Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เลือดและส่วนประกอบของเลือด - Coggle Diagram
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เลือดและส่วนประกอบของเลือด
การใช้กระบวนการพยาบาลในการฉีดยาเข้าหลอดเลือดำ
ข้อวินิจฉัย
การบริหารยาที่มีประสิทธิภาพโดยใช้หลักการ 6Rights และหลักความปลอดภัยSIMPLE ของ patient safety goals
การวางแผนในการบริหารยา
ให้ยาที่มีผลระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ
ให้ยาชนิดที่ไม่สามารถให้ทางอื่นได้ผลต่อการรักษา
ให้ยาออกฤทธิ์เร็ว
การประเมินสภาพผู้ป่วย
การประเมินสิ่งแวดล้อม
ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสิ่งแวดล้อมผู้ป่วย
ความพร้อมใช้ของสิ่งแวดล้อมตัวผู้ป่วย เช่น ตู้ข้างเตียง เหล็กกั้นเตียง
ความสะอาดของสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยและรอบเตียง
บรรยากาศในหอผู้ป่วย และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
การประเมินด้านจิตใจ
ความต้องการรับบริการฉีดยา
ความวิตกกังวลและความกลัว
ความพร้อมของการรับบริการฉีดยา
การประเมินด้านร่างกาย
ประวัติการแพ้ยา
พยาธิสภาพของโรค ประวัติเจ็บป่วย โรคของผู้ป่วย และโรคหรืออาการแทรกซ้อน
ระดับความรู้สึกตัว
วิธีการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
การฉีดยาแบบที่ 1 IV plugกับ piggy back (100 ml)
มือซ้ายเช็ดทำความสะอาด IV plug ด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ 70%
แขวน piggy back กับเสาน้ าเกลือ มือขวาหยิบ syringe 0.9 % NSS 3 mlถอดปลอกเข็มวางลงบนถาด แล้วไล่อากาศออกให้หมด
บอกผู้ป่วยว่าจะมาฉีดยาให้
มือซ้ายยก IV plug ขึ้นเล็กน้อย มือขวาจับ syringe 0.9 % NSS แทงเข็มตรง จุกยางของ IV plug ดึง plunger ดูว่ามีเลือดออกตามมาหรือไม่? ถ้ามีเลือดออกมาแสดงว่า IV
ตรวจสอบความถูกต้องของยาฉีด ชื่อ-นามสกุล ป้ายข้อมือ และเตียงผู้ป่วย
ถอดปลอกเข็มของ IV set ไล่อากาศออกให้หมด มือซ้ายยก IV plug ขึ้นเล็กน้อย
เมื่อยาฉีดหมด ปิด clamp มือขวาดึงเข็มออก ปิดปลอกเข็มด้วยมือข้างเดียวมือซ้ายเช็ดทำความสะอาด IV plug ด้วยส าลีชุแอลกอฮอล์ 70% มือซ้ายยก IV plug ขึ้นเล็กน้อย
การฉีดยาแบบที่ 2 IV plug กับ syringe IVpush
มือขวาหยิบ syringe 0.9 % NSS ถอดปลอกเข็มวางบนถาด ไล่อากาศออกให้หมด
มือซ้ายยก IV plug ขึ้นเล็กน้อย มือขวาจับ syringe 0.9 % NSS แทงเข็มตรงจุกยางของ IV plug ดึง plunger ดูว่ามีเลือดออกตามมาหรือไม่?
