Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ปัญหาในระบบทางเดินอาหารที่พบบ่อย (Common Gastrointestinal Problems) -…
ปัญหาในระบบทางเดินอาหารที่พบบ่อย (Common Gastrointestinal Problems)
การซักประวัติสุขภาพ (Health History Taking)
Characteristic
Visceral pain ลักษณะการปวดอาจเป็นแบบหน่วงๆหรือปวดตื้อๆ ไม่ชัดเจน ปวดไม่รุนแรง ระบุตําแหน่งที่ปวดได้ไม่ชัดเจน การปวดในลักษณะนี้พบได้ใน โรคลําไสอุดตัน ไสติ่งอักเสบในระยะแรก
Somatic pain เป็นอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นมักเป็นแบบ เฉียบพลัน รุนแรง สามารถบอกตําแหน่งได้อย่างชัดเจน เป็นการปวดของอวัยวะที่นําความรู้สึกโดยประสาท somatic nerve เช่น posttraumatic pain และไสติ่งอักเสบในระยะลุกลาม
Referred pain อาการปวดในบริเวณที่ไกลจากอวัยวะที่มีพยาธิสภาพ เป็นผลมาจากเส้นประสาทของอวัยวะภายในช่องท้องและเส้นประสาทจากผิวหนังในระดับเดียวกันมาบรรจบกันที่เซลล์ประสาทเดียวกันที่ไขสันหลัง ทําให้สมองแปลผลสับสน เช่น การอักเสบจากถุงน้ําดีซึ่งมีเส้นประสาทเข้าสู่ไขสันหลังในระดับที่ T5-T10 ดังนั้น referred pain ที่เกิดขึ้นจึงพบได้ที่สะบักขวาหรือไหล่ขวา
Onset
อาการปวดท้องเฉียบพลัน [Acute Abdomen] ถือเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยศัลยกรรม และเป็นภาวะฉุกเฉินทางช่องท้องที่มีความจําเป็นที่จะต้องได้รับการวินิจฉัย ให้การรักษาอย่างรวดเร็วและทันท่วงทีหากพบอาการปวดท้องอย่างรุนแรงในผู้ป่วยที่ปกติดีมาก่อน ถ้าเกิน 6 ชั่วโมง ส่วนใหญ่จะเกิดภาวะที่ต้องการการรักษาโดยการผ่าตัด เช่น ไส้ติ่ง อักเสบ, กระเพาะอาหารทะลุลําไส้อุดตัน ถุงน้ําดีอักเสบ
Location
ปวดแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ อาจนึกถึง กระเพาะอาหารเป็นแผล กรดไหลย้อน ตับอ่อนอักเสบ หรือ หัวใจขาดเลือด
ปวดจุดรอบสะดือ เช่น ท้องเดิน ไส้ติ่งอักเสบระยะแรก หรือลําไส้อุดตัน
บริเวณท้องน้อย อาจจะต้องนึกถึง กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวดประจําเดือน แท้ง หรือเยื่อบุมดลูกอักเสบ ปวดบริเวณท้องน้อยด้านขวา ควรนึกถึง ไส้ติ่งอักเสบ ปีกมดลูกอักเสบ ก้อนในรังไข่ข้างขวาแตก หรือนิ่วในท่อไต ส่วนการปวดท้องน้อยด้านซ้ายควรนึกถึง ท่อรังไข่อักเสบ นิ่วในท่อไตด้านซ้าย
ปวดท้องมีร้าวไปที่อื่นหรือไม่ เช่น ปวดร้าวไปสะบักขวานึกถึงนิ่วในถุงน้ำดี หรือถุงน้ำดีอักเสบ
Duration
ระยะเวลาที่เกิดและห่างกันของการปวดท้อง เช่น ปวดบิดแล้วหายไป ในลักษณะเป็นๆหายๆอาจนึกถึงอาหารเป็นพิษหรือติดเชื้อในลําไส้ ส่วนอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปวดแบบต่อเนื่องหลายชั่วโมง ควรนึกถึงไส้ติ่งอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ
Severity
ความรุนแรงหรือระดับความเจ็บปวด ระดับความปวด เช่น pain score 1-10 หากผู้ป่วยมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และมีอาการอย่างรวดเร็ว โดยผู้ป่วยสามารถบอกถึงบริเวณที่ปวดได้อย่างชัดเจน ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า อาจจะมีการแตก ทะลุ ของอวัยวะภายในช่องท้อง หรืออวัยวะที่ก่อให้เกิดอาการ เช่น กระเพาะอาหารทะลุ ตั้งครรภ์นอกมดลูก
Pattern
การเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่น การเปลี่ยนอิริยาบถ การขยับตัว หรือกระเทือน อาจเป็นในกรณีที่มีการระคายเคืองของเยื่อบุช่องท้อง ไส้ติ่งอักเสบ แต่ถ้าหยุดนั่งหรือนอนนิ่งๆ ทําให้การปวดลดลง ถ้าปวดแบบ colic ผู้ป่วยจะนอนดิ้นไปมา เช่น นิ่วในท่อไต
การอาเจียน จะทําให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นในผู้ป่วยที่เป็นการอุดตันของลําไส้เล็ก
ท่าทาง ในผู้ป่วยที่มีการอักเสบของบางอวัยวะ เช่น ตับอ่อนอักเสบจะปวดท้องมากเมื่อนอนหงาย และจะดีขึ้น เมื่อนั่ง หรือก้ม โน้มตัวมาด้านหน้า
อาหารชนิดต่าง ๆ เช่น หลังรับประทานอาหารประเภทไขมันจะทําให้เกิดอาการปวดแน่นท้องมากขึ้น ในโรคของท่อทางเดินน้ําดี
การรับประทานอาหาร อาการปวดท้องที่สัมพันธ์กับช่วงเวลาก่อนหรือหลังรับประทานอาหาร เช่น แผลที่ดูโอดีนั่ม (duodenal ulcer) และแผลที่ pylorus จะมีอาการปวดเกิดขึ้นหลังรับประทานอาหาร แต่แผลที่กระเพาะอาหาร (gastric ulcer) จะปวดมากเมื่อรับประทานอาหาร แต่ถ้ารับประทานอาหารแล้วปวดแน่นมากขึ้นอาจจะนึกถึงกระเพาะอาหารทะลุ
Associated factors
มีไข้ นึกถึงการติดเชื้อและการอักเสบของอวัยวะในช่องท้อง
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ท้องอืด ควรพิจารณาถึง ระบบการย่อยของอาหาร การคงอยู่และการขับเคลื่อนของอาหารลงไปสู่ลําไส้
การขับถ่ายที่ผิดปกติไป เช่น ถ่ายเหลว ควรนึกถึงการติดเชื้อหรืออักเสบในลําไส้ อาหารเป็นพิษ ส่วนท้องผูก การถ่ายดํา ซีด ต้องนึกถึงการมีเลือดออกในระบบทางเดินอาหาร สําหรับการมีตัวเหลืองตาเหลือง น่าจะต้องเกี่ยวข้องกับตับและถุงน้ําดีถ้าผู้ป่วยมีน้ําหนักตัวลด ให้นึกถึงโรคมะเร็ง และสําหรับผู้ป่วยหญิงที่มีอาการตกขาว เลือดออกในช่องคลอด หรือการขาดประจําเดือน มักเกี่ยวกับโรคทางสูตินารีเวช
กลุ่มอาการปวดท้อง (abdominal pain)
สาเหตุ
สาเหตุทางด้านศัลยกรรม (Surgical Disorder)
การอักเสบ (inflammation) เช่น appendicitis, cholecystitis, and pancreatitis
การอุดตัน (Obstruction) เช่น intestinal obstruction, Biliary colic, Ureteric colic, acute retention of urine
การทะลุของอวัยวะภายในช่องท้อง (Perforation) เช่น perforated peptic ulcer, appendix, diverticular diseases, ruptured abdominal aortic aneurysm (AAA)
สาเหตุทางด้านอายุรกรรม (Medical disorder)
ความผิดปกติของหัวใจ (Cardiovascular) เช่น Myocardial infarction
ความผิดปกติเกี่ยวกับทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Tract Disease) เช่น Severe Gastritis, Gastroenteritis, Primary peritonitis
ความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ (Genitourinary Tract System) เช่น Urinary tract infection, Pyelonephritis
สาเหตุทางด้านนรีเวช (Gynecological disorder)
