Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 การพยาบาลข้ามวัฒนธรรมของบุคคลแต่ละวัย, elearning-20110304…
บทที่ 5
การพยาบาลข้ามวัฒนธรรมของบุคคลแต่ละวัย
ความหมาย
การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี สังคมและเศรษฐกิจทำให้ประชากรมีการย้ายถิ่นฐานมากขึ้น
สังคมแต่ละสังคมมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ทั้งด้านเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และชาติพันธุ์
ประกอบไปด้วยประชากรในแต่ละช่วงวัย คือ วัยเด็กและวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ และวัยผู้สูงอายุ
ความต้องการการดูแลในแต่ละช่วงวัย นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติ ศาสนา ความเชื่อ ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม
5.1 การพยาบาลข้ามวัฒนธรรมของบุคคลวัยเด็กและวัยรุ่น
5.1.1 ประเทศไทย
ศาสนาคริสต์
เชื่อว่าเด็กเป็นของขวัญจากพระเจ้า ต้องดูแลให้เติบโตในทางที่ดี
ผู้นับถือนิกายพยานในพระเยโฮวา จะปฏิเสธการรับเลือดจากผู้อื่น ซึ่งนิกายนี้มีความเชื่อว่า การได้รับเลือดจากผู้อื่นจะเป็นบาป
ในเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ การเลือกนับถือศาสนาของเด็กนั้นยังมิใช่การตัดสินใจของเด็กอย่างเต็มที่ แพทย์ย่อมสามารถดำเนินการรักษาได้จนกระทั่งเด็กบรรลุนิติภาวะ
ศาสนาอิสลาม
เชื่อว่าลูกเป็นของขวัญจากองค์อัลลอฮ์ เป็นสิ่งที่มีคุณค่า
มารดาต้องดูแลบุตรตั้งแต่ในครรภ์จนถึงวัยผู้ใหญ่หรืออายุ 21 ปี ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
ศาสนาพุทธ
ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จะมีการรักษาความเจ็บป่วยจากอำนาจเหนือธรรมชาติ
การสะเดาะห์เคราะห์
การผูกข้อมือเรียกขวัญ
การบูชาบวงสรวง
การรักษาตามอาการจากแพทย์พื้นบ้าน
สมุนไพร
การประคบน้ำมัน
วิธีการรักษาอื่นๆ
การใช้น้ำมนต์
การผูกข้อมือ
สมัยโบราณ
จะมีพิธีการสู่ขวัญเด็กเมื่ออายุครบ 1 เดือนและมีการโกนผมไฟด้วย
เพราะเชื่อว่าจะทำ ให้เด็กที่มีสุขภาพดีไม่เจ็บป่วยง่าย
ตัวอย่าง ความเชื่อในการดูแลเด็ก
1.จกคอละอ่อน
คือการที่แม่ช่าง (หมอตำแย) ใช้นิ้วมือล้วงเข้าไปในลำคอของทารกแรกคลอด เพื่อล้วงเอาเสลดหรือเลือดที่ติดค้างในลำคอออกมาเชื่อว่าถ้าไม่ทำเช่นนี้ เมื่อโตขึ้นเด็กคนนั้นจะป่วยเป็นโรคหืดหอบได้
2.น้ำนม
ถ้าเอาน้ำนมของคนทาที่ศีรษะของเด็กทารกที่มีผมบาง จะทำให้ผมขึ้นดกหนา
เอาน้ำนมหยอดตาคนที่เป็นโรคตาแดง ก็จะหาย
