Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT - Coggle Diagram
รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT
4MAT คืออะไร
เป็นกรอบการสร้างรูปแบบการสอนที่สามารถดึงผู้เรียนเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนการสอนได้มากขึ้น ประกอบด้วยกระบวนการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะต้องผ่านไปทีละขั้น ตั้งแต่การตีความ การดูดซับข้อมูล การฝึกปฏิบัติ และการบูรณาการสิ่งที่ได้รับมาให้เกิดเป็นความรู้
4MAT model ประกอบด้วยการเรียนรู้ 4 รูปแบบ แต่ละรูปแบบจะมีพลังเป็นการเฉพาะตัวอันเป็นผลจากความสัมพันธ์ระหว่างการสังเกตและกระบวนการจัดการข้อมูล เกิดเป็นขั้นตอนย่อย 2 ขั้นตอนในแต่ละรูปแบบ รวมทั้งสิ้น 8 ขั้นตอนใน 4 รูปแบบเรียงลำดับกันไปในวงจรการเรียนรู้ ผู้สอนจะใช้วงจรนี้กระตุ้นความสนใจของผู้เรียน, ให้ข้อมูล ความรู้ และทฤษฎี, สนับสนุนผู้เรียนให้ใช้ความรู้และทักษะ, และผนึกความรู้ที่ได้เรียนไปให้ฝังแน่น
วงจรการเรียนรู้แบบ 4MAT model ประกอบด้วย 4 ส่วน (quadrant)
บุคคลบันทึกข้อมูลใหม่เข้าในความทรงจำได้หลายวิธี แต่ในทุกวิธี จะมีความสัมพันธ์ระหว่างประสบการณ์ และการคิด ร่วมอยู่ด้วยเสมอ
• ประสบการณ์ (experience) คือ การรับรู้ในความรู้สึก อารมณ์ และความทรงจำ ที่บุคคลเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในขณะนั้น
• การคิด (conceptualization) คือ การแปลงประสบการณ์ให้อยู่ในรูปของความคิด ภาษา และลำดับความสำคัญ
กระบวนการเรียนรู้ เป็นขั้นตอนที่ผู้เรียนเข้าไปจัดการกับข้อมูลใหม่ การเข้าไปจัดการนี้ก็เกิดขึ้นในหลายรูปแบบ แต่ทุกรูปแบบล้วนประกอบด้วยการทบทวนไตร่ตรอง และการปฏิบัติ
• การทบทวนไตร่ตรอง (reflection) คือ การแปลงข้อมูลด้วยการจัดโครงสร้างและลำดับ
• การปฏิบัติ (action) คือ การนำความคิดที่ได้ไปปรับใช้ ทดสอบ และกำกับการกระทำกับเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น
กระบวนการเรียนรู้ 8 ขั้นตอน
Quadrant ที่ 1: การให้ความหมาย (Meaning)
การเชื่อมโยง (connect)
quadrant ที่หนึ่ง เป็นระยะแรกของการเรียนรู้ที่ผู้เรียนต้องการทราบความหมายว่าทำไม (Why?) พวกเขาจึงต้องมาเรียนรู้ เป้าหมายแรกของวงจรการเรียนรู้นี้ต้องการดึงให้ผู้เรียนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ด้วยการเชื่อมโยง (connect)
สนใจในเรื่องที่จะเรียน (attend)
ในขั้นนี้ กิจกรรมที่สำคัญยังเป็นการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แต่ผู้เรียนจะได้รับการขอร้องให้มองข้าม ไม่ติดยึดกับประสบการณ์ของตนเอง การพูดคุยถึงประสบการณ์ของผู้อื่นจึงเป็นการพูดคุยที่มีความหมายมากขึ้น
Quadrant ที่ 2: การให้แนวคิด (Concept)
สร้างให้เกิดภาพ (image)
เป็นการให้ผู้เรียนได้รู้ว่าพวกเขาจะได้เรียนรู้อะไร (What?) ผู้เรียนจะต้องไตร่ตรองเรื่องราวที่ผู้สอนนำมาบรรยายให้ลึกกว่าที่ใช้ไปในการรับฟังประสบการณ์ของเพื่อน ผู้สอนควรให้ผู้เรียนได้ใช้สมองซีกขวาเปลี่ยนความคิดที่อาจจำกัดตัวอยู่แต่ในกรอบตายตัว
บอกเนื้อหาที่จะเรียนรู้ (inform)
• เกี่ยวข้องกับแนวคิดหลักและประสบการณ์ที่นำมาแลกเปลี่ยนกัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงต่อเนื่องและจดจำได้ง่าย
• นำไปสู่การสืบค้นศึกษาเพิ่มเติมของผู้เรียน
Quadrant ที่ 3: การฝึกฝน (Practice)
ฝึกปฏิบัติ (practice)ผู้เรียนจะเริ่มรู้สึกว่าตนได้ความรู้ใหม่เพิ่มขึ้นมาและใช้สมองซีกขวาในการจัดโครงสร้าง วิเคราะห์เนื้อหา และต้องการนำความรู้และทักษะมาฝึกปฏิบัติให้ชัดเจนว่าสิ่งที่ตนคิดกับการปฏิบัติจริง
ขยายขอบเขตความรู้ความเข้าใจ (extend) ผู้เรียนสร้างโครงการใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาสาระความรู้ที่ได้เรียนไปเพื่อขยายขอบเขตความรู้ความเข้าใจให้กว้างขวางขึ้น เป็นการใช้สมองซีกขวาของผู้เรียนสร้างงานในจินตผู้เรียนสร้างโครงการใดๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาสาระความรู้ที่ได้เรียนไปเพื่อขยายขอบเขตความรู้ความเข้าใจให้กว้างขวางขึ้น เป็นการใช้สมองซีกขวาของผู้เรียนสร้างงานในจินตภาพที่กว้างขวางมากไปกว่าที่ได้เรียน เป็นการฝึกให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดมากกว่าการท่องจำ ภาพที่กว้างขวางมากไปกว่าที่ได้เรียน เป็นการฝึกให้ผู้เรียนได้ใช้ความคิดมากกว่าการท่องจำ
Quadrant ที่ 4: การปรับใช้ (Adaptation)
การกลั่นกรอง (refine)
เรียนจะต้องทำการวิเคราะห์สิ่งที่พวกเขาได้วางแผนเป็นการเพิ่มเติมไปกว่าที่ได้เรียนรู้มาในขั้นก่อน เป็นการตอบคำถามว่า จะเป็นอย่างไรถ้า (What if?)
การนำไปใช้ (perform)
ผู้เรียนจะนำสิ่งที่เรียนรู้มาแลกเปลี่ยนกันในลักษณะเดียวกับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ผู้เรียนจะต้องอธิบายสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาทั้งหมดจากกระบวนการหรือวงจรการเรียนรู้ทั้งหมด ในลักษณะที่เป็นทั้งการประเมิน สรุป และจบการเรียนรู้ในเรื่องนั้นๆ
ประเภทของผู้เรียนในวงจรการเรียนรู้
(1) นักคิด (The imaginative learner)
ผู้เรียนประเภทนี้เป็นพวกที่ไวต่อความรู้สึกและใช้เวลาไปกับการคิดไตร่ตรองหาความหมายและเหตุผลให้กับการกระทำของตน ชอบการเข้ามีส่วนร่วม
(2) นักวิเคราะห์ (Analytical learner)
ผู้เรียนประเภทนี้จะตั้งใจฟัง คิด ค้นคว้าหาข้อเท็จจริงและนำมาจัดเข้ากระบวนการให้เกิดเป็นแนวคิด เป็นผู้ที่เรียนรู้ได้ดีและทำการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นอิสระ คำถามยอดฮิตของผู้เรียนประเภทนี้คือ ฉันจะได้เรียนรู้อะไร
(3) นักทดลอง (Common sense learner)
ผู้เรียนประเภทนี้ชอบคิดและลงมือทำ สนุกกับผลการทดลอง การสร้าง ออกแบบความคิดที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้ คำถามยอดฮิตของผู้เรียนประเภทนี้คือ ฉันจะเรียนรู้สิ่งนี้ได้อย่างไร
(4) นักปฏิบัติ (Dynamic learner)
ผู้เรียนประเภทนี้ชอบคิดและลงมือปฏิบัติโดยมุ่งสืบค้นความเป็นไปได้ที่จะยังมีเรื่องที่ไม่รู้ ซุกซ่อนอยู่ในส่วนหนึ่งส่วนใดของสิ่งที่เรียนมา เพื่อจะได้จัดความรู้เสียใหม่ให้เป็นของตน ชอบลองผิดลองถูกและค้นหาคำตอบที่ตนสงสัยด้วยตนเอง คำถามยอดฮิตของผู้เรียนประเภทนี้คือ หากฉันลองทำอย่างนี้บ้าง จะได้เรียนรู้อะไร