Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
:pencil2:บทที่ 5 พรบ.ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพและสุขภาพของประชาชน ! :…
:pencil2:
บทที่ 5
พรบ.ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิภาพและสุขภาพของประชาชน
! :
5.7 พระราชบัญญัติเครื่องสําอางพ.ศ. ๒๕๕๘
:pencil2:
มาตรา๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติเครื่องสําอางพ.ศ. ๒๕๕๘”
มาตรา๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา๓
ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติเครื่องสําอางพ.ศ. ๒๕๓๕
มาตรา๔
ในพระราชบัญญัตินี้
“เครื่องสําอาง”
วัตถุที่มุ่งหมายสําหรับใช้ทาถูนวดโรยพ่นหยอดใส่อบหรือกระทําด้วยวิธีอื่นใดกับส่วนภายนอกของร่างกายมนุษย์และให้หมายความรวมถึงการใช้กับฟันและเยื่อบุในช่องปากโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความสะอาดความสวยงาม
“ภาชนะบรรจุ”
วัตถุใดๆที่ใช้บรรจุหรือหุ้มห่อเครื่องสําอางโดยเฉพาะ
มาตรา๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอํานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ออกกฎกระทรวงกําหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้
มาตรา๖
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความปลอดภัยและอนามัยของบุคคลให้รัฐมนตรีโดยคําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจประกาศกําหนดในเรื่องดังต่อไปนี้
ชื่อ ประเภท ชนิดของเครื่องสําอางที่ห้ามผลิตนําเข้าหรือขาย
ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสําอาง
ชื่อปริมาณและเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสําอาง
ชื่อสารสําคัญประเภทชนิดหรือคุณลักษณะของเครื่องสําอาง
ลักษณะสถานที่ผลิตเครื่องมือเครื่องใช้อุปกรณ์การผลิตภาชนะบรรจุเครื่องสําอางและสถานที่นําเข้าเครื่องสําอาง
หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการผลิตหรือนําเข้าเครื่องสําอาง
หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการรับแจ้งและการรายงานอาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้เครื่องสําอาง
หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขให้ผู้ผลิตเพื่อขายผู้นําเข้าเพื่อขายหรือผู้รับจ้างผลิตจัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องสําอางไว้เพื่อการตรวจสอบ
สถานที่แห่งใดในราชอาณาจักรเป็นด่านตรวจสอบเครื่องสําอาง
หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขเกี่ยวกับการจดแจ้งการออกใบรับจดแจ้ง
หมวด ๑ คณะกรรมการเครื่องสําอาง :<3:
มาตรา๗
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการเครื่องสําอาง” ประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานกรรมการอธิบดีกรมการแพทย์อธิบดีกรมควบคุมโรคอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพอธิบดีกรมอนามัย
มาตรา๘
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสองปีและอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้แต่จะดํารงตําแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
มาตรา๙
นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตําแหน่งเมื่อ
รัฐมนตรีให้ออกเพราะทุจริตต่อหน้าที่
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา๗วรรคสาม
ลาออก
เป็นบุคคลล้มละลาย
ตาย
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ได้รับโทษจําคุกโดยคําพิพากษาถึงที่สุดให้จําคุก
มาตรา๑๐
คณะกรรมการมีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
ให้คําแนะนําหรือความเห็นแก่รัฐมนตรีในเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายและมาตรการควบคุมเครื่องสําอางตามพระราชบัญญัตินี้
ให้คําแนะนําเกี่ยวกับการเพิกถอนใบรับจดแจ้งตามมาตรา๓๖
ให้คําแนะนําแก่รัฐมนตรีในการออกประกาศตามมาตรา๖
ให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการเพิกถอนใบรับจดแจ้งตามมาตรา๓๗
มาตรา๑๑
การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
มาตรา๑๒
คณะกรรมการมีอํานาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาหรือวิจัยเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ในอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการหรือปฏิบัติการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
มาตรา๑๓
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้คณะกรรมการหรือคณะอนุกรรมการตามมาตรา๑๒มีอํานาจออกคําสั่งเป็นหนังสือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคําหรือให้ส่งเอกสารหรือวัตถุใดเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาได้
