Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เลือดและส่วนประกอบของเลือด - Coggle Diagram
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เลือดและส่วนประกอบของเลือด
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ เลือดและส่วนประกอบของเลือด
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเป็นวิธีการรักษาพยาบาลที่ผู้ป่วย ส่วนใหญ่มักจะได้รับ เมื่อผู้ป่วยต้อง
รับไว้รักษาในโรงพยาบาลโดยเฉพาะการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำส่วนปลาย จะพบได้ประมาณร้อยละ 80
ของผู้ป่วยที่รับไว้รักษา
อาการและอาการแสดงบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการประเมินสารน้ำและอิเล็คโตรไลท์ในร่างกายได้แก่
ภาวะที่เห็นได้ชัดว่ามีการสูญเสียอิเล็คโตรไลท์ เช่น ท้องเสีย อาเจียน เสียเลือดมาก เป็นต้น
ในรายที่สงสัยว่าเป็นโรคที่ทำให้เกิดการเพิ่มหรือลดของอิเลคโตรไลท์ เช่น สงสัยช่องท้องอักเสบ ทางเดินอาหารบิดหมุน ท้องอืด ภาวะอ่อนแรง เป็นต้น
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ หมายถึง การฉีดของเหลวเข้าหลอดเลือดดำโดยตรง มีวัตถุประสงค์เพื่อ
รักษาภาวะสมดุลของน้ำและสารน้ำในร่างกาย
ให้สารอาหาร วิตามิน และเป็นแหล่งพลังงานแก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารทางปากได้ หรือได้ไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เช่น ก่อนและหลังผ่าตัด
รักษาภาวะสมดุลของความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย เช่น ผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจที่มีความแปรปรวนของกรดด่าง
รักษาภาวะสมดุลและปริมาตรของเลือดและส่วนประกอบของเลือด
ให้ยาฉีดบางชนิดเข้าทางหลอดเลือดดำ
4.3.1 หลักการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ แบ่งออกเป็น 3 ชนิด
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำใหญ่ (Central venous therapy) เป็นการให้สารน้ำหรือของเหลวทาง Central line ทางหลอดเลือดดำใหญ่ๆ
การให้สารน้ำและสารละลายทางหลอดเลือดดำใหญ่ผ่านอุปกรณ์ที่ฝังไว้ใต้ผิวหนัง(Implanted vascular access device หรือ venous port) เป็นการฝังอุปกรณ์ที่ใช้ในการให้ของเหลวทางหลอดเลือดดำไว้ใต้ผิวหนัง โดยที่ปลายสายสอดผ่านเข้าหลอดเลือดดำใหญ่
การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำส่วนปลาย (Peripheral intravenous infusion) เป็นการให้สารน้ำหรือของเหลวทางหลอดเลือดดำที่อยู่ในชั้นตื้น ๆ
4.3.2 ชนิดของสารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำ
สารน้ำที่ให้ทางหลอดเลือดดำทุกชนิด ประกอบด้วย ตัวถูกละลาย รวมทั้งอิเล็กโตไลท์ หรือส่วนประกอบที่ไม่ใช่ไอออน เช่น ยูเรีย กลูโคส เป็นต้น แบ่งออกตามความเข้มข้นได้ 3 ชนิด
สารละลายไฮโปโทนิก (Hypotonic solution)
สารละลายไฮเปอร์โทนิก (Hypertonic solution)
สารละลายไอโซโทนิก (Isotonic solution)
4.3.3 ปัจจัยที่มีผลกระทบต่ออัตราการหยดของสารน้ำ
ระดับขวดสารน้ำสูงหรือต่ำเกินไป การแขวนขวดสารน้ำให้สูง สารน้ำจะหยดเร็วกว่าการแขวนขวดระดับต่ำ
ความหนืดของสารน้ำ ถ้าสารน้ำมีความหนืดสูงอัตราการหยดจะช้า
ขนาดของเข็มที่แทงเข้าหลอดเลือดดำ เข็มขนาดใหญ่จะมีทางผ่านกว้าง อัตราการหยดจะเร็วกว่าใช้เข็มขนาดเล็ก
เกลียวปรับบังคับหยดที่ลื่นมาก จะบังคับการหยดได้ไม่ดีพอ อัตราการหยดจะเร็ว
สายให้สารน้ำ มีความยาวมาก มีการหักพับงอหรือถูกกด จะทำให้สารน้ำผ่านไม่สะดวก อัตราการไหลจะช้าลง
การผูกยึดบริเวณหลอดเลือด แน่นหรือตึงเกินไปรวมทั้งการนั่ง หรือนอนทับสายให้สารน้า จะปิดกั้นทางผ่านของสารน้ำ ทำอัตราการหยดช้าลง
