อันตรกิริยาระหว่างยา(drug interactions)
อันตรกิริยาระหว่างยา
หมายถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อระดับยา หรือพารามิเตอร์ทางเภสัชจลนศาสตร์ของยาหรือฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของยาตัวหนึ่งในร่างกายเปลี่ยนไป
- ยาที่ได้รับผลกระทบจากปฏิกิริยาระหว่างยานั้น เรียกว่า
object drug
- ยาที่เป็นสาเหตุของผลกระทบ เรียกว่า precipitant drug
Onset
Rapid ปฏิกิริยาเกิดขึ้นภายใน24ชั่วโมง
Delayed ปฏิกิริยาเกิดขึ้นใช้เวลานานเป็นวันหรือสัปดาห์
ระยะเวลาที่เริ่มปรากฎผลทางคลินิค
Definition
Severity ระดับความรุนแรง
Major ผลที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตหรือ
เกิดความเสียหายอย่างถาวร
Moderate ผลที่เกิดขึ้นท าให้ผู้ป่ วยมีอาการเลว
ลงต้องการการรักษาเพิ่มขึ้นอยู่ใน รพ. นานขึ้น
Minor ผลที่เกิดขึ้นน้อย ไม่จำเป็นต้องให้การรักษา
.DRUG - DRUG INTRACTION
เป็นการใช้ยาตั้งแต่2ชนิดขึ้นไปเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการเกิดADRs
ปฏิกิริยาจจากอันไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากยา
Object drug(substrate) คือยาที่ได้รับผลกระทบจากปฏิกิริยา
Precipitant drug คือ ยยาที่เป็นสาเหตุของผลกระทบนั้น
Mechanisms of drug interactions
- กลไกทางด้านเภสัชจลนศาสตร์
(Pharmacokinetic interactions)
การดูดซึม (absorption interaction)
การกระจายยา (distribution interaction)
การเปลี่ยนสภาพยา (metabolism interactions)
การกำจัดยา (elimination interactions)
Absorption Interactions
ปฏิกิริยาระหว่างยาที่เกี่ยวข้องกับการดูดซึมยาเกิดการลดอัตรา/ปริมาณการดูดซึมยา>> ระดับยาในเลือดไม่ถึงระดับรักษา(therapeuticlevel) ไม่มีผลการรักษาตามต้องการ
การลดอัตราการดูดซึมยาเนื่องจากการบีบตัวของกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง เช่น
ทำให้ยาไปยังลำไส้เล็กลดลง(ลำไส้เล็กมีพื้นที่ผิวมาก และเป็นตำแหน่งหลักของการ ดูดซึมยาที่ให้โดยวิธีรับประทาน) >> ลดการดูดซึมยาเช่น Morphine, Codeine ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวลดลง
การกระจายยา
Distribution Interactions
(ปฏิกิริยาระหว่างยาที่เกี่ยวข้องกับการกระจายยา)
❑Protein-binding displacement interactions
(ปฏิกิริยาระหว่างยาที่เกิดจากการจับกับ plasma protein)
โดยปกติยาที่ถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด จะกระจายไปยังอวัยวะต่างๆผ่านทางเลือด >> ยาอยู่ในเลือด 2 รูปแบบคือรูปอิสระ (free form)และรูปที่จับกับplasma protein
Free form เท่านั้นที่ออกฤทธฺิ์ (active) เพราะสามารถไปถึงตำแหน่งที่ออกฤทธิ์ได้
(target organ)
การเปลี่ยนสภาพยาMetabolism Interaction
Metabolism Interaction(ปฏิกิริยาระหว่างยาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง/เปลี่ยนสภาพยา)
เป็นปฏิกิริยาที่เกิดจากการเปลี่ยนสภาพยา โดยการเพิ่ม หรือลดกระบวนการMetabolism (การกระตุ้นหรือยับยั้งเอนไซม์cytochrome P450: CYP450)
Elimination Interaction การกำจัดยา
(ปฏิกิริยาระหว่างยาที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดยา)ส่วนมากเกี่ยวข้องกับไต>> การเปลี่ยนแปลง GFR
ยาที่เป็นกรด/เบสอ่อน จะแตกตัวได้น้อย >> เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของค่าpH จะส่งผลต่อการแตกตัวของยา >> การดูดซึมกลับที่ท่อไต (tubulareabsorption) จะอยู่ในรูปไม่แตกตัวเป็นไอออน
ADRs :Adverse Drug Reactions
การแพ้ยา (Drug allergy) หมายถึงปฏิกิริยาที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของ ร่างกายต่อต้านยาที่ได้รับเข้าไป
• ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
• ไม่เกี่ยวกับฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของยา ไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้า
• พบน้อย แต่มักรุนแรง
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา (Side effect)
• อาการที่เกิดขึ้นมักจะไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
• ผลที่เกิดขึ้นมักเป็นฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา สามารถคาดเดาล่วงหน้า
• อาการมักไม่รุนแรง แต่พบบ่อย
การแพ้ยา (Drug Allergy)
จัดออกได้เป็น 4แบบใหญ่ได้คือ
1.Immediate type hypersensitivity reaction หรือเรียกว่า Anaphylactic type
2.Cytotoxic type hypersensitivity reaction
3.Immune complex type hypersensitivity reaction
4.Delayed type hypersensitivity reaction
- Immediate type
ปฏิกิริยาการแพ้แบบเฉียบพลันหรืออะนาไฟแลกติกอาการเกิดขึ้นรวดเร็วเฉียบพลันหลังใช้ยาเป็นนาที หรือภายใน 1 - 72 ชั่วโมง โดยทั่วไปจะมีประวัติเคยใช้ยามาก่อนงแสดงอาการได้รวดเร็ว อาการแสดงที่พบบ่อย เช่น ผื่นลมพิษ(urticaria) หน้าบวม ตาบวม (angioedema)
- Cytotoxic type
click to edit
ปฏิกิริยาการแพ้แบบมีการทาลายเซลล์มักแสดงอาการที่เกี่ยวข้องกับ
การทาลายเซลเม็ดเลือด เช่น ภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก ระยะเวลา
ที่เกิดอาการไม่แน่นอนหรือประมาณ 7-14 วันหลังจากเริ่มใช้ยา
- Immune complex type
ปฏิกิริยาการแพ้แบบการจับตัวกันของยากับโปรตีนในร่างกายทาให้เกิดการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น หลอดเลือดอักเสบ ไตอักเสบ ระยะเวลาที่เกิดอาการหลังจากเริ่มใช้ยาประมาณ 1 – 3 สัปดาห์
- Delayed type
ปฏิกิริยาการแพ้แบบที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อ กระตุ้นภูมิคุ้มกันของ
ร่างกายทางเซลเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ที-เซล (T-cell) อาจพบ
อาการทางผิวหนังที่มีการอักเสบรุนแรงที่เยื่อบุอวัยวะต่างๆ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ เช่น
กลุ่มอาการ Steven-Johnson Syndrome, SJS)
และการ
ตายหลุดลอกของผิวหนังชนิดรุนแรง (Toxic Epidermal Necrolysis, TEN)