Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
หน่วยการเรียนรู้ที่ 12 การพยาบาลชีวอนามัย - Coggle Diagram
หน่วยการเรียนรู้ที่ 12
การพยาบาลชีวอนามัย
การพยาบาลอาชีวอนามัย
(Occupational health nursing)
หมายถึงการพยาบาลเฉพาะทาง ที่มุ่งเน้นให้บริการแก่บุคคลวัยแรงงานทุกอาชีพในสถานพยาบาลและแหล่งประกอบอาชีพ โดยนำหลักการพยาบาลมาประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค ป้องกันอันตราย และอุบัติเหตุจากการทำงานอย่างเหมาะสม
จากบทบาทหลักของพยาบาลอาชีวอนามัย สามารถแบ่งเป็น 5 ด้านใหญ่ๆ ดังนี้
นักวิจัย( Researcher)
เป็นผู้ให้คำปรึกษา ( Consultant)
นักวิชาการ ( Educator)
นักปฏิบัติการ( Practitioner)
นักบริหาร (Administrator)
การบริการพยาบาลอาชีวอนามัยในความรับผิดชอบหรือตามบริบทของหน่วยงาน ได้แก่
งานคลินิกอาชีวเวชกรรม
งานสร้างเสริมสุขภาพและงานฟื้นฟูสภาพวัยทำงาน
งานอาชีวอนามัย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมในสถานบริการสาธารณสุข
งานอาชีวป้องกันและควบคุมโรค
งานพิษวิทยาและเวชศาสตร์สิ่งแวดล้อม
กฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง กับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
กฎหมายมีความสำคัญต่องานอาชีวอนามัย เพราะเป็นการหามาตรการ ระเบียบ ข้อบังคับ เพื่อนำมาใช้ควบคุมสถานประกอบการให้ปฏิบัติตาม เพื่อเป็นผลดีแก่เจ้าของสถานประกอบการและลูกจ้าง
กฎหมายที่สำคัญ คือ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน 2541 ซึ่งมีพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน 2541 เป็นกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดสิทธิหน้าที่ลูกจ้างและนายจ้างที่ควรปฏิบัติต่อกันและให้มีการใช้แรงงานอย่างเหมาะสม ประกอบด้วย 16 หมวดด้วยกัน โดยมีหมวดที่มีสาระเกี่ยวข้องกับงานอาชีวอนามัย ได้แก่ หมวด 8 ความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน และกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน มีเนื้อหาสาระเป็นประกาศกระทรวงจำนวน 12 ฉบับ กฎกระทรวง 4 ฉบับ นอกจากนั้นยังมีกฎหมายอื่นๆ
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรทัด 3 เอกเทศสัญญา ลักษณะ 6 เป็นกฎหมายที่ว่าด้วย
พระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537
พระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518
สัญญาจ้างแรงงาน พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522
พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535
พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 เป็นต้น
บทบาทของพยาบาลอาชีวอนามัย ต้องปฏิบัติบทบาทในหลายด้านประกอบด้วย
การบริการส่งเสริมสุขภาพ และจัดทำโครงการป้องกันอันตรายและสิ่งแวดล้อม (Health promotion /protection) ส่วนประกอบหลักคือการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันทั้งตัวบุคคลและกลุ่มแรงงานในบริษัท ใช้กลวิธีการปอ้งกันโรคระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ
การประเมินสุขภาพพนักงานและการเฝ้าระวังภาวะสุขภาพและสิ่งคุกคามต่อสุขภาพในการทำงาน (Worker health / hazard assessment and surveillance) การระบุปัญหาสุขภาพหรือสถานะสุขภาพของพนักงานพยาบาลอาชีวอนามัยควรใช้วิธีการที่หลากหลายในการประเมิน การตรวจร่างกาย การติดตามและการเฝ้าระวัง
การสำรวจสถานประกอบการและการค้นหาสิ่งคุกคาม (Workplace surveillance and hazard detection) พยาบาลอาชีวอนามัยจำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเฝ้าระวังและติดตามเพื่อค้นหาสิ่งคุกคามตอ่สุขภาพของแรงงาน
การรักษาพยาบาลขั้นต้น/การจัดการรายกรณี (Primary care /case management) การให้บริการสุขภาพในสถานที่ทำงานสำหรับการเจ็บป่วยและการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ประกอบด้วย การให้การรักษาพยาบาล การติดตาม การส่งต่อ และการดูแลฉุกเฉิน