มือซ้ายเช็ดทำความสะอาด IV plug ด้วยส าลีชุบแอลกอฮอล์ 70%
ถอดปลอกเข็มของ syringe ไล่อากาศออกให้หมด มือซ้ายยก IV plug ขึ้นเล็กน้อย
บอกผู้ป่วยว่าจะมาฉีดยาให้
มือขวาดึงsyringe ออก ปิดปลอกเข็มด้วยมือข้างเดียว มือซ้ายเช็ดท าความสะอาด IV plug ด้วยสำลีชุแอลกอฮอล์ 70%มือซ้ายยก IV plug ขึ้นเล็กน้อย
ตรวจสอบความถูกต้องของยาฉีด ชื่อ-นามสกุล ป้ายข้อมือ และเตียงผู้ป่วย
อาการแทรกซ้อนจากการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
การให้สารอาหารมากเกินไป (Circulatory overload) พบได้ง่ายในผู้ป่วยเด็ก ผู้ที่มีปัญหาของระบบไหลเวียนเลือด และไต อาจเนื่องจากให้สารอาหารที่เร็วเกินไป
มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในระบบไหลเวียนของเลือด (Embolism) ที่พบบ่อยจะเป็นก้อนเลือด (thromboembolism) และอากาศ (air embolism) สาเหตุของการเกิดก้อนเลือดมักมาจากผนังด้านในของหลอดเลือดดำไม่เรียบ และมีเข็มแทงผ่าน เป็นผลให้เลือดไหลผ่านบริเวณนั้นช้าลง และเกิดการสะสมของเลือดและเกร็ดเลือด
บวมเนื่องจากมีสารอาหารเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อชั้นผิวหนัง (Local infiltration) เกิดขึ้นเมื่อเข็มเคลื่อนออกจากหลอดเลือด พบได้บ่อยในหลอดเลือดที่เล็ก บาง หรือผู้ป่วยที่มีกิจกรรมมากๆ
การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
อุปกรณ์ในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
สายให้อาหารทางหลอดเลือดดำ ปัจจุบันสายให้อาหารทางหลอดเลือดดำมีรูปแบบต่างๆ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
ชุดให้สารอาหาร
ขั้นตอนในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
เตรียมอุปกรณ์ในการให้ PPN หรือTPN ที่สะอาดปราศจากเชื้อ และเตรียมชุดให้สารอาหารให้พร้อม
ต่อสายยางให้อาหารเข้าไปในชุดให้สารอาหาร ปิดผ้าก๊อซปราศจากเชื้อบริเวณรอยต่อโดยใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ
ล้างมือให้สะอาดก่อนให้การพยาบาลทุกครั้งสวมmask
ตรวจสอบ PPN หรือTPN จะต้องไม่ขุ่นหรือมีตะกอน
อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ เนื่องจากผู้ป่วยเมื่อทราบว่าจะต้องให้สารอาหารมักมีความวิตกกังวล หวาดกลัว และจะถูกจำกัดการทำกิจกรรมต่างๆ
มีป้ายปิดที่ขวดให้สารอาหาร ระบุชื่อ และสกุลของผู้ป่วย ชนิดและปริมาณของสารอาหาร อัตราหยดต่อนาที วันและเวลาที่เริ่มให้ วันและเวลาที่สารอาหารหมด
นำสารอาหารและสายยางให้สารอาหารไปต่อกับผู้ป่วยโดยเช็ดบริเวณรอยต่อด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ ปิดด้วยผ้าก๊อซปราศจากเชื้อ
ให้สารอาหารปรับจำนวนหยดตามแผนการรักษา (ควรใช้เครื่องควบคุมการให้สารน้ำตามอัตราหยดของสารอาหารตามที่คำนวณได้)
ต้าแหน่งของการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