หมวด ๒ การจดแจ้งและการรับจดแจ้งเครื่องสําอาง :<3:
มาตรา๑๔
ผู้ใดประสงค์จะผลิตเพื่อขายนําเข้าเพื่อขายหรือรับจ้างผลิตเครื่องสําอางต้องจดแจ้งรายละเอียดของเครื่องสําอางต่อผู้รับจดแจ้งและเมื่อผู้รับจดแจ้งออกใบรับจดแจ้งให้แล้วจึงจะผลิตหรือนําเข้าเครื่องสําอางนั้นได้
มาตรา๑๕
ใบรับจดแจ้งให้มีอายุสามปีนับแต่วันที่ออกใบรับจดแจ้ง
มาตรา๑๖
ผู้ซึ่งผลิตหรือนําเข้าเครื่องสําอางเพื่อเป็นตัวอย่างเพื่อจัดนิทรรศการหรือเพื่อใช้ในการศึกษาวิจัยหรือวิเคราะห์ทางวิชาการให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องขอรับใบจดแจ้งสําหรับเครื่องสําอางดังกล่าวตามมาตรา๑๔
มาตรา๑๗
ให้ผู้รับจดแจ้งมีคําสั่งไม่รับจดแจ้งเครื่องสําอางที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
เครื่องสําอางนั้นใช้ชื่อไปในทํานองโอ้อวดไม่สุภาพ
เครื่องสําอางที่ใช้ชื่อไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย
เครื่องสําอางนั้นไม่ปลอดภัย
มาตรา๑๘
ถ้าใบรับจดแจ้งชํารุดสูญหายหรือถูกทําลายในสาระสําคัญให้ผู้จดแจ้งยื่นคําขอรับใบแทนใบรับจดแจ้งต่อผู้รับจดแจ้งภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ทราบการชํารุดสูญหายหรือถูกทําลาย
มาตรา๑๙
ในกรณีที่ผู้จดแจ้งประสงค์จะขอแก้ไขรายการในใบรับจดแจ้งให้ยื่นคําขอต่อผู้รับจดแจ้ง
มาตรา๒๐
ผู้จดแจ้งรายใดประสงค์จะขอออกหนังสือรับรองเกี่ยวกับเครื่องสําอางให้ยื่นคําขอต่อผู้รับจดแจ้ง
หมวด ๓ ฉลากเครื่องสําอาง :<3:
มาตรา๒๒
ผู้ผลิตเพื่อขายผู้นําเข้าเพื่อขายและผู้รับจ้างผลิตเครื่องสําอางต้องจัดให้มีฉลาก
มาตรา๒๓
ในกรณีที่ฉลากใดไม่เป็นไปตามมาตรา๒๒เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจสั่งให้ผู้จดแจ้งเครื่องสําอางเลิกใช้ฉลากดังกล่าวหรือดําเนินการแก้ไขฉลากนั้นให้ถูกต้อง
มาตรา๒๔
ผู้จดแจ้งผู้ใดสงสัยว่าฉลากของตนจะเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่เป็นไปตามมาตรา๒๒ผู้จดแจ้งผู้นั้นอาจขอให้คณะกรรมการให้ความเห็นเกี่ยวกับฉลากที่ประสงค์จะใช้นั้นได้
หมวด ๔ การควบคุมเครื่องสําอาง :<3:
มาตรา๒๕
เมื่อมีประกาศตามมาตรา๖ (๙) การนําเข้าเพื่อขายเครื่องสําอางต้องผ่านการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ณด่านตรวจสอบเครื่องสําอาง
มาตรา๒๖
ผู้จดแจ้งต้องผลิตหรือนําเข้าเครื่องสําอางให้ตรงตามที่ได้จดแจ้งไว้
มาตรา๒๗
ห้ามมิให้ผู้ใดผลิตเพื่อขายนําเข้าเพื่อขายรับจ้างผลิตหรือขายเครื่องสําอางดังต่อไปนี้
เครื่องสําอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้
เครื่องสําอางผิดมาตรฐาน
เครื่องสําอางปลอม
มาตรา๒๘
เครื่องสําอางที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นเครื่องสําอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้
เครื่องสําอางที่ผลิตหรือใช้ภาชนะบรรจุไม่ถูกสุขลักษณะ
เครื่องสําอางที่มีสารอันสลายตัวได้รวมอยู่ด้วย
เครื่องสําอางที่มีสารอันสลายตัวได้รวมอยู่ด้วย
เครื่องสําอางที่มีวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสําอาง
มาตรา๒๙
เครื่องสําอางที่มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ให้ถือว่าเป็นเครื่องสําอางปลอม
เครื่องสําอางที่ใช้ฉลากแจ้งชื่อผู้ผลิตผู้นําเข้าหรือแหล่งผลิตที่มิใช่ความจริง
เครื่องสําอางที่แสดงว่าเป็นเครื่องสําอางที่ได้จดแจ้งไว้ซึ่งมิใช่ความจริง
เครื่องสําอางที่ใช้วัตถุอย่างหนึ่งอย่างใดที่ทําเทียมขึ้น
เครื่องสําอางซึ่งมีสารสําคัญขาดหรือเกินกว่าร้อยละยี่สิ
มาตรา๓๐
เครื่องสําอางซึ่งมีสารสําคัญขาดหรือเกินกว่าที่ได้จดแจ้งไว้ต่อผู้รับจดแจ้งหรือที่ระบุไว้ในฉลากเกินเกณฑ์ค่าคลาดเคลื่อนที่รัฐมนตรีกําหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาแต่ไม่ถึงขนาดตามที่กําหนดไว้ในมาตรา๒๙ (๒) ให้ถือว่าเป็นเครื่องสําอางผิดมาตรฐาน
มาตรา๓๓
ในกรณีมีความจําเป็นเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยและอนามัยของบุคคลเลขาธิการมีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้จดแจ้งดําเนินการดังต่อไปนี้
จัดส่งตัวอย่างของเครื่องสําอางที่ตนได้ผลิตหรือนําเข้าต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
รายงานการดําเนินการเกี่ยวกับเครื่องสําอางที่ตนได้ผลิตหรือนําเข้าต่อสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา
หมวด ๕ การเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอาง :<3:
มาตรา๓๖
ผู้รับจดแจ้งมีอํานาจสั่งเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอางหากปรากฏว่า
ผู้จดแจ้งไม่ปฏิบัติตามมาตรา๒๖
เครื่องสําอางนั้นเป็นเครื่องสําอางที่รัฐมนตรีประกาศตามมาตรา๖ (๑)
