Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่8 ปัญหาสุขภาพจิตและปัญหาเพศสัมพันธ์ในผู้สูงอายุและการพยาบาล - Coggle…
บทที่8 ปัญหาสุขภาพจิตและปัญหาเพศสัมพันธ์ในผู้สูงอายุและการพยาบาล
ภาวะสมองเสื่อม Dementia
primary dementia เกิดจากความผิดปกติหรือการเสื่อมลงของเซลล์สมอง ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
secondary dementia เกิดจากโรคต่าง ๆ ที่ทราบสาเหตุ เป็นผลจากโรคทางกายอื่น ๆ ที่มีผลกระทบทำให้เกิดอาการสมองเสื่อม
ปัจจัยเสี่ยง
การสูบบุหรี่ ดื่มสุราหรือสิ่งเสพติด
น้ำหนักตัวเกิน ขาดการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว และโคเลสเตอรอลสูง
ผู้หญิง มีระดับฮอร์โมนเพศหญิงต่ำมานาน
สารพิษในสิ่งแวดล้อมรอบตัว
โรคประจำตัว
ระดับโฮโมซีสเตอีนในเลือดสูง
โรคหลอดเลือดสมอง
กรรมพันธุ์
พยาธิสภาพ
ปริมาณและจำนวนเซลล์สมองที่ทำหน้าที่ในคนปกติ จะมีการลดจำนวนลงเรื่อยๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น
ในผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมจะพบว่า จำนวนเซลล์ของสมองที่ทำงานลดลงอย่างมากมายอย่างเห็นได้ชัดเจน
จึงทำให้มีปัญหาด้านความจำ การรับรู้ความคิด การตัดสินใจ อารมณ์ และบุคลิกภาพผิดไปจากเดิมอย่างมาก
นอกจากนี้อาจพบว่าใยของประสาทในสมองมีความผิดปกติในด้านโครงสร้างด้วย
ในผู้ป่วยอัลไซเมอร์ พบว่ามีสารผิดปกติ คือ อมัยลอยด์ (amyloid) ในสมอง และมีระดับของ dopamine ลดลงอย่างมาก ทำให้การทำงานของสมองเสื่อมลง จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันของผู้ป่วย
อาการและอาการแสดง
บกพร่องในการตัดสินใจแก้ไขปัญหา
หลงทาง
บกพร่องในการใช้ภาษา
บกพร่องในการประกอบกิจกรรมที่เคยทำได้มาก่อน
บกพร่องในการประกอบกิจกรรมที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน
มีการประกอบกิจวัตรประจำวันด้วยตนเองบกพร่อง
บกพร่องด้านการรับรู้หรือเรียนรู้สิ่งใหม่
อาการเลวลงเวลาพลบค่ำ
บกพร่องด้านความจำสิ่งใหม่
พฤติกรรมแปลกๆ และมีบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
ระยะการดำเนินโรค
ระยะแรก
อารมณ์ไม่เบิกบาน โกรธง่าย หงุดหงิด คิดว่าจะมีคนมาทำร้าย
ระยะนี้รู้สึกตนเองมีความจำไม่ดีจะวิตกกังวลสูง
บุคลิกภาพเฉื่อยชา ขาดความสนใจสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย อาบน้ำไม่สะอาด
ผู้ป่วยมักบ่นเกี่ยวกับความเจ็บป่วยทางกายและมีการซึมเศร้า
การรับรู้และสมาธิเสื่อมลง
ลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดไม่นาน ลืมนัดหมาย
มีอาการหลงลืมไม่มาก ลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ พูดช้าลง นึกคำที่พูดไม่ได้
สับสนเมื่อต้องทำงานที่ใช้ข้อมูลหลายด้าน
สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำกิจกรรมต่างๆ ช้าลง
เล่าเรื่องเก่าซ้ำๆ ถามคำถามเดิม
ระยะปานกลาง
ช่วยเหลือตนเองได้น้อยลง ปฏิบัติกิจกรรมประจำวันที่เคยปฏิบัติไม่ได้ ปัสสาวะผิดที่ ตื่นและหลับผิดเวลา
ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมการงาน หรือบุคคลอื่น
ไม่รับรู้เวลา สถานที่ บุคคล
ไม่รู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหนจำคนหรือชื่อคนไม่ได้เดินไปมาไม่หยุด เดินหลง