การให้ทางหลอดเลือดดำใหญ่ (central vein) สามารถเพิ่มความเข้มข้นของน้ำตาลกลูโคสได้ถึงร้อยละ 20-25เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดดำเป็นเวลานานและต้องการพลังงานค่อนข้างสูงเป็นการทำหัตถการโดยแพทย์
การให้ทางหลอดเลือดดำแขนง (peripheral vein)ข้อดีของการให้วิธีนี้คือไม่ยุ่งยาก
ชนิดของสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
Total parenteral nutrition (TPN) เป็นการให้โภชนบำบัดครบตามความต้องการของผู้ป่วยทั้งปริมาณพลังงานที่ต้องการ และสารอาหารทุกหมู่ ในกรณีนี้สารอาหารที่ให้ทางหลอดเลือดด าจะมีความเข้มข้นสูงมาก จำเป็นต้องให้ทาง Central vein
Partial or peripheral parenteral nutrition (PPN) เป็นการให้โภชนบำบัดทางหลอดเลือดด าเพียงบางส่วน อาจได้พลังงานไม่ครบตามความต้องการ หรือได้สารอาหารไม่ครบทุกหมู่ กรณีนี้ถ้าความเข้มข้นของสารอาหารไม่มากนัก
ภาวะแทรกซ้อนจากการให้เลือด
ปฏิกิริยาภูมิแพ้ (Allergic reaction)เกิดจากผู้รับแพ้สารอย่างใดอย่างหนึ่งในเลือดที่ได้รับ ผู้ป่วยจะมีอาการมีผื่นคัน หรือลมพิษ อาการคั่งในจมูก หลอดลมบีบเกร็ง หายใจล าบาก ฟังได้เสียงวี๊ซ(wheeze)ในปอด
การถ่ายทอดโรค (Transfusion-associated graft versus host disease)มักเกิดจากการขาดการตรวจสอบเลือดของผู้ให้ ซึ่งมีการติดเชื้อต่าง ๆ
ไข้ (Febrile transfusion reaction)เกิดจากการได้รับสารที่ท าให้เกิดไข้เชื้อแบคทีเรียจากเครื่องใช้หรือเทคนิคการให้เลือดที่ไม่สะอาด
การอุดตันจากฟองอากาศ(Air embolism)เกิดจากการไล่ฟองอากาศไม่หมดไปจากสายให้เลือด อากาศจะลอยไปตามกระแสเลือด และอาจไปอุดตันหลอดเลือดด าให้ขัดขวางการน าออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะส่วนนั้น
ปริมาตรการไหลเวียนของเลือดมากเกินไป(Volume overload)เกิดจากการให้เลือดในอัตราเร็วเกินไป จึงเพิ่มปริมาตรการไหลเวียนในกระแสเลือด
ภาวะสารซิเตรทเกินปกติ เกิดจากการให้เลือดติดต่อกันเป็นจำนวนมากจึงมีการสะสมของสารกันการแข็งตัวของเลือด (Acid –citrate dextrose) เพิ่มขึ้นและไปจับตัวกับแคลเซี่ยมในเลือดระดับแคลเซี่ยมจึงลดน้อยลง
เม็ดเลือดแดงสลายตัว (Hemolysis) เกิดจากการให้เลือดผิดหมู่
ภาวะโปตัสเซียมเกินปกติ (Hyperkalemia)เกิดจากการให้เลือดที่เก็บไว้ในธนาคารเลือดนานเกินไป หลังจากที่ผู้ป่วยได้เลือดจะพบอาการคลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน กล้ามเนื้ออ่อนแรง
การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดำ
การปฏิบัติการพยาบาล
มีป้ายปิดที่ขวดให้สารอาหาร ระบุชื่อ และสกุลของผู้ป่วย ชนิด และปริมาณของสารอาหารอัตราหยดต่อนาที วัน และเวลาที่เริ่มให้ วัน และเวลาที่สารอาหารหมด
สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับผู้ป่วย เช่น มีผื่นขึ้นตามตัว หายใจเร็วหรือช้ากว่าปกติ
ผู้ป่วยที่ได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดดำส่วนปลาย(peripheral vein) ควรเปลี่ยนตำแหน่งให้ทุก 3วัน
