Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 4.3 การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเลือดและส่วนประกอบของเลือด - Coggle…
บทที่ 4.3 การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเลือดและส่วนประกอบของเลือด
4.3.9การให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
วัตถุประสงค์
1.ให้ผู้ป่วยที่รับประทานอาหารและน้ำทางปากไม่ได้ ให้ได้รับสารอาหารครบถ้วนตามความต้องการของร่างกาย โดยผ่านทางหลอดเลือดเลือดดำ
2.ทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป
ข้อบ่งชี้ในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
3)ภาวะทางศัลยกรรม เช่น ถูกน้ำร้อนลวก ภายหลังการผ่าตัด
4)ความผิดปกติของจิตใจ เช่น anorexia nervosa
2)โรคของอวัยวะต่างๆ เช่น ภาวะไตวาย โรคหัวใจแต่กำเนิด
5)โรคมะเร็งต่างๆ เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร
1)โรคทางเดินอาหาร อุจจาระร่วงเรื้อรัง
ส่วนประกอบของสารอาหารในสารละลาย
1.คาร์โบไฮเดรต นิยมใช้ในรูปของกลูโคส ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อ 1กรัม
2.สารละลายไขมัน (fat emulsion)ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่ต่อ 1กรัม
3.โปรตีนอยู่ในรูปกรดอะมิโน ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อ 1กรัมใช้กรดอะมิโนทุกชนิดทั้งที่จ าเป็นและไม่จ าเป็นในปริมาณและสัดส่วนที่พอเหมาะ
4.วิตามิน ให้ทั้งชนิดละลายในน้ า
5.เกลือแร่ ก่อนที่จะเริ่มให้สารอาหารควรมีการค านวณจำนวนเกลือแร่ให้เรียบร้อยก่อนสำหรับผู้ป่วยทั่วไปควรนึกถึงเกลือ
6.น้ำให้คำนวณจำนวนน้าที่จะให้แก่ผู้ป่วยตามน้ำหนักตัว
ชนิดของสารอาหารทางหลอดเลือดดำ
1.Total parenteral nutrition (TPN)
Partial or peripheral parenteral nutrition (PPN)
ตำแหน่งของการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
1.การให้ทางหลอดเลือดดำแขนง
2.การให้ทางหลอดเลือดดำใหญ่
อุปกรณ์ในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
1.สายให้อาหารทางหลอดเลือดดำ ปัจจุบันสายให้อาหารทางหลอดเลือดดำมีรูปแบบต่างๆ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
2.ชุดให้สารอาหาร
ขั้นตอนในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
3.เตรียมอุปกรณ์ในการให้ PPN หรือTPN ที่สะอาดปราศจากเชื้อ และเตรียมชุดให้สารอาหารให้พร้อม โดยการเช็ดทำความสะอาดจุดปิดขวดสารอาหารด้วยสำลีปราศจากเชื้อชุด แอลกอฮอล์70%
4.ต่อสายยางให้อาหารเข้าไปในชุดให้สารอาหาร ปิดผ้าก๊อซปราศจากเชื้อบริเวณรอยต่อโดยใช้เทคนิคปราศจากเชื้อ
2.ล้างมือให้สะอาดก่อนให้การพยาบาลทุกครั้งสวมmask
5.ตรวจสอบ PPN หรือTPN จะต้องไม่ขุ่นหรือมีตะกอน
1.อธิบายให้ผู้ป่วยทราบ เนื่องจากผู้ป่วยเมื่อทราบว่าจะต้องให้สารอาหารมักมีความวิตกกังวล หวาดกลัว และจะถูกจำกัดการทำกิจกรรมต่างๆ ฉะนั้นก่อนให้สารอาหารพยาบาลควรแนะนำให้ผู้ป่วยหรือญาติทราบเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการให้สารอาหาร ให้ความมั่นใจและกำลังใจแก่ผู้ป่วย
6.มีป้ายปิดที่ขวดให้สารอาหาร ระบุชื่อ และสกุลของผู้ป่วย ชนิดและปริมาณของสารอาหาร อัตราหยดต่อนาที วันและเวลาที่เริ่มให้ วันและเวลาที่สารอาหารหมด ชื่อผู้เตรียมสารอาหาร
7.น าสารอาหารและสายยางให้สารอาหารไปต่อกับผู้ป่วยโดยเช็ดบริเวณรอยต่อด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ ปิดด้วยผ้าก๊อซปราศจากเชื้อ
8.ให้สารอาหารปรับจำนวนหยดตามแผนการรักษา
4.3.10 อาการแทรกซ้อนจากการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
1.บวมเนื่องจากมีสารอาหารเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อชั้นผิวหนัง
1.1ลักษณะที่พบได้แก่
1) บวมบริเวณที่ให้ บางครั้งอาจมองเห็นไม่ชัดเจน แต่บางครั้งก็อาจมองไม่ชัดเจน อุณหภูมิของบริเวณนั้นจะเย็นกว่าบริเวณอื่นๆ เนื่องจากสารอาหารมีอุณหภูมิต่ำกว่าร่างกาย
2) ผู้ป่วยรู้สึกไม่สุขสบายบริเวณที่ให้ ซึ่งเป็นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารอาหาร ซึ่งถ้าสารอาหารเหล่านี้ซึมออกไปจากหลอดเลือดจะทำให้รู้สึกปวดมาก
1.2การพยาบาลและการป้องกัน
1)ถ้าพบว่ามีสารอาหารซึมออกมาอยู่ในเนื้อเยื่อควรหยุดให้สารอาหารทันที
2)ควรดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการเกิดสารอาหารซึมออกมาอยู่ในเนื้อเยื่อส่วนมากภาวะนี้มักเกิดจากการเลือกตำแหน่งที่แทงเข็มไม่เหมาะสม
2.1ลักษณะที่พบ
1)อาการเขียว เนื่องจากขาดออกซิเจน ความดันเลือดต่ำ ชีพจรเบาเร็ว
2)สังเกตพบว่าอัตราการหยดของสารอาหารจะช้าลง หรือหยุดไหล
2.2 การพยาบาลและการป้องกัน
1) ระมัดระวังในการเปลี่ยนขวดสารอาหารไม่ให้อากาศผ่านเข้าไปในชุดสายให้สารอาหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ป่วยอยู่ในท่านอนหรือยืน
2) หยุดให้สารอาหารทันทีถ้าพบว่ามีก้อนเลือดอุดตันที่เข็ม
3) ห้ามนวดคลึงเพราะอาจทำให้ก้อนเลือดนั้นหลุดเข้าไปในกระแสเลือดและถ้าผู้ป่วยมีอาการแสดงให้บันทึกสัญญาณชีพ และรายงานแพทย์ด่วน
การให้สารอาหารมากเกินไป
3.1ลักษณะที่พบ
2)ตรวจพบความดันเลือดและแรงดันหลอดเลือดส่วนกลางสูงขึ้น ชีพจรเร็ว
3)ผู้ป่วยมีปริมาณน้ำเข้าและออก (intake/output) ไม่สมดุล
1)อาการแสดงที่ปรากฏเริ่มแรก คือ ปวดศีรษะ หายใจตื้น และหอบเหนื่อย
4)มีการคั่งของเลือดดำจะพบว่าหลอดเลือดดำที่คอโป่ง
5)ถ้ารุนแรงจะมีภาวะปอดบวมน้ำ อาการคือ หายใจลำบาก
3.2การพยาบาลและการป้องกัน
2)บันทึกสัญญาณชีพ
3)จัดผู้ป่วยให้อยู่ในท่านั่งเพื่อช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น
1)ปรับอัตราหยดให้ช้าที่สุดและรายงานให้แพทย์ทราบด่วน
ไข้(pyrogenic reactions) เกิดจากมีสารแปลกปลอมซึ่งเป็นส่วนประกอบของโปรตีนเข้าสู่กระแสเลือด
4.1 ลักษณะที่พบ
2) ปวดหลัง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน
3) หนาวสั่น
1) ไข้สูง 37.3-41 องศาเซลเซียส
4) ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับเชื้อจุลินทรีย์ที่ได้รับและสภาวะของผู้ป่วย
4.2 การพยาบาลและการป้องกัน
2)บันทึกสัญญาณชีพ และรายงานแพทย์
3)ถ้าเป็นไปได้ ควรเก็บชุดให้สารอาหารและชุดสายให้สารอาหารส่งเพาะเชื้อ
1)หยุดให้สารอาหาร
4)การเตรียมสารอาหารควรท าด้วยวิธีปลอดเชื้อ
5)เขียนวัน เวลาที่เริ่มให้สารอาหารข้างขวดเพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องทราบโดยทั่วไปสารอาหารแต่ละขวดไม่ควรให้นานเกิน 24ชั่วโมง
6)ตรวจสอบรูรั่วของสายให้อาหารก่อนใช้ทุกครั้ง
7)เปลี่ยนชุดให้สารอาหารทุก 24ชั่วโมง
8)ควรมีสถานที่เฉพาะส าหรับเตรียมสารอาหารและหมั่นรักษาความสะอาด กำจัดฝุ่นละอองให้มากที่สุด
9)ล้างมือทุกครั้งก่อนสัมผัสอุปกรณ์และบริเวณที่แทงเข็ม
10)หุ้มผ้าก๊อซปราศจากเชื้อบริเวณรอยข้อต่อต่างๆ
4.3.11 การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้สารอาหารทางหลอดเลือดำ
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
ขั้นตอนที่ 2ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
วัตถุประสงค์เพื่อ
1.ไม่เกิดภาวะหลอดเลือดดำอักเสบ
2.ไม่เกิดสิ่งแปลกปลอมอยู่ในระบบไหลเวียนของเลือด
เกณฑ์การประเมินผล
บริเวณที่ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำไม่มีบวมแดง
สัญญาณชีพปกติ
ขั้นตอนที่ 3การวางแผนการพยาบาล
ให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำตามแผนการรักษาและไม่เกิดอาการแทรกซ้อน
ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติการพยาบาล
3.ผู้ป่วยที่ได้รับสารอาหารทางหลอดเลือดดำส่วนปลาย
4.มีป้ายปิดที่ขวดให้สารอาหาร ระบุชื่อ และสกุลของผู้ป่วย ชนิด และปริมาณของสารอาหารอัตราหยดต่อนาที วัน และเวลาที่เริ่มให้
ประเมินสัญญาณชีพก่อนและขณะให้สารอาหารและติดตามทุก 2-4ชั่วโมง
5.สังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับผู้ป่วย
ก่อนและขณะให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ
6.ถ้าสารอาหารที่ให้ทางหลอดเลือดดำรั่ว ควรรายงานให้แพทย์ทราบ
7.หลีกเลี่ยงการให้ยาฉีดทางหลอดเลือดดำสายเดียวกับให้สารอาหารทางหลอกเลือดดำ
8.ดูแลทางด้านจิตใจ โดยอธิบายให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการได้สารอาหาร ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อผู้ป่วยจะได้ให้ความร่วมมือ
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลทางการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
การประเมินผลการให้สารอาหารทางหลอดเลือดดำ
1.1 ประเมินอาการแทรกซ้อนและอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของผู้ป่วยและปลอดภัยตามหลักการ 6 RightsและหลักความปลอดภัยSIMPLE ของ patient safety goals
1.2 ติดตามประเมินสัญญาณชีพก่อน ขณะ และหลังการได้รับสารอาหาร
1.3 ประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย
1.4 ประเมินความสุขสบายของผู้ป่วยและจัดท่านอนให้สุขสบายและเหมาะสม
1.5 ประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วย
การประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล
2.1 ประเมินการปฏิบัติถูกต้องครบและเป็นไปตามขั้นตอนของการปฏิบัติ
2.2 ประเมินการจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ครบถ้วนเพียงพอหรือไม่
การประเมินผลคุณภาพการบริการ เป็นการประเมินคุณภาพของผลการปฏิบัติงาน
3.1 ประเมินคุณภาพของการปฏิบัติงานในข้อ2 อยู่ในคุณภาพระดับใด
3.2 ประเมินคุณภาพของการให้บริการข้อ3 อยู่ในคุณภาพระดับใด
4.3.12 การให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
เลือด (whole blood)ประกอบด้วย 3 ส่วน
เซลล์เม็ดเลือด
เซลล์เม็ดเลือดแดง
เซลล์เม็ดเลือดขาว
เกร็ดเลือด
น้ำเลือด
การให้และการรับเลือดในหมู่เลือด
คนเลือดกรุ๊ป ABรับได้จากทุกกรุ๊ป แต่ให้เลือดแก่ผู้อื่นได้เฉพาะคนที่เป็นเลือดกรุ๊ป AB
4.คนเลือดกรุ๊ป Aรับได้จาก AและOให้ได้กับ AและAB
คนเลือดกรุ๊ป Oรับได้จาก Oเท่านั้น แต่ให้กับกรุ๊ปอื่นได้ทุกกรุ๊ป
คนเลือดกรุ๊ป Bรับได้จาก BและOให้ได้กับ BและAB
คนเลือดกรุ๊ป Rh-veต้องรับจาก Rh-ve เท่านั้น แต่ต้องดูกรุ๊ปเลือดตามระบบ ABOด้วย
4.3.13ภาวะแทรกซ้อนจากการให้เลือด
ปฏิกิริยาภูมิแพ้ เกิดจากผู้รับแพ้สารอย่างใดอย่างหนึ่งในเลือดที่ได้รับ
5.การถ่ายทอดโรค
ไข้ (Febrile transfusion reaction)เกิดจากการได้รับสารที่ท าให้เกิดไข้เชื้อแบคทีเรียจากเครื่องใช้หรือเทคนิคการให้เลือดที่ไม่สะอาด
6.การอุดตันจากฟองอากาศ
2.ปริมาตรการไหลเวียนของเลือดมากเกินไป
ภาวะสารซิเตรทเกินปกติ เกิดจากการให้เลือดติดต่อกันเป็นจำนวนมากจึงมีการสะสมของสารกันการแข็งตัวของเลือด
1.เม็ดเลือดแดงสลายตัว
8.ภาวะโปตัสเซียมเกินปกติ
4.3.14การใช้กระบวนการพยาบาลในการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
ขั้นตอนที่2 ข้อวินิจฉัย
มีความพร้อมในการเริ่มให้เลือดและสารประกอบของเลือดตามแผนการรักษา
ขั้นตอนที่3 การวางแผนในการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
วางแผนให้ผู้ป่วยได้รับเลือดและสารประกอบของเลือดโดยประยุกต์ใช้หลักการ 6 Rights และหลักความปลอดภัย SIMPLE ของ patient safety goals
วัตถุประสงค์ของการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
ทดแทนปริมาณเลือดที่สูญเสียไป
ทดแทนเม็ดเลือดแดง และรักษาระดับฮีโมโกลบิน
3.ทดแทนปัจจัยการแข็งตัวของเลือด
เกณฑ์การประเมิน
ผู้ป่วยได้รับเลือดและสารประกอบของเลือดไม่พบอาการแทรกซ้อนและปลอดภัยตามหลักการ 6 Rights และหลักความปลอดภัย SIMPLE ของ patient safety goals
ขั้นตอนที่ 4 การให้เลือดและสารประกอบของเลือด
เครื่องใช้
tourniquet
สำลีชุบแอลกอฮอล์ 70%
blood transfusion set (Blood set)
extension tube
intravenous catheter (IV cath.) เบอร์ 18
three ways
intravenous fluid (IV fluid) ตามแผนการรักษา
IV stand (เสาน้ าเกลือ)
พลาสเตอร์ หรือ transparent สำเร็จรูป
แผ่นฉลากชื่อ
ถุงมือสะอาดmask
วิธีท้าการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
ตรวจสอบแผนการรักษา และเขียนชื่อนามสกุลของผู้ป่วย ชนิดของเลือดและส่วนประกอบของเลือดRh. วัน เวลาที่เริ่มให้อัตราการหยด ลงในแผ่นฉลากปิดข้างขวด
ตรวจสอบชื่อนามสกุล Rh.ของผู้ป่วย HN กับป้ายชื่อข้างขวดเลือดหรือส่วนประกอบของเลือดจากธนาคารเลือด (blood bank) โดยพยาบาล 2 คน
เตรียมเครื่องใช้ไปที่เตียงผู้ป่วย ตรวจสอบรายชื่อนามสกุล เตียงผู้ป่วยให้ตรงกับป้ายข้อมือผู้ป่วยอีกครั้ง
บอกให้ผู้ป่วยทราบโดยอธิบายวัตถุประสงค์และวิธีการให้ เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าใจและลดความวิตกกังวล และผู้ป่วยให้ความร่วมมือ
ล้างมือให้สะอาด
ดึงที่ปิดถุงเลือดออก
เช็ดรอบ ๆ ด้วยส าลีชุบแอลกอฮอล์ 70%
ต่อ blood set กับ ขวดเลือด
9 ต่อ three ways กับ extension tube แล้วมาต่อกับ blood set ปิดclamp
แขวนขวดเลือดกับเสาน้ าเกลือแขวนให้สูงประมาณ 1 เมตร (3 ฟุต)จากผู้ป่วย
บีบ chamber ของ blood set ให้ เลือดไหลลงมาในกระเปาะประมาณ ½ ของกระเปาะ
การเตรียมผิวหนังและการแทงเข็มให้สารน้ำ
12.1 เลือกต าแหน่งที่จะแทง IV cath.
