิน การให้ดาวคะแนน
การเสริมแรง
การเสริมแรงทางบวก
ให้ในสิ่งที่พึงพอใจ
เช่น ขนม เงิน คำชม ยิ้ม
การเสริมแรงทางลบ
เอาสิ่งที่ไม่พึงพอใจออกไป
เช่น เอาคำดุด่าออกไป
การลงโทษ
การลงโทษแบบให้สิ่งที่เป็นลบ
เช่น การดุด่า การตี
การลงโทษแบบถอนสิ่งที่เป็นบวก
เช่น การตัดคะแนน การตัดเงินเดือน
การงดดูทีวี การงดเล่นโทรศัพท์
ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทำของสกินเนอร์
การทดลองของสกินเนอร์
ตารางการเสริมแรง
การเสริมแรงตามช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน
เช่น การสอบเก็บคะแนนไม่บอกล่วงหน้า
การเสริมแรงตามจำนวนครั้งที่แน่นอน
เช่น การตอบคำถาม 5 ครั้ง ได้ 1 คะแนน
การเสริมแรงตามช่วงเวลาที่แน่นอน
เช่น การสอบย่อยทุกวันศุกร์
การเสริมแรงตามจำนวนครั้งที่ไม่แน่นอน
เช่น การตอบคำถามแต่ละครั้งไม่เท่ากันก็ให้รางวัล
ประวัติ
นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
เป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด
1904-1990
การนำทฤษฎีสกินเนอร์ไปใช้
การนำทฤษฎีของสกินเนอร์ไปใช้ที่มีชื่อเสียง
ได้แก่ บทเรียน โปรแกรม เครื่องช่วยสอน
Edwin R. Guthrie
ทฤษฎีความต่อเนื่องของกัทธรี
การทดลองความต่อเนื่องของกัทธรี
กฎการเรียนรู้ความต่อเนื่องของกัทธรี
หลักการกระทำครั้งสุดท้าย ถ้าการเรียนรู้เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์จากการกระทำเพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นการกระทำครั้งสุดท้าย ในสภาพการณ์ใหม่เกิดขึ้นอีก ผู้เรียนก็จะทำเหมือนที่เคยทำครั้งสุดท้าย
หลักการแทนที่ ถ้าสิ่งเร้าที่ไม่ได้วางเงื่อนไขมาเร้าให้บุคคลตอบสนองได้แม้เพียงครั้งเดียว ต่อมาถ้าใช้สิ่งเร้าที่วางเงื่อนไขมาแทนสิ่งเร้าที่ไม่วางเงื่อนไข
ก็จะเกิดการตอบสนองได้แม้เพียงครั้งเดียว
การทำให้เกิดการเรียนรู้นั้น การจูงใจสำคัญมากกว่าการเสริมแรง
เมื่อมีสิ่งเร้าเกิดขึ้นพร้อมกับมีการตอบสนอง และสิ่งเร้าที่มีลักษณะเดียวกันเกิดขึ้นอีก ก็จะมีแนวโน้มตอบสนองแบบเดิม เช่น ครูชูบัตรคำแล้วให้นักเรียนอ่านบัตรคำทันที
ประวัติ
1886-1959
นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีความต่อเนื่องของกัทธรี
ถ้าต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ ควรใช้การจูงใจมากกว่าการเสริมแรง
การลงโทษ
3.2 การเพิ่มโทษ ทำให้เลิกพฤติกรรมไม่พึงประสงค์
3.3 การเรียนรู้จะเกิดขึ้นจากการได้รับรางวัลมากกว่าการลงโทษ
3.1 การลงโทษเบา พฤติกรรมจะไม่เปลี่ยน
การเรียนรู้เกิดจากกระทำหรือตอบสนองเพียงครั้งเดียว
ไม่ต้องทำหลายครั้งหลักการนี้ใช้กับผู้เรียนที่มีประสบการณ์เดิมมาก่อน
ให้พฤติกรรมที่พึงประสงค์แทนที่พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ในเวลาเดียวกัน
Edward L. Thorndike
กฎการเรียนรู้ของธอร์นไดค์
กฎแห่งความพร้อม
ได้แก่ ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้เมื่ออยู่ในสภาพที่พร้อม
กฎแห่งการฝึกหัด
กฎแห่งการใช้
ใช้บ่อยเกิดทักษะ
กฎแห่งการไม่ใช้
ไม่ค่อยได้ใช้เกิดการลืม
กฎแห่งความพึงพอใจ
ได้แก่ คำชม รางวัล
กฎย่อย 5 ข้อ ของธอร์นไดค์
3. กฎการเลือกตอบสนอง
เกิดจากการลองผิดลองถูก วิธีใดได้ผลจะใช้วิธีนั้น
4. กฎแห่งความคล้ายคลึงและเปรียบเทียบ
สถานการณ์คล้ายคลึงกันเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น
2. กฎแห่งทัศนคติและความเชื่อ
ให้กำหนดจุดมุ่งหมาย ซึ่งเป็นตัวกำหนดแนวทางการเรียนรู้
5. กฎแห่งการถ่ายโยง
ความรู้เดิมสัมพันธ์กับความรู้ใหม่ จะเรียนรู้ได้เร็ว
1. กฎแห่งการตอบสนองหลายแบบ
การแก้ปัญหามีหลายแบบ สุดท้ายเลือกแบบเดียวที่แก้ปัญหาได้
ทฤษฎีความสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีความสัมพันธ์เชื่อมโยงของธอร์นไดค์
การเสริมแรงทางบวก ใช้การเสริมแรงที่หลากหลาย เช่น คะแนน คำชม รางวัล
ครูไม่ควรใช้การลงโทษที่รุนแรงเกินไป เพราะไม่เกิดการเรียนรู้ แต่สร้างอคติ
ครูควรวางเงื่อนไขในการเรียน ใช้เงื่อนไขที่แตกต่างกัน เช่น ทำงานเสร็จเร็วให้นักเรียนพัก
ก่อนสอนครูต้องคำนึงถึงความพร้อมของผู้เรียน
ครูต้องเข้าใจความแตกต่างของผู้เรียน ว่าการตอบสนองของคนเราไม่เท่ากัน
ครูกระตุ้นนักเรียนให้เกิดการฝึกหัด เช่น ให้การบ้าน การทำแบบฝึกหัดบ่อย ๆ
ประวัติ
นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
1874-1949
บิดาแห่งจิตวิทยาการศึกษา
Clark L. Hull
ทฤษฎีการเสริมแรงของฮัลล์
แนวคิดพื้นฐานของฮัลล์
พฤติกรรม = (D+K) x H
D คือ แรงขับที่เกิดจากความต้องการ
K คือ ปริมาณสิ่งจูงใจ
H คือ นิสัยที่เกิดจากการเรียนรู้
กระบวนการเรียนรู้ตามแนวคิดของฮัลล์
ประวัติ
1884-1952
นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน
เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยเยล
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเสริมแรงของฮัลล์
ช่วงเวลาการสอน ต้องคำนึงถึงเวลา ถ้าสอนนานเกินไป การเรียนจะไม่มีผล เสียเวลา เกิดความเบื่อ เมื่อยล้า หมดความสนใจ
ครูควรจัดลำดับขั้นตอนในการเรียน การทำกิจกรรม
การจัดกิจกรรม ครูต้องคำนึงถึงความต้องการของเด็ก
การถ่ายโยงการเรียนรู้ ครูควรเน้นเชื่อมโยงจากบทเรียนหนึ่งไปสู่บทเรียนหนึ่ง
การเรียนรู้ทักษะ ควรสอนจากง่ายไปยาก
่
่
ั