Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4 ยาปฏิชีวนะกลุ่มต่างๆ ยาต้านมะเร็ง, นางสาวเจนจิรา มายชะนะ …
บทที่ 4 ยาปฏิชีวนะกลุ่มต่างๆ ยาต้านมะเร็ง
ยาต้านเชื้อรา
( Antifungal drugs )
ประเภทของยาต้านเชื้อรา (classification of antifungals)
จ าแนกตามโครงสร้างทางเคม
จ าแนกตามการใช้ทางคลินิก
กลไกการออกฤทธิ์(Mode of Action)
ยาต้านเชื้อรามีความจ าเพาะสูงในการออกฤทธิ์(selective toxicity) เนื่องจากเป้าหมายการออกฤทธิ์(target of action) ของยาต้านเชื้อราจะเป็น ergosterol ซึ่งเป็นองค์ประกอบของmembrane ของเชื้อรา
กลไกการออกฤทธิ์โดยทั่วไปของยาแต่ละตัวจะมีความแตกต่างกันในบางส่วน เช่น amphotericin B จะออกฤทธิ์จับกับ sterol moiety ของเชื้อราที่ไวต่อยานี้ท าให้เกิด pores บนผนังเซลล์ เกิดการสูญเสียpermeability และเกิดการตายของเซลล์ในที่สุด
เภสัชจลนศาสตร
การดูดซึมยา (absorption)การกระจายยา (distribution)
ยาต้านเชื้อรากลุ่มเอโซล (Azole antifungals) Azole Group
1ยากลุ่มอิมิดาโซลและกลุ่มไตรเอโซล
2ยากลุ่มไทเอโซลจะเข้าท าลายผนังเซลล์ของเชื้อราโดยตรง
กลาก
เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อย อาการไม่รุนแรง ต าแหน่งที่เป็นมากคือ บริเวณอกส่วนบน ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ไหล่ คอ ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง รักแร้ ลักษณะของผิวหนังเป็นผื่น มีได้ 3 สีคือ สีขาว หรือขาวจางๆ สีน้ าตาลและสีแดง
การรักษา
ต้องใช้เวลาในการรักษาให้นานพอและต้องใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
ยารับประทาน Ketoconazole Itraconazole
เกลื้อน
สามารถเกิดได้ที่ผิวหนังก าพร้า ผมหรือขน และเล็บ ลักษณะโดยทั่วๆไปจะเห็นเป็นวงๆ อาจเป็นวงเดียวหรือหลายวง ขอบเขตสีแดงชัดเจน
การรักษามีทั้งยาทาและยารับประทานโดยมากยารับประทานจะใช้ในรายที่เป็นกลากบริเวณกว้าง พื้นที่ๆเป็นมาก ผู้ป่วยที่มีความต้านทานตำ่
ยาต้านโรคมาลาเรีย
( Antimalarial drugs )
ชื้อสาเหตุ : Plasmodium ชนิดต่าง ๆ เช่น P. falciparum (พบ80% ในประเทศไทย) , P. vivax (พบมากในแถบแอฟริกา ในไทยพบ 20%), P. malariae และ P. ovale
การป้องกัน
ในประเทศไทยค่อนข้างมีปัญหาในการใช้ยาป้องกันมาเลเรียเนื่องจากเชื้อมักดื้อยา โดยเฉพาะ Choroquine-resistant P. falciparum ซึ่งนอกจากจะดื้อต่อ Choloroquine แล้วยังดื้อต่อ Pyrimethamine + sulfadoxine (Fansidar®)
และ quinine ดังนั้นในประเทศไทยจะต้องใชMefloquine แทน การป้องกันจึงท าได้โดยการเอา mefloquine หรือquinine (ในท้องถิ่นที่ยังไม่ดื้อ) ในขนาดรักษา (curative dose) ติดตัวไป
ในท้องถิ่นระบาดและเมื่อเริ่มมีอาการให้กินยารักษาทันที
อาการอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา
1มีเลือดออก หรือจำ้รอยช้ าที่ผิวหนัง มีเสียงในหู หัวใจเต้นผิดปกตกล้ามเนื้ออ่อนแรง เซื่องซึม การอ่าน หรือการมองเห็นผิดปกติ สูญเสียการได้ยิน
2อาการอันไม่พึงประสงค์อื่นที่อาจเกิดระหว่างใช้ยา หากเป็นต่อเนื่อง หรือ รบกวนชีวิตประจ าวัน ให้ แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ
ท้องเสีย ปวดศีรษะ ไม่สบายท้อง ปวดท้อง ง่วงนอน เบื่ออาหาร อาเจียน
อาการข้างเคียง
ปวดศีรษะและมีเสียงในหู ( tinnitus) , cinchonism เป็นค าที่ใช้เรียก มีเสียงในหู ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เห็นภาพไม่ชัด การได้ยินลดลงชั่วคราว มึนศีรษะ มือสั่น
สรุป
มาลาเลียเป็นโรคที่เกิดจาก protozoa ชนิดหนึ่งคือ plasmodium ได้แกPlasmodium falciparum(P.F ), P.vivax ( P.V ) , P. malariae ( P.M )และ P. ovale ( P.O ) ซึ่งแต่ละพื้นที่จะพบเชื้อได้ต่างชนิดกัน เช่น P. falciparum ส าหรับในประเทศไทยนั้นพบได้ทั่วประเทศโดยเฉพาะบริเวณชายแดน P. vivax ในประเทศไทยพบมากบริเวณภาคใต้ P. malariae ไมแพร่หลายนัก มีในแอฟริกากลางและตะวันตก ศรีลังกาและบางส่วน