12.2 รัด tourniquet เหนือที่ต้องการแทงเข็ม2-6 นิ้ว เพื่อให้เห็นหลอดเลือดดำชัดเจน
12.3 สวมถุงมือสะอาดและmask
12.4 ทำความสะอาดผิวหนังตำแหน่งที่จะแทงเข็มด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์70% เช็ดจากบนลงล่าง ทิ้งไว้ 1/2 -1 นาที รอแอลกอฮอล์แห้ง
12.5ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือซ้ายตรึงผิวหนังตำแหน่งที่จะแทง IV cath.
12.6 เตรียม IV cath. ประกอบด้วย ท่อพลาสติก
การติดพลาสเตอร์ ให้ปฏิบัติ ดังนี้
1) วางก๊อชปลอดเชื้อ ปิดที่เข็มแทงแล้วปิดพลาสเตอร์หรือtransparent
2) ติดพลาสเตอร์ยึดสายให้เลือดป้องกันการดึงรั้ง และเขียนระบุ วัน เวลา ที่เริ่มให้เลือดไว้ที่แผ่นของกระดาษของ transparent
3) ปรับอัตราหยดตามที่ค านวณไว้เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับเลือดตามแผนการรักษา
เก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดและเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย
14.ลงบันทึกทางการพยาบาล
ขั้นตอนที่1 การประเมินสภาพผู้ป่วย
การประเมินด้านร่างกาย
1.1 ระดับความรู้สึกตัว
1.2 พยาธิสภาพของโรค ประวัติเจ็บป่วย โรคของผู้ป่วย และโรคหรืออาการแทรกซ้อน
การประเมินด้านจิตใจ
2.2 ความต้องการรับบริการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
2.3 ความวิตกกังวลและความกลัว
2.1 ความพร้อมของการรับบริการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
การประเมินสิ่งแวดล้อม
3.2 ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสิ่งแวดล้อมผู้ป่วย
3.3 ความพร้อมใช้ของสิ่งแวดล้อมตัวผู้ป่วย เช่น ตู้ข้างเตียง เหล็กกั้นเตียง
3.1ความสะอาดของสิ่งแวดล้อมรอบตัวผู้ป่วยและรอบเตียง
3.4 บรรยากาศในหอผู้ป่วย และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
การประเมินแผนการรักษา
4.1 ตรวจสอบแผนการรักษา และประวัติการรับเลือด
4.2ตรวจสอบชนิดของเลือดและส่วนประกอบของเลือดตามแผนการรักษา
ขั้นตอนที่ 5 การประเมินผลการให้เลือดและสารประกอบของเลือด
การประเมินผลการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
1.1 ประเมินอาการแทรกซ้อนและอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ของผู้ป่วยและปลอดภัยตามหลักการ 6 RightsและหลักความปลอดภัยSIMPLE ของ patient safety goals
1.2 ติดตามประเมินสัญญาณชีพก่อน ขณะ และหลังการได้รับเลือดฯ
1.3 ประเมินสภาพร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย
1.4 ประเมินความสุขสบายของผู้ป่วยและจัดท่านอนให้สุขสบายและเหมาะสม
1.5 ประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วย
การประเมินผลกิจกรรมการพยาบาล เป็นการประเมินผลของการปฏิบัติงาน
2.1 ประเมินการปฏิบัติถูกต้องครบและเป็นไปตามขั้นตอนของการปฏิบัติ
2.2 ประเมินการจัดเตรียมอุปกรณ์เครื่องใช้ครบถ้วนเพียงพอหรือไม่
การประเมินผลคุณภาพการบริการ
3.1 ประเมินคุณภาพของการปฏิบัติงานในข้อ2 อยู่ในคุณภาพระดับใด
3.2 ประเมินคุณภาพของการให้บริการข้อ3 อยู่ในคุณภาพระดับใด
การดูแลผู้ป่วยภายหลังได้รับเลือด
1) ตรวจสอบสัญญาณชีพหลังการให้เลือด 15นาที และต่อไปทุก4ชั่วโมง
2) สังเกตปฏิกิริยาที่เกิดจากการให้เลือดอย่างต่อเนื่อง
3) ดูแลให้ผู้ป่วยได้รับความสุขสบายตลอดระยะเวลาที่ให้เลือด
4) บันทึกหมู่เลือด ชนิดของเลือด หมายเลขเลือด ปริมาณเลือด วัน เวลา ชื่อผู้ให้เลือด และบันทึกอาการของผู้ป่วยหลังให้เลือด ลงในแบบบันทึกการพยาบาล
การปฏิบัติเมื่อพบอาการแทรกซ้อนในผู้ป่วยที่ได้รับเลือด
1) หยุดให้เลือดทันทีแล้วเปิดทางหลอดเลือดด า (KVO) ด้วย NSS
2) รายงานแพทย์
3) ตรวจสอบสัญญาณชีพ และสังเกตสังเกตปฏิกิริยาที่เกิดจากการให้เลือดอย่างใกล้ชิด
4) เตรียมสารน้ำและยา
5) ส่งขวดเลือดและเจาะเลือดของผู้ป่วยจากแขนที่ไม่ได้ให้เลือดไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบ
6) บันทึกจำนวนสารน้ำที่นำเข้า–ออกจากร่างกาย
7) การหยุดให้เลือด เมื่อผู้ป่วยได้รับเลือดครบให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับการหยุดให้สารน้ำทางหลอดเลือดด
4.3.15การบันทึกปริมาณน้้าเข้า-ออกจากร่างกาย
3.12.1หลักการบันทึกจ้านวนสารน้ำที่เข้าและออกจากร่างกาย
1) แบบฟอร์มการบันทึกควรแขวนไว้ที่เตียงผู้ป่วยเพื่อสะดวกในการจดบันทึกและเมื่อครบ 24 ชั่วโมง ต้องสรุปลงในแผ่นรายงานประจำตัวของผู้ป่วยหรือฟอร์มปรอท
2) อธิบายเหตุผลและความสำคัญของการวัดและการบันทึกจำนวนน้ำที่รับเข้าและขับออกจากร่างกาย
3) ร่วมกับผู้ป่วยในการวางแผนกำหนดจำนวนน้ำที่เข้าสู่ร่างกายในแต่ละช่วงเวลา
4) จดบันทึกจำนวนน้ำและของเหลวทุกชนิดที่ให้ขณะมื้ออาหารและระหว่างมื้ออาหารพร้อมทั้งอธิบายให้ผู้ป่วยดื่มน้ำในขวดที่เตรียมไว้ให้ไม่นำน้ำที่เตรียมไว้ไปบ้วนปากหรือเททิ้ง
5)การจดบันทึกควรสรุปทุก 8 ชั่วโมงและทุกวัน
6) บันทึกจำนวนสารน้ำที่สูญเสียทางอื่นๆ
4.3.16กระบวนการพยาบาลในการส่งเสริมความสมดุลของสารน้้าในร่างกาย
การประเมินภาวะสุขภาพ
2.ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาล
มีภาวะหลอดเลือดดำอักเสบจากการได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำเป็นเวลานาน
การวางแผนการพยาบาล
วัตถุประสงค์
ไม่เกิดภาวะหลอดเลือดดำอักเสบที่รุนแรงขึ้น
เกณฑ์การประเมินผล
1.ภาวะหลอดเลือดดำอักเสบลดลง
อาการปวดบริเวณที่ให้สารน้ำลดลง โดยใช้แบบประเมินความปวด
4.การปฏิบัติการพยาบาล
1)หยุดให้สารน้ำทันที
2)ประเมินอาการบวมที่หลังมือซ้ายทุกเวร หากบวมมากขึ้น ผู้ป่วยมีไข้
3)บันทึกสัญญาณชีพทุก 4ชั่วโมง เพื่อประเมินอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วย
4)จัดมือซ้ายที่บวมให้สูงกว่าลำตัวผู้ป่วยโดยใช้หมอนรอง เพื่อลดอาการบวม
5)เปลี่ยนบริเวณที่แทงเข็มให้สารน้ำใหม่
6)ประเมินการขาดสารน้ำและอิเล็คโตรไลท์
7)ลดภาวะเครียดโดยให้ความช่วยเหลือทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
การประเมินผลการพยาบาล
1) ประเมินอาการปวดของผู้ป่วย
2) ประเมินอาการหลอดเลือดดำอักเสบบริเวณหลังมือ
3) ปริมาณสารน้ำเข้าและออกมีความสมดุล