ถ้าเอาน้ำนมมนุษย์ผสมกับดินปืนที่ใช้ทำบอกไฟดอก เชื่อว่าเมื่อจุดบอกไฟจะไม่ค่อยมีควันและมีดอกสวยงามสว่างไสว
3.เม่า
เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับเด็กทารกในช่วงที่ยังกินนม อาการคือ บริเวณรอบริมฝีปากและลิ้นของเด็กจะมีลักษณะคล้ายกับถูกน้ำร้อนลวกจนสุก ทำให้เด็กรู้สึกแสบแล้วร้องไห้
การรักษาโรคเม่าของคนสมัยก่อนนั้น พ่อแม่เด็กจะทำกรวยดอกไม้ จากนั้นจะนำกรวยไปเสียบไว้ข้างฝาหรือหลังคาเรือน ทิ้งไว้ประมาณครึ่งวันจึงนำกรวยดอกไม้นั้นมาทำพิธีเสกเป่าอีกครั้งหนึ่ง และทำอย่างนี้ทุก ๆ วัน จนกว่าเด็กจะหาย
4.รก
ชาวล้านนาเชื่อว่าหลังจากคลอดแล้วแต่รกไม่ออกตามมา ให้ระวังว่ารกจะขึ้นปิดลิ้นปี่จนทำให้เด็กหายใจไม่ออก และอาจถึงตายได้
ในสมัยก่อนต้องให้หมอเวทมนตร์มาเสกคาถาสะเดาะเคราะห์ใส่น้ำให้แม่เด็กดื่มเพื่อบังคับรกให้ออก
5.1.2 ประเทศกัมพูชา
การเกิดของเด็กเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจในครอบครัว การเกิดถือว่าเป็นอันตรายทั้งต่อแม่และเด็ก สตรีที่ตายเพราะการคลอดบุตรจะเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของปีศาจ
ดังนั้น หญิงที่ตั้งครรภ์จึงมีข้อห้ามต่างๆมากมาย ซึ่งข้อห้ามเหล่านี้ยังนิยมอยู่ในชนบท
การเลี้ยงดู
เลี้ยงดูจนกว่าจะอายุประมาณ 2-4 ปี
เด็กจะมีอิสระมากขึ้น เด็กอายุ 5 ขวบ
เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มไปโรงเรียนเมื่ออายุ 7-8 ปี
เมื่ออายุ 10 ขวบ เด็กหญิงจะเริ่มช่วยงานบ้านได้ ส่วนเด็กผู้ชายต้องช่วยงานในไร่นาภายใต้การควบคุมของผู้ใหญ่
สังคม
วัยรุ่นมักจะจับกลุ่มในเพศเดียวกัน เด็กผู้ชายบางคนบวชเป็นสามเณร ในยุคก่อนคอมมิวนิสต์ พ่อแม่มีอำนาจปกครองจนกว่าบุตรจะแต่งงาน การติดต่อระหว่างกลุ่มชนต่างอายุกัน จะต้องเลือกใช้คำพูดให้เหมาะสม
การบริการสุขภาพ
เวลาผู้ป่วยคุยกับแพทย์จึงก้มหน้าไม่สบตา
นอกจากนี้ชาวกัมพูชาถือว่าศีรษะเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด
ผู้ให้บริการด้านสุขภาพไม่ควรแตะศีรษะผู้ป่วยก่อนได้รับอนุญาตจากผู้ป่วยเองหรือจากบิดามารดาของผู้ป่วยเด็ก
5.1.3 ประเทศจีน
พิธีล้าง
จะเป็นการอาบน้ำให้เด็กเป็นครั้งแรกนับแต่คลอด จึงต้องพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกภาชนะ น้ำ รวมถึงผู้ประกอบพิธี น้ำที่ใช้อาบมีชื่อเรียกว่า “ฉางโซ่วทัง”มีความหมายว่า น้ำอายุมั่นขวัญยืน
ชาวปักกิ่งในสมัยราชวงศ์ชิงจะนำสมุนไพรจีนใส่ลงในน้ำ เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อและอนามัยต่อสุขภาพของเด็ก