ยารักษาโรคปรสิต
( Antiprotozoal drugs)
และยาถ่ายพยาธิ
(Anthelmintic drugs)
พลาซิควอนเทล - Praziquantel
ใช้รักษาโรคพยาธิใบไม้ในตับ และพยาธิตัวตืด
ปวกหาด
นิโคลซาไมด์- Niclosamode
ใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด
ไพแรนเทล พาโมเอต - Pyrantel pamoate
ใช้ถ่ายพยาธิเส้นด้าย ไส้เดือน และปากขอ
อัลเบนดาโซล - Albendazole
ใช้ถ่ายพยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย พยาธิปากขอ พยาธิแส้ม้า พยาธิตัวตืด
ใช้รักษาพยาธิตัวจี๊ดใช้รักษาโรคพยาธิใบไม้ตับ
เปอร์ราซีน - Piperazine
ใช้ถ่ายพยาธิไส้เดือน และพยาธิเส้นด้าย
มีเบนดาโซล - Mebendazole
ใช้ถ่ายพยาธิตัวกลม (เส้นด้าย ไส้เดือน ปากขอ แส้ม้า), พยาธิตัวตืด, ทริคิโนซิส
ยาต้านไวรัส
( Antiviral drugs)
ยาต้านไวรัส (Antiviral drugs) เป็นกลุ่มยาที่ใช้รักษาเฉพาะการติดเชื้อจากไวรัส เช่นเดียวกับยาปฏิชีวนะยาต้านไวรัสส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสที่ท าให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ยาต้านไวรัสส่วนใหญ่ถูกออกแบบให้เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสที่ท าให้ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เช่น
เฮอร์ปี่ไวรัส (herpesvirus)ไวรัสตับอักเสบ บี และ ซี ที่ท าให้เกิดมะเร็งตับ
ยาต้านไวรัส
ยาต้านไวรัสที่ใช้ในการรักษาการติดเชื้อ Herpes simplex และ Varicellazoster ได้แก่ acyclovir, valacyclovir, famciclovir, penciclovir,ยาต้านไวรัสที่ใช้รักษาการติดเชื้อ HIVอื่นๆ
ยาปฏิชีวนะ
• หมายถึงและ การใช้ยาปฏิชีวนะอย่างสมเหตุสมผล (Antibiotic Smart Use )
ยาที่ยับยั้ง ฆ่า หรือ ต้าน จุลชีพซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นเชื้อ
แบคทีเรีย บางคนจึงเรียกว่า ยาต้านแบคทีเรีย (Antibacterial)
ในร่างกายของมนุษย์จะมีระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรค เช่น เม็ดเลือดขาวที่ใช้ป้องกันการบุกรุกของเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่เชื้อโรคมีมากจนภูมิต้านทานหรือเม็ดเลือดขาวสู้ไม่ได้ เราก็จ าเป็นต้องหาผู้ช่วย เช่น ยาปฏิชีวนะเข้ามาเป็นก าลังเสริม
ข้อมูลเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะ
1.ยาที่ยับยั้งหรือขัดขวางการสังเคราะห์ผนังเซลล์ของแบคทีเรีย.
2ยาที่ยับยั้งการสังเคราะห์โปรตีน
3ยาที่ยับยั้งการสังเคราะห์สารตั้งตในกระบวนการสังเคราะห์กรดนิวคลิอิก
4.ยาที่ขัดขวางกระบวนการแบ่งตัวและการถอดรหัสพันธุกรรม
5ยาอื่นๆ เช่น Metronidazole
รายละเอียดของยาปฏิชีวนะที่ส าคัญ
ยาเพนิซิลลิน (Penicillin)
2 แมคโครไลด์(Macrolide)3อะมิโนไกลโคไซด์(Aminoglycosides)
3อะมิโนไกลโคไซด์(Aminoglycosides)
4 เซฟาโลสปอริน (Cephalosporin)
5เตตราไซคลีน (Tetracyclines)
6 ควิโนโลน (Quinolones)
ยาปฏิชีวนะเป็นกลุ่มหนึ่งของยาต้านจุลินทรีย์
(antimicrobial) ที่ประกอบด้วย
ยาต้านไวรัส (anti-viral drugs)
ยาต้านเชื้อรา (anti-fungal drugs)ยาต้านปรสิต (anti-parasitic drugs)
การใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล
เป้าหมาย
1BP < 150/90 ในผู้มีอายุ ≥ 60 ปี 2BP < 140/90ในผู้ป่วยทั่วไปที่อายุ < 60 ปี 3เลือกใช้ยาในกลุ่ม ACEI, ARB, CCB, Thiazide-diuretics
4ไม่แนะน าให้ใช้ ᵦ-blockers เป็นยาขนานแรก ยกเว้น มีข้อบ่งใช้ เช่น CAD, CHF, arrhythmia, sympathetic overactivity
การใช้ยาในผู้ป่วยเด็กการใช้ยาในสตรีให้นมบุตร
การใช้ยาในสตรีมีครรภการใช้ยาในผู้ป่วยสูงอายุ
นางสาวเจนจิรา มายชะนะ
นักศึกษาคณะพยาบาลศาตร์ชั้นปีที่2 UDA6280049