Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาต้านมะเร็ง - Coggle Diagram
ยาต้านมะเร็ง
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านมะเร็งโดยรวม
กรณีได้รับยาครั้งแรก พยาบาลเตรียมความพร้อมผู้ป่วย โดยการให้ความรู้และคำแนะนำผู้ป่วยและญาติ ข้อดีข้อสียในการให้ยาเคมีบำบัด
ประเมินภาวะสุขภาพผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยา
ประเมินสัญญาณชีพ ก่อน/หลังให้ยา
ประเมินผลข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีบำบัดที่พบบ่อย
ดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษา ดื่มน้ำมากๆ
ยาฉีด
พยาบาลต้องมีความรู้
ควรมีอุปกรณ์ป้องกันตัว
อยู่ในห้องที่มีพัดลมดูดอากาศกรณี
กำจัดอุปกรณ์และภาชนะจุยาในถุงขยะปิดปากถุงให้แน่น
การเลือกเส้นเลือดที่ให้ยา เลือกเส้นที่เห็นได้ชัด ขนาดใหญ่ นุ่ม เรียบตรง ไม่แข็ง
เลือกฉีดกลุม vasicant ก่อน ตามด้วย irritant , non vasicant (กรณียาเคมีบำบัดรั่วซึมออกนอกเส้นเลือด ให้หยุดยาทันที)
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา สังเกตผลข้างเคียง
หากผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ มให้ดื่มของเหลวเย็น ไม่ควรทานนม
แนะนำให้ดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคล
แนะนำให้ดูแลสุขภาพปากและฟัน แปรงฟันด้วยแปรงขนอ่อนนุ่ม
อธิบายผลข้างเคียงเพื่อการคลายความวิตกกังวล
หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้เป็นโรคติดต่อ
ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นหมันชั่วคราว/ถาวร
ฮอร์โมน
1. สเตียรอยด์
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
และมะเร็งเม้ดเลือดขาว
ผลข้างเคียง
ติดเชื้อง่าย กลูโคสในเลือดสูง
โรคกระดูกพรุน
โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งเต้านม โรคกระดูกพรุน
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบ คลื่นไส้ อาเจียน
ประจำเดือนผิดปกติ
เสี่ยงเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
3. ออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมน
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม โรคเยื่อโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบ
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ระยะแรกทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเร็วขึ้น
4. ฮอร์โมนโปรเจสติน
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งเต้านม มะเร็งของไต
ผลข้างเคียง
โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
แบ่งประเภทยาตามการออกฤทธิ์
ในวัฏจักรเซลล์มะเร็ง
Cell cycle-specific drugs (CCS)
ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ที่อยู่ระยะใดระหนึ่งของวงจรเท่านั้น
ใช้ได้ผลดีในมะร็งที่มีอัตราการแบ่งตัวอย่างรวดเร็ว
Cell cycle-nonspecific drugs (CCNS)
ออกฤทธิ์ในทุระยะในวงจรเซลล์ ใช้ได้ผลดีในมะเร็งที่มีอัตราการโตของก้อนมะเร็งทั้งต่ำและสูง
Alkylating agents
ทำให้เกิดหมู่ อัลคิล เข้าทำปฏิกิริยาทางเคมี โดนจับกับสาย DNA ทำให้สาย DNA ไม่แยกออกจากกันได้ เซลล์จึงแบ่งตัวไม่ได้ จนเซลล์ตายในที่สุด
1. Cyclophosphamide
กลไกการออกฤทธิ์ : เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงให้กลายเป็น phosphoramind mustard แทรกเข้าไปในกระบวนการ DNA มีการเติมหมู่ alkyl กระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง
การรักษาทางคลินิก : ฉีด/รับประทาน รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งหลายชนิดในเด็ก
3. Chlorambucil
กลไกการออกฤทธิ์ : แทรกการเชือมจับสาย DNA เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้าง/แบ่งตัวได้ จนตายในที่สุด
การรักษาทางคลินิก : เป็นยามาตรฐาในการรักษา มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด follicular
2. Ifosfamind
กลไกการออกฤทธิ์ : เหมือน Cyclophosphophamide
การรักษาทางคลินิก : ฉีด/รับประทาน รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งอัณฑะ มะเร็งของเนื้อเยื่ออ่อน
4. Carmustine
กลไกการออกฤทธิ์ : เกิดหมู่ Alkyl จับกับสาย DNA เซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่ได้ ทำให้เซลล์ตาย
การรักษาทางคลินิก : รักษามะเร็งสมอง
5. Dacarbazine
กลลไกการออกฤทธิ์ : ยาถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสารพิษต่อการสร้าง DNA ทำให้เซลล์ตาย
การรักษาทางคลินิก : ฉีดเข้าหลดเลือดดำ รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodskin' lymphma มะเร็งผิวหนัง
6. Cisplatin , Carboplatin
กลไกการออกฤทธิ์ : เข้าแทรกเชือมจับสาย DNA เกิดการยับยั้งกระบวนการ DNA replication และ DNA transcription
การรักษาทางคลิกนิก : ฉีดยาทางหลอดเลือดดำหรือช่องท้อง รักษามะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปิด มะเร็งทางเดินอาหาร
7. Busulfan
กลไกการออกฤทธิ์ : เข้าแทรกการเชื่อมจับสาย DNA เซล์ไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้ และทำให้เซลล์ตาย
การรกษาทางคลินิก : รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิด
8. Mechlorethamine
กลไกการออกฤทธิ์ : แทรกการเชื่อมจับสาย DNA ทำให้สาย DNA แตก และยับยั้งกระบวนการ DNA transcription
การรักษาทางคลินิก : รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ปัจจุบันมีการใช้น้อยลงเนื่องากเปลี่ยนไปใช้ยาอื่นแทน
ผลข้างเคียง
กดการทำงานของไขกระดูก ทำให้จำนวนเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือแดง และเกล็ดเลือดต่ำ
เป็นผลข้างเคียที่พบบ่อย
ทำให้คลื่นไส้อาเจียน มีแผลในปาก เบืออาหาร
มีอารมณ์แปรปรวน เสียการทรงตัว เดินเซ อาจเกิดอาการชัก
เลือดออกในกระเพาะปัสสาวะ
เพิ่มความเสี่ยงการเกิดพิษต่อหัวใจ
ผิวหนังคล้ำ ผมร่วง เล็บมีรอยดำ
สารสกัดจากพืชธรรมชาติ
1. vinca alkaloids
กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งการประกอบตัวของ mitotic spindle เซลล์หยุดการเจริญเติบโตในระยะM phase
1.1 Vincristine
การรักษาทางคลินิก : รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งหลายชนิดในเด็ก
1.2 Vinblastine
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งลูกอัณฑะ มะเร็งเต้านม
1.3 Vinorelbine
การรักษาทางคลินิก : non-small lung canver และมะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียง
ชาปลายมือปลายเท้า
คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน
เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ ความดันโลหิตต่ำ
อาจพบหลอดเลือดดำอักเสบ
2. taxanes
กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งการสลายของ microtubules
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งที่ศีรษะ/คอ
ผลข้างเคียง
เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ
ภาวะคั่งน้ำในร่างกาย
ผื่นลมพิษ หายใจลำบาก
อวัยวะส่วนปลายบวม
ปลายประสาทผิดปกติ
ยากลุ่มอื่นๆ
1. Asparaginase
กลไกการออกฤทธิ์ : เร่งปฏิกิริยา hydrolysis เซลล์มะเร็งขาดสารจำเป็นที่จะนำไปสร้างการเจริญเติบโตและสร้างโปรตีน
