Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
4.3 การให้สารน้ำาทางหลอดเลือดดำเลือดและส่วนประกอบของเลือด - Coggle Diagram
4.3 การให้สารน้ำาทางหลอดเลือดดำเลือดและส่วนประกอบของเลือด
หลักการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดาเป็นวิธีการรักษาพยาบาลที่ผู้ป่วย ส่วนใหญ่มักจะได้รับ เมื่อผู้ป่วยต้อง รับไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะการให้สารน้าทางหลอดเลือดดาส่วนปลาย
เช่น การให้สารน้ำ ยา สารอาหาร เลือด และส่วนประกอบของเลือด
อาการและอาการแสดงบ่งชี้ถึงความจาเป็นในการประเมินสารน้ำและอิเล็คโตรไลท์ในร่างกาย ได้แก่
ภาวะที่เห็นได้ชัดว่ามีการสูญเสียอิเล็คโตรไลท์ เช่น ท้องเสีย อาเจียน เสียเลือดมาก เป็นต้น
ในรายที่สงสัยว่าเป็นโรคที่ทาให้เกิดการเพิ่มหรือลดของอิเลคโตรไลท์ เช่นสงสัยช่องท้อง อักเสบ ทางเดินอาหารบิดหมุน ท้องอืด ภาวะอ่อนแรง เป็นต้น
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ หมายถึง การฉีดของเหลวเข้าหลอดเลือดดำโดยตรง มี วัตถุประสงค์เพื่อ
รักษาภาวะสมดุลของน้ำและสารน้าในร่างกาย
2.ให้สารอาหาร วิตามินและเป็นแหล่งพลังงานแก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทาง ปากได้ หรือได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เช่น ก่อนและหลังผ่าตัด
รักษาภาวะสมดุลของความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย เช่น ผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจที่มีความ แปรปรวนของกรดด่าง
รักษาภาวะสมดุลและปริมาตรของเลือดและส่วนประกอบของเลือด
ให้ยาฉีดบางชนิดเข้าทางหลอดเลือดดำ
หลักการให้สารน้ำทางหลอดเลือดด้าแบ่งออกเป็น3ชนิดดังนี้
1.การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำส่วนปลาย(Peripheralintravenousinfusion)
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำหญ่ (Central venous therapy)
การให้สารน้ำและสารละลายทางหลอดเลือดดำใหญ่ผ่านอุปกรณ์ที่ฝังไว้ใต้ผิวหนัง (Implanted vascular access device หรือ venous port)
ชนิดของสารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
สารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำทุกชนิด ประกอบด้วย ตัวถูกละลาย รวมทั้งอิเล็กโตไลท์ หรือ ส่วนประกอบที่ไม่ใช่ไอออนเช่นยูเรียกลูโคสเป็นต้นแบ่งออกตามความเข้มข้นได้3ชนิดดังนี้
สารละลายไอโซโทนิก (Isotonic solution)
จะมีความเข้มข้นเท่ากันน้านอกเซลล์ (Extracellular fluid)ซึ่งมีออสโมลาริตี้ระหว่าง280-310 m0sm/l เมื่อให้ทางหลอดเลือดดำจะไม่มีการ เคลื่อนที่ของน้ำเข้าหรือออกจากเซลล์ ฉะนั้นการให้สารน้ำชนิด Isotonic จึงช่วยเพิ่มปริมาตรของน้ำที่อยู่นอก เซลล์ ได้แก่ Lactated Ringer’s , Ringer’s, Normal saline, 5% Dextrose in water, 5% Albumin, Hetastarch และNormosol เป็นต้น
สารละลายไฮโปโทนิก (Hypotonic solution)
ออสโมลาริตี้ น้อยกว่า 280 m0sm/l ซึ่งค่า Osmolarityน้อยกว่าน้ำนอกเซลล์ เป็นสารน้าที่มีโมเลกุลอิสระของน้ามากกว่าในเซลล์ จึงทาให้เกิดการเคลื่อน ของน้ำเข้าสู่เซลล์ ฉะนั้นการให้สารน้ำชนิดนี้ต้องให้อย่างช้า ๆ เพื่อป้องการลบกวนของเซลล์ ได้แก่ 1⁄2 Normal saline, 0.33% Sodium chloride และ 2.5% Dextrose in water เป็นต้น
สารละลายไฮเปอร์โทนิก (Hypertonic solution)
เป็นสารน้ำที่มีค่าออสโมลาริตี้มากกว่า 310 m0sm/l ซึ่งมีมากกว่าออสโมลาริตี้ของน้านอกเซลล์ สารน้าอันนี้มีโมเลกุลอิสระของน้ำน้อยกว่าน้าใน เซลล์ และจะทาให้เกิดการดึงน้ำจากเซลล์สู่ระบบการไหลเวียน ได้แก่ 5% Dextrose in half-normal saline, 5% Dextrose in normal saline, 5% Dextrose in lactated Ringer’s, 3% Sodium chloride, 25% Albumin และ 7.5% Sodium chloride เป็นต้น
ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการหยดของสารน้ำ
การปรับอัตราการหยดของสารน้ำ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดาตามแผนการรักษาของ แพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น ล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
Heparin lock หรือ Saline lock เป็นการแทงเข็มให้สารน้ำทางหลอดเลือดดาส่วนปลายและคา เข็มที่หล่อด้วยสารต้านการแข็งตัวของเลือด (Heparin) เจือจาง (Heparin: 0.9 % NSS=1:100) ไว้เพื่อ วัตถุประสงค์ในการให้สารละลายและยาเข้าทางหลอดเลือดดำเป็นครั้งเป็นคราว
1.การให้สารน้ำทางหลอดเลือดด้าส่วนปลาย(Peripheralintravenousinfusion)เป็นการให้
สารน้ำหรือของเหลวทางหลอดเลือดดาที่อยู่ในชั้นตื้น ๆ ของผิวหนังหรือหลอดเลือดดาที่อยู่ในส่วนปลายของ แขนและขา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องงดอาหารและน้าดื่ม เพื่อเตรียมผ่าตัด ผู้ป่วยที่จาเป็นต้องให้ยาทางหลอด เลือดดา โดยเฉพาะการให้ยาที่ผสมเจือจางและหยดเข้าทางหลอดเลือดดาช้า ๆ รวมทั้งการให้เลือดและ ส่วนประกอบของเลือด
Piggy back IV Administration เป็นการให้สารน้ำขวดที่ 2 ซึ่งมีขนาดบรรจุ 25 – 250 มล.2 ต่อเข้ากับชุดให้สารน้ำขวดแรก วัตถุประสงค์เพื่อให้ยาหยดเข้าทางหลอดเลือดดำช้า ๆ ขณะที่สารน้ำใน piggyback set หยด สารน้าที่ให้อยู่ก่อนจะหยุดไหลชั่วคราว จนกว่าสารน้ำใน Piggy back หมด สารน้ำใน ขวดหลักก็จะไหลต่อ
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำใหญ่ (Central venous therapy)
เป็นการ ให้สารน้ำหรือของเหลวทาง Central line ทางหลอดเลือดดำใหญ่ ๆ ได้แก่ Subclavian vein, Internal & External jugular veins และ Right & Left Nominate veins เป็นต้น ซึ่งจะให้ในผู้ป่วยที่ไม่สามารถ รับประทานอาหารทางปาก หรือรับประทานอาหารทางปากได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
การให้สารน้ำและสารละลายทางหลอดเลือดดำใหญ่ผ่านอุปกรณ์ที่ฝังไว้ใต้ผิวหนัง (Implanted vascular access device หรือ venous port)
เป็นการฝังอุปกรณ์ที่ใช้ในการให้ของเหลว ทางหลอดเลือดดำไว้ใต้ผิวหนัง โดยที่ปลายสายสอดผ่านเข้าหลอดเลือดดำใหญ่ เช่น Subclavian vein, Right & Left Nominate veins เป็นต้น ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องให้สารละลายทางหลอดเลือดดำเป็นระยะ ๆ และไม่ สามารถให้สารน้ำและสารละลายทางหลอดเลือดดำส่วนปลายได้ เช่น ในผู้ป่วยโรคเลือดเรื้อรัง จาเป็นต้อง ได้รับการรักษาด้วยเคมีบาบัด หรือให้เลือดและส่วนประกอบของเลือดเป็นระยะ ๆ
การคำนวณอัตราการหยดของสารน้ำ
ในการคำนวณอัตราการหยดของสารน้ำทางหลอดเลือดดำ มีสูตรในการคำนวณดังนี้
สูตรการคำนวณอัตราหยดของสารน้ำใน 1 นาที จำนวนหยดของสารละลาย (หยด/ นาที) = จำนวน Sol.(มล/ชม.) x จำนวนหยดต่อมล.)