ชาวจีนบางกลุ่มที่นิยมใส่ต้นหอมหรือนำเศษเหรียญใส่ลงในน้ำ เพราะต้นหอมหรือชงในภาษาจีนพ้องเสียงกับคำว่า “ชงหมิง” ที่แปลว่า ฉลาดหลักแหลม ส่วนเงินหมายความว่าพรั่งพร้อมไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง
ประกอบพิธีมักเป็นหญิงวัยกลางคนหรือหญิงชราที่มีครอบครัวแล้ว
หมีเย่ว์
พิธีครบเดือนถือเป็นพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดในบรรดาพิธีกรรมเกี่ยวกับการเกิด ประกอบไปด้วยการโกนผมไฟ การจัดเลี้ยงในหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย และการตั้งชื่อให้เด็ก
ถือเป็นพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดในบรรดาพิธีกรรมเกี่ยวกับการเกิด ประกอบไปด้วยการโกนผมไฟ การจัดเลี้ยงในหมู่ญาติสนิทมิตรสหาย และการตั้งชื่อให้เด็ก
หลังจากผู้โกนผมจุดธูปเสร็จก็จะเริ่มโกนผมพร้อมการจุดประทัด โดยอาของเด็กจะอุ้มเด็กให้นั่งตัวตรง จากนั้นผู้ที่รับหน้าที่โกนผมจะเอาใบชาที่อมจนเปื่อยในปากชโลมลงบนศีรษะเด็ก ด้วยเชื่อว่าใบชาเขียวจะช่วยฆ่าเชื้อโรคบนศีรษะทารกและลบรอยแผลเป็น
การประยุกต์ใช้การพยาบาลข้ามวัฒนธรรมในการดูแลเด็ก
1.ศึกษาวัฒนธรรมของผู้ป่วยและครอบครัวในด้านต่างๆ
2.พัฒนาทักษะการสื่อสารกับเด็กตามพัฒนาการของเด็กรวมทั้งผู้ดูแลเด็กด้วยภาษาง่ายๆ
3.การใช้ล่าม
4.อาจทำรูปภาพสื่อสารแทนภาษาพูด คู่มือหรือแนวทางการดูแลเด็กป่วยของครอบครัวที่เป็นภาษาต่างประเทศ
5.การปฏิบัติพยาบาลควรใช้กระบวนการพยาบาลควบคู่กับการพยาบาลข้ามวัฒนธรรมตามแนวคิดไลนิงเจอร์
5.2 การพยาบาลข้ามวัฒนธรรมของบุคคลวัยผู้ใหญ่
วัยผู้ใหญ่แบ่งออกเป็น 3 ระยะ
1.วัยผู้ใหญ่ตอนต้น
หรือวัยหนุ่มสาว อายุ 20-25 ปีถึง 40 ปี วัยนี้มีพัฒนาการเต็มที่ของร่างกาย วุฒิภาวะทางจิตใจอารมณ์ พร้อมที่จะมีบทบาทที่จะเลือกแนวทางในการดำเนินชีวิตของตนในเรื่องอาชีพ คู่ครอง และความสัมพันธ์กับบุคคลต่าง ๆ อย่างมีความหมาย
2.วัยผู้ใหญ่ตอนกลาง
หรือวัยกลางคน อายุ 40 ปีถึง 60-65 ปี เป็นวัยที่ได้ผ่านชีวิตครอบครัวและชีวิตการงานมาระยะหนึ่ง มีความมั่นคงและความสำเร็จในชีวิต
3.วัยผู้ใหญ่ตอนปลาย
หรือวัยสูงอายุ อายุ 60-65 ปีขึ้นไป เป็นวัยของความเสื่อมถอยของร่างกาย สภาพจิตใจ และบทบาททางสังคม การปรับตัวต่อความเสื่อมถอยและการเผชิญชีวิตในบั้นปลายเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของวัยนี้
5.2.1 ศาสนาอิสลาม
สำหรับชาวมุสลิมนั้น ตัวชี้วัดด้านคุณภาพชีวิตที่สำคัญ
คือ การมีสุขภาพดีที่เอื้อต่อการประกอบศาสนกิจในโอกาสต่างๆ
การดูแลทำความสะอาดผู้ป่วย
ผู้ป่วยที่สามารถทำความสะอาดได้ อาจจะทำด้วยตนเอง หรือให้คนอื่นช่วย
ผู้ป่วยที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ก็ให้ทำความสะอาดเท่าที่สามารถจะกระทำได้ การละหมาดของเขาก็ใช้ได้
ผู้ป่วยที่มีนะญิส (สิ่งสกปรกที่ต้องชำระให้สะอาดตามหลักนิติบัญญัติอิสลาม) ติดตัวอยู่ตลอดเวลาเราต้องแนะนำให้ผู้ป่วยทำความสะอาดบริเวณดังกล่าวตามปกติหรือตามคำแนะนำของแพทย์
ศาสนกิจที่สำคัญของชาวมุสลิม
การละหมาดวันละ 5 เวลาการถือศีลอด การทำฮัจญ์ เป็นต้น โดยเฉพาะขณะผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล การดูแลผู้ป่วยที่ทำการละหมาดเป็นสิ่งสำคัญ
5.2.2 สตรีตั้งครรภ์และหลังคลอดชนเผ่าม้ง ภาคเหนือ ประเทศไทย
หญิงตั้งครรภ์จะถูกแนะนำ ให้ดื่มนํ้ามะพร้าวเมื่ออายุครรภ์ได้ประมาณ 7-8 เดือนเพราะจะทำ ให้ ลูกไม่มีไขคลอดง่ายและมีผิวสวย
หญิงตั้งครรภ์ยังมีข้อพึงปฏิบัติตามความเชื่อคือ ให้นำ หัวปลาไหลแห้ง ผักปลังดิน ใบหนาด มามัดรวมกันแล้วแช่อาบนํ้าทุกวันในระยะท้องแก่ใกล้คลอด โดยมีความเชื่อว่าจะทำ ให้คลอดง่าย
เมื่อท้องแก่ใกล้คลอดให้เอานํ้ามันละหุง่ มาถูทาหน้าท้อง โดยเชื่อว่าลูกเกิดมาจะได้ตัวสะอาด ไม่มีไข คลอดง่าย
การปฏิบัติตัวหลังคลอดหลังจากคลอดบุตรแล้วแม่เด็กจะใช้ผ้ารัดหน้าท้องให้แน่นเพื่อไม่ให้ท้องโต อาหารที่รับประทานก็จะเป็นพวกไก่ ไข่ ซึ่งจะรับประทานประมาณ 30 วัน ไข่ที่รับประทานจะมีการผสมพริกไทยเพราะเชื่อว่าเป็นยาบำรุงร่างกายช่วยขับนํ้าคาวปลา และเลือดที่ค้างในร่างกาย
การเชิญหมอผีทำ พิธีเรียกนํ้านม ซึ่งจะทำคล้ายๆ การบนผี รวมทั้งมีการกินยาสมุนไพรที่มียางสีขาว กินมะละกอต้มใส่ไก่ ส่วนอาหารอื่นๆ จะกินน้อยมาก แต่ก็มีแม่หลายคนที่กินแป้งข้าวหมัก ซึ่งมีแอลกอฮอล์และอาจมีผลเสียต่อลูกได้
3.2.3 การปรับเปลี่ยนแบบแผนของวัฒนธรรม
เช่น หญิงหลังคลอดให้ดื่มน้ำน้อยแต่ให้กินน้ำซุปเป็นหลัก
กินอาหารรสร้อน เช่น ขิง กระเทียม โสม แครอท เห็ด เห็ดแห้ง หมู เป็ด ไก่ ไวท์ น้ามันงา พุทราจีน ให้ดื่มสุราวันละ 3 ครั้ง เพื่อให้เลือดไหลเวียนดี
รับประทานปลาและหนังปลา เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วด้วย โดยหนึ่งเดือนหลังคลอด แม่สามีชาวจีนจะเป็นผู้ดูแลลูกสะใภ้ให้สวมหมวกให้ศีรษะอุ่น ใส่เสื้อผ้า และห่มผ้าห่มหนา ๆ หลายชั้น
การพยาบาล
พยาบาลควรปรับเปลี่ยนแบบแผนการดูแลของหญิงหลังคลอดให้เหมาะสมกับภูมิอากาศปัจจุบันที่มีอากาศร้อนมากขึ้นกว่าในอดีต
เช่น ให้รักษาร่างกายให้อบอุ่น และอาบน้ำ สระผมได้เมื่อร่างกายมีเหงื่อไคลตามความเหมาะสมกับภูมิอากาศในปัจจุบัน ให้ดื่มน้ำมากขึ้นและรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นต้น
5.3การพยาบาลข้ามวัฒนธรรมของบุคคลวัยผู้สูงอายุ
ประเด็นสำคัญที่ควรพิจารณาในการพยาบาลข้ามวัฒนธรรมของบุคคลวัยผู้สูงอายุขึ้นกับ คุณค่า ความเชื่อ ของผู้สูงอายุ ซึ่งมีความแตกต่างกัน
เช่น ผู้สูงอายุในแถบประเทศตะวันตกค่อนข้างจะให้ความสำคัญของการคำนึงถึงความเป็นบุคคลและการมีอิสระในการดำเนินชีวิตด้วยตนเองให้มากที่สุด
ส่วนผู้สูงอายุในแถบตะวันออกมักจะมีความต้องการพึ่งพาลูกหลานและครอบครัวมากกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ยังต้องการความเคารพในการเป็นผู้สูงวัยหรือผู้นำในครอบครัว
Mirabelle (2013) กล่าวถึงปัจจัยที่มีผลต่อการดูแลข้ามวัฒนธรรมของบุคคลวัยผู้สูงอายุ
การเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของผู้สูงอายุ และการคัดเลือกบุคลากรที่จะมาดูแลผู้สูงอายุที่มีภูมิหลังหรือวัฒนธรรมแตกต่างกันเป็นปัจจัยที่สำคัญ
การพยาบาลข้ามวัฒนธรรมในผู้สูงอายุ
1) การเคารพนับถือความเป็นบุคคลของผู้สูงอายุ
การเรียกชื่อ การใช้สรรพนาม
การเคารพในสัญชาติ ภูมิหลัง
เข้าใจถึงบุคลิกภาพหรือสิ่งที่ผู้สูงอายุชอบ
เช่น เสื้อผ้า การแต่งกาย เครื่องประดับ รองเท้า
2) การสื่อสาร
ควรใช้ภาษาที่ตรงกับภาษาที่ผู้สูงอายุสามารถสื่อสารได้
ใช้ภาษากายในการสื่อสารกับผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านความจำเสื่อม
ใช้เสียงดังให้เหมาะสมกับความสามารถในการได้ยินด้วยและความสุภาพ
3)สุขภาพและยาที่ใช้
ควรคำนึงถึงภาวะสุขภาพและโรคที่ผู้สูงอายุเป็นอยู่
ผู้สูงอายุอาจเป็นลมจากน้ำตาลต่ำหรือสูงเกินจึงควรรู้จักยาที่ผู้สูงอายุใช้อยู่
ดูแลเรื่องการเคลื่อนไหวร่างกายและป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้
4) การจัดสิ่งแวดล้อมและป้องกันอุบัติเหตุ
ควรจัดสถานที่ให้ปลอดภัยจากการพลัดตกหกล้ม
มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่นติดราวที่ฝาผนัง ในห้องน้ำ
5) ความสามารถในการเคี้ยวและกลืน
ไม่ควรจัดอาหารที่เหนียวเกินไป แข็งเกินไป
จัดอาหารรสชาติที่ผู้สูงอายุชอบ
ควรระวังเรื่องการสำลัก
6) การดูแลด้านจิตสังคม
ควรจัดกิจกรรมให้ผู้สูงอายุที่ยังมีสุขภาพดี
ให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมสังคมต่างๆ
การจัดกิจกรรมในบ้านพักสำหรับผู้สูงอายุมีความสำคัญที่จะเสริมสร้างคุณค่าของชีวิต
7) การดูแลด้านจิตวิญญาณตามความเชื่อ
ฟังเพลงนมัสการ
ฟังคำเทศนา
ฟังพระคัมภีร์
นายศราวุฒิ เป็งมูล เลขที่ 11 6201210255 Sec.B วิชา SN.297
🧡
🧡
🧡
🧡