การเคลื่อนย้ายและการเคลื่อนไหวร่างกายของผู้ป่วย อาจทำให้เข็มเคลื่อนที่ ปลายตัดของเข็มแนบชิดผนังหลอดเลือด หรือแทงทะลุหลอดเลือด สารน้ำไหลไม่สะดวก อัตราการหยดจะช้าลง
การปรับอัตราหยดผู้ป่วยเด็กที่เอื้อมมือไปหมุนปรับเล่น หรือญาติผู้ป่วยหมุนปรับเอง
4.3.4 การคำนวณอัตราการหยดของสารน้ำทางหลอดเลือดดำ
4.3.6 อาการแทรกซ้อนจากการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นในระบบไหลเวียนของเลือด (Systemic complication)
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ (Local complication)
4.3.5 การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การเลือกตำแหน่งของหลอดเลือดดำที่จะแทงเข็ม
1) เลือกหลอดเลือดดำของแขนข้างที่ผู้ป่วยไม่ถนัดก่อน
2) ให้เริ่มต้นแทงเข็มที่ให้สารน้ำที่หลอดเลือดดำส่วนปลายของแขนก่อน
5) หลีกเลี่ยงการแทงเข็มบริเวณข้อพับต่าง ๆ เพราะจะทำให้หลอดเลือดแตกทะลุง่าย
3) ตรวจสอบบริเวณตำแหน่งที่จะแทงเข็มว่ามีสภาพที่เหมาะสม
4) ถ้าจาเป็นต้องผูกยึดแขนและขา ให้หลีกเลี่ยงการแทงเข็มให้สารน้ำ
6) คำนึงถึงชนิดของสารน้ำที่ให้ หากเป็นสารน้ำชนิด Hypertonic
อุปกรณ์เครื่องใช้
1) ขวดสารน้ำ โดยขวดสารน้ำ/ยา
2) ชุดให้สารน้ำ (IV Administration set)
3) เข็มที่ใช้แทงเข้าหลอดเลือดดำส่วนปลาย (Peripheral insertion devices)
4) อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น เสาแขวนขวดให้สารน้ำ ยางรัดแขน (Tourniquet) แผ่นโปร่งใสปิดตาแหน่งที่แทงเข็ม (Transparent dressing) หรือก๊อซปลอดเชื้อ ไม้รองแขน พลาสเตอร์ สาลีปลอดเชื้อ 70% Alcohol ถุงมือสะอาด เป็นต้น
4.3.7 การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
การประเมินด้านจิตใจ
การประเมินสิ่งแวดล้อม
การประเมินด้านร่างกาย
การประเมินแผนการรักษา
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
ขั้นตอนที่ 2 ข้อวินิจฉัย มีความพร้อมในการเริ่มให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษา
ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนในการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำวางแผนให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำโดยประยุกต์ใช้หลักการ 6 Rights และหลักความปลอดภัย SIMPLE
ของ patient safety goal
ขั้นตอนที่ 4 การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเครื่องใช้
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
วัตถุประสงค์ของการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
ให้สารน้ำทดแทนน้าที่สูญเสียจากร่างกาย เช่น ท้องเสีย อาเจียน เสียเลือด เป็นต้น
ให้สารน้ำเพียงพอกับความต้องการของร่างกายในรายที่ไม่สามารถรับประทานได้ทางปาก เช่น การงดน้ำและอาหารทางปากในผู้ป่วยก่อนและหลังได้รับการผ่าตัด เป็นต้น
ให้ยาบางชนิดที่ไม่สามารถดูดซึมทางระบบทางเดินอาหาร หรือยารับประทานที่จะถูกทาลายโดยน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร
รักษาสมดุลของกรด-ด่างในร่างกาย ในรายที่มีภาวะเสียสมดุลกรด–ด่าง
ใช้เป็นช่องทางในการฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำ ติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยให้ปริมาณของยาใน กระแสโลหิตอยู่ในระดับสม่าเสมอกัน
แก้ไขความดันโลหิต โดยการให้สารละลายที่มีความเข้มข้นมากกว่าน้ำในร่างกาย
4.3.8 การใช้กระบวนการพยาบาลในการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
ขั้นตอนที่ 2 ข้อวินิจฉัย
ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนในการบริหารยา
ขั้นตอนที่ 4 วิธีการฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลการบริหารยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ
4.3.9 การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ เป็นการให้อาหารที่ลัดผ่านระบบทางเดินอาหารซึ่งทำหน้าที่ย่อยอาหารและจัดการให้อยู่ในรูปที่เหมาะสมปลอดภัย อีกทั้งสารอาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่ผ่านตับซึ่งทาหน้าที่คัดกรองทำลายความเป็นพิษและสังเคราะห์สารอาหารให้อยู่ในรูปที่เซลล์เนื้อเยื่อของร่างกายต้องการ
วัตถุประสงค์
ให้ผู้ป่วยที่รับประทานอาหารและน้ำทางปากไม่ได้ หรือรับประทานได้น้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย
ทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป เช่น อาเจียน อุจจาระร่วงรุนแรง หรืออุจจาระร่วงเป็นระยะเวลานาน เป็นต้น
4.3.10 อาการแทรกซ้อนจากการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
บวมเนื่องจากมีสารอาหารเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อชั้นผิวหนัง (Local infiltration) เกิดขึ้นเมื่อเข็มเคลื่อนออกจากหลอดเลือด พบได้บ่อยในหลอดเลือดที่เล็ก บาง หรือผู้ป่วยที่มีกิจกรรมมากๆ
มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในระบบไหลเวียนของเลือด (Embolism) ที่พบบ่อยจะเป็นก้อนเลือด(thromboembolism) และอากาศ (airembolism)
การให้สารอาหารมากเกินไป (Circulatory overload) พบได้ง่ายในผู้ป่วยเด็ก ผู้ที่มีปัญหาของระบบไหลเวียนเลือด และไต อาจเนื่องจากให้สารอาหารที่เร็วเกินไป
ไข้ (pyrogenic reactions) เกิดจากมีสารแปลกปลอมซึ่งเป็นส่วนประกอบของโปรตีนเข้าสู่กระแสเลือด สาเหตุเนื่องจากอาจมีการปนเปื้อนในการเตรียมสารอาหาร
4.3.11 การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
ขั้นตอนที่ 3 การวางแผนการพยาบาล (Planning)
ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation)
ขั้นตอนที่ 2 ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล (Nursing diagnosis)
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลทางการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ (Evaluation)
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย (Assessment)
4.3.12 การให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
เลือด (whole blood) ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่ เซลล์เม็ดเลือด แบ่งเป็น เซลล์เม็ดเลือดแดง (redblood cell หรือ erythrocyte) เซลล์เม็ดเลือดขาว (white blood cell หรือ leukocyte) เกร็ดเลือด
(platelet) และน้ำเลือด (plasma)
4.3.13 ภาวะแทรกซ้อนจากการให้เลือด
ปริมาตรการไหลเวียนของเลือดมากเกินไป (Volume overload)
ไข้ (Febrile transfusion reaction) เกิดจากการได้รับสารที่ทำให้เกิดไข้ เชื้อแบคทีเรียจากเครื่องใช้หรือเทคนิคการให้เลือดที่ไม่สะอาด
เม็ดเลือดแดงสลายตัว (Hemolysis) เกิดจากการให้เลือดผิดหมู่
ปฏิกิริยาภูมิแพ้ (Allergic reaction)
การถ่ายทอดโรค (Transfusion-associated graft versus host disease)
การอุดตันจากฟองอากาศ (Air embolism)
ภาวะสารซิเตรทเกินปกติ
ภาวะโปตัสเซียมเกินปกติ (Hyperkalemia)
4.3.14 การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
4.3.15 การบันทึกปริมาณน้าเข้า-ออกจากร่างกาย (Record Intake-Output)
4.3.16 กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมความสมดุลของสารน้ำในร่างกาย