การให้คำปรึกษา (Counseling) เป็นการช่วยเหลือแรงงานให้ทำความเข้าใจถึงปัญหาของตนเองโดยการคิดใคร่ครวญตัดสินใจทางเลือกต่าง ๆและการให้แรงเสริมทางบวก การให้คำปรึกษา การจัดกลยุทธ์ในการปฏิบัติการพยาบาลและการส่งต่อที่เหมาะสมช่วยในการตัดสินใจของผู้ป่วยที่อยู่ในสถานการณ์วิกฤต และประเมินผลการปฏิบัติตามทางเลือกนั้น
การบริหารจัดการและการบริหารงาน (Management/administration)
การศึกษาวิจัย (Research)
การควบคุมกำกับด้านกฎหมายและจริยธรรม (Legal/ethical monitoring) การเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านกฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน อาจส่งผลให้เกิดความขัดแย้งด้านจริยธรรมได้ พยาบาลอาชีวอนามัยจึงจำเป็นต้องมีความรู้ ตระหนักและให้ความสำคัญด้านกฎระเบียบต่าง ๆ
การประสานงานในชุมชน (Community orientation) สนับสนุนให้พยาบาลอาชีวอนามัยมีเครือข่ายทรัพยากรในการทำงานที่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ควรประเมิน
ชนิดของการสำรวจ
การสำรวจเป็นระยะๆ (Formal Inspection)
การสำรวจเพื่อตรวจสอบกับค่ามาตรฐานต่างๆทางกฎหมาย (General Inspection)
การสำรวจเป็นงานประจำ (Informal Inspection)
วัตถุประสงค์ ของการสำรวจสถานประกอบการ ในงานพยาบาลอาชีวอนามัย
เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนดำเนินการ/ประเมินความสำเร็จของนโยบายหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ และความปลอดภัยในการทำงาน
เพื่อเก็บข้อมูลการได้รับสัมผัสสิ่งอันตราย โดยเทียบกับค่ามาตรฐานต่างๆ
เพื่อค้นหาศักยภาพเชิงอันตรายและอันตรายจากสิ่งแวดล้อมในการทำงานและสังเกตการทำงานของผู้ปฏิบัติงาน
ข้อควรคำนึงในการสำรวจสถานประกอบการ
บันทึกลักษณะการสัมผัสอันตราย จำนวนและประเภทของผู้ปฏิบัติงานที่เสี่ยง
เครื่องจักรหรือกระบวนการผลิต ที่ควรได้รับการสำรวจบ่อยครั้ง
เริ่มตั้งแต่กระบวนการแรกตั้งแต่เป็นวัตถุดิบ จนกระบวนการสุดท้าย และสำรวจ ขณะมีการปฏิบัติงานจริง
ควรเก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์ผู้ปฏิบัติงาน เช่น อาการปวดศีรษะ การได้กลิ่นเหม็น ความไม่สุขสบายต่างๆ ร่วมด้วย
ควรสำรวจเป็นทีมร่วมกับสหวิชาชีพ เช่น เจ้าหน้าที่ความปลอดภัย วิศวกร นักสิ่งแวดล้อม
จัดทำโดย นางสาวศิญาพร เถาวัลย์ราช รหัสนักศึกษา 611410009-8 นักศึกษาคณะพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 3
สิ่งที่ควรประเมิน
สิ่งที่ควรประเมิน
ชนิดของสิ่งคุกคามสุขภาพ / ศักยภาพเชิงอันตราย
ลักษณะการสัมผัสอันตราย
สภาพแวดล้อมการทำงาน
ประเภทของผู้ปฏิบัติงานและจำนวนผู้ที่เสี่ยงต่อการได้รับอันตราย
กำหนดเวลา ควรสำรวจสถานประกอบการ
มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิต
มีการเปลี่ยนอุปกรณ์ เครื่องจักร หรือวิธีการทำงาน
เมื่อสำรวจเป็นงานประจำ โดยสม่ำเสมอ
ก่อนการสำรวจ
ทบทวนรายงานการสำรวจครั้งก่อน รายงานอุบัติการณ์
เตรียมแบบฟอร์มการสำรวจ
ประชุมร่วมกับผู้รับผิดชอบการผลิต เช่น managers หรือ supervisors
ผู้สำรวจเตรียม PPE ตามความเหมาะสม
กำหนดเวลาการสำรวจ ประชุมทีมสำรวจ
เตรียมแผนผังโรงงาน แผนผังของกระบวนการผลิต ขั้นตอนการผลิต รายชื่อของผลผลิต ผลพลอยได้จากการผลิต จำนวนผู้ปฏิบัติงานแต่ละแผนก
ระหว่างการสำรวจ
บันทึกสิ่งแวดล้อมและสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย
ระบุปัญหาและสาเหตุ
สังเกตการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติงาน
ให้คำแนะนำแก่ supervisors หรือผู้ปฏิบัติงาน หากสถานการณ์นั้นต้องการความปลอดภัย
อธิบายวิธีการ/ขั้นตอนสำรวจแก่ supervisors
ให้ดำเนินการแก้ไขทันที หากพบสถานการณ์ที่เป็นอันตราย
หลังการสำรวจ
วิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจ และจากข้อมูลเดิม
เขียนรายงาน และแจ้งให้ผู้เกี่ยวข้องทราบ โดยในรายงานให้ระบุข้อแนะนำในการป้องกันและควบคุมอันตราย และลำดับความสำคัญในการแก้ไขปัญหา
ประชุมร่วมกับผู้รับผิดชอบการผลิต เช่น managers หรือ supervisors