บุคลิกภาพและสติปัญญาเปลี่ยนแปลง อารมณ์แปรปรวน ก้าวร้าว แสดงพฤติกรรมทางเพศไม่เหมาะสม
มีอาการของกลุ่มอาการ sundown syndrome อาการสับสนมากขึ้นในเวลาเย็น เนื่องจากเผชิญสิ่งสับสนมากในเวลากลางวัน การปรับตัวต่อความเครียดลดลง วิตกกังวล กระสับกระส่าย เดินหลงทางหรือมีอาการประสาทหลอน
ระยะรุนแรงหรือระยะสุดท้าย
จำเหตุการณ์ไม่ได้ ทั้งอดีตและปัจจุบัน
จำคนสนิทไม่ได้ อาจไม่รู้จักตนเอง
พูดลิ้นรัว ขาดเป็นช่วงๆ ไม่เป็นภาษา ไม่สามารถพูดสื่อสารได้
เบื่ออาหาร อาจลืมว่ารับประทานอาหารแล้ว
มีอาการสับสน กระวนกระวายตื่นกลางคืน เดินไม่ได้
เงียบและแยกตัว
กลั้นอุจาระและปัสสาวะไม่ได้ ช่วยตัวเองไม่ได้ ใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่บนเตียง
ส่วนใหญ่มักเสียชีวิตจากโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม แผลกดทับ ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะหรือหลอดเลือดในสมองอุดตัน
การวินิจฉัย
2.ตรวจคัดกรองเบื้องต้นว่ามีอาการซึมเศร้า หรือไม่ เพื่อประเมินสภาวะทางจิตโดยใช้ Geriatric Depression Scale: GDS หรือเครื่องมือของ Beck ฉบับย่อ
3.ทดสอบความจำและประเมินความสามารถด้านสติปัญญาโดยใช้ Mini-Mental State Examination-Thai version (MMSE-Thai) ประเมินภาวะสับสนเฉียบพลัน (Confusion Assessment Method: CAM) หรือภาวะสมองเสื่อม (เช่น Clock Drawing Test, Modified Short Blessed Test, ADAS-cog) และประเมินความสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน (basic ADL) เป็นต้น
ซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยทั่วไปผู้ป่วยมักให้ประวัติไม่ได้ต่อเนื่องจากอาการหลงลืม จึงควรมีมีญาติ หรือผู้ดูแลที่อยู่กับผู้ป่วยมานานและทราบรายละเอียดอย่างดีมาร่วมในการซักประวัติด้วย ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในด้านความจำ พฤติกรรม การทำงานของผู้ป่วย กรรมพันธุ์ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ ฯลฯ
การตรวจร่างกาย เช่น การตรวจเลือดเพื่อประเมินการทำงานของร่างกายเบาหวานไต วัดความดันโลหิต ตรวจการทำงานของหัวใจ เอ็กซเรย์ปอด และอาจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง เพื่อค้นหาสาเหตุ จากโรคที่รักษาหาย เป็นต้น
เกณฑ์ในการวินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมใช้เกณฑ์ของ DSM IV
การตรวจเพื่อการวินิจฉัยเบื้องต้น
MMSE
TMSE
หลักการรักษา
รักษาต้นเหตุ
รักษาตามอาการ
การรักษาโดยใช้ยา
การป้องกัน
การพูดคุยพบปะผู้อื่นบ่อยๆ
ตรวจสุขภาพประจำปี
ออกกำลังกายสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
ระมัดระวังเรื่องอุบัติเหตุต่อสมอง
ฝึกฝนสมอง
ปฏิบัติกิจกรรมอย่างมีสติ และฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลา
ควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้เกินเกณฑ์
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
รับประทานอาหารครบหมู่
การพยาบาลผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อม
มุ่งส่งเสริมคุณภาพชีวิต และคงความสามารถของผู้ป่วยในการช่วยเหลือตนเองตามความสามารถให้นานที่สุด
บทบาทที่สำคัญของพยาบาล
การประเมินปัญหาและความต้องการของผู้ป่วยในการพยาบาลอย่างถูกต้อง