การรักษาทางคลินิก : ALL ในเด็ก
ผลข้างเคียง : แพ้ยารุนแรง ตับอ่ออักเสบ พิษต่อตับ ชัก และโคม่า
2.Mitotane
กลไกการออกฤทธิ์ : รบกวนการทำงานของไมโตรคอนเดรียในเซลล์หมวกไตชั้นนอก ทำให้ฝ่อลงลดการสร้าง cortisol
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งต่อมหมวกไตชั้นนอก
ผลข้างเคียง : ซึมเศร้า มึนศีรษะ มีผื่น รบกวนทางเดินอาหาร
Antimetabolites
มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับนิวคลีโอไทด์ ทำให้เอนไซด์เข้าใจผิดคิดว่าเป็นสารในร่่างกายและเข้าจับกันแบบแผนกลับไม่ได้ เอนไซม์จึงหมดฤทธิ์ การเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์จึงลดลง
Antifolate
1.1 Methotrexate
กลไกการออฤทธิ์ : ยับยั้งเอนไซม์ DHFR นำไปสร้างสารตั้งต้นของ DNA,RNAและโปรตีน
การรักษาทางคลืนิก : ฉีด/รับประทาน รักษามะเร็งรก มะเร็งที่ศีรษะและลำคอ มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
1.2 Pemetrexed
กลไกการออกฤทธิ์ : เมื่อเข้าสูร่างกายจะถูก metabolite ให้กลายเป็นสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสังเคราะห์และสารตั้งต้นของ RNA,DNAและโปรตีน
การรักษาทางคลืนิก : รักษามะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน
ผลข้างเคียง
คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร เยื่อบุในช่องปากอักเสบ
จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง เกล็ดเลือดลดลง
แท้งหรือทำให้เด็กพิการได้
ผิวหนังถูกแสงแดดเผาได้ง่าย
ผมร่วง
Purine analogs
2.1 ยา 6-MP
กลไกการออกฤทธิ์ : มีโครงสร้างคล้ายเบสพิวริน ยับยั้งการสร้างเอนไซม์หลายตัว ทำให้ไม่สามารถสร้่างหรือสังเคราะห์DNAและRNAได้
การรักษาทางคลินิก : รักษามะเร็งเม็ดขาวชนิด ALL , AML
2.2 ยา Fludarabine
กลไกการออกฤทธิ์ : คล้ายกับ 6-MP
การรักษาทางคลินิก : ฉีดทางหลอดเลือดดำ รักษา CLL และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ไม่รุนแรง
ผลข้างเคียง
เกิดพิษต่อตับ คลืนไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง
มีแผลในปาก/ริมฝรปาก
Pyrimidinne analogs
3.1 5-fluororacil
กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์
การรักษาทางคลินิก : ฉีดทางหลอดเลือดดำ รักามะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อนและมะเร็งลำไส้ใหญ่
3.2 Capectibine
กลไกการออกฤทธิ์ : คล้ายกับ 5-FU
การรักษาทางคลินิก : รักษาเพื่อบรรเทาอาการ ในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่แพร่กระจายแล้ว
3.3 Cytarabine
กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งการเชื่อมต่อสายของสาย DNA
การรักษาทางคลินิก : ฉีดทางหลอดเลือดดำ รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML
3.4 Gemcitabine
กลไกการออกฤทธิ์ : เมื่อยาเข้าสู่เซลล จะกระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอสเฟต เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสายDNA ยับยั้งการสร้างDNA
การรักษาทางคลินิก : ฉีดทางหลอดเลือดดำ รักษามพเร็งตับอ่อนที่แพร่กระจายแล้ว มะเร็งปอด มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งที่ศีรษะ/คอ
ผลข้างเคียง
กดการสร้างเม็ดเลือด กดการทำงานของไขกระดูก
เป็นแผลที่ทางเดินริมฝีปาก
คลื่นไส้อาเจียน
อ่อนเพลียไม่มีแรง
ฝ่ามือฝ่าเท้าลอก เล็บคล้ำ
ผิวหนังถูกแดดเผาง่าย
ผมร่วง
Anticancer antibiotics
จะไปรบกวนเมทาบอลิซึมของ DNA โดยสอดแทรกเข้าไปในสาย DNA ทำให้ DNA แตก
1. Dactinomycin
กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งRNA polymerase DNA แตก