มาตรา๓๗
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคผู้รับจดแจ้งโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจสั่งเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอางได้หากปรากฏว่า
เป็นเครื่องสําอางที่ไม่ปลอดภัยในการใช้ตามมาตรา๒๘
เป็นเครื่องสําอางที่ผู้จดแจ้งได้เปลี่ยนหรือเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ในการใช้หรือคุณประโยชน์ของเครื่องสําอางเป็นยาอาหารวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทยาเสพติดให้โทษวัตถุอันตรายหรือเครื่องมือแพทย์
ผู้จดแจ้งไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขผู้จดแจ้งไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข
มาตรา๓๘
คําสั่งเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอางให้ทําเป็นหนังสือแจ้งให้ผู้จดแจ้งทราบโดยให้ส่งหนังสือแจ้งไปยังสถานที่ที่ระบุไว้ในใบรับจดแจ้งตามวิธีการที่กําหนดไว้ในมาตรา๓๙หรือมาตรา๔๐
มาตรา๔๐
การแจ้งคําสั่งเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอางโดยวิธีส่งทางไปรษณีย์ตอบรับให้ถือว่าได้รับแจ้งเมื่อครบกําหนดเจ็ดวันนับแต่วันส่งเว้นแต่จะมีการพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการได้รับหรือได้รับก่อนหรือหลังจากวันนั้น
หมวด ๖ การโฆษณา :<3:
มาตรา๔๑
การโฆษณาเครื่องสําอางต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวมทั้งนี้ไม่ว่าข้อความดังกล่าวนั้นจะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกําเนิดสภาพคุณภาพปริมาณหรือลักษณะของเครื่องสําอาง
มาตรา๔๒
การโฆษณาจะต้องไม่กระทําด้วยวิธีการอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายหรือจิตใจหรือขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชนหรืออันอาจก่อให้เกิดความเดือดร้อนรําคาญแก่ผู้บริโภค
มาตรา๔๔
ในกรณีที่เลขาธิการเห็นว่าการโฆษณาใดฝ่าฝืนมาตรา๔๑หรือมาตรา๔๒ให้เลขาธิการโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้จดแจ้งหรือผู้ทําการโฆษณาดําเนินการดังต่อไปนี้
ให้แก้ไขข้อความหรือวิธีการในการโฆษณา
ห้ามการใช้ข้อความบางอย่างที่ปรากฏในการโฆษณา
ห้ามการโฆษณาหรือห้ามใช้วิธีการนั้นในการโฆษณา
มาตรา๔๕
ในกรณีที่เลขาธิการมีเหตุอันควรสงสัยว่าข้อความใดที่ใช้ในการโฆษณาเป็นเท็จหรือเกินความจริงตามมาตรา๔๑วรรคสอง (๑) ให้เลขาธิการมีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้จดแจ้งหรือผู้ทําการโฆษณาพิสูจน์เพื่อแสดงความจริงได้
หมวด ๗ พนักงานเจ้าหน้าที่ :<3:
มาตรา๔๗
เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดังต่อไปนี้
นําเครื่องสําอางหรือวัตถุที่สงสัยว่าเป็นเครื่องสําอางซึ่งไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ในปริมาณพอสมควรไปเป็นตัวอย่างเพื่อตรวจสอบหรือวิเคราะห์
ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้อาจเข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใดๆเพื่อตรวจค้นยึดอายัดเครื่องสําอาง
เข้าไปในสถานที่ผลิต สถานที่นําเข้า สถานที่เก็บ เพื่อตรวจสอบหรือควบคุมให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา๔๙
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ค้นบันทึกรายละเอียดแห่งการค้นและบัญชีรายละเอียดสิ่งของที่ค้นยึดหรืออายัด
มาตรา๕๐
สิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ตามพระราชบัญญัตินี้ให้ตกเป็นของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อจัดการตามระเบียบที่กระทรวงสาธารณสุขกําหนด
มาตรา๕๑
ในกรณีที่สิ่งของที่ยึดหรืออายัดไว้ตามพระราชบัญญัตินี้เป็นของเสียง่ายหรือเป็นของที่ใกล้จะหมดอายุการใช้งานตามที่กําหนดไว้หรือในกรณีที่เก็บไว้จะเป็นการเสี่ยงต่อความเสียหายหรือจะเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเกินค่าของสิ่งนั้นสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาจะจัดการขายทอดตลาดสิ่งนั้นก่อนคดีถึงที่สุด
มาตรา๕๓
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา๕๔
ในการปฏิบัติหน้าที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจําตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง
หมวด ๘ การอุทธรณ์ :<3:
มาตรา๕๖
ในกรณีผู้รับจดแจ้งไม่ออกใบรับจดแจ้งหรือไม่ต่ออายุใบรับจดแจ้งผู้ขอจดแจ้งหรือผู้จดแจ้งซึ่งขอต่ออายุใบรับจดแจ้งมีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งดังกล่าวเป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการไม่ออกใบรับจดแจ้งหรือการไม่ต่ออายุใบรับจดแจ้งแล้วแต่กรณี
มาตรา๕๗
