ธรรมชาติของภาษา

  1. ความหมายของภาษา
  1. คุณสมบัติและหน้าที่
    ของภาษาในสังคมไทย
  1. ความสัมพันธ์ระหว่าง
    วัจนภาษาและอวัจนภาษา
  1. มโนทัศน์เกี่ยว
    กับภาษา
  1. ประเภทของภาษา
  1. ลักษณะธรรมชาติ
    ของภาษา
  1. พลวัตรของภาษาในกระแส
    ปัจจุบันบนพื้นที่ปฏิบัติการโรงเรียน

พจนานุกรมศัพท์ภาษาศาสตร์
ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2553

พระยาอนุมานราชธน (2510 : 25)

กาญจนา นาคสกุล (2520 : 5)

วิจินต์ ภาณุพงศ์ (2522 : 6)

พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
:พ.ศ. 2555

อุดม วโรตม์สิกขดิตถ์ (2545, 2553)

ชลธิชา บำรุงรักษ์ (2558, หน้า 2-3)

  1. ระบบสัญลักษณ์ที่มนุษย์ใช้สื่อสาร
  2. ระบบสัญลักษณ์ที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารในสังคมใดสังคมหนึ่งโ
  3. ภาษาที่มนุษย์จงใจสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่เฉพาะเจาะจง บ
  4. วิธภาษา (variety of laguage)
  5. ระบบการสื่อสารอื่นๆ ที่ไม่ใช้สัญลักษณ์

ภาษาตามความหมายของนิรุกติศาสตร์คือ วิธีที่มนุษย์แสดงความในใจ เพื่อให้ผู้ที่ตนต้องการให้รู้ได้รู้ โดยใช้เสียงพูด

ภาษาที่แสดงออกด้วยเสียงพูดและคำพูดเท่านั้นที่นับว่าเป็นภาษาที่แท้จริง ภาษาที่สมบูรณ์ไม่ได้ เช่น การพยักหน้า สั่นศีรษะ ไม่นับว่าเป็นภาษา

ภาษาคือเสียงพูดที่มีระเบียบและความหมาย ซึ่งมนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการสื่อสาร

ถ้อยคำที่ใช้พูดหรือเขียนเพื่อสื่อความหมายของชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ภาษาว่าเป็นระบบสัญลักษณ์ในเชิงคำพูดหรือเชิงการเขียนที่มนุษย์เท่านั้น

1) ภาษาเป็นระบบสัญลักษณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อสื่อความหมาย
2) ภาษามีระบบและกฎเกณฑ์ที่แน่นอน
3) ภาษาเป็นเรื่องที่ต้องเรียนรู้ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยกำเนิด
4) ภาษามีผลิตภาวะที่สร้างสรรค์ไม่จบสิ้น
5) ภาษาเกี่ยวข้องกับบริบทซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการตีความ
6) ภาษาเป็นเรื่องของปฏิสัมพันธ์และมีความเป็นพลวัต
7) ภาษาเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
8) ภาษาทุกภาษามีลักษณะบางประการที่มีอยู่ร่วมกัน เรียกว่า สากลลักษณ์ภาษา (language universal)

  1. วัจนภาษา (verbal language)
    คือ ภาษาถ้อยคำ ได้แก่ คำพูดหรือตัวอักษรที่กำหนดใช้ร่วมกันในสังคม หมายรวมทั้งเสียงและลายลักษณ์อักษร ภาษาถ้อยคำเป็นภาษาที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างมีระบบ
  1. อวัจนภาษา (non - verbal language)
    คือ ภาษาที่ไม่ใช่ถ้อยคำแต่เป็นภาษาซึ่งแฝงอยู่ ได้แก่ กิริยาท่าทาง ตลอดจนสิ่งอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแปลความหมาย เช่น น้ำเสียง ภาษากาย การยิ้มแย้ม
  1. ใช้อวัจนภาษาขยายความ เพื่อให้รับรู้สารเข้าใจยิ่งขึ้น
  1. ใช้อวัจนภาษาแทนคำพูด หมายถึง การใช้อวัจนภาษาเพียงอย่างเดียวให้ความหมายเหมือนถ้อยคำภาษาได้
  1. ใช้อวัจนภาษาย้ำความให้หนักแน่น หมายถึง การใช้อวัจนภาษาประกอบวัจนภาษาในความหมายเดียวกัน เพื่อย้ำความให้หนักแน่นชัดเจนยิ่งขึ้น
  1. ใช้อวัจนภาษาเน้นความ หมายถึง การใช้อวัจภาษายบางประเด็นของวัจนภาษา ทำให้ความหมายเด่นขึ้น
  1. ใช้อวัจนภาษาขัดแย้งกัน หมายถึง การใช้ภาษาที่ให้ความหมายตรงข้ามกับวัจนภาษาผู้รับสารมักจะเชื่อถือสารจากอวัจนภาษาว่าตรงกับความรู้สึกมากกว่า
  1. ใช้อวัจนภาษาควบคุมปฏิสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสาร หมายถึง การใช้กิริยาท่าทาง สายตา น้ำเสียงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสาร
  1. ภาษามีโครงสร้างหรือองค์ประกอบ
  1. ภาษามีระบบกฎเกณฑ์แน่นอนในตัวเอง
  1. ภาษาหมายถึงภาษาพูด
  1. ภาษามีจำนวนประโยคไม่รู้จบ ภาษามีเสียงจำกัด
  1. ภาษาหมายถึงภาษาของมนุษย์
  1. ภาษาเป็นพฤติกรรมของสังคม กล่าวคือ
    7.1 ภาษาเกิดจากการเรียนรู้ เลียนแบบ
    7.2 ภาษาแต่ละภาษามีหลายประเภทตามสังคมนั้นๆ
    7.3 ภาษามีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
  1. ภาษาเป็นสิ่งสมมติ
  1. ภาษาเป็นเครื่องแสดงความเจริญของสังคม
  1. ภาษาเป็นสิ่งที่ได้ทางวิทยาศาสตร์ วิธีการทางวิทยาศาสตร์

ภาษาย่อย

วิธภาษา

ภาษาถิ่น

ภาษามาตรฐาน

ภาคต่างๆ ให้เป็นภาษาถิ่น และเรียกว่า “ภาษาไทยถิ่น....” ภาษาเหล่านี้มีคุณสมบัติหรือเอกลักษณ์ประจำตัว

อมรา ประสิทธิ์รัฐสินธุ์ ( 2545: 4 ) ได้กล่าวถึงมโนทัศน์ของภาษาย่อยไว้ว่า มโนทัศน์ภาษาย่อย เหมือนกับ ภาษาถิ่น คือเป็นสมาชิกของภาษาเดียวกัน อันที่จริงแล้ว คำว่า ภาษาย่อยคือ ภาษาถิ่น แปลมาจากคำภาษาอังกฤษคำพูดเดียวกัน คือ dialect

  1. วิธภาษาประเภทที่ 2 คือ วิธภาษาที่แตกต่างกันโดยสถานการณ์การใช้หรือหน้าที่ เช่น วิธภาษาข่าว

คนส่วนใหญ่นิยมใช้คำว่า ภาษามาตรฐาน มากกว่าภาษามาตรฐาน คือ วิธภาษาที่ได้รับการยอมรับในสังคมว่า ถูกต้อง และเป็นตัวแทนของภาษาและวิธภาษาทั้งหลายในสังคมนั้นๆ ภาษามาตรฐานมักกลายเป็นสมบัติของชาติ ใช้สื่อสารกันระหว่างเขตต่างๆในสังคม

  1. ประเภทแรกคือ วิธภาษาที่แตกต่างกันโดยลักษณะทางสังคมของผู้พูด เช่น เพศ อายุ ถิ่นที่อยู่

คุณสมบัติที่นักภาษาศาสตร์สังคมใช้เป็นเกณฑ์ในการจำแนกประเภทภาษาโดยทั่ว

ภาษาในสังคมไทยจำแนก
ตามเกณฑ์หน้าที่

ความเป็นเอกเทศ (autonomy)

ความมีประวัติอันยาวนาน (historicity)

ความเป็นมาตรฐาน (standardization)

ความมีชีวิต (vitality)

ลำดับชั้นของภาษากับ
ลักษณะของสังคมไทย

ภาษาไทยถิ่นหรือ
ภาษาถิ่นของไทย

ภาษาถิ่นกับการเปลี่ยนแปลง
ของภาษา

  1. ภาษาราชการ (official language)
  2. ภาษาเมืองหลวง (capital language)
  3. ภาษาภูมิภาค (provincial language)
  4. ภาษานานาชาติ (international language)
  5. ภาษากลางในประเทศไทย (local lingua franca)
  6. ภาษาเฉพาะกลุ่ม (group language)
  7. ภาษาการศึกษา (educational language)
  8. ภาษาสอนเป็นวิชา (school-subject language)
  9. ภาษาศาสนา (religions language)
  10. ภาษาวรรณกรรม (Literary language)

การที่ภาษาไทยมาตรฐานอยู่ในลำดับชั้นที่หนึ่งนั้น ทำให้ภาษาไทยมาตรฐานมีความสำคัญมากที่สุด และเด่นมากจนไร้คู่แข่ง สภาพเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีเอกภาพทางภาษาและมีความสงบสุขในสังคม

ภาษาถิ่น ภาษาไทยสามารถแยกออกเป็นประเภทย่อยตามถิ่นมากมาย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะแบ่งให้หยาบ หรือละเอียดเพียงใด การแปรอาจเป็นทางด้านเสียง คำ หรือประโยค การแปรด้านเสียง เช่น ไทย กรุงเทพพูดว่า “ร้อน” ไทยอีสานพูดว่า “ฮ่อน”

การแปรทางภาษาและการแพร่กระจายของภาษา ที่เกิดขึ้นกับปัจจัยด้านชนชั้นของสังคมนั้น เกิดขึ้นได้ทั้ง ปัจจัยด้านบริบททางสังคม และปัจจัยด้านระยะห่างทางสังคม

ปัญหาการใช้ภาษาไทย
ในการสื่อสารปัจจุบัน

ภาษาไทยยุคใหม่กับ
โลกสมัยที่เปลี่ยนแปลง

การใช้ภาษาไทยใน
การสื่อสารปัจจุบัน

ภาษาไทยในยุค 4.0

ลักษณะการเปลี่ยนแปลง
ของภาษา

กลไกที่ทำให้ภาษาเปลี่ยนแปลง เช่น การกลายเสียง

ภาษาไม่อาจเปลี่ยนแปลงในตัวเองได้ทันที แต่การเปลี่ยนแปลงของภาษาจะต้องได้รับอิทธิพล

ความแตกต่างของภาษาที่มีอยู่ในสังคมความเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการ สภาพทางจิตวิทยาของผู้พูดภาษา ฯลฯ

  1. คำที่เกิดใหม่ในภาษาที่มากที่สุดในภาษาไทย เป็นภาษาต่างชาติ ในอดีตมีการรับภาษาเขมร มอญ จีน และอื่นๆ มาใช้ในภาษาไทย
  1. การใช้คำซึ่งมีความหมายเดิมอย่างหนึ่งให้มีความหมายใหม่อีกอย่างหนึ่ง ในปัจจุบันการใช้คำทำให้ความหมายเปลี่ยนไป
  1. มีคำบัญญัติเพื่อมีใช้ให้เพียงพอกับความเป็นจริงของชีวิตและวัฒนธรรมด้านการศึกษาต่างๆ
  1. ภาษาเฉพาะกลุ่ม เช่น ภาษาของวัยรุ่น เช่น คำว่า “แอ๊บแบ๊ว” “ว้าว”

ประเด็นที่ 2 ไม่พิถีพิถันในการใช้ภาษา

ประเด็นที่ 3 เคร่งครัดในการใช้ภาษามากเกินไป

ประเด็นที่ 1 เกิดจากความไม่ระมัดระวังในการใช้ภาษา

  1. การตอบสนองความต้องการของมนุษย์เพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ผลที่ตามมาจะทาให้สังคมเปลี่ยนแปลงไป
  1. ภาษาวิบัติ หรือ ภาษาอุบัติ เป็นคำเรียกของการใช้ภาษาไทยที่มีการเปลี่ยนแปลง และไม่ตรงกับกับภาษามาตรฐานตามหลักภาษาไทยในด้านการสะกดคำ คำว่า “ภาษาวิบัติ”
  1. การเปลี่ยนแปลงในภาษาไทยสมัยใหม่

ครั้งเริ่มจาก “ประเทศไทย 1.0” ซึ่งเน้นเรื่องการเกษตร “ประเทศไทย 2.0” ซึ่งเน้นเรื่องอุตสาหกรรมเบาในปัจจุบันคือ “ประเทศไทย 3.0” ซึ่งเน้นเรื่องอุตสาหกรรมหนัก ต่อไปจะเป็น “ประเทศไทย 4.0” ซึ่งเน้นเรื่องเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม “ประเทศไทย 4.0” จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 3 เรื่อง คือ

  1. เปลี่ยนจากการผลิตสินค้า “โภคภัณฑ์” ไปสู่สินค้าเชิง “นวัตกรรม”
  2. เปลี่ยนจากการขับเคลื่อนประเทศด้วยภาคอุตสาหกรรม ไปสู่การขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม
  3. เปลี่ยนจากการเน้นภาคการผลิตสินค้า ไปสู่การเน้นภาคบริการมากขึ้น