Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ - Coggle Diagram
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
หลักการให้สารทางหลอดเลือดดำ
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำส่วยปลาย (Peripheral intravenous infusion)
เป็นการให้สารน้ำหรือของเหลวทางหลอดเลือดดำที่อยู่ในชั้นตื้นๆของผิวหนัง หรือหลอดเลือดดำที่อยู่ส่วนปลายของแขนและขา
Heparin lock
หรือ
Saline lock
เป็นการแทงเข็มให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำส่วนปลาย และคาเข็มที่หล่อด้วยสารต้านการแข็งตัวของเลือดเจือจางไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้สารละลายและยาเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นครั้งคราว
Piggy back IV Administration
เป็นการให้สารน้ำขวดที่ 2 ต่อเข้ากับชุดให้สารน้ำขวดแรก วัตถุประสงค์เพื่อให้ยาเข้าทางหลอดเลือดดำช้าๆ ขณะที่สารน้ำใน piggyback set หยด สารน้ำที่ให้อยู่ก่อนจะหยุดไหลชั่วคราว จนกว่าสารน้ำใน piggy back หมด สารน้ำในขวดหลักก็จะไหลต่อ
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำใหญ่ (Central venous therapy)
เป็นการให้สารน้ำหรือของเหลวทาง
Central line
ทางหลอดเลือดดำใหญ่ ได้แก่
Subclavian vein , Internal & External jugular vein และ Right & Left Nominate vein
การให้สารน้ำและสารละลายทางหลอดเลือดดำใหญ่ผ่านอุปกรณ์ที่ฝังไว้ใต้ผิวหนัง (Implanted vsacular access device หรือ venous port)
เป็นการฝังอุปกรณ์ที่ใช้ในการให้ของเหลวทางหลอดเลือดดำไว้ใต้ผิวหนัง โดยที่ปลายสายสอดผ่านเข้าหลอดเลือดดำใหญ่ เช่น
Subclavian vein, Right & Left Nominate vein
เป็นต้น
ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องให้สารละลายทางหลอดเลือดดำเป็นระยะๆ และไม่สามารถให้สารน้ำและสารละลายทางหลอดเลือดดำส่วนปลายได้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด หรือให้เลือดและส่วนประกอบของเลือดเป็นระยะๆ
ชนิดของสารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
แบ่งออกตามความเข้มข้นได้ 3 ชนิด
สารละลายไอโซโทนิก (Isotonic solution)
: ออสโมลาริตี้ระหว่าง 280-310 mOsm/l เมื่อให้ทางหลอดเลือดดำจะไม่มีการเคลื่อนที่ของน้ำเข้า-ออกจากเซลล์ ช่วยเพิ่มปริมาตรของน้ำที่อยู่บอกเซลล์
สารละลายไฮโปโทนิก (Hypotonic solution)
: ออสโมลาริตี้ < 280 mOsm/l เป็นสารน้ำที่มีโมเลกุลอิสระของน้ำ >ในเซลล์ ทำให้เกิดการเคลื่อนที่น้ำเข้าสู่เซลล์
การให้สารน้ำนี้ต้องให้อย่างช้าๆ
เพื่อป้องกันการรบกวนของเซลล์
สารละลายไฮเปอร์โทนิก (Hypertonic solution)
: ค่าออสโมลาริตี้ > 310 mOsm/l เป็นสารน้ำที่มีโมเลกุลอิสระของน้ำ < น้ำในเซลล์ ทำให้เกิดการดึงน้ำจากเซลล์สู่ระบบการไหลเวียน
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออัตราการหยดของสารน้ำ
ระดับขวดน้ำสูงหรือต่ำเกินไป
