Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยที่ 7 การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ - Coggle Diagram
หน่วยที่ 7 การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ
การออกกำลังกาย
เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ
ควรได้รับการสนับสนุนให้มีกิจกรรมทางกายอย่างต่อเนื่องในหลายวิธีเท่าที่จะเป็นไปได้
Physical activity
หมายถึง การเคลื่อนไหวทั้งหมดของร่างกายที่เกิดจากการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อ ทำให้เกิดดารเาผลาญพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าการเคลื่อนไหวนั้น
จะเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
Regular physical activity
หมายถึง การเคลื่อนไหวทั้งหมดของร่างกายที่เกิดจากการทำงานของอวัยวะต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าการเคลื่อนไหวนั้นจะเกิดขึ้นโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
ประโยชน์การออกกำลังกาย
หรือกิจกรรมทางกาย
ลดความดัน
ระบบในร่างกายมีการทำงานที่ดีขึ้น
ทำให้การนอนหลับดีขึ้น
ลดความเครียด
ป้องกันหรือลดน้ำหนักเกินหรือไขมันส่วนเกิน
ลดความเสี่ยงต่อภาวะสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2
การสูบฉีดเลือดออกไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายดีขึ้น
แนวทางการส่งเสริมการออกกำลังกาย
4.ถ้าเป็นไปได้ให้ทำ vigorous physical activity ในบางครั้ง
1.มองว่าการออกกำลังกายเป็นโอกาส
ไม่ใช่อุปสรรค
2.สามารถกระทำได้ในหลายวิธีเท่าที่เป็นไปได้
3.ออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีในเกือบทุกวันของสัปดาห์
การออกกำลังกายสามารถทำได้ทุกที่ ทุกเวลา
ควรคำนึงถึงโรคประจำตัวของผู้สูงอายุและความพร้อมด้านร่างกายก่อนออกกำลังกาย
ควรมองการออกกำลังกาย ดังนี้
การประเมินความพร้อมทางด้านร่างกาย
3.ประวัติการได้รับยา
4.การเตรียมร่างกายก่อนออกกำลังกาย
1.ความเสี่ยงต่อการออกกำลังกายจากโรคเรื้อรัง
2.การรับประทานอาหารเพียงพอ
ชนิดการออกกำลังกาย
ผู้มีปัญหากระดูกและกล้ามเนื้อ ควรออกำลังในสระน้ำหรือการปั่นจักรยานอยู่กับที่
ผสมผสานกับชีวิตประจำวัน เช่นการเดินจ่ายตลาด การพบปะเพื่อนฝูง การรำวง
การออกกำลังกายที่ดีควรเป็นการออกกำลังกายที่ลงน้ำหนัก
เป็นกิจกรรมที่ผู้สูงอายุสนใจ มีความสนุกสนานและไม่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บ
ความเครียดและการจัดการความเครียดของผู้สูงอายุ
ความหมาย
ภาวะทางชีวภาพที่แสดงให้รู้ได้โดยปรากฎการณ์ของกลุ่มอาการเฉพาะซึ่งเกิดขึ้นจากปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายต่อสิ่งรบกวน
เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับสิ่งแวดล้อม โดยที่บุคคลเป็นผู้ประเมินด้วยสติปัญญาว่าความสัมพันธ์นั้นเกินขีดความสามารถหรือแหล่งประโยชน์ที่ตนเองจะใช้ต่อต้านได้ และรู้สึกว่าถูกคุกคามเป็นอันตรายหรือสูญเสีย หรือท้าทายต่อความมั่นคงปลอดภัยของชีวิต
อาการแสดงของภาวะเครียด
อาการปัสสาวะบ่อย
การนอนไม่หลับ ฝันร้าย
การรับประทานอาหารไม่อร่อย
อาการปวดกล้ามเนื้อ
วิตกกังวล กลัว ท้อแท้ ซึมเศร้า
อ่อนล้า สมาธิสั้น หลงลืม
ปัจจัยที่ก่อให้เกิดความเครียด
6.สถานภาพทางสังคมลดลง เช่น บทบาทของผู้นำครอบครัว บทบาทหัวหน้างาน
3.การที่ต้องรับภาระในการดูแลบุตรหลาน อาจทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ปวดข้อ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
4.การดูแลคู่สมรสหรือบุคคลใกล้ชิดที่เจ็บป่วยเรื้อรังและการสูญเสียคู่สมรส