ถ้าสารอาหารที่ให้ทางหลอดเลือดด ารั่ว หรือทางเส้นเลือดดำอุดตัน ให้ไม่ได้ ควรรายงานให้แพทย์ทราบ หรือในทำนองเดียวกันถ้าสารอาหารที่เตรียมไว้หรือขณะที่ให้ผู้ป่วย สารอาหารมีตะกอน สีเปลี่ยนแปลงไปให้หยุดสารอาหารขวดนั้น
ประเมินสัญญาณชีพก่อนและขณะให้สารอาหารและติดตามทุก 2-4ชั่วโมง
หลีกเลี่ยงการให้ยาฉีดทางหลอดเลือดดำสายเดียวกับให้สารอาหารทางหลอกเลือดด าถ้าจ าเป็นต้อง push ยาเข้าทางสายให้อาหาร
ก่อนและขณะให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ควรมีการประเมินสภาพร่างกาย และควบคุมผู้ป่วยในระยะแรก
ดูแลทางด้านจิตใจ โดยอธิบายให้เข้าใจถึงความจ าเป็นในการได้สารอาหาร ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อผู้ป่วยจะได้ให้ความร่วมมือ
การวางแผนการพยาบาล
ให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำตามแผนการรักษาและไม่เกิดอาการแทรกซ้อน
การให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
เลือด (whole blood)ประกอบด้วย 3 ส่วน
เกร็ดเลือด
น้ำเลือด
เซลล์เม็ดเลือด
การให้และการรับเลือดในหมู่เลือด
คนเลือดกรุ๊ป ABรับได้จากทุกกรุ๊ป แต่ให้เลือดแก่ผู้อื่นได้เฉพาะคนที่เป็นเลือดกรุ๊ป AB
คนเลือดกรุ๊ป Aรับได้จาก AและOให้ได้กับ AและAB
คนเลือดกรุ๊ป Oรับได้จาก Oเท่านั้น แต่ให้กับกรุ๊ปอื่นได้ทุกกรุ๊ป
คนเลือดกรุ๊ป Bรับได้จาก BและOให้ได้กับ BและAB
คนเลือดกรุ๊ป Rh-veต้องรับจาก Rh-ve เท่านั้น แต่ต้องดูกรุ๊ปเลือดตามระบบ ABOด้วย (หากคนเลือดกรุ๊ป Rh-veรับเลือดจาก Rh+veอาการข้างเคียงจะยิ่งรุนแรงมากขึ้น ในครั้งถัดๆไป)
การบันทึกปริมาณน้้าเข้า-ออกจากร่างกาย(Record Intake-Output)
หลักการบันทึกจ้านวนสารน้้าที่เข้าและออกจากร่างกาย
ร่วมกับผู้ป่วยในการวางแผนก าหนดจ านวนน้ าที่เข้าสู่ร่างกายในแต่ละช่วงเวลา
จดบันทึกจำนวนน้ำและของเหลวทุกชนิดที่ให้ขณะมื้ออาหารและระหว่างมื้ออาหารพร้อมทั้งอธิบายให้ผู้ป่วยดื่มน้ำในขวดที่เตรียมไว้ให้ไม่นำน้ำที่เตรียมไว้ไปบ้วนปากหรือเททิ้ง
อธิบายเหตุผลและความสำคัญของการวัดและการบันทึกจำนวนน้ำที่รับเข้าและขับออกจากร่างกาย
การจดบันทึกควรสรุปทุก 8 ชั่วโมงและทุกวัน
แบบฟอร์มการบันทึกควรแขวนไว้ที่เตียงผู้ป่วยเพื่อสะดวกในการจดบันทึกและเมื่อครบ 24 ชั่วโมง ต้องสรุปลงในแผ่นรายงานประจำตัวของผู้ป่วยหรือฟอร์มปรอท
บันทึกจำนวนสารน้ำที่สูญเสียทางอื่นๆ เช่น อาเจียนท้องเดินของเหลวที่ระบายออกจากการใช้เครื่องดูดกับสายยางจากกระเพาะ
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมความสมดุลของสารน้้าในร่างกาย
การวางแผนการพยาบาล
ไม่เกิดภาวะหลอดเลือดดำอักเสบที่รุนแรงขึ้น
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีภาวะหลอดเลือดดำอักเสบจากการได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำเป็นเวลานาน
การปฏิบัติการพยาบาล
ประเมินอาการบวมที่หลังมือซ้ายทุกเวร หากบวมมากขึ้น ผู้ป่วยมีไข้
บันทึกสัญญาณชีพทุก 4ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
