Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลผู้ป่วยที่รักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive Therapy) - Coggle…
การพยาบาลผู้ป่วยที่รักษาด้วยไฟฟ้า (Electroconvulsive Therapy)
การรักษาด้วยไฟฟ้า
หมายถึง การรักษาที่ใช้กระเเสไฟฟ้าเหนี่ยวนำทำให้เกิดอาการชักติดต่อกัน ด้วยการปล่อยกระเเสไฟฟ้าเข้าไปในสมองน้อยที่สุด เพื่อทำให้เกิดการชักและผลของการชักทำให้ เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการทำงานในสมองที่จะปรับอารมณ์ ความคิดของผู้ป่วยได้
ข้อห้ามในการทำ ECT
:red_cross:
โรคทางสมองทุกชนิด
โรคกระดูกทุกชนิด
ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
โรคหัวใจทุกชนิด
ข้อบ่งชี้การทำ ETC
2.โรคอารมณ์สองขั้ว (bipolar disorder)
3.โรคจิตเภท (schizophrenia)
4.ผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการใช้ยา
1.โรคซึมเศร้า (major depression)ทุกชนิด และผู้ป่วยที่มีความคิดฆ่าตัวตาย
ข้อควรระวังในการทำ ECT
:no_entry:
ผู้ป่วยที่อายุเกิน50ปีขึ้นไป
หญิงมีครรภ์
ผู้ป่วยโรคปอดที่มีเเนวโน้มทำให้เกิดการหายใจไม่สะดวก
ผู้ป่วยที่อ่อนเพลียมากๆ
โรคความดันโลหิตสูง
การพยาบาลก่อน ECT
:check:
4.งดยาที่ทำให้ความดันโลหิตต่ำเเละให้หยุดยาปรับอารมณ์รวมถึงยากันชัก เพราะอาจเสริมฤทธิ์กันทำให้เป็นอันตรายเเกหัวใจ
5.ดูเเลให้ผู้ป่วยอาบน้ำ สระผม และเช็ดให้เเห้ง เก็บเครื่องประดับ ตรวจดูฟันปลอม contact lens
6.อธิบายผู้ป่วยถึงเหตุผลที่ต้องทำ ECT
3.NPO หลังเที่ยงคืนก่อนวันทำ จนกระทั่งทำECT เสร็จถ้าผู้ป่วยนอนไม่หลับให้ยานอนหลับและให้น้ำได้เพียงเล็กน้อย
7.บอกผู้ป่วยถึงขั้นตอนการทำและบอกถึงอาการข้างเคียงหลังทำ
2.ตรวจดูเวชระเบียน ตรวจดูผลlab เช่น CBC,electrolyteและผลEKG
8.เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยซักถามข้อสงสัยเเละระบายความรู้สึกกลัวหรือวิตกกังวล
1.ให้ผู้ป่วยหรือญาติเซ็นใบยินยอม
9.ใช้คำว่า รักษาโดยใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้คำว่า ช๊อตไฟฟ้า เพราะฟังดูน่ากลัว
10.ก่อนส่งตรวจวัดสัญญาณชีพเเละจดบันทึกไว้
ยาที่มีผลต่อการทำ ECT
: :explode:
ยากลุ่มTCA ได้เเก่ Amitriptyline , Nortriptyline , Imipramine , Mianserin
ข้อควรระวัง
อาจทำให้เกิด Hypertension crisis อาจทำให้เสียชีวิตได้ จึงควรหยุดยา อย่างน้อย 2 wks.ก่อนทำECT
ยากลุ่ม TCA เสริมฤทธิ์ anti cholinergic โดยเฉพาะผู้อายุ อาจทำให้เกิดอาการสับสนในระยะพักฟื้น
Lithium
ข้อควรระวัง
เสริมฤทธิ์ barbiturate ทำให้ตื่นช้า
เสริมฤทธิ์ยาหย่อนกล้ามเนื้อ
Clozapine
ข้อควรระวัง
หลังจากทำECTผู้ป่วยที่ได้รับยานี้อาจมีโอกาสชักได้
ยากลุ่ม Benzodiazepine