5.สัมพันธภาพระหว่างเพื่อนลดลง
2.การเกษียณอายุราชการ ปรับเปลี่ยนบทบาท เข้าร่วมกิจกรรมสังคมลดลง รายได้ลดลง
1.การเปลี่ยนแปลงตามวัย การเสื่อมถอยอย่างรวดเร็ว ทำให้ส่งผลกระทบต่อ ADL คุณค่าตนเองลดลง
การจัดการกับความเครียด
ค้นหาแนวทางการเผชิญปัญหา
การจัดการกับปัญหา โดยแบ่งเป็น2แบบ
การเผชิญปัญหาที่มุ่งแก้ปัญหา เผชิญปัญหาโดยตรง โดยปรับความคิดและพฤติกรรมหรือเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดปัญหานั้น และการเผชิญปัญหาแบบมุ่งปรับอารมณ์ เป็นการรักษาสมดุลเท่านั้นไม่ได้จัดการปัญหาให้หมดไป ลดความเครียด ซึ่งอาจนำไปสู่อาการเจ็บป่วยทางจิต เช่น วิตกกังวลซึมเศร้า
การหาวิธีผ่อนคลาย
การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตนเอง
การออกกำลังกายช่วยให้ปฏิสัมพันธ์ในสังคมดีขึ้น
เป็นการสนับสนุนด้านจิตสังคมอีกวิธีหนึ่ง
ช่วยให้ระบบประสาทส่งสารสื่อประสาทได้ดีขึ้น
สนับสนุนให้มีการเข้าร่วมกิจกรรม เช่น การให้ความสำคัญเป็นที่ปรึกษาในครอบครัว การเข้าร่วมเป็นกรรมการในชุมชน การเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาล
การมองโลกในแง่ดี
การขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ
การนอนหลับ
ความหมาย
การพักผ่อนที่ดีที่สุดเป็นกิจกรรมจำเป็นในการดำรงชีวิต เช่นเดียวกับ การหายใจ การรับประทานอาหาร การขับถ่าย
การนอนหลับและคลื่นไฟฟ้าสมอง
การนอนหลับระยะที่ไม่มีการกลอกตาแบ่งเป็น 4 ระยะ เมื่อสิ้นสุดระยะที่ 4 จึงเข้าสู่ระยะที่มีการกลอกตาไปมาอย่างรวดเร็ว
คลื่นไฟฟ้าสมองจะลดลงเมื่ออายุมากกว่า 65 ปี อาจเนื่องจากความเสื่อมตามวัย หรือการสูญเสียเซลล์ประสาท จากการลดลงของเลือดที่ไปเลี้ยง
การนอนหลับปกติทุกคืนจะแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ NREM and REM
การนอนหลับของผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ เริ่มจากการหลับที่ไม่มีการกลอกตาอย่างรวดเร็ว แล้วจึงเข้าสู่ระยะที่มีการกลอกตาไปมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเทียบกับวัยอื่นๆพบว่าผู้สูงอายุ มีระยะการนอนหลับ stage 1 NERM เพิ่มขึ้น Stage3,4 NERM and REM ลดลง จึงทำให้ตื่นได้ง่าย หลับยาก ตื่นมาไม่สดชื่น พักผ่อนไม่พอ
คลื่นไฟฟ้าสมองขณะนอนหลับและขณะตื่นมีความแตกต่างกัน
ผลกระทบเนื่องจากปัญหา
การหลับของผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุที่มี sleep apnea จนทำให้นอนนานกว่า 10 ชม ต่อวันเสี่ยงต่อการเกิด MI สูงกว่าคนที่นอนปกติ
บั่นทอนสุขภาพกาย นอนหลับน้อยกว่า 4 ชม.มีผลทำให้ความดันโลหิตสูง
ลดความทรงจำ โดยเฉพาะระยะสั้น ขาดสมาธิ ตอบสนองต่อสิ่งเร้าช้า และอาจผิดพลาด
ง่วงซึม อ่อนเพลีย อิดโรย ไม่แจ่มใส
มีผลกระทบทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และคุณภาพชีวิตลดลง
ความสมารถทำกิจกรรมลดลง เพราะง่วงนอน ขาดสมาธิ หรือนอนหลับกลางวันเพิ่มมากขึ้น
ปัจจัยรบกวนการนอนหลับในผู้สูงอายุ
ด้านสิ่งแวดล้อม
แสง ระดับความเข้มแสงมากกว่า2000 ลัคซ์ รบกวนการนอนหลับ
เสียง 50เดซิเบลขึ้นไปทำให้รบกวนการนอนหลับ
อุณหภูมิ อุณหภูมิเหมาะสมควรสูงกว่า 23.9-27.0 องศาเซลเซียส
กลิ่น เพื่อนร่วมห้อง แมลงและสัตว์ต่างๆ
ด้านร่างกาย
การถ่ายปัสสาวะ
ความสูงอายุ
การหายใจลำบาก
ความไม่สุขสบาย
ความเจ็บปวด
ยา
การกระตุกของแขนขาขณะนอนหลับ
อาการไอ
ด้านจิตใจและอารมณ์
ความวิตกกังวล ความเครียด อารมณ์เศร้า
การพยาบาล
จัดสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันอุบัติเหตุให้ผู้สูงอายุ ทั้งที่พัก และสถานที่ดำเนินกิจกรรม ควรเป็นพื้นราบ มีราวที่ทำด้วยวัสดุที่แข็งแรง เพื่อพยุงตัวเดิน มีแสงสว่างชัดเจน และไม่มีสิ่งกีดขวางทางเดิน
หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆในช่วงใกล้เวลานอน
ลดช่วงเวลาการนอนหลับเวลากลางวันให้เหลือเพียงวันละ 30 นาที โดยจัดกิจกรรมเวลากลางวันให้ผู้สูงอายุเข้าร่วม เช่น ออกกำลังกายเบาๆ เดิน
แนะนำและดูแลให้ผู้สูงอายุเข้านอนและตื่นตรงเวลาทุกวัน เพื่อปรับจังวะชีวภาพ
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงลักษณะการนอนหลับที่ถูกต้องให้ผู้สูงอายุทราบ โดยเน้นเรื่องความรู้สึกเพียงพอในการนอนหลับ
โภชนาการสำหรับผู้สูงอายุ
ความต้องการสารอาหารในผู้สูงอายุ
มีความต้องการพลังงานลดลง
ผู้ที่ไม่มีความผิดปกติของตับและไต ต้องการโปรตีน1-1.2กรัมต่อวัน
คาร์โบไฮเดรต ร้อยละ 50-60
จำกัดไขมันไม่เกินร้อยละ 30 เน้นไขมันจากพืช
วิตามิน
วิตามินเอ รักษาสายตาไม่ให้เสื่อมสภาพเร็ว ผู้สูงอายุมีความทนต่อวิตามินเอลดลงและมีการดูดซึมที่ลำไส้เพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการวิตามินเอลดลง
วิตามินดี ควบคุมแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จำเป็นในการสร้างกระดูก ผู้สูงอายุดูดซึมวิตามินดีได้ลดลง จึงทำให้เกิดปัญหากระดูกพรุน ควรรับประทานจาก อาหารทะเลและนมที่เสริมวิตามินดีเพิ่มขึ้น
วิตามินอี ต้านออกซิเดชั่น ชะลอกระบวนการเสื่อมถอยและอนุมูลอิสระ อาหารที่พบวิตามินอี คือ อะโวคาโด ถั่ว งา เนยถั่ว ผักใบเขียว เป็นต้น
วิตามินเค มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาหารที่พบคือ ผักใบสีเขียว ผลไม้และธัญพืช
วิตามินซี สำคัญต่อการสร้างกระดูก เลือด คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญของผิวหนัง เอ็น กระดูก เป็นสารต้านมะเร็ง ผู้สูงอายุต้องการเพิ่มวันละ 60 มิลลิกรัมทั้งชายและหญิง
วิตามินบี 1 ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะขาดไทอะมีนโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เนื่องจากน้ำย่อยในกระเพาะอาหารลดลง
วิตามินบี 2 เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาออกซิเดชั่น พบในอาหารประเภทเนื้อ นม ไข่ และผักใบเขียว ยาขับปัสสาวะไทอะไซด์ ทำให้มีการขับ ribroflavin ทางปัสสาวะเพิ่มมากขึ้น
วิตามินบี 6 ดูดซึมวิตามินที่ทางเดินอาหารลดลง ทำให้รับได้ไม่เพียงพอ มีอาการซึมเศร้า หงุดหงิดง่าย ชา และซีด ควรทานวิตามินเพิ่มมากขึ้น โดยพบได้ใน เนื้อหมูและธัญพืช
เกลือแร่
โฟเลท ผู้สูงอายุมีปัญหาการดูดซึมกรดโฟลิก เนื่องจากมีปัญากระเพาะอาหารอักเสบและค่า pH ในลำไส้เล็กเพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดภาวะซีด ควรรับประทานอาหารที่มีโฟเลทมาก
แคลเซียม การเสียเนื้อในกรดูกพบมากในผู้สูงอายุ ผู้สูงอายุต้องการแคลเซียม 800 มิลลิกรัม แหล่งอาหารที่มีแคลเซียมมากได้แก่ นม ปลาเล็กปลาน้อย เป็นต้น
เหล็ก ถ้ารับอาหารที่มีไฟเตทและออกซาเลทร่วมด้วย ทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กลดลง
สังกะสี การขาดสีงกะสีทำให้ผู้สูงอายุ รับรสและกลิ่นลดลง มีผลต่อความอยากอาหารลดลง การหายของแผลช้า อาหารที่มีสังกะสีมากได้แก่ ตับ ไข่ เนื้อแดง เป็นต้น
ภาวะทุพโภชนาการ
ภาวะที่มีปัญหาด้านการได้รับสารอาหารเช่น การได้รับสารอาหารเกินหรือต่ำกว่ามาตรฐาน
การได้รับอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอทำให้น้ำหนักลด
ความผิดปกติของการดูดซึมและการนำสารอาหารไปใช้
ดัชนีมวลกายน้อยกว่า 18.5 kg/m2
น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ตั้งใจมากกว่า 10% ภายใน 3-6 เดือน
