Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis), นางสาวฐิตารีย์ แสงนิกุล UDA6280043 - Coggle…
โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
คือ โรคที่ความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดน้อยลง กระดูกเสื่อม เปราะ บาง ผิดรูปและแตกหักได้ง่าย บางรายทำให้ส่วนสูงลดลงเพราะกระดูกผุกร่อน กระดูกจะไม่สามารถทำงานหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ เช่น การทนรับน้ำหนัก แรงกระแทก หรือแรงกดได้น้อยลง เนื่องจากความเจ็บปวดจากรอยแตกร้าวภายใน ไปจนถึงการแตกหักของกระดูกส่วนสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลทำให้พิการได้ เช่น กระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางเส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวเสื่อม บาง แตกร้าว หรือหัก
อาการของโรคกระดูกพรุน
คนที่ป่วยเป็นโรคกระดูกพรุนมักจะทราบว่าตนป่วยเมื่อมีอาการแสดงไปแล้ว และยังมีอาการบ่งชี อื่น ๆ ที่ควรใส่ใจสังเกตอาการเพื่อให้สามารถรักษาได้ทันการณ์ ดังนี
กระดูกแตกหักได้ง่ายแม้ถูกกระแทกไม่รุนแรง
ปวดหลังเรื้อรัง
หลังงอ
ความสูงลดลง
สาเหตุของโรคกระดูกพรุน
กระดูกจะมีเซลล์สร้างกระดูก (Osteoblast) ทำหน้าที่สร้างกระดูกขึ้นมาใหม่จากแคลเซียมและโปรตีน ตามกระบวนการการเจริญเติบโตของร่างกายและทดแทนกระดูกส่วนที่สึกหรอ และมีเซลล์สลายกระดูก(Osteoclast) ทำหน้าที่ย่อยสลายเนื้อกระดูกเก่าโรคกระดูกพรุนเกิดจากการทำงานที่ไม่สมดุลกันของเซลล์กระดูก ทำให้มีการสลายกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูก อาจเพราะมีปริมาณแคลเซียมในร่างกายไม่เพียงพอต่อกระบวนการสร้างกระดูก หรืออาจมีความผิดปกติของเซลล์กระดูก
ความผิดปกติในการทำงานของต่อมและอวัยวะต่าง ๆ - เช่น ต่อมไทรอยด์ ต่อมพาราไทรอยด์ ต่อมหมวกไต ไตและตับทำงานผิดปกติ
โรคและการเจ็บป่วย - ผู้ป่วยที่มีภาวะกระดูกพรุนอาจเกิดจากการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เช่น โรคที่เกี่ยวข้องกับตับ ไต กระเพาะ ลำไส้อักเสบ โรคทางเดินอาหาร กรดไหลย้อน โรคความผิดปกติทางการกิน โรคภูมิแพ้ตัวเอง โรคแพ้กลูเตน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคมะเร็งเม็ดเลือด โรคมะเร็งกระดูก
การบริโภค - กินอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในการสร้างกระดูกและการเจริญเติบโต กินอาหารที่ทำให้แคลเซียมเสียสมดุล อย่างอาหารจำพวกโปรตีนจากเนื้อสัตว์ซึ่งมีความเป็นกรดสูง น้ำอัดลม ชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ติดต่อกันปริมาณมากเป็นเวลานาน
การใช้ยา - ผู้ที่ป่วยและต้องรักษาด้วยการใช้ยาบางชนิดติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น กลุ่มยาสเตียรอยด์ ก็มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนเช่นกัน เพราะตัวยาบางชนิดจะออกฤทธิ์ไปรบกวนกระบวนการสร้างกระดูก เช่น ยาเพรดนิโซโลน (Prednisolone) มีฤทธิ์ต่อระบบภูมิคุ้มกัน ใช้รักษาอาการอักเสบและใช้รักษาร่วมในหลายโรค อย่างหอบหืดหรือลมพิษ
การใช้ชีวิตประจำวัน - การนั่งหรืออยู่ในอิริยาบถท่าใดท่าเดิมเป็นเวลานาน หรือการทำงานที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างหักโหมล้วนส่งผลต่อสุขภาพกระดูกทั้งสิ้นซึ่งกิจกรรมเหล่านี ก่อความเสี่ยงให้เกิดโรคสูง
กรรมพันธุ์ - ผู้ที่มีญาติใกล้ชิดทางสายเลือดที่มีประวัติป่วยเป็นโรคกระดูกพรุน ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับพันธุกรรมโรคดังกล่าวไปด้วย
ฮอร์โมน - การลดระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ในเพศหญิง อย่างการเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กระดูกพรุนและเปราะบางลง ส่วนในเพศชายจะมีความเสี่ยงเกิดโรคกระดูกพรุนเมื่อมีการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน (Testosterone) ลดน้อยลง
อายุ – ด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น กระบวนการเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มช้าลง กระบวนการทดแทนกระดูกส่วนที่สึกหรอก็จะเป็นไปได้ช้า หากร่างกายขาดแคลเซียมในปริมาณที่จำเป็นต่อการสร้างกระดูก ก็จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุน เมื่อแก่ตัวลง กระดูกก็จะบาง เปราะ แตกหักง่ายหากได้รับการกระเทือนแม้ไม่รุนแรงก็ตาม เช่น การล้ม การกระแทก
พยาธิสรีระวิทยาของภาวะกระดูกพรุนในสตรีหมดระดู
(Pathophysiology of postmenopausal osteoporosis)
กระดูกเป็นโครงสร้างที่แข็งแรงของร่างกาย ป้องกันอวัยวะต่าง ๆ และเป็นที่ยึดเกาะของเอ็นและกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว เป็นแหล่งของแคลเซียมถึงร้อยละ 99 ของร่างกาย ประกอบด้วยเซลล์กระดูกชนิดต่าง ๆ 3 ชนิด
Osteoblasts พัฒนาจาก pluripotent stromal stemcells มีหน้าที่สังเคราะห์และ Mineralization ของ osteoid
Osteoclasts พัฒนาจาก hemopoietic cells ของ Monocyte/Macropharge lineage ซึ่งทำหน้าที่สลายกระดูก
Osteocytes เป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบสุดท้ายของ Osteoblasts ซึ่งจะฝังตัวอยู่ใน Bone matrix ทำหน้าที่บอก physical stains และกระตุ้นให้มีการสร้างและสลายกระดูกให้เหมาะสม
นางสาวฐิตารีย์ แสงนิกุล UDA6280043