Ectopic pregnancy
Ovarian cyst with complication (rupture, infection)
Pelvic inflammatory disease (PID)
Endometriosis
โรคที่พบบ่อยในผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้อง (abdominal pain)
สาเหตุที่เกี่ยวกับหัวใจ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด (Myocardial infarction, MI)
แผลในกระเพาะอาหาร (Peptic ulcer)
โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
ถุงน้ําดีอักเสบเฉียบพลัน (acute cholecystitis)
ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis)
โรคตับอ่อนอักเสบ (Pancreatitis)
เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis)
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease, GERD)
โรคลําไส้อุดตัน (bowel obstruction)
การดูแลเบื้องต้นและการส่งต่อผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้อง
ช็อค (Shock) พิจารณาให้สารน้ำทางหลอดเลือดดํา IV fluid ได้แก่ 0.9% NSS หรือ Ringer’s Lactate ส่งต่อพบแพทย์
อาการปวดท้อง ให้การรักษาให้ยาลดการหดเกร็งเพื่อบรรเทาปวด (antispasmodic) เช่น Hyoscine butylbromide (Buscopan) แต่ถ้าปวดท้องไม่ดีขึ้นภายใน 6 ชั่วโมงควรส่งต่อ
กรณีปวดท้องบริเวณลิ้นปี่ร่วมกับปวดเสียดจุกแน่นลิ้นปี่สัมพันธ์กับมื้ออาหารให้นึกถึงโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลพิจารณาให้ยา Ranitidine (150 mg.) นาน 1 สัปดาห์ถ้าอาการดีขึ้นให้ต่อ 1-2 เดือน ถ้าอาการไม่ดีขึ้น มีถ่ายดํา อาเจียน น้ําหนักลด ซีด อาการดีซ่าน ให้ส่งต่อ
ปวดท้องน้อยร่วมกับอาการปัสสาวะกระปริบกระปรอยให้นึกถึงกระเพาะปัสสาวะอักเสบให้พิจารณาให้ยากลุ่ม Amoxicillin หรือ Norfloxacin
การดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น พิจารณาใส่สาย NG Tube ในกรณีที่มีประวัติเลือดออกไม่ชัดเจนหรือต้องการ ประเมินเลือดออกในขณะนั้นหรือไม่ (Active Bleeding) หากดูดพบเลือด ควรทํา NG lavage ให้สารน้ําทางหลอดเลือดดําเพื่อแก้ไขภาวะช็อคหรือภาวะขาดน้ํา
พิจารณาส่งต่อ เพื่อสลายนิ่วด้วยเครื่องสลายนิ่ว (extracorporeal shock wave lithotripsy) ในผู้ป่วยที่มีนิ่วในทางเดินน้ําดีและถุงน้ําดีและ ให้การงดอาหารและน้ําเพื่อรับการผ่าตัด ในกรณีที่อวัยวะในช่องท้องมีการอักเสบติดเชื้อ หรือเน่าตาย เป็นแผลทะลุ หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร
กลุ่มอาการ ไม่สบายท้อง หรืออาหารไม่ย่อย (Dyspepsia)
โรคที่พบบ่อยในผู้ป่วยกลุ่มอาการ Dyspepsia
Functional dyspepsia
H. pylori-associated dyspepsia
แผลในกระเพาะอาหาร (peptic ulcer, PU หรือ gastric ulcer, GU) หรือ แผลที่ดูโอดีนัม (duodenal ulcer, DU)
มะเร็งกระเพาะอาหาร (gastric cancer)
กลุ่มอาการอุจจาระร่วงและท้องผูก (diarrhea and constipation)
โรคที่พบบ่อยในกลุ่มอาการท้องเดิน (ท้องร่วง ท้องเสีย อุจจาระร่วง ถ่ายเหลว)
อุจจาระร่วงจากการติดเชื้อไวรัส (Viral Gastroenteritis)
กลุ่มอาการลําไส้ไวต่อสิ่งเร้า (Irritable bowel syndrome)