ความหนืดของสารน้ำ
ขนาดของเข็มที่แทงเข้าหลอดเลือด
อัตราการหยดของสารน้ำเร็ว
สายให้สารน้ำ มีความยาวมาก
การผูกยึดบริเวณหลอดเลือด
การเคลื่อนย้ายและการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ป่วย
การปรับอัตราหยดผู้ป่วยเด็กที่เอื้อมมือไปหมุนปรับเล่น หรือญาติผู้ป่วยหมุนปรับเอง
การคำนวณอัตราการหยดของสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
สูตรการคำนวณอัตราหยดของสารน้ำใน 1นาที
จำนวนหยดของสารละลาย(หยด/นาที) = จำนวน Sol.(มล.ชม.) x จำนวนหยดต่อ มล. / เวลา(นาที)
สูตรการคำนวณสารน้ำที่จะให้ใน 1 ชั่วโมง
ปริมาตรของสารน้ำที่จะให้ใน 1 ชม. = ปริมาตรของสารน้ำที่ให้ / จำนวนเวลาที่จะให้เป็นชั่วโมง
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การเลือกตำแหน่งของหลอดเลือดดำที่จะแทงเข็ม
เลือกหลอดเลือดดำของแขนข้างที่ผู้ป่วยไม่ถนัด
เริ่มแทงเข็มที่ให้สารน้ำที่หลอดเลือดดำส่วนปลายแขนก่อน เพื่อให้หลอดเลือดดำส่วนที่ถัดมาสามารถใช้งานได้อีก
ตำแหน่งที่เหมาะสม
คือ Cephalic และ Basilic vein
ตรวจสอบบริเวณตำแหน่งที่จะแทงเข็มว่ามีสภาพที่เหมาะสม
ถ้าจำเป็นต้องผูกยึดแขนขา ให้หลีกเลี่ยงการแทงเข็มให้สารน้ำ
หลีกเลี่ยงการแทงเข็มบริเวณข้อพับต่างๆ
คำนึงถึงชนิดของสารน้ำที่ให้
อุปกรณ์เครื่องใช้
ขวดสารน้ำ
: ต้องเตรียมให้ตรงกับใบสั่งการรักษา และสอบดูว่าสภาพขวดสารน้ำไม่มีแตกร้าว หรือรูรั่ว ไม่หมดอายุ ไม่ขึ่น ไม่มีผงตะกอน
ชุดให้สารน้ำ
:ใช้เป็นทางผ่านของสารน้ำจากขวดสู่หลอดเลือดดำของผู้ป่วย
เข็มที่ใช้แทงเข้าหลอดเลือดดำส่วนปลาย
: มีหลายเบอร์ เหมาะสำหรับให้สารน้ำแก่ผู้ป่วยที่เคลื่อนไหวตัวมาก และได้รับสารน้ำเป็นเวลานานๆ
อุปกรณ์อื่นๆ
: เช่น เสาแขวนขวดให้สารน้ำ ยางรัดแขน แผ่นโปร่งใสปิดตำแหน่งที่แทงเข็มหรือก๊อซปลอดเชื้อ ไม้รองแขน พลาสเตอร์ สำลีปลอดเชื้อ 70% alcohol ถุงมือสะอาด
อุปกรณ์เสริมกรณีจำเป็น
ได้แก่ ที่ต่อ 3 ทาง และสายต่อขยาย
อาการแทรกซ้อนจากการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเฉพาะที่
การบวมเนื่องจากสารน้ำซึมออกนอกหลอดเลือดดำ (Infiltration)
การมีเลือดออกและแทรกซึมเข้าใต้ผิวหนังที่แทงเข็ม (Extravasation)
การติดเชื้อเฉพาะที่ (Local infection)
หลอดเลือดดำอักเสบ (Phlebitis)
ระดับการอักเสบของหลอดเลือดดำจากการให้สารน้ำ
Grade0
: ไม่มีอาการ
Grade1
: ผิวหนังบริเวณแทงเข็มแดง มีอาการปวดหรือไม่มีก็ได้
Grade2
: ปวดบริเวณที่แทงเข็ม ผิวหนังบวมหรือไม่บวมก็ได้
Grade3
: ปวดบริเวณที่แทงเข็ม ผิวหนังบามแดงเป็นทาง คลำได้หลอดเลือดแข็งเป็นลำ
Grade4
: ปวดบริเวณที่แทงเข็ม ผิวหนังบวมแดงเป็นทาง คลำได้หลอดเลือดแข็งเป็นลำ
การพยาบาล
หยุดให้สารน้ำ จัดแขนข้างที่บวมให้สูงกว่าลำตัวผู้ป่วย
ประคบด้วยความร้อนเปียก
เปลี่ยนที่แทงเข็มให้สารน้ำ
รายการให้แพทย์ทราบเพื่อให้การรักษา
จัดแขนข้างที่บวมให้สูงกว่าลำตัวผู้ป่วย เพื่อลดการบวม
ส่งหนองบริเวณที่แทงเข็มเพาะเชื้อ
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระบบไหลเวียนเลือด
การแพ้ยาหรือสารน้ำที่ได้รับ (Allergic reaction)
การติดเชื้อในกระแสเลือด (Bacteremia หรือ Septicmia)
เกิดฟองอากาศในกระแสเลือด (Air embolism)
ให้สารน้ำมากและเร็วเกินไป (Circulartory overload)
การพยาบาล
หยุดให้สารน้ำ
เปลี่ยนขวดให้สารน้ำ กรณีผู้ป่วยมีอาการแพ้ หรือติดเชื้อ
ให้ความช่วยเหลือตามอาการ
ตรวจ vital sign เพื่อดูการเปลี่ยนแปลง
เตรียมรถ Emergency ในการช่วยเหลือเร่งด่วน
ส่งเลือดและหนองที่เกิดเฉพาะที่ไปเพาะเชื้อ
ดูแลให้ยาปฏิชีวนะตามแผนการรักษา
ดูแลให้ออกซิเจน
จัดท่าให้ผู้ป่วยนอนศีรษะตำ่กรณี BP ต่ำ หรือจัดให้ผู้ป่วยนอนศีรษะสูงกรณี BP สูง
การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
การประเมินด้านร่างกาย
: ระดับความรู้สึกตัว, พยาธิสภาพของโรค ประวัติเจ็บป่วย โรคของผู้ป่วย และโรคหรืออาการแทรกซ้อน
การประเมินด้านจิตใจ
: ความพร้อมของการรับสารน้ำ, ความต้องการในการรับสารน้ำ, ความวิตกกังวลและความกลัว
การประเมินสิ่งแวดล้อม
: ความสะอาดบริเวณรอบตัวผู้ป่วย, ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย, ความพร้อมใช้ของสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วย, มีอากาศถ่ายเทสะดวก
การประเมินแผนการรักษา
: ตรวจสอบแผนการรักษา, ตรวจสอบชนิดของสารน้ำตามแผนการรักษา ชนิด ปริมาณ อัตรา และเวลา
ขั้นตอนที่2 ข้อวินิจฉัย
มีความพร้อมในการเริ่มให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ขั้นตอนที่3 การวางแผนในการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
วางแผนให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำโดยประยุกต์ใช้หลักการ 6 Rights และหลักความปลอดภัย SIMPLE
วัตถุประสงค์ของการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ให้สารน้ำทดแทนน้ำที่สูญเสียจากร่างกาย
ให้สารน้ำเพียงพอกับความต้องการของร่างกายของร่างกายในรายที่ไม่สามารถรับประทานทางปาก
ให้ยาบางชนิดที่ไม่สามารถดูดซึมทางระบบทางเดินอาหาร หรือยารับประทานที่ถูกทำลายโดยน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
รักษาสมดุลกรด-ด่างในร่างกาย
ใช้เป็นช่องทางในการฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยให้ปริมาณของยาในกระแสโลหิตอยู่ในระดับสม่ำเสมอกัน
แก้ไขความดันโลหิต
ขั้นตอนที่4 สารให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การปรับอัตราหยดตามที่คำนาณไว้ตามแผนการรักษา
IV fluid 1,000 ml in 6 hr. = 160 ml/hr. = 40 drop/min.
IV fluid 1,000 ml in 8 hr. = 125 ml/hr. = 30 drop/min.
IV fluid 1,000 ml in 10 hr. = 100 ml/hr. = 25 drop/min.
IV fluid 1,000 ml in 12 hr. = 80 ml/hr. = 20 drop/min.
IV fluid 1,000 ml in 24hr. = 40 ml/hr. = 10 drop/min.
ขั้นตอนที่5 การประเมินผลการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การประเมินผลการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เป็นการประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
การประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล เป็นการประเมินผลของการปฏิบัติงาน เพื่อนำมาปรับปรุงการปฏิบัติงานในครั้งต่อไป
การประเมินผลคุณภาพการบริการ เป็นการประเมินคุณภาพของผลการปฏิบัติงาน เพื่อนำมาปรับปรุงการปฏิบัติงานในครั้งต่อไป
การหยุดให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
อุปกรณ์
สำลีปลอดเชื้อ หรือผ้าก๊อกปลอดเชื้อ
พลาสเตอร์
ถุงมือชนิดใช้แล้วทิ้ง
วิธีปฏิบัติ
ปิด clamp
แกะพลาสเตอร์ที่ปิดยึดหัวเข็ม และสายให้สารน้ำออกทีละชิ้น ระวังอย่าให้เข็มถูกดึงรั้งออกจากผิวหนัง
สวมถุงมือเพื่อป้องกันการการสัมผัสเลือดของผู้ป่วย
ใช้สำลีแห้งหรือก๊อซปลอดเชื้อทับที่ตำแหน่งที่ดึงเข็มออกหรือยึดติดด้วย พลาสเตอร์ และปิดไว้นาน 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อจนกว่าเลือดจะหยุด
เก็บชุดให้สารน้ำและเข็มที่แทงให้เรียบร้อย
บันทึกในบันทึกทางการพยาบาล วัน เวลาและเหตุผลของการหยุดให้สารน้ำ
การใช้กระบวนการพยาบาลในการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
การประเมินด้านร่างกาย
: ระดับความรู้สึกตัว, ประวัติการแพ้ยา, พยาธิสภาพของโรค ประวัติเจ็บป่วย โรคของผู้ป่วย และอาการแทรกซ้อน
ประเมินด้านจิตใจ
: ความพร้อมของการรับบริการฉีดยา, การต้องการรับบริการฉีดยา, ความวิตกกังวลและความกลัว
การประเมินสิ่งแวดล้อม
: ความสะอาดของสิ่งแวดล้อมรอบตัวของผู้ป่วย, ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสิ่งแวดล้อม, ความพร้อมใช้ของสิ่งแวดล้อมตัวผู้ป่วย, อากาศถ่ายเทสะดวก
ขั้นตอนที่2 ข้อวินิจฉัย
การบริหารยาที่มีประสิทธิภาพโดยใช้หลักการ 6 Rights และหลักการความปลอดภัย SIMPEL
ขั้นตอนที่3 การวางแผนในการบริหารยา
วางแผนบริหารยาตามหลักการ 6 Rights และหลักความปลอดภัย SIMPLE
วัตถุประสงค์ของการฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ
ให้ยาออกฤทธิ์เร็ว
ให้ยาที่มีผลระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ
ให้ยาชนิดที่ไม่สามารถให้ทางอื่นได้ผลต่อการรักษา
ขั้นตอนที่4 วิธีการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
มี 6 วิธี
วิธีการฉีดยาแบบที่1
IV plug กับ piggy back (100ml)
วิธีการฉีดยาแบบที่2
IV plug กับ syringe IV push
วิธีการฉีดยาแบบที่3
Surg plug กับ piggy back (100ml)
วิธีการฉีดยาแบบที่4
Surg plug กับ syringe IV push
วิธีการฉีดยาแบบที่5
three ways กับ piggy back (100 ml)
วิธีการฉีดยาแบบที่6
three way กับ IV push
ขั้นตอนที่5 การประเมินผลการบริหารยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ
การประเมินผลการบริการยาฉีด เป็นการประเมินผลลัพธ์การพยาบาล
การประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล เป็นการประเมินผลของการปฏิบัติงาน เพื่อนำมาปรับปรุงการปฏิบัติงานในครั้งต่อไป
การประเมินผลคุณภาพบริการ เป็นการประเมินคุณภาพของผลการปฏิบัติงาน เพื่อนำมาปรับปรุงการปฏิบัติงงานในครั้งต่อไป
การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
วัตถุประสงค์
ให้ผู้ป่วยที่รับประทานอาหารและน้ำทางปากไม่ได้ หรือรับประทานได้น้อย ให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของร่างกาย โดยผ่านทางหลอดเลือดดำ
ทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป
ข้อบ่งชี้ในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
โรคทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วงเรื้อรัง การอักเสบในระบบทางเดินอาหาร ลำไส้อักเสบจากการฉายรังสี
โรคของอวัยวะต่างๆ เช่น ภาวะไตวาย โรคหัวใจแต่กำเนิด
ภาวะทางศัลยกรรม เช่น ถูกน้ำร้อนลวก ภายหลังการผ่าตัด
ความผิดปกติของจิตใจ เช่น anorexia nervosa
โรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร
ส่วนประกอบของสารอาหารในสารละลาย
คาร์โบไฮเดรต: นิยมใช้ในรูปของกลูโคส
สารละลายไขมัน
โปรตีน: อยู่ในรูปกรดอะมิโน
วิตามิน: ให้ทั้งชนิดละลายในน้ำ และละลายในไขมัน
เกลือแร่:
ผู้ป่วยทั่วไป
คือ โซเดียม โปตัสเซียม คลอไรด์ แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี ทองแดง
ผู้ป่วยที่ต้องให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
คือ สารแมงกานีส โครเมียม โคบอลท์ ฟลูออไรค์ ไอโอดีน และเซเลเนียม
น้ำ
ชนิดของสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
Total parenteral nutrition (TPN)
: เป็นการให้โภชนาบำบัดครบตามความต้องการของผู้ป่วย มีความเข้มข้นสูงมาก จำเป็นต้องให้ทาง Central vein ไม่เกิดการอักเสบของหลอดเลือดดำ แต่ผู้ป่วยจะได้อาหารครบสมบูรณ์
Partial or peripheral parenteral nutrition (PPN)
: เป็นการให้โภชนาบำบัดทางหลอดเลือดดำเพียงบางส่วน มีความเข้มข้นไม่มาก สามารถให้ทางหลอดเลือดดำแขนงได้ เป็นการดูแลไม่ให้ผู้ป่วยขาดสารอาหารมากเกินไป แพทย์คาดการณ์ว่าผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารได้เองได้ในระยะเวลาอีกไม่นาน
ตำแหน่งของการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
การให้ทางหลอดเลือดดำแขนง(peripheral vein)
: เป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก สามารถให้แก่ผู้ป่วยได้ทันที
ข้อจำกัด
คือ ไม่สามารถให้น้ำตาลกลูโคส > ร้อยละ10 ของสารละลาย เพราะสารละลายจะมีค่าออสโมลาลิตี้สูง จะทำให้เกิดหลอดเลือดดำอุดตันในที่สุด
การให้ทางหลอดเลือดดำใหญ่(central vein)
: สามารถเพิ่มความเข้มข้นของตาลกลูโคสได้ถึงร้อยละ 20-25 เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับสารอาหารทางหลอดเลือดดำเป็นเวลานานและต้องการพลังงานค่อนข้างสูง เป็นการทำหัตถการโดยแพทย์
อุปกรณ์ในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
สายให้อาหารทางหลอดเลือดดำ
ชุดให้สารอาหาร
อาการแทรกซ้อนจากการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
บวมเนื่องจากมีสารอาหารเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อชั้นผิวหนัง (Local infiltration)
เกิดขึ้นเมื่อเข็มเคลื่อนออกจากหลอดเลือด พบได้บ่อยในหลอดเลือดที่เล็ก บาง หรือผู้ป่วยที่เป็นกิจกรรมมากๆ
ลักษณะที่พบ
บวมบริเวณที่ให้
บางครั้งอาจมองไม่เห็นชัด อุณหภูมิของบริเวณนั้นจะเย็นกว่าบริเวณอื่นๆ เนื่องจากสารอาหารมีอุณหภูมิต่ำกว่าร่างกาย
ผู้ป่วยรู้สึกไม่สุขสบายบริเวณที่ให้
เป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารอาหาร ถ้าสารอาหารเหล่านี้ซึมออกไปจากหลอดเลือดจะทำให้รู้สึกปวดมาก
การพยาบาลและการป้องกัน
ถ้าพบว่ามีสารอาหารซึมออกมาอยู่ในเนื้อเยื่อควรหยุดให้สารอาหารทันที
ควรดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการเกิดสารอาหารซึมออกมาอยู่ในเนื้อเยื่อส่วนมากภาวะนี้มักเกิดจากการเลือกตำแหน่งที่แทงไม่เหมาะสม ผู้ป่วยมีกิจกรรมมากเกินไป หรือติดพลาสเตอร์ไม่เหมาะสม ดังนั้นควรเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมและอธิบายให้ผู้ป่วยเข้าใจเพื่อจะได้ระมัดระวังมากขึ้น
มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในระบบไหลเวียนของเลือด (Embolism)
พบบ่อย
จะเป็นก้อนเลือดและอากาศ
สาเหตุ
ของการเกิดก้อนเลือดมักมาจากผนังด้านในของหลอดเลือดดำไม่เรียบ และมีเข็มแทงผ่าน เป็นผลให้เลือดไหลผ่านบริเวณนั้นลดลง และเกิดการสะสมของเลือดและเกร็ดเลือด
ลักษณะที่พบ
อาการเขียว
เป็นผลมาจากฟองอากาศไปอุดกั้นการไหนเวียนเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ
สังเกตพบว่าอัตราการหยดของสารอาหารจะช้าลง หรือหยุดไหล
การระมัดระวังและการป้องกัน
ระมัดระวังการเปลี่ยนขวดสารอาหารไม่ให้อากาศผ่านเข้าไปในชุดสายให้สารอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหรือยืน
หยุดให้สารอาหารทันทีถ้าพบว่ามีก้อนเลือดอุดตันที่เข็ม
ห้ามนวดคลึง เพราะอาจทำให้ก้อนเลือดนั้นหลุดเข้าไปในกระแสเลือดและถ้าผู้ป่วยมีอาการแสดงให้บันทึกสัญญาณชีพ และรายงานแพทย์ด่วน
การให้สารอาหารมากเกินไป (Circulatory overload)
พบง่านในผู้ป่วยเด็ก ผู้ที่มีปัญหาของระบบไหลเวียนเลือด และไต อาจเนื่องจากให้สารอาหารที่เร็วเกินไป
ลักษณะที่พบ
อาการที่แสดงเริ่มแรก คือ ปวดศีรษะ หายใจตื้น หอบเหนื่อย
ตรวจพบความดันเลือดและแรงดันหลอดเลือดส่วนกลางสูงขึ้น ชีพจรเร็ว
ผู้ป่วยมีปริมาณน้ำเข้า-ออกไม่สมดุล
มีการคั่งของเลือดดำจะพบว่าพบหลอดเลือดดำที่คอโป่ง
ถ้ารุนแรงจะมีภาวะปอดบวมน้ำ
การพยาบาลและการป้องกัน
บันทึกสัญญาณชีพ
จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านั่งเพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
ปรับอัตราหยดให้ช้าที่สุดและรายงานให้แพทย์ทราบด่วน
ไข้ (pyrogenic reactions)
เกิดจากมีสารแปลกปลอมซึ่งเป็นส่วนประกอบของโปรตีนเข้าสู่กระแสเลือด
สาเหตุ
มีการปนเปื้อนในการเตรียมสารอาหาร หรือการฉีดยาทางสายยางให้อาหาร สารอาหารเสื่อมอายุ หมดอายุ ขวดบรรจุสารอาหารมีรอยร้าว หรือหมดอายุของขวดบรรจุสารอาหาร
ลักษณะที่พบ
ไข้สูง 37.3-41 องศาเซลเซียส
ปวดหลัง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน หนาวสั่น
ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับเชื้อจุลินทรีย์ที่ได้รับและสภาวะของผู้ป่วย
การพยาบาลและการป้องกัน
หยุดให้สารอาหาร
บันทึกสัญญาณชีพ และรายงานแพทย์
ถ้าเป็นไปได้ ควรเก็บชุดให้สารอาหารและชุดสายให้สารอาหารส่งเพาะเชื้อ
การเตรียมสารอาหารควรทำด้วยวิธีปลอดเชื้อ ก่อนให้สารอาหารทุกครั้ง ควรตรวจดูว่ามีการร้าวของขวดให้สารอาหารหรือไม่ และความขุ่นของสารอาหาร
เขียนวัน เวลาที่เริ่มให้สารอาหารข้างขวดเพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วไปสารอาหารแต่ละขวดไม่ควรให้นานเกิน 24 ชั่วโมง
ตรวจสอบรูรั่วของสายให้อาหารก่อนใช้ทุกครั้ง
เปลี่ยนชุดให้สารอาหารทุก 24 ชั่วโมง
ควรมีสถานที่เฉพาะสำหรับเตรียมสารอาหารและหมั่นรักษาความสะอาด กำจัดฝุ่นละอองให้มากที่สุด
ล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสอุปกรณ์และบริเวณที่แทงเข็ม
หุ้มผ้าก๊อซปราศจากเชื้อบริเวณรอยข้อต่อต่างๆ