การรักษาทางคลินิก : ฉีดทางหลอดเลือดดำ รักษา Wilms' tumor และมะเร็งเนื้อเยื่อเกี่ยวพนในเด็ก
2. Doxorubicin ยาปฏิชีวนะกลุ่ม Anthracyclines
กลไกการออกฤทธิ์ : มีหลายกลไก เช่น สร้างสารอนุมูลอิสระทำให้สาย DNA แตก
การรักษาทางคลินิก : ฉีดทางหลอดเลือดดำ รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งไทรอยด์ มะเร็งปอด
3. Bleomycin
กลไกการออกฤทธิ์ : จับกับธาตุเหล็ก ได้สารประกอบเชิงซ้อน ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้สารอนุมูลอิสระ เกิดการแตกของสายDNA มีผลยับยั้งการสังเคราะห์DNA
ฉีดทางหลอดเลือดดำ,กล้ามเนื้อ,ใต้ผิวหนังหรือช่องต่างๆของร่างกาย รักษามะเร็งอัณฑะ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
4. Mitomycin
กลไกการออกฤทธิ์ : ยาถูกเปลี่ยนเป็นสาร Alkyliting agents ที่มีฤทธิ์แรงมาก ยับยั้งการสังเคราะห์DNA
การรักษาทางคลินิก : รักษามะเร็งปากมดลูก มะร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งลำไส้ใหญ่
ผลข้างเคียง
มีพิษต่อหัวใจ
ปอดิักเสบ มีพังผืด
เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ
เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน
ผิวหนังไวต่อการฉายรังสี ช่องปากอักเสบ ผมร่วง
ยารั่วออกนอกหลอดเลือด
ยามะเร็งมุ่งเป้า
ออกฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง รบกวนการทำงานของโมเลกุลที่มีความจำเพาะต่อการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายต่อเซลล์มะเร็ง
โมโนโคลนอลแอนติบอดี
1.1 Trastuzumab
กลไกการออกฤทธิ์ : จับกับ humen epidermoid growth factor receptor ทำให้ HER-2 receptor ไม่สามารถส่งสัญญาณไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะร็งได้
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายแล้ว
ผลข้างเคียง : อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวคั่ง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง
1.2 Rituximab
กลไกการออกฤทธิ์ : จับกับCD20 ที่ผิว B cell ได้ จะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด B-cell lymphoma
ผลข้างเคียง : ความดันเลือดต่ำ หลอดลมบีบเกร็ง กดไขกระดูก
3. Cetuximab
กลไกการออกฤทธิ์ : จับกับ epidermal growth factor ไม่มาสามารถรับสัญญาณที่ไปกระตุ้น การเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งบริเวณศีรษะ/ลำคอ และมะเร็งลำไส้ส่วนล่าง
ผลข้างเคียง : ความดันต่ำ หายใจลำบาก
1.4 Alemtuzumab
กลไกการออกฤทธิ์ : กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด B-cell chronic lymphocytic leukemia
ผลข้างเคียง : ความดันเลือดต่ำ หลอดลมบีบเกร็ง กดไขกระดูกสันหลัง
ยาโมเลกุลขนาดเล็ก
กลไกการออกฤทธิ์ : ยับยั้งการเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์ ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ในก้อนมะเร็ง
ผลข้างเคียง : มีของเหลวคั่งในร่างกาย บวมน้ำ เกล็ดเลือดต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย หัวใจเต้นผิดจังหวะ
2.1 Imatinib
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งลำไส้และมะเร็งเม็ดเลือดขาว
2.2 Dasatinib
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งเม็ดเลือดขาว
2.3 Nilotinib
การรักษาทางคลินิก : มะเร็งที่ดื้อยา
มะเร็ง
คือ โรคที่เกิดจากความผิดปกติของรหัสสารพันธุกรรม เกิดการเจริญเติบโต/เพิ่มจำนวนเซลล์อย่างรวดเร็ว
ไม่สามารถควบควมได้ เกิดเป็นเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