หลักการจัดอาหารสำหรับผู้สูงอายุ
โปรตีน รับประทานไข่วันละ 1 ฟอง หากมีโคเลสเตอรอลสูงรับประทานวันเว้นวัน หรือทานเฉพาะไข่ขาว
ไม่รับประทานน้ำตาลทรายมากเกินไป เพราะมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานหรือภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง
ลดปริมาณอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ขนมหวาน เค้ก ของเชื่อม
พลังงาน ลดจำนวนอาหารประเภทพลังงาน ได้แก่ ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ประมาณร้อยละ 10-20 ของพลังงานทั้งหมดตามอายุที่เพิ่มขึ้น
ไขมัน เช่น น้ำมันพืชที่มีกรดไลโนเลอิกในการปรุงอาหาร เช่นน้ำมันถั่วเหลือง
ใยอาหาร ควรรับวันละ 20-35 กรัม
ลดการดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ชา กาแฟ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1500 มิลลิลิตร
จัดอาหารให้น่ารับประทาน ภาชนะในการจัดอาหารมีสีสันน่ารับประทาน
นันทนาการเพื่อผู้สูงอายุ
ความหมาย
กิจกรรมที่ทำในยามว่างที่ผู้เข้าร่วมมีอิสระในการตัดสินใจเลือกปฏิบัติด้วยตนเอง เพื่อก่อให้เกิดอารมณ์ที่ผ่อนคลาย และสนุกสนานเพลิดเพลินกับตนเองและกลุ่ม
ประเภทและลักษณะนันทนาการที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ
คำนึงถึงข้อจำกัดทางด้านร่างกาย จิตอารมณ์ และสังคมของผู้สูงอายุ
อาจเป็นกิจกรรมที่ใช้พลังงานน้อยหรือปานกลาง ทำคนเดียวหรือทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม
สนับสนุนตั้งแต่วัยทำงานจะมีผลต่อสุขภาวะ
ประเภทของนันทนาการ
การออกกำลังกายและกีฬา
เกมส์
การปลูกต้นไม้
งานศิลปะหัตถกรรม
การทำอาหาร
กิจกรรมศาสนา
การเขียน การอ่าน สนทนาโต้วาที
การร้องเพลง การเล่นดนตรี
การท่องเที่ยว
งานประเพณีและวัฒนธรรม
แนวคิดการนำนันทนาการมาใช้ในการพยาบาลผู้สูงอายุ
ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเกิดพลังใจ ทำให้รู้สึกมีคุณค่า มีศักยภาพ มีกำลังที่จะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆได้ตามต้องการ
แบ่งการทำกิจกรรมเป็น 3 ช่วง คือ ปฏิบัติภารกิจส่วนตัว เวลาทำงาน เวลาว่าง
ใช้ทฤษฎี การมีกิจกรรมร่วม ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมต่างๆอยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมที่ชอบ จะทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกกระฉับกระเฉง เพิ่มทักษะการปรับตัว
ผู้สูงอายุมีเวลาว่างจำนวนมาก
จึงเป็นวิกฤติของชีวิต
คนเรามีเวลานอนหลับ 6-8 ชม.
จึงมีเวลาตื่นนอนประมาณ 16-18 ชม.
กระบวนการพยาบาล
การดำเนินกิจกรรมนันทนาการ ควรสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลิน การเริ่มต้นควรมีคำทักทาย แนะนำตัว อธิบายและสาธิตการร่วมกิจกรรม การสิ้นสุดกิจกรรมต้องทำให้ผู้สูงอายุเกิดความภาคภูมิใจในตนเอง รู้สึกดีกับการร่วมกิจกรรม
การจัดเตรียมทีมจัดกิจกรรมนันทนาการ ควรมีการประชุมก่อนการจัดกิจกรรม แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ ให้ชัดเจน ประชุมหลังจัดกิจกรรม
การจัดเตรียมอุปกรณ์ ควรเหมาะกับผู้สูงอายุ ความปลอดภัย ประหยัด ความสะดวก ความเหมาะสม
กำหนดวัตถุประสงค์และเลือกกิจกรรม เช่น จัดกิจกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการหกล้มหรือทำกิจวัตรประจำวันต่างๆได้ เช่น โยคะไทเก็ก
การประเมิน ก่อนจัดกิจกรรมควรรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อวางแผนและดำเนินกิจกรรมให้เหมาะสม ทำให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย