บทบาทพยาบาลในการดูแลรักษาและ
ฟื้นฟูสภาพผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจิตและจิตเวช

การบำบัดรักษาด้านร่างกาย (Somatic therapy)

จิตเภสัชบำบัดและการใช้ยาอย่างสมเหตุผล

ยารักษาโรคจิต

Phenothiazine derivatives มีผลต่อการรักษาผู้ป่วยจิตเภทเป็นใช้รักษา ผู้ป่วยคลั่งเศร้า (Mania) ลุกลี้ลุกลน (Agitated depression) และพฤติกรรมหลงผิด ซึ่งเป็นผลจากความผิดปกติของสมอง ที่ใช้บ่อยๆ ได้แก่
-Chlopromazine (Largactil) -Promazine (Sparine) -Trifluoperazine (Stelazine, Triflazine, Triplex) -Thioridazine (Melleril) -Perphenazine (Trilafon, Permazine, Perphisil) -Fluphenazing (Anatensol, Permitil, Prolicin)
ข้อบ่งใช้ (1) โรคจิตเภท (2) โรคจิตหลงผิด (3) แมเนีย (4) โรคซึมเศร้าที่มีอาการทางจิตด้วย (5) โรคจิตเนื่องจากสมองพิการ

Butyrophenone derivatives ข้อบ่งใช้ที่สำคัญ คือ รักษาแมเนียได้ผลดีมาก นอกจากนี้ใช้รักษาโรคจิตเภท และโรคจิตเนื่องจากสมองพิการได้ผลดีเช่นกัน ระยะเวลาในการให้ยารักษาโรคจิตโดยทั่วไปภายในเวลา 3 สัปดาห์ หลังให้ยาผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น ยาจิตบำบัดชนิดใหม่ ยาจิตบำบัดชนิดใหม่ที่นำมาใช้รักษาโรคทางจิตเวช มีดังนี้
-Clozapine
-Risperidone
-Serotonin Reuptake Inhibitors
ข้อบ่งใช้
-โรคซึมเศร้าในผู้ป่วยสูงอายุ ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคสมอง โรคไต โรคตับ โรคเบาหวาน ผู้ป่วยตั้งครรภ์
-โรคย้ำคิดย้ำทำ
-การรับประทานอาหารจุผิดปกติ

Butyrophenone derivatives

Dihydroindolone derivatives

Dibenzoxapine derivatives

ยารักษาอาการซึมเศร้า

Conventional antidepressant

-Monoamine Oxidase inhibitors (MAOI)
-Tricyclic antidepressants

Secondary generation antidepressants

-Bicyclic antidepressants เช่น Zimelidine (Zelmid), Viloxazine (Vivalan)
-Tetracyclic antidepressants

ยาควบคุมอารมณ์

ลิเทียมคาร์บอเนต (Lithium Carbonate)
ข้อบ่งใช้

  • รักษา Mania
    • ป้องกันการเป็นซ้ำของโรค Bipolar disorder ทั้งระยะแมเนียและระยะซึมเศร้า

ยาคลายกังวล

ข้อบ่งใช้
-โรคทางจิตเวชที่มีอาการกังวล เช่น ตื่นเต้นง่าย
-ใช้เป็นยานอนหลับ
-ใช้รักษา Delirium tremens
-โรคลมชัก

การรักษาด้วยไฟฟ้า

ข้อบ่งใช้ในการรักษา
-ผู้ป่วยที่อาการเศร้าทุกชนิด และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย
-ผู้ป่วยโรคจิตเภทชนิดที่คลั่งหรือซึมเฉย
-โรคจิตในวัยเสื่อมในระยะเศร้า
-โรคความผิดปกติของอารมณ์ทั้งในระยะคลั่งและระยะเศร้า
-อาการทางจิตเวชอื่นๆ ที่รักษาด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ได้ผล

ข้อห้ามใช้
-Brain tumor
-ผู้ป่วยที่มีโรคทางระบบหัวใจและหลอดเลือด
-วัณโรคระยะรุนแรง
-ผู้ป่วยที่เป็นกระดูก
-การติดเชื้อที่มีไข้สูง
-ผู้สูงอายุที่ร่างกายไม่แข็งแรง

เครื่องมือที่ใช้
-ใช้เครื่องมือ ECT ที่ให้คลื่นไฟฟ้าแบบ Brief-pulse
-Electrodes 2 อัน ทำหน้าที่เป็นตัวนำไฟฟ้าใช้วางบริเวณศีรษะซึ่งปัจจุบันมีการวาง 2 แบบคือ
1.วางบริเวณทัดดอกไม้ หรือ Temporal lobe
2.วางบริเวณศีรษะข้างเดียวกับมือที่ถนัด

ขนาดของไฟฟ้าที่ใช้
ประมาณ 70-130 โวลท์ ในเวลา 0.1-0.5 วินาที (เครื่อง Sine wave) สำหรับเครื่อง B.P.S. ใช้ไฟฟ้า 150 Milliculombs ใช้เวลากระตุ้น 4 วินาที

จำนวนครั้งที่ใช้
โดยทั่วไปแพทย์อาจจะสั่งทำตั้งแต่ 3-10 ครั้ง โดยทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง วันเว้นวัน ยกเว้นในบางกรณีแพทย์จะสั่งเป็นกรณีไป

บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของพยาบาลในการรักษาด้วยไฟฟ้า

การพยาบาลขณะทำ
-จัดให้นอนหงายบนที่นอนแข็ง
-ถ้าต้องให้ยาฉีดเตรียมยาและช่วยแพทย์ฉีดยา
-ใช้ผ้าชุบน้ำเกลือ หรือjelly หรือ electrolyte ทาที่ขมับทั้ง 2 ข้าง
-วาง electrode ที่ขมับทั้ง 2 ข้าง ต่อขั้วกระแสไฟฟ้า แพทย์จะกดปุ่มปล่อยกระแสไฟฟ้า

การพยาบาลหลังทำ ECT
-จัดท่านอนหงายราบ เอียงศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่ง
-สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
-ดูแลผู้ป่วยที่มีอาการงุนงงหลงลืม

การเตรียมผู้ป่วยก่อนทำ
-ให้ญาติเซ็นใบยินยอม
-เตรียมทางด้านจิตใจ โดยบอกให้ผู้ป่วยทราบทางตรงและทางอ้อม
-เตรียมด้านร่างกาย

การผูกยึดและการจำกัดพฤติกรรม

การผูกมัด (Physical restrain)
ใช้เจ้าหน้าที่ประมาณ 3-5 คน วิธีการนี้เจ้าหน้าที่ทุกคนจะต้องรู้ขั้นตอนในการดำเนินงาน ทำอย่างรวดเร็ว มั่นใจ ไม่กลัว

การใช้ยาและการจำกัดขอบเขต
รายฉุกเฉินแพทย์อาจให้ฉีดยาเพื่อให้ผู้ป่วยสงบก่อนนำผู้ป่วยเข้าห้อง หรือให้ยา)หลังจากนำผู้ป่วยเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันการใช้ห้องแยก (Room seclusion) ยังมีประโยชน์ในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการรุนแรง

การจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด (Milieu therapy)

หลักการในการจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด
-ยึดหลักการอำนวยความสะดวกสบายตามสภาพของสถานที่ซึ่งสามารถจัดให้ได้อย่างดีที่สุดที่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับผู้บำบัด
-สมาชิกทุกคนในทีมผู้บำบัดต้องแสดงตนเป็นแบบอย่างหรือตัวอย่างที่ดี
-การแต่งกายของพยาบาลไม่ยึดหลักการแสดงสัญลักษณ์ของความเจ็บป่วย
-โปรแกรมนิเวศบำบัด ต้องวางแผนอย่างดี โดยความร่วมมือระหว่างผู้ป่วยกับผู้บำบัด กลุ่มบำบัด
-กลุ่มบำบัดแต่ละชนิดควรมีจำนวนที่เหมาะสม
-การตัดสินใจทุกอย่างของผู้ป่วยและผู้บำบัดจะต้องเห็นชอบด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
-หลักการช่วยเหลือผู้ป่วยต้องการกระตุ้นให้ผู้ป่วยเกิดความรู้สึกอยากทำงาน หรืออยากแสดงออก ตามความต้องการของผู้ป่วย
-การจัดกิจกรรมในนิเวศบำบัด ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน หรือแต่ละกลุ่ม
-การทำงานหากมีสิ่งบกพร่องเกิดขึ้น ผู้บำบัดจะปักความรับผิดชอบ หรือยกเลิกกิจกรรมนั้น ๆ เลยไม่ได้
-การชี้ปัญหาหรือข้อบกพร่องของสมาชิกในกลุ่ม ควรกระทำกันต่อหน้าผู้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทุกคนและควรทำในขณะปัญหานั้นๆ เกิดขึ้นทันที

องค์ประกอบของสิ่งแวดล้อมที่เป็นการบำบัดผู้ป่วย

บทบาทของพยาบาลในการจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด
-เป็นแบบอย่างที่ดีในด้านการตอบสนองทางอารมณ์
-เป็นตัวแทนของบุคคลในสังคมปกติ การตอบสนองต่อผู้ป่วยควรอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของสังคมทั่วไป
-เป็นแบบอย่างที่ดีในด้านพฤติกรรมทางสังคม

สิ่งแวดล้อมที่เป็นวัตถุ
-สภาพของโรงพยาบาลและหอผู้ป่วย การเงียบสงบ
-ผู้ป่วยมีอิสระในการไปไหน หรือการกระทำสิ่งใดตามความเหมาะสม
-บรรยากาศในหอผู้ป่วย ควรมีความอบอุ่นเป็นมิตร

สิ่งแวดล้อมด้านบุคคล
-ผู้ให้การรักษา
1.มีความรู้ความเข้าใจในด้านจิตเวชอย่างเพียงพอ
2.มีทัศนคติที่ดีต่อผู้ป่วย
-ผู้ป่วย
องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าในหน่วยรักษาหนึ่ง ๆ ไม่ควรจะมีผู้ป่วยเกิน 32 คน เพราะจำนวนผู้ป่วยที่มากเกินไปส่งผลต่อบรรยากาศในหน่วยรักษา

สัมพันธภาพระหว่างบุคคลในหน่วยรักษา
-สัมพันธภาพที่ดีต่อกันก่อให้เกิดบรรยากาศที่เป็นมิตรทำให้เกิดความสามัคคีและปรองดองกัน ตรงข้ามสัมพันธภาพที่ไม่ดีต่อกันก่อให้เกิดข้อขัดแย้งและปัญหาอื่น ๆ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อกระบวนการรักษา

กิจกรรมบำบัดเพื่อฟื้นฟูสภาพผู้ป่วยจิตเวช (Activity Therapy)

ความหมายของกลุ่มกิจกรรมบำบัด
-ใช้สิ่งแวดล้อมเพื่อการบำบัด จัดให้ผู้ได้ทำกิจกรรมเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วย ทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมให้เข้าสู่สภาพปกติให้มากที่สุด

หลักการรักษาด้วยกลุ่มกิจกรรมบำบัด
-สนองความต้องการขั้นพื้นฐาน
-ป้องกันความเสื่อมถอย
-พัฒนาเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น
-การคงสภาพที่เหลืออยู่เอาไว้

แนวคิดเกี่ยวข้องกับการทำงานเป็นกลุ่ม
-ความต้องการของมนุษย์โดยพื้นฐาน
-บุคคลแต่ละคนมีความสามารถพิเศษในตนเองและมีความแตกต่างกัน
-การอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มทำให้มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

ประโยชน์ของกระบวนการกลุ่ม
-ช่วยให้สมาชิกแต่ละคนในกลุ่มได้นำเอาความสามารถต่าง ๆ ของตนเองออกมาใช้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ช่วยเสริมสร้างทัศนคติและพฤติกรรมของสมาชิก

ชนิดของกิจกรรมบำบัด
กลุ่มอาชีวบำบัด
นันทนาการบำบัด
กลุ่มการศึกษาบำบัด
กลุ่มฝึกหัดการเข้าสังคม

ขั้นตอนในการทำกลุ่มกิจกรรมบำบัด
ขั้นที่ 1 ขั้นเตรียม ได้แก่ การเตรียมความรู้ การเลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกับผู้ป่วย การเตรียมอุปกรณ์ การจัดสถานที่ การวางแผนการดำเนินการกลุ่ม
ขั้นที่ 2 ขั้นดำเนินการ

  • ขั้นเปิดกลุ่ม
        - ขั้นดำเนินกิจกรรม 
         - ขั้นปิดกลุ่ม 
    
    ขั้นที่ 3 ขั้นสรุปประเมินผล

ขนาดของกลุ่มและการกำหนดเวลาในการทำกลุ่มกิจกรรมบำบัด
-กลุ่มขนาดเล็ก มีจำนวนสมาชิก 8-12 คน ใช้เวลา 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง
-กลุ่มขนาดกลางมีจำนวนสมาชิก 20-30 คน ใช้เวลา 1 ชั่วโมง กลุ่ม-ขนาดใหญ่มีจำนวนสมาชิก 30-50 คน ใช้เวลา 1 - 2 ชั่วโมง

หลักในการเลือกผู้ป่วยเข้าร่วมกิจกรรม
-ผู้ป่วยซึมเศร้า ควรจัดให้เข้ากลุ่มกิจกรรม เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความอบอุ่น
-ผู้ป่วยวิตกกังวล ควรจัดให้เข้ากลุ่มกิจกรรมที่ให้พลังงาน กลุ่มกีฬา
-กลุ่มอ่านหนังสือและวิจารณ์ข่าว
ผู้ป่วยก้าวร้าว (Aggressive) ควรจัดให้เข้ากลุ่มกิจกรรมที่ได้ออกแรง
-สมาชิกในกลุ่มควรมีทั้งเพศชายและหญิง เป็นการฝึกให้ผู้ป่วยได้ปรับตัวอยู่ในสังคมที่เป็นจริง
-เป็นผู้ป่วยที่มีอาการทุเลาและมีพฤติกรรมที่เหมาะสม
-เลือกกิจกรรมให้เหมาะสมกับเพศ วัย การศึกษา และความสามารถ เพื่อฟื้นฟูความเป็นอยู่ของผู้ป่วยและเป็นการแสดงออก

บทบาทของพยาบาลในการจัดกิจกรรมบำบัด
-มีความรู้และทักษะในการจัดกิจกรรมนั้นๆ
-เป็นผู้นำในการจัดกิจกรรมบำบัดตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งสิ้นสุดกิจกรรม
-ระหว่างที่กำลังทำกลุ่มผู้นำกลุ่ม ผู้ช่วยผู้นำกลุ่ม และผู้สังเกตการณ์จะต้องคอยดูแลกระตุ้นให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม
-ให้กำลังใจและส่งเสริมให้ผู้ป่วยเกิดความมั่นใจในตนเอง
-สร้างบรรยากาศในกลุ่มให้มีลักษณะของความเป็นมิตร
-มีลักษณะเป็นประชาธิปไตย รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกทุกคน

นางสาวสุชัญญา ศรีสุขใส เลขที่67