ผู้จดแจ้งซึ่งถูกเพิกถอนใบรับจดแจ้งมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคําสั่งเพิกถอนใบรับจดแจ้งตามมาตรา๓๘
มาตรา๕๘
ในกรณีที่ผู้ได้รับคําสั่งของเลขาธิการตามมาตรา๒๓มาตรา๓๓มาตรา๔๓มาตรา๔๔หรือมาตรา๔๕ไม่พอใจคําสั่งดังกล่าวให้มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคําสั่ง
หมวด ๙ บทกําหนดโทษ :<3:
มาตรา๖๐
ผู้ใดผลิตเพื่อขายนําเข้าเพื่อขายหรือรับจ้างผลิตเครื่องสําอางอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศที่รัฐมนตรีออกตามมาตรา๖ (๑) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๖๑
ผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคําหรือไม่ส่งเอกสารหรือวัตถุตามที่คณะกรรมการต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๖๒
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา๑๔วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๖๓
ผู้จดแจ้งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขตามมาตรา๑๔วรรคสามต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
มาตรา๖๔
ผู้จดแจ้งผู้ใดยื่นคําขอต่ออายุใบรับจดแจ้งภายหลังที่ใบรับจดแจ้งสิ้นอายุแต่ภายในเวลาที่กําหนดตามมาตรา๑๕วรรคสี่ต้องระวางโทษปรับรายวันวันละห้าร้อยบาทตลอดเวลาที่ยังไม่ยื่นคําขอต่ออายุใบรับจดแจ้ง
มาตรา๖๕
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา๑๖วรรคสองต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
5.8 พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคพ.ศ. ๒๕๒๒
:pencil2:
มาตรา๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคพ.ศ. ๒๕๒๒”
มาตรา๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา๔
ผู้บริโภคมีสิทธิได้รับความคุ้มครองดังต่อไปนี้
สิทธิที่จะได้รับข่าวสารรวมทั้งคําพรรณาคุณภาพที่ถูกต้องและเพียงพอเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ
สิทธิที่จะได้รับความปลอดภัยจากการใช้สินค้าหรือบริการ
สิทธิที่จะมีอิสระในการเลือกหาสินค้าหรือบริการ
สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาและชดเชยความเสียหาย
มาตรา๕
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดังต่อไปนี้
นับชั่งตวงวัดตรวจสินค้าและเก็บหรือนําสินค้าในปริมาณพอสมควรไปเป็นตัวอย่างเพื่อทําการทดสอบโดยไม่ต้องชําระราคาสินค้านั้น
ค้นยึดหรืออายัดสินค้าภาชนะหรือหีบห่อบรรจุสินค้าฉลากหรือเอกสารอื่นที่ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติ
เข้าไปในสถานที่หรือยานพาหนะใดๆเพื่อตรวจสอบการผลิตสินค้าการขายสินค้าหรือบริการรวมทั้งตรวจสอบสมุดบัญชีเอกสาร
มาตรา๖
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา๕ (๓) ถ้าไม่เป็นการเร่งด่วนให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งเป็นหนังสือให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานที่หรือยานพาหนะนั้นทราบล่วงหน้าตามสมควรก่อนและให้กระทําการต่อหน้าผู้ครอบครองสถานที่หรือยานพาหนะ
มาตรา๗
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจําตัวเมื่อผู้ที่เกี่ยวข้องร้องขอ
มาตรา๘
ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอํานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค :star:
มาตรา๙
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค” ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการเลขาธิการนายกรัฐมนตรีปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปลัดกระทรวงพาณิชย์ปลัดกระทรวงมหาดไทยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมปลัดกระทรวงคมนาคมเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา
มาตรา๑๐
คณะกรรมการมีอํานาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้
พิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายอันเนื่องมาจากการกระทําของผู้ประกอบธุรกิจ
ดําเนินการเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค
แจ้งหรือโฆษณาข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียแก่สิทธิของผู้บริโภค
ให้คําปรึกษาและแนะนําแก่คณะกรรมการเฉพาะเรื่องและพิจารณาวินิจฉัยการอุทธรณ์คําสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง
วางระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องและคณะอนุกรรมการ
สอดส่องเร่งรัดพนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา๑๑
ให้กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งอยู่ในตําแหน่งคราวละสามปีกรรมการที่พ้นจากตําแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
มาตรา๑๒
นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระตามมาตรา๑๑กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งพ้นจากตําแหน่งเมื่อ
ได้รับโทษจําคุก
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
เป็นบุคคลล้มละลาย
คณะรัฐมนตรีให้ออก
ลาออก
ตาย
มาตรา๑๓
ในการประชุมคณะกรรมการถ้าประธานกรรมการไม่มาประชุมหรือไม่อยู่ในที่ประชุมให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
มาตรา๑๗
คณะกรรมการและคณะกรรมการเฉพาะเรื่องมีอํานาจสั่งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดส่งเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องที่มีผู้ร้องทุกข์หรือเรื่องอื่นใดที่เกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของผู้บริโภคมาพิจารณาได้ในการนี้จะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วยก็ได้
มาตรา๑๘
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้คณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องต้องให้โอกาสแก่ผู้ถูกกล่าวหาหรือสงสัยว่ากระทําการอันเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงความคิดเห็นตามสมควรเว้นแต่ในกรณีที่จําเป็นและเร่งด่วน
หมวด ๒ การคุ้มครองผู้บริโภค :star:
มาตรา๒๑
ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการใดได้บัญญัติเรื่องใดไว้โดยเฉพาะแล้วให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้นและให้นําบทบัญญัติในหมวดนี้ไปใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ซ้ําหรือขัดกับบทบัญญัติดังกล่าว เว้นแต่
ในกรณีที่มีความจําเป็นเพื่อประโยชน์แก่ผู้บริโภคเป็นส่วนรวม
ในกรณีตาม (๑) ถ้ามีความจําเป็นเร่งด่วนอันมิอาจปล่อยให้เนิ่นช้าต่อไปได้ให้คณะกรรมการเฉพาะเรื่อง
ส่วนที่ ๑ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านการโฆษณา :checkered_flag:
มาตรา๒๒
การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม
มาตรา๒๓
การโฆษณาจะต้องไม่กระทําด้วยวิธีการอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายหรือจิตใจหรืออันอาจก่อให้เกิดความรําคาญแก่ผู้บริโภคทั้งนี้ตามที่กําหนดในกฎกระทรวง
มาตรา๒๔
ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาเห็นว่าสินค้าใดอาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคและคณะกรรมการว่าด้วยฉลากได้กําหนดให้สินค้านั้นเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลากตามมาตรา๓๐ ให้คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณามีอํานาจออกคําสั่งดังต่อไปนี้
กําหนดให้การโฆษณานั้นต้องกระทําไปพร้อมกับคําแนะนําหรือคําเตือนเกี่ยวกับวิธีใช้หรืออันตราย
จํากัดการใช้สื่อโฆษณาสําหรับสินค้านั้น
ห้ามการโฆษณาสินค้านั้น
มาตรา๒๖
ในกรณีที่คณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาเห็นว่าข้อความในการโฆษณาโดยทางสื่อโฆษณาใดสมควรแจ้งให้ผู้บริโภคทราบว่าข้อความนั้นเป็นข้อความที่มีความมุ่งหมายเพื่อการโฆษณา
ส่วนที่ ๒ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านฉลาก :checkered_flag:
มาตรา๓๐
ให้สินค้าที่ผลิตเพื่อขายโดยโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสินค้าที่สั่งหรือนําเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
มาตรา๓๑
ฉลากของสินค้าที่ควบคุมฉลากจะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้
ชื่อหรือเครื่องหมายการค้าของผู้ผลิต สถานที่ผลิต ระบุข้อความที่แสดงให้เข้าใจได้ว่าสินค้านั้นคืออะไร
ต้องระบุข้อความอันจําเป็นได้แก่ราคาปริมาณวิธีใช้ข้อแนะนําคําเตือนวันเดือนปีที่หมดอายุ
ใช้ข้อความที่ตรงต่อความจริงและไม่มีข้อความที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
มาตรา๓๒
การกําหนดข้อความของฉลากตามมาตรา๓๐ต้องไม่เป็นการบังคับให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องเปิดเผยความลับทางการผลิตเว้นแต่ข้อความดังกล่าวจะเป็นสิ่งจําเป็นที่เกี่ยวกับสุขภาพอนามัยและความปลอดภัยของผู้บริโภค
มาตรา๓๓
เมื่อคณะกรรมการว่าด้วยฉลากเห็นว่าฉลากใดไม่เป็นไปตามมาตรา๓๑คณะกรรมการว่าด้วยฉลากมีอํานาจสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจเลิกใช้ฉลากดังกล่าวหรือดําเนินการแก้ไขฉลากนั้นให้ถูกต้อง
ส่วนที่ ๓ การคุ้มครองผู้บริโภคโดยประการอื่น :checkered_flag:
มาตรา๓๖
เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าสินค้าใดอาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคคณะกรรมการมีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจดําเนินการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้านั้น
มาตรา๓๗
ในกรณีที่คณะกรรมการมีคําสั่งตามมาตรา๓๖วรรคสอง (๒) (๔) (๕) หรือ (๖) แต่ผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามคําสั่งดังกล่าวให้คณะกรรมการมีอํานาจจัดให้มีการดําเนินการแทนผู้ประกอบธุรกิจโดยผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
หมวด ๓ การอุทธรณ์ :star:
มาตรา๔๓
ในกรณีที่ผู้ได้รับคําสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องตามมาตรา๒๗หรือมาตรา๒๘วรรคสองไม่พอใจคําสั่งดังกล่าวให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้
มาตรา๔๔
การอุทธรณ์ตามมาตรา๔๓ให้ยื่นต่อคณะกรรมการภายในสิบวันนับแต่วันที่ผู้อุทธรณ์ได้รับทราบคําสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่อง
หมวด ๔ บทกําหนดโทษ :star:
มาตรา๔๖
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องตามมาตรา๑๗ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๔๗
ผู้ใดโดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกําเนิดสภาพคุณภาพปริมาณหรือสาระสําคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโฆษณาหรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดเช่นว่านั้นต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๔๕
ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อํานวยความสะดวกไม่ให้ถ้อยคําหรือไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติการตามมาตรา๕ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๔๙
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการว่าด้วยการโฆษณาซึ่งสั่งตามมาตรา๒๗หรือมาตรา๒๘วรรคสองต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๕๐
ถ้าการกระทําตามมาตรา๔๗มาตรา๔๘หรือมาตรา๔๙เป็นการกระทําของเจ้าของสื่อโฆษณาหรือผู้ประกอบกิจการโฆษณาผู้กระทําต้องระวางโทษเพียงกึ่งหนึ่งของโทษที่บัญญัติไว้สําหรับความผิดนั้น
มาตรา๕๑
ถ้าการกระทําความผิดตามมาตรา๔๗มาตรา๔๘มาตรา๔๙หรือมาตรา๕๐เป็นความผิดต่อเนื่องผู้กระทําต้องระวางโทษปรับวันละไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือไม่เกินสองเท่าของค่าใช้จ่ายที่ใช้สําหรับการโฆษณานั้นตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม
มาตรา๕๓
ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการว่าด้วยฉลากซึ่งสั่งตามมาตรา๓๓ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๕๔
ผู้ใดรับจ้างทําฉลากที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือรับจ้างติดตรึงฉลากที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายกับสินค้าโดยรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าฉลากดังกล่าวนั้นไม่ถูกต้องตามกฎหมายต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา๕๕
ผู้ประกอบธุรกิจผู้ใดไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา๓๕ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
5.9 พระราชบัญญัติสุขภาพจิตพ.ศ. ๒๕๕๑
:pencil2:
มาตรา๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติสุขภาพจิตพ.ศ. ๒๕๕๑”
มาตรา๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา๓
ในพระราชบัญญัตินี้
“ความผิดปกติทางจิต”
อาการผิดปกติของจิตใจที่แสดงออกมาทางพฤติกรรมอารมณ์ความคิดความจําสติปัญญาประสาทการรับรู้หรือการรู้เวลาสถานที่หรือบุคคลรวมทั้งอาการผิดปกติของจิตใจที่เกิดจากสุราหรือสารอื่นที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
“แพทย์”
ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม
“จิตแพทย์”
แพทย์ซึ่งได้รับวุฒิบัตรหรือหนังสืออนุมัติเป็นผู้มีความรู้ความชํานาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาจิตเวชศาสตร์หรือสาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น
มาตรา๔
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้และให้มีอํานาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกระเบียบและประกาศเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑ คณะกรรมการ :red_flag:
ส่วนที่ ๑ คณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ :silhouettes:
มาตรา๕
ให้มีคณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติประกอบด้วย
นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย
ผู้แทนองค์กรภาคเอกชนที่เป็นนิติบุคคล
ผู้ทรงคุณวุฒิจํานวนหกคน
มาตรา๖
กรรมการตามมาตรา๕ (๔) และ (๕) ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
มีสัญชาติไทย
มีอายุไม่ต่ํากว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
ไม่เคยได้รับโทษจําคุก
ไม่เป็นผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
มาตรา๗
กรรมการตามมาตรา๕ (๔) และ (๕) มีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสามปีและจะดํารงตําแหน่งเกินสองวาระติดต่อกันไม่ได้
มาตรา๘
นอกจากการพ้นจากตําแหน่งตามวาระกรรมการตามมาตรา๕ (๔) และ(๕) พ้นจากตําแหน่งเมื่อ
ลาออก
คณะกรรมการมีมติไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนกรรมการทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ให้ออกเนื่องจากบกพร่องต่อหน้าที่มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือหย่อนความสามารถ
ตาย
ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา๖
มาตรา๙
การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมดจึงเป็นองค์ประชุม
มาตรา๑๐
คณะกรรมการมีอํานาจและหน้าที่ ดังต่อไปนี้
กําหนดนโยบายและมาตรการในการคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตและการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิตรวมทั้งการอยู่ร่วมกันในสังคม
วางหลักเกณฑ์และวิธีการในการให้คําปรึกษาแนะนําและประสานงานกับหน่วยงานของรัฐและเอกชนเกี่ยวกับการคุ้มครองสิทธิของบุคคลที่มีความผิดปกติทางจิต
ตรวจสอบและติดตามการดําเนินงานของคณะกรรม
มาตรา๑๑
คณะกรรมการมีอํานาจแต่งตั้งที่ปรึกษาหรือคณะอนุกรรมการเพื่อปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
ส่วนที่ ๒ คณะกรรมการสถานบําบัดรักษา :silhouettes:
มาตรา๑๒
สถานบําบัดรักษาแต่ละแห่งให้มีคณะกรรมการสถานบําบัดรักษาซึ่งอธิบดีแต่งตั้งประกอบด้วยจิตแพทย์ประจําสถานบําบัดรักษาหนึ่งคนเป็นประธานกรรมการแพทย์หนึ่งคนพยาบาลจิตเวชหนึ่งคนนักกฎหมายหนึ่งคนและนักจิตวิทยาคลินิกหรือนักสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์หนึ่งคนเป็นกรรมการ
มาตรา๑๓
คณะกรรมการสถานบําบัดรักษามีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
ตรวจวินิจฉัยประเมินอาการและมีคําสั่งตามมาตรา๒๙
พิจารณาทําความเห็นเกี่ยวกับการบําบัดรักษาและผลการบําบัดรักษาตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๒ สิทธิผู้ป่วย :red_flag:
มาตรา๑๕
ได้รับการบําบัดรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์
ได้รับการคุ้มครองจากการวิจัยตามมาตรา๒๐
ได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย
ได้รับการคุ้มครองในระบบประกันสุขภาพและประกันสังคม
มาตรา๑๖
ห้ามมิให้ผู้ใดเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของผู้ป่วยในประการที่น่าจะทําให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ป่วย เว้นแต่
มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย
เพื่อความปลอดภัยของสาธารณชน
อาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยหรือผู้อื่น
มาตรา๑๗
การบําบัดรักษาโดยการผูกมัดร่างกายการกักบริเวณหรือแยกผู้ป่วยจะกระทําไม่ได้เว้นแต่เป็นความจําเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยเองบุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่นโดยต้องอยู่ภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้บําบัดรักษาตามมาตรฐานวิชาชีพ
มาตรา๑๘
การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้าการกระทําต่อสมองหรือระบบประสาทหรือการบําบัดรักษาด้วยวิธีอื่นใดที่อาจเป็นผลทําให้ร่างกายไม่อาจกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างถาวรให้กระทําได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
กรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือมีความความจําเป็นอย่างยิ่ง
กรณีผู้ป่วยให้ความยินยอมเป็นหนังสือ
มาตรา๑๙
การทําหมันผู้ป่วยจะกระทําไม่ได้เว้นแต่ได้ปฏิบัติตามมาตรา๑๘ (๑)
มาตรา๒๐
การวิจัยใดๆที่กระทําต่อผู้ป่วยจะกระทําได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ป่วยและต้องผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการที่ดําเนินการเกี่ยวกับจริยธรรมการวิจัยในคนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและให้นําความในมาตรา๒๑วรรคสามมาใช้บังคับกับการให้ความยินยอมโดยอนุโลม
หมวด ๓ การบําบัดรักษาทางสุขภาพจิต :red_flag:
ส่วนที่ ๑ ผู้ป่วย :fire:
มาตรา๒๑
การบําบัดรักษาจะกระทําได้ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับการอธิบายเหตุผลความจําเป็นในการบําบัดรักษารายละเอียดและประโยชน์ของการบําบัดรักษาและได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยเว้นแต่เป็นผู้ป่วยตามมาตรา๒๒
มาตรา๒๒
บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้เป็นบุคคลที่ต้องได้รับการบําบัดรักษา
มีความจําเป็นต้องได้รับการบําบัดรักษา
มีภาวะอันตราย
มาตรา๒๓
ผู้ใดพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีลักษณะตามมาตรา๒๒ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจโดยไม่ชักช้า
มาตรา๒๔
เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจได้รับแจ้งตามมาตรา๒๓หรือพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีลักษณะตามมาตรา๒๒ให้ดําเนินการนําตัวบุคคลนั้นไปยังสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษาซึ่งอยู่ใกล้โดยไม่ชักช้าเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและประเมินอาการเบื้องต้น
มาตรา๓๓
ในกรณีที่ผู้ป่วยหลบหนีออกนอกเขตสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษาให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจและญาติเพื่อติดตามบุคคลนั้นกลับมาที่สถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษา
มาตรา๓๔
เพื่อประโยชน์ในการบําบัดรักษาผู้ป่วยให้คณะกรรมการสถานบําบัดรักษามีอํานาจสั่งย้ายผู้ป่วยไปรับการบําบัดรักษาในสถานบําบัดรักษาอื่นได้ตามระเบียบที่คณะกรรมการกําหนด
ส่วนที่ ๒ ผู้ป่วยคดี : :fire:
มาตรา๓๕
ภายใต้บังคับมาตรา๑๔วรรคหนึ่งแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้พนักงานสอบสวนหรือศาลส่งผู้ต้องหาหรือจําเลยไปรับการตรวจที่สถานบําบัดรักษาพร้อมทั้งรายละเอียดพฤติการณ์แห่งคดี
มาตรา๓๖
ภายใต้บังคับมาตรา๑๔วรรคสองแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาให้สถานบําบัดรักษารับผู้ต้องหาหรือจําเลยไว้ควบคุมและบําบัดรักษาโดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ต้องหาหรือจําเลยจนกว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยจะหายหรือทุเลาและสามารถต่อสู้คดีได้
มาตรา๓๘
ในระหว่างการบําบัดรักษาตามมาตรา๓๗เมื่อจิตแพทย์ผู้บําบัดรักษาเห็นว่าผู้ป่วยคดีได้รับการบําบัดรักษาจนความผิดปกติทางจิตหายหรือทุเลาและไม่มีภาวะอันตรายแล้วให้จิตแพทย์รายงานผลการบําบัดรักษาและความเห็นเพื่อจําหน่ายผู้ป่วยคดีดังกล่าวออกจากสถานพยาบาลต่อศาลโดยไม่ชักช้า และรายงานผล
มาตรา๓๙
ในกรณีที่ศาลกําหนดเงื่อนไขตามมาตรา๕๖วรรคสอง (๔) แห่งประมวลกฎหมายอาญาให้ศาลส่งผู้ป่วยคดีพร้อมทั้งสําเนาคําพิพากษาไปยังสถานบําบัดรักษา
ส่วนที่ ๓ การฟื้นฟูสมรรถภาพ :fire:
มาตรา๔๐
ในกรณีที่คณะกรรมการสถานบําบัดรักษามีคําสั่งตามมาตรา๒๙ (๒) ให้หัวหน้าสถานบําบัดรักษามีหน้าที่ดังนี้
ในกรณีที่ไม่มีผู้รับดูแลให้แจ้งหน่วยงานด้านสงเคราะห์
แจ้งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ติดตามดูแลประสานงานและช่วยเหลือ
แจ้งให้ผู้รับดูแล
มาตรา๔๑
เมื่อผู้ถูกคุมขังซึ่งได้รับการบําบัดรักษาในระหว่างถูกคุมขังถึงกําหนดปล่อยตัวให้หัวหน้าสถานที่คุมขังมีหน้าที่ดําเนินการตามมาตรา๔๐
หมวด ๔ การอุทธรณ์ :red_flag:
มาตรา๔๒
ในกรณีที่คณะกรรมการสถานบําบัดรักษามีคําสั่งตามมาตรา๒๙ (๑) หรือ (๒) หรือมีคําสั่งให้ขยายระยะเวลาการบําบัดรักษาตามมาตรา๓๐ให้ผู้ป่วยหรือคู่สมรสผู้บุพการีผู้สืบสันดานผู้ปกครองผู้พิทักษ์ผู้อนุบาลหรือผู้ซึ่งปกครองดูแลผู้ป่วยแล้วแต่กรณีมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งดังกล่าว
มาตรา๔๔
คณะกรรมการอุทธรณ์มีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
รายงานผลการดําเนินการให้คณะกรรมการทราบอย่างน้อยปีละครั้ง
พิจารณาอุทธรณ์ตามมาตรา๔๒
มาตรา๔๕
ให้นําความในมาตรา๖มาตรา๗มาตรา๘มาตรา๙และมาตรา๑๑มาใช้บังคับกับคณะกรรมการอุทธรณ์โดยอนุโลม
หมวด ๕ พนักงานเจ้าหน้าที่ :red_flag:
มาตรา๔๗
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจําตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง
มาตรา๔๘
ในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา๔๖ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องอํานวยความสะดวกตามสมควร
มาตรา๔๙
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
หมวด ๖ บทกําหนดโทษ :red_flag:
มาตรา๕๐
ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา๑๖ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๕๑
ผู้ใดแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่พนักงานฝ่ายปกครองหรือตํารวจตามมาตรา๒๓โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๕๒
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหนังสือของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา๔๖ (๓) โดยไม่มีเหตุอันสมควรต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๕๓
ผู้ใดไม่อํานวยความสะดวกตามสมควรแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา๔๘ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
น.ส.สุณิสา บัวหอม 6001211085 Sec B