โรคบิด (Dysentery)
อาหารเป็นพิษ (Food poisoning)
ท้องผูก (Constipation)
โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoid)
กลุ่มอาการดีซ่าน/ ตัวเหลืองตาเหลือง (Jaundice)
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
complete blood count, CBC ช่วยในการวินิจฉัยและบอกสาเหตุของภาวการณ์ทําลายเม็ดเลือดแดง ได้เช่น ธาลัสซีเมีย G-6-P-D efficiency
UA การตรวจปัสสาวะ ตรวจพบน้ําดีในปัสสาวะ urine bile พบว่ามีbilirubin ขับออกมาทางปัสสาวะมากขึ้น ซึ่งพบในผู้ป่วย hepatocellular และ cholestatic jaundice
Stool exam การตรวจอุจจาระ jaundice ที่มาจากการอุดตันของทางเดินน้ําดี มักพบอุจจาระสีซีดขาวหรือเทาคล้ายขี้เถ้า เนื่องจาก bilirubin ชนิด conjugated ไม่ถูกขับลงสู่ลําไส้
Liver function test (LFT) การตรวจการทํางานของตับ เป็นการตรวจที่มีความสําคัญที่สุดในการตรวจแยกชนิดของดีซ่าน เป็นการตรวจการทํางานของตับ ประกอบด้วยการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับของเอนไซม์และสารต่างๆ (ศึกษาเพิ่มเติมในหัวข้อการตรวจทางห้องปฏิบัติการ)
Ultrasound abdomen การตรวจภาพรังสีเป็นการตรวจเบื้องต้น อาจพบมีการขยายของท่อทางเดินน้ําดีในส่วนที่เหนือกว่า ตําแหน่งที่ถูกอุดตัน เพื่อวินิจฉัยในผู้ป่วยกลุ่มดีซ่านจากกันมีท่อน้ําดีอุดตัน
สาเหตุ
Hemolytic jaundice
Hepatocellular jaundice
Cholestatic jaundice
โรคในกลุ่มอาการนี้ที่พบบ่อย
โรคนิ่วในถึงน้ําดี (gall stone)
ถุงน้ําดีอักเสบ (Acute cholecystitis)
กลุ่มอาการคลื่นไส้อาเจียน (Nausea and Vomiting)
การวินิจฉัยแยกโรคกลุ่มอาการคลื่นไส้อาเจียน
สาเหตุอื่นๆ ได้แก่ ความเครียด ความกลัว ความผิดปกติของพฤติกรรมการรับประทานอาหารหรือการดื่มแอลกอฮอล์
เกิดจากยา ที่พบบ่อยได้แก่ aspirin, NSAIDS, metformin, Anti TB drug, chemotherapy drug, และ opioids
การติดเชื้อ เช่น กระเพาะและลําไส้อักเสบ acute gastroenteritis
ความผิดปกติของเมตาบอลิซึมและต่อมไร้ท่อที่ผิดปกติเช่น เบาหวานต่อมไทรอยด์ทํางานต่ำผิดปกติ โซเดียมในร่างกายต่ำ การตั้งครรภ์
โรคทางระบบประสาทเช่นความดันในโพรงสมองสูง เนื่องจากเนื้องอก หรือเลือดออกปวดศีรษะไมเกรน กลุ่มอาการเวียนศีรษะ (Dizziness)
โรคระบบทางเดินอาหาร
โรคอื่นๆ เช่น ไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน (Acute appendicitis) ถุงน้ําดีอักเสบเฉียบพลัน(Acute cholecystitis) ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis) ตับอักเสบเฉียบพลัน (Acute hepatitis) หรือ มีมะเร็งกระจายในช่องท้อง (Metastasis cancer)
การเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหารผิดปกติ เช่น อัมพาตของกระเพาะอาหาร ลําไส้เล็กอุดตันเรื้อรัง อาหารไม่ย่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ Functional dyspepsia
โรคลําไส้อุดตัน เช่น ช่องระบายกระเพาะอาหารอุดตัน (gastric Outlet obstruction) และโรคลําไส้เล็กอุดตัน (small bowel obstruction)