เวลา(นาที)
สูตรการคำนวณสารน้ำที่จะให้ใน 1 ชั่วโมง
ปริมาตรของสารน้าที่จะให้ใน 1 ชม. = ปริมาตรของสารน้ำที่จะให้ จำนวนเวลาที่จะให้เป็นชั่วโมง
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การให้สารน้ำเข้าทางหลอดเลือดดาต้องพิจารณาตาแหน่งของหลอดเลือดดำที่จะแทงเข็ม วิธีการ ปฏิบัติการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ รวมไปถึงวิธีการฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ มีรายละเอียด ดังนี้
การเลือกตำแหน่งของหลอดเลือดด้าที่จะแทงเข็ม
1) ขวดสารน้ำ โดยขวดสารน้ำ/ยา ต้องเตรียมให้ตรงกับใบสั่งการรักษาและตรวจสอบดูว่าสภาพ ขวดสารน้า/ยาไม่มีรอยแตกร้าว หรือรูรั่วสารน้ำไม่หมดอายุไม่มีลักษณะขุ่นไม่มีผงตะกอนลอยอยู่ภายขวด สารน้ำ/ยา เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำ/ยาที่ปราศจากเชื้ออย่างแท้จริง
2) ให้เริ่มต้นแทงเข็มที่ให้สารน้ำที่หลอดเลือดดาส่วนปลายของแขนก่อน เพื่อให้หลอดเลือดดำ ส่วนที่ถัดเข้ามาสามารถใช้งานได้อีก โดยตาแหน่งเส้นเลือดดำส่วนปลายที่แขนและมือ ซึ่งเหมาะสาหรับการให้ สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ได้แก่ Cephalic vein และ Basilic vein เป็นต้น ดังรูปที่ 4.3.1
3) ตรวจสอบบริเวณตาแหน่งที่จะแทงเข็มว่ามีสภาพที่เหมาะสม เช่น ไม่มีบาดแผล หรือ แผลไหม้ที่ทาให้หลอดเลือดถูกทาลาย แขนข้างนั้นได้รับการผ่าตัดเลาะต่อมน้าเหลืองออกหรือไม่ ถ้าใช่ห้าม แทงเข็ม หรือเจาะเลือดที่แขนข้างนั้น
4) ถ้าจำเป็นต้องผูกยึดแขนและขา ให้หลีกเลี่ยงการแทงเข็มให้สารน้ำ
5) หลีกเลี่ยงการแทงเข็มบริเวณข้อพับต่าง ๆ เพราะจะทาให้หลอดเลือดแตกทะลุง่าย หรือถ้า จาเป็นต้องแทงบริเวณข้อพับให้ใช้ไม้ดามป้องกันการงอพับ
6) คำนึงถึงชนิดของสารน้ำที่ให้ หากเป็นสารน้าชนิด Hypertonic เนื่องจากสารน้ำมีความ เข้มข้นของสารละลายสูง และมีความหนืดควรเลือกหลอดเลือดเส้นใหญ่ในการให้สารน้ำ
อาการแทรกซ้อนจากการได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเฉพาะที่(Localcomplication)
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระบบไหลเวียนของเลือด(Systemiccomplication)
3) เกิดฟองอากาศในกระแสเลือด(Airembolism)เกิดจากการไล่ฟองอากาศในชุดสายให้สาร น้ำไม่หมด หรือการปล่อยสารน้ำจนหมดจนอากาศผ่านเข้าไปในชุดให้สารน้ำนอกจากฟองอากาศ ลิ่มเลือด (Thrombus) ที่เกิดจากการแทงเข็ม อาจหลุดเข้าไปอุดกั้นบริเวณอวัยวะสาคัญ
4) ให้สารน้ำเร็วเกินและมากเกินไป (Circulatory overload) เกิดจากอัตราการหยดของสารน้ำ เร็วเกินไป โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคหัวใจ อาจเกิดอาการหัวใจวาย (Cardiac failure) และ/หรือ น้ำท่วมปอด (Pulmonary edema) ได้
การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
ผู้ป่วยสูงอายุชายไทย อายุ 45 ปี หลังทาการผ่าตัดมะเร็งกระเพาะอาหาร รับประทานอาหารทางปาก และอาหารทางสายให้อาหารไม่ได้ แพทย์ให้ 10% Aminosal 500 ml v drip OD
ขั้นตอนที่ 2 ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนการพยาบาล (Planning)
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย(Assessment)
ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลทางการให้สารอาหารทางหลอดเลือดด้า (Evaluation)
การใช้กระบวนการพยาบาลในการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
การประเมินสิ่งแวดล้อม
3.2 ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสิ่งแวดล้อมผู้ป่วย
3.3 ความพร้อมใช้ของสิ่งแวดล้อมตัวผู้ป่วย เช่น ตู้ข้างเตียง เหล็กกั้นเตียง เป็นต้น
3.1 ความสะอาดของสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยและรอบเตียง
3.4 บรรยากาศในหอผู้ป่วย และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
การประเมินด้านจิตใจ
2.1 ความพร้อมของการรับบริการฉีดยา
2.2 ความต้องการรับบริการฉีดยา
2.3 ความวิตกกังวลและความกลัว
การประเมินด้านร่างกาย
1.3 พยาธิสภาพของโรค ประวัติเจ็บป่วย โรคของผู้ป่วย และโรคหรืออาการแทรกซ้อน
1.2 ประวัติการแพ้ยา
1.1 ระดับความรู้สึกตัว
ขั้นตอนที่2 ข้อวินิจฉัย
การบริหารยาที่มีประสิทธิภาพโดยใช้หลักการ 6 Rights และหลักความปลอดภัย SIMPLE ของ patient safety goals
ขั้นตอนที่3 การวางแผนในการบริหารยา
วัตถุประสงค์ของการฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดด้า เพื่อ
ให้ยาที่มีผลระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อ
ให้ยาชนิดที่ไม่สามารถให้ทางอื่นได้ผลต่อการรักษา
ให้ยาออกฤทธิ์เร็ว
เกณฑ์การประเมินผล
ผู้ป่วยปลอดภัยตามหลักการ 6 Rights
ผู้ป่วยปลอดภัยตามหลักความปลอดภัย SIMPLE ของ patient safety goals
ขั้นตอนที่ 4 วิธีการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ แบ่งออกเป็น
วิธีการฉีดยาแบบที่ 1 IV plug กับ piggy back (100 ml) ปฏิบัติดังนี้
เครื่องใช้
วิธีการฉีดยา
อาการแทรกซ้อนจากการได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
เม็ดเลือดแดงสลายตัว (Hemolysis) เกิดจากการให้เลือดผิดหมู่ เม็ดเลือดแดงจะแตกและ บางส่วนไปอุดตันหลอดเลือดฝอยของท่อไตทาให้ไตวาย อาจเกิดอาการหลังให้เลือดไปแล้วประมาณ 50 มล. หรือน้อยกว่า จะพบว่าผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่น มีไข้ปวดศีรษะ ปวดหลังบริเวณเอว กระสับกระส่าย ปัสสาวะ เป็นเลือด และปัสสาวะไม่ออกในภายหลัง ตัวและตาเหลือง หายใจลาบาก เจ็บแน่นหน้าอก หลอดเลือดแฟบ