ได้เเก่ Diazapam , Lorazepam , Clonazepam , Alprazolam , Clodiazepoxide
Carbamazepine
Sodium Valproate
ข้อควรระวัง
เพิ่ม seizure threshold
ยาที่ใช้นำสลบ ก่อน ETC
:star:
Propofol
ข้อบ่งใช้
: นำสลบในช่วง maintenance,sedation
ข้อควรระวัง
: Hypotention,Myocardial depression,Respiratory depression,Hypoxia
การพยาบาล
: monitor HR,BP,O2sat
Succinylcholine,Suxamethonium
การออกฤทธิ์
: ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว
S/E
:กดการหายใจ,หัวใจเต้นผิดจังหวะ,เเรงดันในลูกตาเพิ่ม
การพยาบาล
: monitor HR,RR,BP,O2sat
การพยาบาลระหว่างการทำECT
:check:
3.เตรียมเครื่องช่วยหายใจให้พร้อม
4.ทา jelly วางเเผ่น electrode ไว้ที่ขมับทั้งสองข้างใช้สายรัดรอบศีรษะให้เเน่น ตรึงelectrode ไว้เเล้วจึงต่อสายelectrodeเข้ากับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ปรับความเข้มของกระเเสไฟฟ้าเป็น 70-130 โวลล์
5.พยาบาลใส่ mouth gag เพื่อป้องกันการกัดลิ้นขณะชัก
2.ให้ผู้ป่วยนอนหงายราบบนเตียง ตรวจฟันปลอม เครื่องประดับอีกครั้ง สอดหมอนเล็กๆเพื่อประคองตรงบั้นเอวและคอและตรวจสอบสัญญาณชีพ
6.ให้ผู้ช่วย2คน จับบริเวณไหล่เเละข้อมือผูู้ป่วยข้างละ1คนและอีก2คนจับบริเวณสะโพกและหัวเข่าข้างละคน เมื่อเเพทย์กดปุ่มเปิดสวิสช์ให้กระเเสไฟฟ้าผ่านelectrodeไปยังขมับผู้ป่วยนาน0.1-0.5วินาที เมื่อกระเเสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าไปในสมองผู้ป่วย ผู้ป่วยจะมีอาการกระตุกและหมดสติทันที
7.หลังทำECTเสร็จเเล้วควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด V/Sทุก15นาทีใน1ชั่วโมงเเรก ดูการหายใจว่าติดขัดหรือไม่ ถ้าหายใจขัดข้องให้ออกซิเจนจนกว่าผู้ป่วยจะรู้สึกตัวดี
1.เเนะนำผู้ป่วยรู้จักทีมที่ทำการรักษาและบอกบทบาทอย่างสั้น
การพยาบาลหลังทำECT
:check:
1.ย้ายผู้ป่วยจากเตียงรักษาไปนอนในที่เตรียมไว้ จัดท่านอนในท่าที่สบายใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดหน้าและเเขนขาเพื่อความสบายเพราะหลังชักมีเหงื่อออกมาก
2.เมื่อรู้สึกตัวดี ดูเเลให้ได้ดื่มน้ำเเละรับประทานอาหารเนื่องจากผู้ป่วยNPOก่อนการรักษา หากผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ควรดูเเลให้ได้รับยาเเก้ปวด
3.หลังการรักษาเเล้ว1วันให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมได้ปกติ
4.หลังทำการรักษาผู้ป่วยจะมีการสูญเสียความจำเกิดขึ้น ผู้ป่วยมักวิตกกังวลมาก พยาบาลมีหน้าที่ประคับประคองให้ข้อมูลว่าอาการหลงลืมนี้เป็นอยู่ชั่วคราวจะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ในเวลาไม่นาน ทั้งนี้ควรช่วยฟื้นฟูความจำของผู้ป่วยด้วยการทบทวนเรื่องราวต่างๆกับผู้ป่วยเสมอ