Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
พระราชบัญญัติเครื่องสําอางพ.ศ. ๒๕๕๘ - Coggle Diagram
พระราชบัญญัติเครื่องสําอางพ.ศ. ๒๕๕๘
มาตรา๑
“พระราชบัญญัติเครื่องสําอางพ.ศ. ๒๕๕๘”
มาตรา๒ บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศ
มาตรา๓ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติเครื่องสําอางพ.ศ. ๒๕๓๕
มาตรา๔ในพระราชบัญญัติ
ใช้ทา ถู นวด โรยพ่น หยอดใส่ อบ
ส่วนผสมในการผลิตเครื่องสําอางโดยเฉพาะ
มาตรา๕
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา๖กรรมการมีอํานาจประกาศกําหนดในเรื่องดังต่อไปนี้
ชื่อ ประเภท ชนิดที่ห้ามผลิต
ชื่อวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสม
ชื่อปริมาณและเงื่อนไขของวัตถุที่อาจใช้เป็นส่วนผสม
ชื่อ สารสําคัญ ประเภท ชนิด
ลักษณะสถานที่ ผลิตเครื่องมือ เครื่องใช้
หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการผลิต
สถานที่แห่งใดในราชอาณาจักรเป็นด่านตรวจสอบเครื่องสําอาง
หมวด ๑ คณะกรรมการเครื่องสำอาง
มาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการเครื่องสําอาง”
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
อธิบดีกรมการแพทย์
อธิบดีกรมควบคุมโรค
อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
อธิบดีกรมอนามัย
มาตรา๘กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดํารงตําแหน่งคราวละสองปี
มาตรา ๙ พ้นจากตำแหน่งเมื่อ
รัฐมนตรีให้ออกเพราะทุจริตต่อหน้าที่
ตาย
ลาออก
ขาดคุณสมบัต
เป็นบุคคลล้มละลาย
เป็นคนไร้ความสามารถ
ได้รับโทษจําคุก
มาตรา๑๐คณะกรรมการมีอํานาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
ให้คําแนะนํา
ให้คําแนะนําแก่รัฐมนตรีในการออกประกาศตามมาตรา๖
มาตรา๑๑การประชุมคณะกรรมการ
ประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนกรรมการทั้งหมด
มาตรา ๑๒ แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อทำการวิจัย
มาตรา ๑๓ มีอํานาจออกคําสั่งเป็นหนังสือ
หมวด๒การจดแจ้งและการรับจดแจ้งเครื่องสําอาง
มาตรา๑๔ผู้ใดประสงค์จะผลิตเพื่อขายต้องจดแจ้งรายละเอียดของเครื่องสําอาง
มาตรา๑๕ใบรับจดแจ้งให้มีอายุสามปีนับแต่วันที่ออกใบรับจดแจ้ง
มาตรา๑๖ นำเข้าเพื่อเป็นตัวอย่าง วิจัย ยกเว้นไม่ต้องขอรับใบจดแจ้ง
มาตรา๑๗ไม่รับจดแจ้งลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
ไม่ปลอดภัยในการใช้ตามมาตรา๒๘
ใช้ชื่อไปในทํานองโอ้อวดไม่สุภาพ
ี่ใช้ชื่อไม่เหมาะสมกับวัฒนธรรมอันดีงามของไทย
มาตรา๑๘ถ้าใบรับจดแจ้งชํารุดสูญหายยื่นต่อภายในสิบห้าวัน
มาตรา๑๙ประสงค์แก้ไขรายการให้ยื่นคําขอต่อผู้รับจดแจ้ง
มาตรา๒๐ประสงค์จะขอออกหนังสือรับรองยื่นคําขอต่อผู้รับจดแจ้ง
หมวด๓ฉลากเครื่องสําอาง
ผู้ผลิต ขาย นำเข้า รับจ้างต้องจัดให้มีฉลาก
ตรงต่อความจริง
ข้อความภาษาไทยและมีขนาดที่สามารถอ่านได้ชัดเจน
ต้องระบุข้อความดังต่อไปนี้
ชื่อทางการค้า
ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต
ปริมาณวิธีใช้ข้อแนะนําคําเตือนเดือนปีที่ผลิตและที่หมดอาย
ข้อความอื่นเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้บริโภค
หมวด๔การควบคุมเครื่องสําอาง
มาตรา๒๕ต้องผ่านการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ณด่านตรวจสอบเครื่องสําอาง
มาตรา๒๖ผู้จดแจ้งต้องผลิตหรือนําเข้าเครื่องสําอางให้ตรงตามที่ได้จดแจ้งไว้
มาตรา๒๗ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขายดังนี้
ไม่ปลอดภัยในการใช
ปลอม
ผิดมาตรฐาน
มาตรา๒๘มีอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ปลอดภัย
ภาชนะบรรจุไม่ถูกสุขลักษณะ
อันสลายตัวได้รวมอยู่ด้วย
อันตรายต่อผู้ใช้เจือปนอยู่ด้วย
มีวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสม
มาตรา๓๐มีสารสําคัญขาดหรือเกินกว่าที่ได้จดแจ้ง
หมวด๕การเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอาง
มาตรา๓๖ผู้จดแจ้งมีอำนาจสั่งเพิกถอนหากพบว่า
รัฐมนตรีประกาศตามมาตรา๖
ผู้จดแจ้งไม่ปฏิบัติตามมาตรา๒๖
มาตรา๓๗เพื่อความปลอดภัยกรรมการมีอำนาจสั่งเพิกถอน หากพบว่า
ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
ไม่ปลอดภัยในการใช้ตามมาตรา๒๘
้เปลี่ยนหรือเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ในการใช้
มาตรา๓๘คําสั่งเพิกถอนให้ทําเป็นหนังสือแจ้
หมวด๖การโฆษณา
มาตรา๔๑ ต้องไม่ใช่ข้อมูลที่ไม่เป็นธรรม
มาตรา๔๒ไม่กระทําด้วยวิธีการอันอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
หมวด๗พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา๔๗พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจดังต่อไปนี้
เข้าไปในสถานที่ผลิตเวลาทำการ
วัตถุสงสัยเป็นตัวอย่างเพื่อตรวจสอบ
มีหนังสือเรียกให้บุคคลใดๆมาให้ถ้อยคํา
มาตรา๔๙พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ค้นยึดหรืออายัด*
มาตรา๕๑กรณีของที่ยึดหมดอายุให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
มาตรา๕๓พนักงานเป็นพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญ
มาตรา๕๔แสดงบัตรประจําตัวต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง
หมวด๘การอุทธรณ์
มาตรา๕๗ถูกเพิกถอนใบรับจดแจ้งสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบ
หมวด๙บทกําหนดโทษ
มาตรา๖๐ผู้ใดผลิตเพื่อขายฝ่าฝืนประกาศ
ระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ
มาตรา๖๑ผู้ใดไม่มาให้ถ้อยคํา
ระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา๖๒ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา๑๔วรรคหนึ่งต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
มาตรา๖๕ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา๑๖วรรคสองต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา๖๖ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา๑๘วรรคหนึ่งต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
มาตรา๗๐ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา๒๕ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
มาตรา๗๑ผู้จดแจ้งผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรา๒๖ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท