Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเลือดและส่วนประกอบของเลือด (ต่อ) - Coggle Diagram
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเลือดและส่วนประกอบของเลือด (ต่อ)
การให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
การให้เลือด
(Bloodtransfusion)
ระบบ ABO จำแนกหมู่เลือดออกเป็น 4 หมู่
คือ หมู่เลือด A, B, AB และ O
การให้เลือดหรือเม็ดเลือด หรือน้ำเลือด
แก่ผู้ป่วยโดยผ่านเข้าทางหลอดเลือดดำ
การให้เลือดแม้จะช่วยชีวิตผู้ป่วย แต่ก็ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน อาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้
การให้และการรับเลือดในหมู่เลือด
คนเลือดกรุ๊ป AB รับได้จากทุกกรุ๊ป
แต่ให้เลือดแก่ผู้อื่นได้เฉพาะคนที่เป็นเลือดกรุ๊ป AB
คนเลือดกรุ๊ป A รับได้จาก A และO ให้ได้กับ A และ AB
คนเลือดกรุ๊ป O รับได้จาก O เท่านั้น
แต่ให้กับกรุ๊ปอื่นได้ทุกกรุ๊ป
คนเลือดกรุ๊ป B รับได้จาก B และ O ให้ได้กับ Bและ AB
คนเลือดกรุ๊ป Rh-ve ต้องรับจาก Rh-ve เท่านั้น
แต่ต้องดูกรุ๊ปเลือดตามระบบ ABOด้วย
ภาวะแทรกซ้อนจากการให้เลือด
เม็ดเลือดแดงสลายตัว (Hemolysis)
เกิดจากการให้เลือดผิดหมู่
เม็ดเลือดแดงจะแตกและบางส่วนไปอุดตันหลอดเลือดฝอยของท่อไตทำให้ไตวาย
เกิดอาการหลังให้เลือดไปแล้วประมาณ 50 มล. หรือน้อยกว่า บางรายอาจเกิดหลังให้เลือดแล้วประมาณ 10-30นาที
อาการหนาวสั่น มีไข้ปวดศีรษะ ปวดหลังบริเวณเอว กระสับกระส่าย หายใจลำบาก เจ็บแน่นหน้าอก อาจเสียชีวิตจากยูรีเมีย
ปริมาตรการไหลเวียนของเลือดมากเกินไป
(Volume overload)
ส่งผลให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เกิดภาวะหัวใจวาย
และมีอาการน้ำท่วมปอด
หายใจลำบาก ไอ เหนื่อยหอบ หลอดเลือดดำที่คอโป่งพอง
แรงดันในหลอดเลือดดำสูงกว่าปกติ
ไข้
(Febrile transfusion reaction)
อาการไข้จากเชื้อบักเตรี : พบได้ยากแต่มีอันตรายถึงชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว มักเกิดขึ้นทันทีหลังได้รับเลือด 2-3 นาที หรือภายใน 6 ชั่วโมง
ไข้จะสูง 38.4 °Cขึ้นไป ผิวหนังอุ่น แดงขึ้น ปวดศีรษะ อาเจียนเป็นเลือด หายใจลำบาก อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว
ปฏิกิริยาภูมิแพ้
(Allergic reaction)
เกิดจากผู้รับแพ้สารอย่างใดอย่างหนึ่งในเลือดที่ได้รับ
ผื่นคัน หรือลมพิษ อาการคั่งในจมูก หลอดลมบีบเกร็ง หายใจลำบาก ฟังได้เสียงวี๊ซ(wheeze)ในปอด
การถ่ายทอดโรค
(Transfusion-associated graft versus host disease)
เกิดจากการขาดการตรวจสอบเลือดของผู้ให้
ตับอักเสบ มาเลเรีย ซิฟิลิส เอดส์ โรคภูมิแพ้
การอุดตันจากฟองอากาศ
(Air embolism)
เกิดจากการไล่ฟองอากาศไม่หมด อาจไปอุดตันหลอดเลือดดำให้ขัดขวางการนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะ
อุดตันที่ปอดจะเจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย เป็นลม ช็อค และอาจตายได้
ภาวะโปตัสเซียมเกินปกติ (Hyperkalemia)
เกิดจากการให้เลือดที่เก็บไว้ในธนาคารเลือดนานเกินไป
คลื่นไส้อาเจียน ท้องเดิน กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการคล้ายอัมพาต
บริเวณใบหน้ามือและขา ชีพจรเบา ช้า ถ้าระดับโปตัสเซียมสูงมาก
หัวใจจะหยุดเต้น
ภาวะสารซิเตรทเกินปกติ
เกิดจากการให้เลือดติดต่อกันเป็นจำนวนมากจึงมีการสะสมของสารกันการแข็งตัว
ของเลือด (Acid –citrate dextrose)
กล้ามเนื้อเป็นตะคริวเจ็บแปลบตามปลายนิ้วมือ ถ้าขาดแคลเซี่ยมมากจะเป็นลมชัก
มีอาการบีบเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณกล่องเสียง หัวใจทำงานผิดปกติ
การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
ขั้นตอนที่2 ข้อวินิจฉัย
ขั้นตอนที่3 การวางแผนในการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
วัตถุประสงค์ของการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
ทดแทนเม็ดเลือดแดง และรักษาระดับฮีโมโกลบิน (hemoglobin: Hb)
ทดแทนปัจจัยการแข็งตัวของเลือด
ทดแทนปริมาณเลือดที่สูญเสียไป
ขั้นตอนที่ 4 การให้เลือดและสารประกอบของเลือด
เครื่องใช้
สำลีชุบแอลกอฮอล์ 70%
extension tube
tourniquet
three ways
blood transfusion set (Blood set)
IV stand (เสาน้ำเกลือ)
intravenous catheter (IV cath.) เบอร์ 18
transparent สำเร็จรูป
intravenous fluid (IV fluid)
แผ่นฉลากชื่อ
ถุงมือสะอาดmask
วิธีท้าการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
ล้างมือให้สะอาด
บอกให้ผู้ป่วยทราบโดยอธิบายวัตถุประสงค์และวิธีการให้
ดึงที่ปิดถุงเลือดออก
เตรียมเครื่องใช้ไปที่เตียงผู้ป่วย ตรวจสอบรายชื่อนามสกุล
เช็ดรอบ ๆ ด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ 70%
ตรวจสอบชื่อนามสกุล Rh.ของผู้ป่วย HN กับป้ายชื่อข้างขวดเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดจากธนาคารเลือด (blood bank) โดยพยาบาล 2 คน
ต่อ blood set กับ ขวดเลือด
ตรวจสอบแผนการรักษา และเขียนชื่อนามสกุลของผู้ป่วย ชนิดของเลือดและ
ส่วนประกอบของเลือดRh. วัน เวลาที่เริ่มให้อัตราการหยด ลงในแผ่นฉลากปิดข้างขวด
ต่อ three ways กับ extension tube แล้วมาต่อกับ blood set ปิด clamp
แขวนขวดเลือดกับเสาน้ำเกลือแขวนให้สูงประมาณ 1 เมตร จากผู้ป่วย
บีบ chamber ของ blood set ให้ เลือดไหลลงมาในกระเปาะประมาณ ½ ของกระเปาะ ไล่อากาศในสาย IV จนหมด
การเตรียมผิวหนังและการแทงเข็มให้สารน้ำ
ทำความสะอาดผิวหนังตำแหน่งที่จะแทงเข็มด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์70%
เช็ดจากบนลงล่าง ทิ้งไว้ 1/2 -1 นาที รอแอลกอฮอล์แห้ง
ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือซ้ายตรึงผิวหนังตำแหน่งที่จะแทง IV cath.
สวมถุงมือสะอาดและmask
เตรียม IV cath. แทงเข็มทำมุมประมาณ 10-30 องศา เมื่อปลายเข็มเข้าไปในหลอดเลือดจะมีเลือดไหลย้อนกลับเข้ามาในส่วนปลายของเข็มที่แทงให้หยุดแทง แล้วค่อยๆเลื่อน Stylet ออก พร้อมกับสอดท่อพลาสติกเข้าไปในหลอดเลือดตามแนวเส้นด้วยความระมัดระวัง
รัด tourniquet เหนือที่ต้องการแทงเข็ม 2-6 นิ้ว
ปลดยางรัดแขนออกเบาๆ ต่อสายส่วนปลายของ blood set เปิด clamp ให้เลือดหยดเข้าไปในหลอดเลือดโดยปรับให้หยดช้าๆไว้ก่อน
ล็อกตำแหน่งที่จะแทง IV cath.
การติดพลาสเตอร์
ติดพลาสเตอร์ยึดสายให้เลือดป้องกันการดึงรั้ง และเขียนระบุ วัน เวลา ที่เริ่มให้เลือดไว้ที่แผ่นของกระดาษของ transparent
ปรับอัตราหยดตามที่คำนวณไว้เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับเลือดตามแผนการรักษา
วางก๊อชปลอดเชื้อ ปิดที่เข็มแทงแล้วปิดพลาสเตอร์
PRC 350 ml in 4 hr. = 88 ml/hr. = 20 drop/min.
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
การดูแลผู้ป่วยภายหลังได้รับเลือด
ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบายตลอดระยะเวลาที่ให้เลือด
สังเกตปฏิกิริยาที่เกิดจากการให้เลือดอย่างต่อเนื่อง
บันทึกหมู่เลือด ชนิดของเลือด หมายเลขเลือด ปริมาณเลือด วัน เวลา ชื่อผู้ให้เลือด และบันทึกอาการของผู้ป่วยหลังให้เลือด ลงในแบบบันทึกการพยาบาล
ตรวจสอบสัญญาณชีพหลังการให้เลือด 15นาที และต่อไปทุก4ชั่วโมง
การปฏิบัติเมื่อพบอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่ได้รับเลือด
เตรียมสารน้ำและยา
ตรวจสอบสัญญาณชีพ และสังเกตสังเกตปฏิกิริยาที่เกิดจากการให้เลือดอย่างใกล้ชิด
ส่งขวดเลือดและเจาะเลือดของผู้ป่วยจากแขนที่ไม่ได้ให้เลือดไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ
รายงานแพทย์
หยุดให้เลือดทันทีแล้วเปิดทางหลอดเลือดด า (KVO) ด้วย NSS
บันทึกจำนวนสารน้ำที่เข้า–ออกจากร่างกาย
การหยุดให้เลือด เมื่อผู้ป่วยได้รับเลือดครบให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการหยุดให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ หลังจากนั้นนำถุงเลือดพร้อมใบแจ้งที่กรอกข้อความเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยหลังให้เลือดกลับคืนไปยังธนาคารเลือด
การบันทึกปริมาณน้ำเข้า-ออกจากร่างกาย
(Record Intake-Output)
หลักการบันทึกจ้านวนสารน้้าที่เข้าและออกจากร่างกาย
ร่วมกับผู้ป่วยในการวางแผนกำหนดจำนวนน้ำที่เข้าสู่ร่างกายในแต่ละช่วงเวลา
อธิบายให้ผู้ป่วยดื่มน้ำในขวดที่เตรียมไว้ให้ไม่นำน้ำที่เตรียมไว้ไปบ้วนปากหรือเททิ้ง
อธิบายเหตุผลและความสำคัญของการวัดและการบันทึกจำนวนน้ำที่รับเข้าและขับออกจากร่างกาย
การจดบันทึกควรสรุปทุก 8 ชั่วโมงและทุกวัน
แบบฟอร์มการบันทึกควรแขวนไว้ที่เตียงผู้ป่วย ต้องสรุปลงในแผ่นรายงานประจำตัวของผู้ป่วยหรือฟอร์มปรอท
จดบันทึกจำนวนน้ำและของเหลวทุกชนิดที่ให้ขณะมื้ออาหารและระหว่างมื้ออาหาร
บันทึกจำนวนสารน้ำที่สูญเสียทางอื่นๆ