Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติทางอายุรกรรม - Coggle Diagram
การพยาบาลสตรีตั้งครรภ์ที่มีความผิดปกติทางอายุรกรรม
7.5.5ภาวะการไม่เข้ากันของหมู่เลือดระบบ ABO(ABO Incompatibility)
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
ภาวะเม็ดเลือดแดงแตกของทารกที่มีสาเหตุจากหมู่เลือดระบบABO ไม่เข้ากับมารดา
ภาวะแทรกซ้อน
ทารกที่เกิดภาวะkernicterusจะเสียชีวิตประมาณ75 %
เสี่ยงต่อการที่สมองถูกทําลายอย่างรุนแรงจากภาวะkernicterus
อาการและอาการแสดง
จะมีอาการเหลืองภายใน 24ชั่วโมงแรกหลังคลอด
อาจพบตับโต
หากไม่ได้รับการรักษาเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ kernicterus
แนวทางการประเมินและวินิจฉัย
การซักประวัติการตรวจกลุ่มเลือด และประวัติการตั้งครรภ์
การตรวจร่างกายทารกที่มีจุดเลือดออกตามตัว ตับ ม้าม
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ระดับบิลิรูบินใน serum
ตรวจนับเม็ดเลือด นับจํานวน reticulocytes และ ตรวจลักษณะรูปร่างเม็ดเลือดแดง
ตรวจหมู่เลือด ของมารดาและทารกแรกเกิด
Direct Coomb’s test
แนวทางการรักษา
การรักษาระหว่างตั้งครรภ์ยังไม่จําเป็น หากรุนแรงอาจต้องเปลี่ยนถ่ายเลือดในระหว่างการตั้งครรภ์ แต่หากอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ขึ้นไป การรักษาที่ดีที่สุดคือการกระตุ้นให้คลอด หลังจากคลอดทารกที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง มักได้รับการส่องไฟ (phototherapy)เพื่อลดระดับบินลิรูบิน ส่วนทารกที่มีอาการรุนแรง จะต้องได้รับการดูแลในแผนกทารกแรกเกิดวิกฤติ (Neonatal Intensive Care Unit: NICU)และมักได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือด(exchange transfusion)อย่างทันทีหลังคลอด
การพยาบาล
ประเมินความเสี่ยงของคู่มารดาและทารกจากการซักประวัติ
ประเมินภาวะตัวเหลืองของทารกแรกเกิด หากตรวจพบภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอดเพื่อเฝ้าระวังและประเมินภาวะpathologic jaundice
อธิบายถึงสาเหตุและปัจจัยส่งเสริม พยาธิสรีรภาพ ผลกระทบต่อทารกในครรภ์และการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป รวมถึงการรักษาและพยาบาล
ติดตามภาวะ jaundiceด้วยการตรวจร่างกายและผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ในทารกแรกเกิดที่มีความเสี่ยงต่อ hemolytic disease
ทารกแรกเกิดที่ได้รับการส่องไฟ ให้วางทารกไกลแสงไฟพอประมาณ ระวัง burn พลิกตัวทุก 3-4 ชั่วโมง และปิดตาทารกด้วย eye patches
7.5.6ภาวะการไม่เข้ากันของหมู่เลือดระบบRh(RhIncompatibility)
แนวทางการประเมินและวินิจฉัย
การตรวจร่างกายทารกมีภาวะโลหิตจาง
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
ระดับของbilirubin สูงขึ้นอาจถึงระดับที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์คือมีถึง180 mg%
ผลการตรวจCoombs’ testให้ผลบวกอย่างรุนแรง(strongly positive)
ผลการตรวจความเข้มข้นของเลือดพบ hematocrit ต่ํามาก
การซักประวัติการตรวจกลุ่มเลือด ทั้งของสตรีตั้งครรภ์และคู่สมรส
อาการและอาการแสดง
ทารกจะซีดมาก
hydrops fetalis
อาจเสียชีวิตในครรภ์
เหลืองมากจนเสียชีวิตหรือเกิดbilirubin toxicity
แนวทางการรักษา และ การพยาบาล
ป้องกันการเกิด Isoimmunization(Rh Isoimmunization) จะเกิดขึ้นเมื่อหญิงตั้งครรภ์มี Rh negative และทารกมี Rh positive
เฝ้าระวังและตรวจหา antibodies ในหญิงตั้งครรภ์ และการดูแลสุขภาพของทารกในครรภ์
ควรให้คําแนะนําเพื่อให้หญิงตั้งครรภ์เข้าใจถึงแผนการรักษา จะช่วยลดความกลัวและความวิตกกังวลได้
ควรตรวจ Indirect Coomb’s test อีกครั้ง เมื่ออายุครรภ์ 28 สัปดาห์ หากไม่พบว่ามี antibodies ควรให้ RhoGAMเพื่อป้องกันการสร้าง antibodies ยาที่ให้จะป้องกันการเกิดภาวะนี้ได้นานประมาณ 12 สัปดาห์
การเจาะเลือดครั้งแรกที่มาฝากครรภ์ เพื่อตรวจหาหมู่เลือด Rh typing ทุกราย หากมารดา Rh negative ควรตรวจ Indirect Coomb’s test เพื่อหา antibodies
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
การไม่เข้ากันของกลุ่มเลือดRh ของมารดาและทารกในครรภ์
ผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก
สตรีตั้งครรภ์
ไม่ค่อยพบผลกระทบต่อสตรีตั้งครรภ์
ต่อทารก
เกิดภาวะ neonatal anemia,
ตับและม้ามโต
hydrops fetalis
hyperbilirubinemia
kernicterus
dead fetus in uterus
still birth
7.5.7 โรคโลหิตจางจากโรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
แนวทางการประเมินและวินิจฉัย
1 การซักประวัติ เกี่ยวกับโรคโลหิตจางในครอบครัว
2 การตรวจร่างกาย อาจพบภาวะซีด ตับและม้ามโต ตัวเหลือง ตาเหลือง
3 การตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตรวจ CBC จะพบ Hb, Hct และจํานวนเม็ดเลือดแดงต่ํากว่าปกติ ทํา blood smear จะพบเม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็กและติดสีจาง
1 วิธีการตรวจคัดกรอง (Screening test)
การตรวจคัดกรองเบื้องต้นสําหรับพาหะชนิด α-thalassemia 1 และ β-thalassemia
การตรวจวัดขนาดเม็ดเลือดแดง
การตรวจวัดปริมาณฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง
3) การทดสอบความเปราะของเม็ดเลือดแดง
การตรวจคัดกรองเบื้องต้นสําหรับพาหะชนิด Hb E
Hb E screen
KKU-DCIP clear kit เป็นชุดน้ํายาสําเร็จรูป
การทดสอบ Hb ไม่เสถียรโดยการตกตะกอนสีด้วยสี DCIP
2 วิธีการตรวจเพื่อวินิจฉัย (diagnosis test)
การตรวจวิเคราะห์ชนิดของฮีโมโกลบิน (Hemoglobin analysis)
การตรวจวิเคราะห์ยีนโดยอาศัยเทคนิคpolymerase chain reaction (PCR)
การตรวจหาชนิดของฮีโมโกลบิน (hemoblobin electrophoresis)
การตรวจระดับของ serum ferritin
3.3 การประเมินความเสี่ยงของคู่สมรส
อาการและอาการแสดง
อาการรุนแรงมาก (thalassemia major)
homozygous α-thalassemia
เป็นกลุ่มที่มีอาการรุนแรงที่สุด ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในครรภ์หรือเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมงหลังคลอด
homozygous β-thalassemia
มีอาการรุนแรงภายใน 2-3 เดือนหลังคลอด มักเสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ต้องได้รับยาบํารุงเลือดและการถ่ายเลือดเป็นประจํา
กลุ่มที่ไม่มีอาการ (thalassemia minor)
กลุ่มที่เป็นพาหะ และกลุ่ม homozygous Hb E, homozygous Hb CS
โมโกลบินต่ํากว่าปกติเล็กน้อย
อาการรุนแรงปานกลาง (thalassemia intermediate)
Hb H, α-thalassemia/Hb CS
ซีดปานกลาง ตับและม้ามโต ตัวเหลืองตาเหลือง แต่ในรายที่เป็น Hb Hเมื่อมีไข้ติดเชื้อ จะทําให้เม็ดเลือดแดงแตกง่าย เกิดอาการซีดอย่างรวดเร็ว ถ้ารุนแรงอาจทําให้เสียชีวิตได้
แนวทางการรักษา
การให้เลือดเพื่อป้องกันไม่ให้มีภาวะซีดและรักษาระดับฮีโมโกลบินให้สูงพอที่จะกดไขกระดูก
การให้ยาขับเหล็กให้ในรายที่ได้รับเลือดมากกว่า10-20 ครั้งหรือserum ferritin มากกว่า1,000 mg
ทางเลือกของคู่สมรสที่มีอัตราเสี่ยงในการมีลูกเป็นโรคชนิดที่รุนแรงคือไม่มีลูกของตนเอง
การตัดม้ามจะทําในรายที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง
การให้ความรู้ คําแนะนําเกี่ยวกับ สาเหตุ อาการ การดําเนินของโรค การรักษา และการควบคุมป้องกันโรค
การปลูกถ่ายไขกระดูกเป็นวิธีเดียวในปัจจุบันที่สามารถรักษาโรคโลหิตจางธาลัสซีเมียให้หายขาดได้
สาเหตุและปัจจัยส่งเสริม
เป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรม
การพยาบาล
อธิบายให้สตรีตั้งครรภ์ที่เป็นพาหะของธาลัสซีเมีย และสามีเข้าใจถึงความจําเป็นในการคัดกรองหาพาหะธาลัสซีเมีย เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการรักษา
อธิบายสตรีตั้งครรภ์และครอบครัวเกี่ยวกับโรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย
ในกรณีที่ทั้งสตรีตั้งครรภ์และสามีเป็นคู่เสี่ยงของโรคธาลัสซีเมียที่อาการรุนแรง ควรแนะนําเกี่ยวกับการตรวจวินิจฉัยทารกในครรภ์ก่อนคลอด และให้สตรีตั้งครรภ์และสามีตัดสินใจว่าจะดําเนินการตั้งครรภ์ต่อไปหรือยุติการตั้งครรภ์
ในกรณีที่ดําเนินการตั้งครรภ์ต่อ แนะนําเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวขณะตั้งครรภ์ โดยเน้นการป้องกันการติดเชื้อในระบบต่างๆ
ในกรณีที่ตัดสินใจที่จะยุติการตั้งครรภ์ให้การสนับสนุนทางด้านจิตสังคม
ชนิดของโรคธาลัสซีเมีย
. α-thalassemia เป็นความผิดปกติที่ทําให้มีการสร้าง α-globin น้อยลงหรือไม่สร้างเลย
β-thalassemia เป็นความผิดปกติที่ทําให้มีการสร้าง β-globin น้อยลงหรือไม่สร้างเลย
ผลกระทบต่อภาวะสุขภาพของสตรีและทารก
ต่อสตรีตั้งครรภ์
มีโอกาสติดเชื้อเนื่องจากความต้านทานต่ํา
รายที่มีภาวะ Hb Bart’s hydropfetalis มักเกิดภาวะแทรกซ้อนคือ ความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ คลอดยาก
เสี่ยงต่อการแท้ง
อาจตกเลือดหลังคลอด
คลอดก่อนกําหนด
ต่อทารก
ขาดออกซิเจนเรื้อรัง
ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์
น้ําหนักน้อย
ขาดออกซิเจนในระยะคลอด
ทําให้เป็นโรคหรือเป็นพาหะ