ปริมาตรการไหลเวียนของเลือดมากเกินไป (Volume overload) เกิดจากการให้เลือดใน อัตราเร็วเกินไป จึงเพิ่มปริมาตรการไหลเวียนในกระแสเลือด ส่งผลให้หัวใจทางานหนักขึ้น เกิดภาวะหัวใจวาย และมีอาการน้าท่วมปอด จะพบว่าผู้ป่วยจะหายใจลาบาก ไอ เหนื่อยหอบ หลอดเลือดดาที่คอโป่งพอง แรงดัน ในหลอดเลือดดาสูงกว่าปกติ
ไข้(Febrile transfusion reaction)เกิดจากการได้รับสารที่ทาให้เกิดไข้เชื้อแบคทีเรียจาก เครื่องใช้หรือเทคนิคการให้เลือดที่ไม่สะอาด
ปฏิกิริยาภูมิแพ้ (Allergic reaction) เกิดจากผู้รับแพ้สารอย่างใดอย่างหนึ่งในเลือดที่ได้รับ ผู้ป่วย จะมีอาการมีผื่นคัน หรือลมพิษ อาการคั่งในจมูก หลอดลมบีบเกร็ง หายใจลาบาก ฟังได้เสียงวี๊ซ (wheeze) ใน ปอด
อาการแทรกซ้อนจากการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
บวมเนื่องจากมีสารอาหารเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อชั้นผิวหนัง(Localinfiltration)เกิดขึ้นเมื่อเข็มเคลื่อน ออกจากหลอดเลือด พบได้บ่อยในหลอดเลือดที่เล็ก บาง หรือผู้ป่วยที่มีกิจกรรมมากๆ
1) บวมบริเวณที่ให้ บางครั้งอาจมองเห็นไม่ชัดเจน แต่บางครั้งก็อาจมองไม่ชัดเจน อุณหภูมิ
ของบริเวณนั้นจะเย็นกว่าบริเวณอื่นๆ เนื่องจากสารอาหารมีอุณหภูมิต่ากว่าร่างกาย
2) ผู้ป่วยรู้สึกไม่สุขสบายบริเวณที่ให้ ซึ่งเป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของ
สารอาหาร ซึ่งถ้าสารอาหารเหล่านี้ซึมออกไปจากหลอดเลือดจะทาให้รู้สึกปวดมาก
มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในระบบไหลเวียนของเลือด (Embolism) ที่พบบ่อยจะเป็นก้อนเลือด (thromboembolism) และอากาศ (air embolism) สาเหตุของการเกิดก้อนเลือดมักมาจากผนังด้านในของ หลอดเลือดดาไม่เรียบ และมีเข็มแทงผ่าน เป็นผลให้เลือดไหลผ่านบริเวณนั้นช้าลง และเกิดการสะสมของเลือด และเกร็ดเลือด ถ้าก้อนเลือดหลุดออกไปในหลอดเลือดและไปอุดตัน การไหลเวียนของเลือดที่จะไปเลี้ยงอวัยวะ ต่างๆ ที่สาคัญๆ
1) อาการเขียว เนื่องจากขาดออกซิเจน ความดันเลือดต่า ชีพจรเบาเร็ว หมด
ความรู้สึก และอาจตายได้ ซึ่งเป็นผลจากฟองอากาศไปอุดกั้นการไหลเวียนเลือดที่จะไปเลี้ยงอวัยวะที่สาคัญ เช่น สมอง หัวใจ ปอด
2) สังเกตพบว่าอัตราการหยดของสารอาหารจะช้าลง หรือหยุดไหล
การบันทึกสารน้ำเข้าออกร่างกาย
จำนวนน้ำที่ร่างกายได้รับ (Fluid intake) หมายถึง จานวนน้ำหรือของเหลวทุกชนิดที่ร่างกาย ได้รับ ซึ่งจะได้รับด้วยวิธีใดก็ตาม ได้แก่ ได้รับทางปาก เช่น การดื่มน้ำ นมหรือเครื่องดื่มชนิดต่างๆ การได้รับ อาหารทางสายให้อาหาร การได้รับสารน้ำ ยา หรือส่วนประกอบของเลือดเข้าทางหลอดเลือดดำ
จำนวนน้ำที่ร่างกายขับออก(Fluid output) หมายถึง จำนวนน้าที่ร่างกายสูญเสียออกนอก ร่างกายด้วยวิธีการต่างๆ ได้แก่ ทางปัสสาวะ อาเจียน อุจจาระ ของเหลวที่ออกจากท่อระบายต่างๆ
3.12.1 หลักการบันทึกจ้านวนสารน้ำที่เข้าและออกจากร่างกาย
3) ร่วมกับผู้ป่วยในการวางแผนกาหนดจำนวนน้ำที่เข้าสู่ร่างกายในแต่ละช่วงเวลา
4) จดบันทึกจำนวนน้ำและของเหลวทุกชนิดที่ให้ขณะมื้ออาหารและระหว่างมื้ออาหาร พร้อมทั้ง อธิบายให้ผู้ป่วยดื่มน้ำในขวดที่เตรียมไว้ให้ ไม่นำน้ำที่เตรียมไว้ไปบ้วนปากหรือเททิ้ง
2) อธิบายเหตุผลและความสาคัญของการวัดและการบันทึกจำนวนน้ำที่รับเข้าและขับออกจาก ร่างกาย
5) การจดบันทึกควรสรุปทุก 8 ชั่วโมง และทุกวัน
1) แบบฟอร์มการบันทึกควรแขวนไว้ที่เตียงผู้ป่วย เพื่อสะดวกในการจดบันทึกและเมื่อครบ 24 ชั่วโมง ต้องสรุปลงในแผ่นรายงานประจาตัวของผู้ป่วยหรือฟอร์มปรอท
6) บันทึกจำนวนสารน้ำที่สูญเสียทางอื่น ๆ เช่น อาเจียน ท้องเดิน ของเหลวที่ระบายออกจากการ ใช้เครื่องดูดกับสายยางจากกระเพาะ
กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมความสมดุลของน้ำในร่างกาย
การประเมิน สุขภาพ
S:ผู้ ผู้ป่วยบนปวดบริเวณที่ให้สารน้ำมากขอเปลี่ยนตำแหน่งที่แทงเข็มใหม่
O:จากการสังเกต จากการสังเกตบริเวณที่หลังมือซ้ายบวมแดงหลอดเลือดดำที่ให้สารน้ำเป็นลำแขนบริเวณที่แทงเข็มให้สารน้ำเป็นตำแหน่งเดิมนานห้าวันแล้ว
ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีภาวะหลอดเลือดดำอักเสบจากการได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำเป็นเวลานาน
การวางแผนการพยาบาล (Planning)
ไม่เกิดภาวะหลอดเลือดดาอักเสบที่รุนแรงขึ้น
เกณฑ์การประเมินผล
ภาวะหลอดเลือดดาอักเสบลดลง
อาการปวดบริเวณท่ีให้สารน้าลดลง โดยใช้แบบประเมินความปวด (Pain scale)
การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
1) หยุดให้สารน้ำทันที
2) ประเมินอาการบวมท่ีหลังมือซ้ายทุกเวร หากบวมมากขึ้น ผู้ป่วยมีไข้
3) บันทึกสัญญาณชีพทุก 4 ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
4) จัดมือซ้ายที่บวมให้สูงกว่าลำตัวผู้ป่วย โดยใช้หมอนรอง เพื่อลดอาการบวม
5) เปลี่ยนบริเวณที่แทงเข็มให้สารน้ำใหม่
6) ประเมินการขาดสารน้ำและอิเล็คโตรไลท์ โดยบันทึกปริมาณสารน้ำเข้าและออกทุก
เวร เพื่อให้ความช่วยเหลือและแก้ไขโดยเร็ว
7) ลดภาวะเครียดโดยให้ความช่วยเหลือท้ังด้านร่างกายและจิตใจ
การประเมินผลการพยาบาล (Evaluation)
1) ประเมินอาการปวดของผู้ป่วย (โดยการสังเกตสีหน้าท่าทางของผู้ป่วย และจาก Pain scale) ผู้ป่วยสีหน้าสดช่ืน ไม่บ่นปวดบริเวณหลังมือซ้าย
2) ประเมินอาการหลอดเลือดดาอักเสบบริเวณหลังมือ (อาการบวมลดลง)
3) ปริมาณสารน้าเข้าและออกมีความสมดุล