ให้ความรู้และคำแนะนำแก่ผู้ดูแล จนเกิดความเข้าใจวิธีการดูแลผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยเกิดความสุขสบายและลดปัญหาในการดูแล
การพยาบาลที่สำคัญ
การป้องกันภาวะแทรกซ้อน
การรักษาหน้าที่ของสมองให้คงอยู่มากที่สุด
การส่งเสริมสภาวะทางด้านจิตสังคมและลดอาการซึมเศร้า
การแก้ไขปัญหาพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนจากปกติ
การถามคำถามซ้ำ
พฤติกรรมต่อต้านก้าวร้าว มีอารมณ์รุนแรงและเปลี่ยนแปลงง่าย
พฤติกรรมในการเดินหลงทาง (wandering)
พฤติกรรมการขโมยสิ่งของและสะสมของ
การเลือกเสื้อผ้าและการแต่งตัว
พฤติกรรมทางเพศไม่เหมาะสม
อาการหวาดระแวงและกล่าวโทษผู้อื่น
การสื่อสารและการใช้ภาษา
การส่งเสริมให้ผู้ป่วยทำกิจวัตรประจำวันได้นานที่สุด
การพยาบาลญาติผู้ดูแลผู้ป่วย
พยายามทำจิตใจให้สดใส มีอารมณ์สดชื่นสนุกสนาน มองโลกในแง่ดี ใจเย็น
แก้ไขอารมณ์และพฤติกรรมที่เป็นปัญหามากที่สุดก่อน
พักผ่อนให้เพียงพอ
ยืดหยุ่น ใช้ความรู้สึก สัญชาตญาณ และจินตนาการในการดูแล ทำสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวให้ง่าย สร้างกำลังใจให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่าและมีความหมาย เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว อย่ายึดติดกับความถูกต้องทั้งหมด
ควรเรียนรู้และทำความเข้าใจกับภาวะสมองเสื่อม
Delirium
ปัจจัยกระตุ้น
โรคที่เกิดร่วม : โรคติดเชื้อ เจ็บป่วยกะทันหัน พร่องออกซิเจน ช็อค โลหิตจาง ไข้สูงมากๆ ขาดสารน้ำ ไม่สมดุลน้ำและอิเลคโตรลัยท์
โรคระบบประสาท ; โรคหลอดเลือดสมอง สมองอักเสบ
ยา : ยากล่อมประสาท หรือ ยานอนหลับ ยากลุ่ม narcotics ยารักษาโรคพาร์กินสัน รักษาโรคจิตเภท การหยุดยาหรือสุรากะทันหัน
การผ่าตัด: ผ่าตัดทางออร์โธปิดิกส์ การผ่าตัดหัวใจ
สิ่งแวดล้อม : เข้ารักษาใน ICU ใส่เครื่องช่วยต่างๆ ความเจ็บปวด ความเครียด
การอดนอนเป็นเวลานาน
สาเหตุ
ความผิดปกติของสารสื่อประสาท
การอักเสบ และความเครียดเรื้อรังจากการเจ็บป่วย
เกณฑ์การวินิจฉัย Delirium ใช้ Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders IV (DSM – IV)
การดำเนินโรค
เมื่อแก้ไขสาเหตุได้ Delirium มักจะดีขึ้นภายในเวลาเป็นวัน หรือสัปดาห์ แต่มีเพียงร้อยละ 18 ที่ฟื้นกลับเป็นปกติสมบูรณ์
ชนิด ของ Delirium
ชนิด hyperactive จะมีอาการวุ่นวาย หลงวัน เวลา สถานที่ และบุคคล เห็นภาพหลอน
ชนิด hypoactive จะมีอาการเงียบ ซึมสับสน เฉยเมย นอนมาก
ชนิด mixed ผู้ป่วยจะมีอาการสลับไปมาระหว่างชนิด hyperactive และ hypoactive
การป้องกันการเกิดภาวะ Delirium
ดูแลให้ได้รับ ออกซิเจนอย่างเพียงพอ
ลดอาการเจ็บปวด
ดูแลการขับถ่าย
หยุดยาที่ไม่จำเป็น
ดูแลให้ไดรับอาหารที่เหมาะสม
การกระตุ้นให้มีการเคลื่อนไหวตั้งแต่ระยะแรก
การปรับสภาพแวดล้อม
อาการเตือน
มีการเปลี่ยนแปลงของสภาวะจิตใจอย่างรวดเร็ว
มีอาการผิดปกติทางจิตประสาท
กำลังมีโรคทางกายที่อาจทำให้ซึมสับสนเฉียบพลัน
ได้ยาบางชนิด
มีอาการเห็นภาพหลอน
พูดจาสับสน หรือหลงวัน เวลา สถานที่ และบุคคล
ตรวจคลื่นสมองพบมี diffuse slow wave หรือ epileptiform discharge
การรักษาและการพยาบาลภาวะ Delirium
ค้นหาสาเหตุเพื่อให้การรักษาที่ถูกต้อง
การดูแลประคับประคองอาการ
ดูแลทางเดินหายใจให้โล่ง
ให้สารน้ำ สารอาหารให้เพียงพอ
พลิกตะแคงตัวทุก 2 ชม.
หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ยึดตรึงผู้ป่วย จะทำให้ยิ่งวุ่นวายมากขึ้น
ดูแลเรื่องการขับถ่าย และความสะอาดของร่างกาย
ดูแลสภาพแวดล้อม
การปรับให้โล่ง แยกออกจากผู้ป่วยอื่น เพื่อให้พักผ่อนได้ และลดสิ่งรบกวน แสงสว่างเพียงพอ ลดเสียงรบกวน
การช่วยให้ผู้ป่วยประกอบกิจวัตรประจำวันได้
การให้ยา ให้เพื่อควบคุมให้สงบ
อาการ
มีอาการเฉียบพลัน
ระยะนำ อาจมีอาการเพียงอ่อนเพลียไม่มีสมาธิ หงุดหงิด วิตกกังวล ไวต่อสิ่งเร้า
การสูญเสียความจดจ่อ
ปัญหาการนอน มักตื่นตอนกลางคืน และหลับตอนกลางวัน
เฉยเมย (apathy) และ แยกตัว (withdrawal)
อารมณ์แปรปรวน
กระวนกระวาย (agitation)
ความผิดปกติในการรับรู้ อาจเห็นภาพหลอน หูแว่ว
ความจำเสื่อม (memory impairment) และ disoriented มักสูญเสียความจำระยะสั้น และหลงวัน เวลา สถานที่ และบุคคลด้วย
อาการทางระบบประสาท
โรคอัลไซเมอร์
สาเหตุ
จากความผิดปกติในเนื้อสมอง
มีสาร beta amyloid
กลุ่มใยประสาทพันกัน
กรรมพันธุ์
การอักเสบ inflammatory สาร amyloid
อายุ
โรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
อาการและอาการแสดง
ระยะแรก มีปัญหาเรื่องความจำ การเรียนรู้สิ่งใหม่ และลืมเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นประสาทการมองเห็นอาจผิดปกติ ทำให้ขาดความสามารถในการทำกิจกรรมที่ซับซ้อน
ระยะกลาง เริ่มมีปัญหาในการทำกิจวัตรประจำวันพื้นฐาน เช่น อาบน้ำ แปรงฟัน การขับถ่าย การรับประทานอาหาร และมีปัญหาทางพฤติกรรม และอารมณ์
ระยะสุดท้าย สื่อสารได้ลดลง มีพฤติกรรมซ้ำๆ มีปัญหาการทรงตัว จำญาติใกล้ชิดไม่ได้ หรือลืมชื่อตนเอง ต้องดูแลตลอด 24 ชม. อาจติดเชื้อทางเดินหายใจ หรือทางเดินปัสสาวะ และเสียชีวิตได้
การวินิจฉัย
Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders , fourth edition (DSM-IV)
National Institute of Neurological and Communicative Disorders and Stroke-Alzheimer’s Disease and Related Disorder Association (NINDS-ADRDA)
การรักษาและการพยาบาล ยังไม่มีการรักษาที่ช่วยชะลอหรือหยุดการดำเนินโรคอย่างแท้จริง
แนวทางที่เชื่อว่าจะช่วยป้องกันและจัดการโรคได้
การกระตุ้นทางจิตใจ (Mental stimulation)
การออกกำลังกาย และรับประทานอาหารครบทุกหมู่
Parkinson’s Disease
สาเหตุ
ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พบว่าภาวะ toxicity
อาจพบปัจจัยอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกเช่น CVD , genetic , การได้รับยาบางชนิด
อาการและอาการแสดงที่สำคัญ
จะแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นกับสาเหตุของการสั่น ผลคือทำให้ dopamine ลดลงทำให้เกิดอาการขึ้น
กล้ามเนื้อแข็งตึง( muscular rigidity)
การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อที่อยู่ในอำนาจจิตใจทำได้ช้า (bradykinesia) เช่นการพูด การกลืนอาหาร
กล้ามเนื้ออ่อนแรง (muscular weakness) ตามี drooling หน้าเหมือนใส่หน้ากาก
สูญเสียรีเฟล็กซ์การทรงตัว (postural reflexes)
อารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย
ท่าทางเดินของผู้ที่เป็น Parkinson’s Disease
มีลักษณะศีรษะก้มลง ตัวงอไปข้างหน้า ไหล่ห่อและแขนงอ
( bowed head , forward bent trunk , drooped shoulders , flexed arms) การเดินจะลากเท้าและก้าวได้สั้นๆ มีผลให้เสี่ยงต่อการหกล้ม
ผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติทำให้ มีน้ำลายออกมาก กลืนลำบาก เหงื่อออกมาก อาจเกิด Orthostatic hypotension จากสูญเสียการตอบสนองของระบบประสาทส่วนปลายได้ เกิดการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ได้
เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจได้
สาเหตุการตายที่สำคัญของผู้ป่วย Parkinson’s Disease คือ ภาวะแทรกซ้อน และที่สำคัญคือ อุบัติเหตุ
การตรวจเพื่อการวินิจฉัย
ไม่มีการตรวจเฉพาะที่ระบุได้
การวินิจฉัยพิจารณาจากอาการและอาการแสดงทางคลินิค ในรายที่พบอาการตั้งแต่เริ่มแรกต้องแยกจาก Wilson’s disease และการได้รับทองแดง ( copper) มากเกินไป
การรักษาพยาบาล
การรักษาด้วยยา
ควบคุมอาการไม่ให้รุนแรงมากขึ้นและสนับสนุนการรักษาอื่นในการคงไว้ซึ่งการทำหน้าที่ของร่างกายให้ได้มากที่สุด
Levodopa (L-Dopa) เป็น precursor ของ Dopamine เป็นยารับประทาน เมื่อเข้าไปที่สมองจะเปลี่ยนเป็น Dopamine ใน basal ganglia
Dopamine จะไม่ให้โดยการรับประทาน เพราะจะถูกเผาผลาญก่อนถึงสมอง
ยา Dopadecarboxylase inhibitors เช่น carbidopa-levodopa (Sinemet) ขัดขวางการเปลี่ยน Levodopa เป็น Dopamine ใน peripheral tissue ไม่สามารถผ่าน blood brain barrier ได้ จึงถูกใช้ในการยับยั้งเอนไซม์ซึ่งเปลี่ยน Levodopa เป็น Dopamine เพื่อให้ไปเปลี่ยนที่สมอง
Anticholinergic drugsใช้ในการควบคุมอาการสั่นและแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ ใช้เดี่ยวในกรณีมีอาการเล็กน้อยหรือห้ามใช้ Levodopa หรือใช้ร่วมกับ Levodopa
การรักษาด้วยการผ่าตัด
ทำในบางรายเพื่อรักษาอาการสั่นและการแข็งเกร็งของกล้ามเนื้อ แต่ไม่สามารถรักษาโรคได้
ข้อวินิจฉัยการพยาบาล
Activity Intolerance
Anxiety
Impaired verbal Communication
Ineffective Coping
Interrupted Family Processes
Fear
Ineffective Health Maintaince
Risk for Infection
Risk for Injury
Impaired Physical Mobility
Imbalanced Nutrition : Less Than Body Requirements
Powerlessness
Self –Care deficit
Social Isolation
การพยาบาล
เทคโนโลยี
PULSE GENERATORS
Genes therapy
Active & passive joint
mobility (ROM exercise)
Warm bath & massage
นำเข้า exercise program
Psychological support
อาหาร
ซุปข้น หรืออาหารทางสายยางอาจจำเป็นสำหรับผู้ป่วยเนื่องจากกลืนลำบาก ควรเป็นชนิดไขมันต่ำ วิตามิน เอ และ อี สูง กากใยสูงเพื่อป้องกันภาวะท้องผูก ในการให้รับประทานต้องสำลักเพราะกลืนลำบาก
กิจกรรม
ควรให้มีกิจกรรมการเคลื่อนไหว โดยช่วยเหลือและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุด้วย ไม่ควรให้ทำอย่างรีบร้อน
การรักษาอื่นๆ
กายภาพบำบัดเป็นการรักษาที่สำคัญยิ่งเพื่อคงความสามารถในการเคลื่อนไหวของข้อและคงท่าทางที่ปกติและการเดินไว้
ภาวะสับสน
อาการที่เกิดแบบทันที
Cold or clammy skin
Dizziness or feeling faint
Fast pulse
Fever
Headache
Slow or rapid breathing
Uncontrolled shivering
การตรวจเพื่อวินิจฉัย
Brain and nervous system (neurologic) tests
Cognitive tests
MRI of the head
Blood and urine tests
EEG
การพยาบาล
ประเมินผู้ป่วยโดยถามชื่อ อายุ วันเดือน ปี
ถ้าพบว่าเป็น confused person ต้องดูแลใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้อยู่ตามลำพัง
วางปฏิทิน นาฬิกา ไว้ใกล้ๆ
พูดคุยถึงสถานการณ์ปัจจุบันให้ฟัง และบอกแผนหรือสิ่งที่จะต้องทำของแต่ละวันให้ทราบ
จัดสภาพโดยรอบให้สงบ เงียบ และรู้สึกอบอุ่น
ดูแลให้ยา รักษาสาเหตุที่ทำให้เกิด
แนะนำให้ลด/เลิกดื่มสุรา
ให้รับประทานอาหารที่มีวิตามินและเกลือแร่สูง
ดูแลให้นอนหลับพักผ่อนได้เพียงพอ
ลด/เลิกสูบบุหรี่
ดูแลควบคุมโรคที่เป็นอยู่ให้ดี
การฆ่าตัวตาย
สาเหตุ
ภาวะซึมเศร้า
การเจ็บป่วยทางกาย หรือ การเจ็บป่วยทางจิต
การสูญเสียคู่ชีวิต
การติดสารเสพติด
อาการและอาการแสดง
อาการไม่สนใจในการรับประทานอาหาร ปฏิเสธการรับประทานยา ปฏิเสธการรักษา ทำในสิ่งที่เป็นการเสี่ยงตาย เหล่านี้เป็นอาการบ่งบอกว่าอยากตาย
การประเมินภาวะเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุ
recent losses
lifestyle change
new or worsening health problems
new symptoms of depression
changes in or a limited support system
family history of suicide
การรักษาและการพยาบาล
การซักประวัติผู้ป่วยหากเป็นไปได้ควรทำในที่เป็นส่วนตัว
ผู้สูงอายุที่พยายามฆ่าตัวตาย ต้องได้รับการป้องกัน และดูแลอย่างใกล้ชิด และรีบรักษาสาเหตุ
จัดสภาพแวดล้อมให้ปลอดภัย นำสิ่งที่จะใช้ในการทำร้ายตัวเองได้ออกให้หมด
ให้พูดระบายความเครียด
พยาบาลต้องแสดงความเต็มใจ ตั้งใจฟัง แสดงความเข้าใจถึงความทุกข์ใจของผู้ป่วย เห็นใจ ไม่แสดงท่าทีตัดสินถูกผิดต่อสิ่งที่เขาได้กระทำลงไป
ควรมีท่าทีที่มั่นคง แสดงความเห็นอย่างชัดเจนว่าแม้ว่าปัญหาของผู้ป่วยดูจะยุ่งยาก แต่การตายไม่ใช่แนวทางในการแก้ปัญหา
ไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียว
ยารักษาโรคจิตในขนาดต่ำควบคุมความยับยั้งผู้ป่วยที่มีบุคลิกภาพแบบหุนหันพลันแล่นโดยให้ perphenazine หรือ haloperidol
ภาวะซึมเศร้า (Depression)
เป็นปัญหาด้านจิตใจและอารมณ์ที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ
ส่วนใหญ่มักไม่ได้รับความสนใจและบำบัดรักษา
หากไม่ได้รับการแก้ไข จะเกิดผลกระทบต่อผู้สูงอายุ
ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มประชากรที่มีโอกาสเกิดโรคซึมเศร้าได้มากกว่าวัยอื่น
ความหมาย กลุ่มอาการที่ประกอบด้วยอาการแสดงของความผิดปกติด้านอารมณ์ การคิดรู้ และการทำหน้าที่ด้านร่างกาย
ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงอายุจึงมีอาการโรคซึมเศร้ามากกว่าวัยอื่น
การเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ง่าย
การที่มีโรคทางกายบางอย่าง เช่น โรคสมองเสื่อม โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็ง โรคต่อมธัยรอยด์เป็นต้น
การเจ็บป่วยทางกายที่ไม่ได้มีผลกระทบต่อสมองโดยตรงแต่ทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน เจ็บปวด หรือเกิดความรู้สึกว่าร่างกายไม่แข็งแรง อาจทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้าได้ เช่น ป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคไต ปวดข้อ เป็นต้น
ยาหลายชนิดอาจทำให้มีอารมณ์เศร้าได้เช่นกัน เช่น ยาลดความดันโลหิตสูงบางชนิด เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงทางด้านจิตใจ เช่น ต้องสูญเสียคู่ชีวิต หรือต้องออกจากงานเนื่องจากเกษียณอายุการทำงาน ทำให้ต้องปรับตัวกับการดำเนินชีวิตแบบใหม่ ไม่มีเพื่อนร่วมงาน เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เช่น การต้องเปลี่ยนบทบาทจากหัวหน้าผู้นำครอบครัวเป็นผู้ตาม หรือการที่ไม่ได้รับการยอมรับนับถือจากลูกหลานเนื่องจากเห็นว่าอายุมากแล้ว ไม่ทันต่อเหตุการณ์ เป็นต้น
สาเหตุ
ปัจจัยทางชีวภาพ: ความไม่สมดุลของสารสื่อประสาท และการสูญเสียการควบคุมการทำหน้าที่ของระบบต่อมไร้ท่อ
ปัจจัยทางด้านจิตใจ: การเบี่ยงเบนด้านการคิดรู้ เหตุการณ์ชีวิตที่ก่อให้เกิดความเครียด เช่น การสูญเสีย การคาดหวังความสามารถในตนเองต่ำ
ปัจจัยทางสังคมและประชากร: เพศหญิงเสี่ยงมากกว่าชาย 2-3 เท่า ผู้ที่ไม่ได้สมรส อยู่ตามลำพัง การขาดแหล่งให้การสนับสนุนทางสังคม
ปัจจัยเสี่ยง:ผู้สูงอายุหญิง มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นซึมเศร้า สถานะทางเศรษฐกิจสังคมต่ำ มีโรคร่วมหลายโรค มีภาวะทุพพลภาพต้องพึ่งพา ได้รับยาหลายขนาน ประวัติใช้สารเสพติด
อาการและอาการแสดง
อาการหลัก ได้แก่ มีอารมณ์ซึมเศร้า มีอาการเกิดขึ้นตลอดเวลาทั้งวันติดต่อกันเป็นเวลา 2 อาทิตย์ขึ้นไป ไม่มีความสุข ไม่สนใจในสิ่งต่างๆที่ปกติเคยสนใจ อ่อนเพลีย (fatigue) เหนื่อยง่าย
อาการอื่นๆ ได้แก่ ไม่มีความมั่นใจ คุณค่าในตนเองลดน้อยลง รู้สึกผิดหรือบาปอย่างไม่สมเหตุผล คิดถึงเรื่องความตาย มีความคิดหรือพฤติกรรมอยากฆ่าตัวตาย ไม่มีสมาธิหรือคิดอะไรไม่ออก ตัดสินใจไม่ได้ การเคลื่อนไหวผิดปกติไปจากเดิม เชื่องช้า กระวนกระวายผุดลุกผุดนั่ง นอนไม่หลับ (insomnia) เบื่ออาหาร (anorexia) ไม่สนใจเรื่องเพศสัมพันธ์
การวินิจฉัย
ซักประวัติ ตรวจร่างกาย
ตรวจคัดกรอง: 2Q
เครื่องมือประเมิน: 9Q, GDS, TGDS
การรักษา
รักษาด้วยยา : เพิ่มปริมาณสารสื่อประสาทที่บริเวณปลายประสาท โดยการเพิ่มปริมาณ serotonin ที่ปลายประสาท (selective serotonin reuptake enhances : SSRE) เช่น Tianeptive หรือ การลดการเก็บกลับของ serotonin การยับยั้งเอนไซม์ที่ทำลายสารสื่อประสาทต่างๆ (serotonin nor adrenaline reuptake inhibitor: SNRI) เช่น Venlafaxine
ไฟฟ้ารักษา (electroconvulsive therapy)
จิตบำบัด เช่น Cognitive Behavioral Therapy (CBT), Interpersonal Psychotherapy (IPT), Problem Solving Therapy (PST)
การช่วยเหลือทางสังคม
การพยาบาลผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้า
การป้องกันการเกิดภาวะซึมเศร้า
การพยาบาลเพื่อลดความรุนแรงของภาวะซึมเศร้า
การค้นหาภาวะซึมเศร้าตั้งแต่ระยะแรก
การป้องกันอันตรายอันเกิดจากภาวะซึมเศร้า
การพยาบาลเพื่อป้องกันการเกิดภาวะซึมเศร้า
ลดปัจจัยเสี่ยงหรือปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า เช่น หลีกเลี่ยงการแยกผู้สูงอายุออกจากสังคม การปฏิบัติต่อผู้สูงอายุที่ทำให้เกิดความรู้สึกด้อยค่า
ให้การดูแลด้านจิตสังคมอย่างสม่ำเสมอ โดยร่วมกับญาติและครอบครัวเพื่อส่งเสริมกระบวนการปรับตัวกับความเจ็บป่วยและผลของการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น
เฝ้าระวังยาที่ใช้รักษาโรคทางกายแต่อาจทำให้เกิดอารมณ์ซึมเศร้า เช่น antihypertensive, narcotic analgesic, antiparkinson agent
ลดภาวะแทรกซ้อนจากโรคที่ป้องกันได้ ซึ่งอาจทำฝห้การเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น เช่น ภาวะ hypo-hyperglycemia
การส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุด้านจิตใจ
พยายามปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวัยสูงอายุไม่ว่าจะเป็นโรคทางกาย ความสามารถและบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไป
ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชอบ เช่น ปลูกต้นไม้ เย็บปักถักร้อย เป็นต้น
ทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เช่น เข้าชมรมผู้สูงอายุ ไปออกกำลังกายเป็นประจำ
ควรรีบไปตรวจและแจ้งแพทย์โดยไม่ต้องอายเมื่อมีอาการซึมเศร้า
การค้นหาภาวะซึมเศร้าตั้งแต่ระยะแรก
ประเมินการคิดรู้หรือสภาพสมอง
MMSE
SGDS
SIG E CAPS
การค้นหาผู้สูงอายุที่เสี่ยงหรือมีภาวะซึมเศร้าตั้งแต่ระยะแรกและประสานการบำบัดโดยเร็วและถูกต้องจะช่วยป้องกันผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ รวมทั้งการเสียชีวิตของผู้สูงอายุ
การพยาบาลเพื่อลดความรุนแรงของภาวะซึมเศร้า
ประสานการบำบัดรักษากับแพทย์ที่รักษาและจิตแพทย์
ให้ยาตามแนวทางการรักษาและสังเกตผลลัพธ์ของยา
ประสานการบำบัดรักษาต่างๆ เช่น psychotherapy counseling electroconvulsive therapy
การพยาบาลผู้สูงอายุที่มีภาวะซึมเศร้าทุกระดับ
จัดให้ได้รับการบำบัดหรือจัดการภาวะซึมเศร้าตามแนวทางการรักษา
ดูแลความปลอดภัยเพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย
ประเมินและควบคุมยาและความเจ็บป่วยทางกายที่เป็นสาเหตุ
เฝ้าระวัง และส่งเสริมผู้สูงอายุ เรื่องโภชนาการ การขับถ่าย แบบแผนการนอนหลับพักผ่อน ความไม่สุขสบาย
ส่งเสริมให้มีกิจกรรมด้านร่างกายเพิ่มขึ้น
ส่งเสริมการสนับสนุนทางสังคม
ส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ
สนับสนุนให้เข้าร่วมกิจกรรมบำบัดด้วยการผ่อนคลาย กิจกรรมที่ทำให้สบายใจ
ประคับประคองด้านจิตใจอารมณ์ ให้การช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเจ็บป่วยและการรักษา และความสำคัญของการรักษา
ประเมินติดตามภาวะซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง ทำงานร่วมกับหน่วยสุขภาพชุมชน ติดตามเยี่ยมบ้าน
ปัญหาเพศสัมพันธ์
ความเชื่อและความเข้าใจผิดที่พบได้บ่อยๆ
ผู้สูงอายุไม่ควรคิดเรื่องเพศ
ผู้สูงอายุที่ยังคิดเรื่องเพศ เป็นความผิดปกติ
เพศสัมพันธ์ในวัยสูงอายุเป็นเรื่องน่าอาย
การมีเพศสัมพันธ์กับเด็กจะช่วยเพิ่มพลังทางเพศ
สมุนไพร อวัยวะสัตว์ จะเพิ่มพลังทางเพศ
เพศสัมพันธ์ที่เหมาะสมส่งผลดีต่อผู้สูงอายุ
สามารถจัดเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่ง
การมีกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้มีการทำงาน
ของระบบต่างๆ ของร่างกายดีขึ้น
เกิดความเชื่อมั่นในตนเอง เกิดความพึงพอใจ
ส่งผลให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี ทำให้อายุยืนยาวมากขึ้น
ปัจจัยที่ส่งผลต่อเพศสัมพันธ์ในผู้สูงอายุ
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เช่น การตอบสนองทางเพศลดลง ความถี่ของจุดสุดยอดลดลง ผู้สูงอายุชายมีการตื่นตัวทางเพศลดลง ผู้สูงอายุหญิงมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (painful intercourse หรือ dyspareunia)
ปัญหาสุขภาพ เช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ ไขสันหลังถูกกดจากโรคข้อเสื่อม Pakinsonism โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน พิษสุราเรื้อรัง
การใช้ยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคความดันโลหิต ยาแก้แพ้
ปัญหาเกี่ยวกับความบกพร่องในการทำหน้าที่ทางเพศ
การไร้หรือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
อาการ อวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรืออ่อนตัวเร็ว จนไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้
สาเหตุ ทางร่างกาย พบในผู้สูงอายุ ที่มีการเปลี่ยนแปลงของหลอดเลือดในอวัยวะเพศ
ทางจิตใจ เกิดจากความเครียด วิตกกังวล ทัศนคติและความเชื่อในเรื่องทางเพศ
Premature Ejaculation
อาการ ฝ่ายชายถึงจุดสุดยอดเร็วจนไม่สามารถทำให้ฝ่ายหญิงเกิดความพอใจได้
สาเหตุ ทางจิตใจ ความเครียด วิตกกังวล
Frigidity (เฉยชาทางเพศ)
อาการ เพศหญิงเฉยชา ขาดการตอบสนองทางเพศ
สาเหตุ
การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายตามวัย
ทางจิตใจ อารมณ์ ความเครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า
ทัศนคติทางเพศ
Dyspareunia (เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์)
อาการ ฝ่ายหญิงเจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากอวัยวะเพศขาดการหล่อลื่นทำให้เกิดการเสียดสีจนบาดเจ็บ
สาเหตุ
ทางร่างกาย มีการเปลี่ยนแปลงไปตามวัย
ทางจิตใจ ขาดความรู้สึก ความต้องการทางเพศ ขาดการตอบสนองทางเพศ
บทบาทของพยาบาลในการช่วยเหลือ
ผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านเพศสัมพันธ์
ประเมินปัญหาโดยซักประวัติเกี่ยวกับเรื่องเพศ ได้แก่ สัมพันธภาพระหว่างคู่ ความสนใจในเรื่องเพศ แบบแผนการทำหน้าที่ทางเพศ ปัญหาสุขภาพ
ประเมินการใช้ยาในผู้สูงอายุโดยเฉพาะยาที่ใช้ทั่วไปในการรักษาโรคที่มีผลกระทบต่อการแสดงออกด้านเพศสัมพันธ์ เช่น กลุ่มยาต้านเศร้า กลุ่มยาลดความดันโลหิต
ประเมินการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ซึ่งส่งผลต่อวงจรการตอบสนองทางเพศ
ใช้ข้อมูลที่ได้จากการประเมินปัญหามาแก้ไขความเข้าใจผิดในเรื่องเพศ
ส่งเสริมให้มีอัตมโนทัศน์ที่ดี
ให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา และปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้อง