หยุดให้สารน้ำทันที
จัดมือซ้ายที่บวมให้สูงกว่าล าตัวผู้ป่วยโดยใช้หมอนรอง เพื่อลดอาการบวม
ลดภาวะเครียดโดยให้ความช่วยเหลือทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
เปลี่ยนบริเวณที่แทงเข็มให้สารน้ำใหม่
ประเมินการขาดสารน้ าและอิเล็คโตรไลท์ โดยบันทึกปริมาณสารน้ำเข้าและออกทุกเวร เพื่อให้ความช่วยเหลือและแก้ไขโดยเร็ว
การประเมินภาวะสุขภาพ
S :ผู้ป่วยบ่นปวดบริเวณที่ให้สารน้ำมาก ขอเปลี่ยนตำแหน่งที่แทงเข็มใหม่
O : จากการสังเกตบริเวณที่หลังมือซ้ายบวมแดง หลอดเลือดดำที่ให้สารน้ำเป็นลำแข็งบริเวณที่แทงเข็มให้สารน้ำเป็นตำแหน่งเดิมนาน5วันแล้ว
การประเมินผลการพยาบาล
ประเมินอาการหลอดเลือดดำอักเสบบริเวณหลังมือ (อาการบวมลดลง)
ปริมาณสารน้ำเข้าและออกมีความสมดุล
ประเมินอาการปวดของผู้ป่วย(โดยการสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้ป่วยและจาก Pain scale)ผู้ป่วยสีหน้าสดชื่น ไม่บ่นปวดบริเวณหลังมือซ้าย
การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
วัตถุประสงค์ของการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
ทดแทนเม็ดเลือดแดง และรักษาระดับฮีโมโกลบิน (hemoglobin: Hb)เป็นการรักษาระดับความสามารถในการน าออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ของร่างกาย เช่น ผู้ป่วยโลหิตจาง
ทดแทนปัจจัยการแข็งตัวของเลือด เช่น ผู้ป่วยโรคฮีโมฟีเลีย
ทดแทนปริมาณเลือดที่สูญเสียไป เช่น จากการตกเลือดหรือจากการผ่าตัด
การดูแลผู้ป่วยภายหลังได้รับเลือด
สังเกตปฏิกิริยาที่เกิดจากการให้เลือดอย่างต่อเนื่อง
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบายตลอดระยะเวลาที่ให้เลือด
ตรวจสอบสัญญาณชีพหลังการให้เลือด 15นาที และต่อไปทุก4ชั่วโมง
บันทึกหมู่เลือด ชนิดของเลือด หมายเลขเลือด ปริมาณเลือด วัน เวลา ชื่อผู้ให้เลือด และบันทึกอาการของผู้ป่วยหลังให้เลือด ลงในแบบบันทึกการพยาบาล
การปฏิบัติเมื่อพบอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่ได้รับเลือด
ตรวจสอบสัญญาณชีพ และสังเกตสังเกตปฏิกิริยาที่เกิดจากการให้เลือดอย่างใกล้ชิด
ตรียมสารน้ำและยา เช่น Antidiuretic,Antihistamine, Epinephrine, Steroid และAminophylineเป็นต้น เพื่อให้การรักษาตามแพทย์กำหนด
รายงานแพทย์
ส่งขวดเลือดและเจาะเลือดของผู้ป่วยจากแขนที่ไม่ได้ให้เลือดไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ
หยุดให้เลือดทันทีแล้วเปิดทางหลอดเลือดดำ (KVO) ด้วย NSS
การหยุดให้เลือด เมื่อผู้ป่วยได้รับเลือดครบให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการหยุดให้สารน้ าทางหลอดเลือดดำ หลังจากนั้นน าถุงเลือดพร้อมใบแจ้งที่กรอกข้อความเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยหลังให้เลือดกลับคืนไปยังธนาคารเลือด
บันทึกจำนวนสารน้ำที่นำเข้า–ออกจากร่างกาย เพื่อดูการทำงานของไต และนำปัสสาวะส่งตรวจในรายที่ได้รับเลือดผิดหมู่