Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

บทที่9 ระบบเลือด, นางสาวอุทุมพร บุญเดช รหัส 611001072, ดาวน์โหลด, images…

- - - - การรักษาทั่วไป และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
        
        การให้เลือดเพื่อเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงในร่างกาย
        
        การให้ยาขับธาตุเหล็ก
        
        การผ่าตัดม้าม (Splenectomy)กรณีที่ม้ามโตมาก
        
        การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ซึ่งเป็นการรักษา โรคธาลัสซีเมียให้หายได้
        
        การให้คำปรึกษาทางพันธุศาสตร์
    - - ภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก
        
        ภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากภาวะเหล็กเกิน
    - - การซักประวัติ ประวัติการซีดเรื้อรังประวัติครอบครัว
        
        การตรวจร่างกาย
        
        การตรวจทางห้องปฏิบัติการ
    - - กลุ่มอาการรุนแรงมาก ฮีโมโกลบินบาร์ทโฮดรอพส์ ฟิทัลลิสเป็นชนิดที่รุนแรงที่สุด พบว่าทารกมีลักษณะบวมน้ำทั้งตัว คลอดลำบาก ซีด ตับม้ามโต มีรกขนาดใหญ่
        
        กลุ่มอาการรุนแรงปานกลาง โฮโมซัยกัสเบต้า-ธาลัสซีเมียและเบต้า- ธาลัสซีเมีย/ฮีโมโกลบินอี พึ่งมีอาการให้เห็น ได้แก่ ซีด อ่อนเพลีย ตาเหลือง ท้องป่อง ตับม้ามโต กระดูก
        
        กลุ่มอาการรุนแรงน้อย ส่วนมากจะเป็นพาหะ ไม่ค่อยแสดงอาการ
    - - **เกิดจากความผิดปกติในการ
        สังเคราะห์โกลบิน** ทำให้ RBC มีลักษณะ
        ผิดปกติและแตกง่าย
  - - - มีเลือดออกตามผิวหนัง เป็นจุดเล็กๆ(Petechiae) เป็นจ้ำเลือด(Ecchymosis)
        
        อาจจะมีเลือดกำเดาไหล
        
        เลือดออดในเยื่อบุ
        
        ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆ
    - - การซักประวัติ ปกติที่ควรซักถาม ได้แก่ การมีเลือดออกตาม
        ส่วนต่างๆ เช่น จุด จ้ำเลือดตามลำตัว แขนขา
        
        การตรวจร่างกาย
        
        การตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่าเกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ
    - - การตรวจเลือดทางห้องปฏิบัติการจะพบว่ามี Platelet antibody หรือ Platelet –associated Immunoglobulin บนผิวของเกล็ดเลือด ซึ่งทำให้เกล็ดเลือดถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
        
        เกล็ดเลือดจะเกาะกันเป็นกลุ่มเกิดเป็น platelet plug เพื่ออุดหลอดเลือดที่ฉีกขาด
        
        ภาวะที่มีเกล็ดเลือดน้อยกว่า100,000 เซลล์/ไมโครลิตร
        
        ระดับเกล็ดเลือดต่ำกว่า 20,000 เซลล์/ไมโครลิตร ถือว่ามีภาวะเกล็ดเลือดต่ำรุนแรง
        
        สาเหตุ
        
        การสร้างเกล็ดเลือดลดลง เนื่องจากโรคของไขกระดูกเอง
        
        เกล็ดเลือดถูกทำลายมากกว่าปกติ
        
        เกล็ดเลือดถูกใช้ไปมากกว่าปกติ
    - - ส่วนใหญ่โรคหายได้เอง 70-80 %ภายในเวลา 1-2 เดือน และจะไม่กลับเป็นซ้ำอีก
        
        ควรให้กิน prednisolone เพื่อให้ผนังของหลอดเลือดแข็งแรงขึ้น
  - - - ไฟบรินมาปิดหลอดเลือดที่ฉีกขาด จากนั้นเกล็ดเลือดจะมารวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อเสริมกับไฟบรินทำให้เกิดลิ่มเลือดที่แข็งแรง
        
        ผลจากการขาดองค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือดทำให้ร่างกายไม่สามารถสร้างไฟบรินได้(ปัจจัยตัวที่ 1, 2, 3, 5, 7, 8, 9, 10, 11,12, 13)
    - - ให้ FFP หรือ Cryoprecipitate
        
        ในวันแรกประคบด้วยความเย็นเพื่อให้เลือดหยุด วันต่อมา
        ประคบด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้ลิ่มเลือดละลายเร็วขึ้น
        
        ถ้าเลือดออกในข้อให้ใช้ผ้ายืดพันไว้และให้พักข้อนิ่งๆ ป้องกันและหลีกเลี่ยงการทำให้เลือดออก / สังเกตอาการทางระบบประสาท
    - - ฮีโมฟีเลีย A (Classical Hemophilia)พร่องแฟคเตอร์ 8
        
        ฮีโมฟีเลีย B (Christmas disease)พร่องแฟคเตอร์ 9
        
        ฮีโมฟีเลีย C พร่องแฟคเตอร์ 11
    - - มีบัตรประจำตัวติดตัวเด็กตลอดเวลา ชื่อระบุ โรคที่เป็น
        
        การป้องกันอุบัติเหตุ การจัดสิ่งแวดล้อม การเล่น
        
        การพาเด็กมารับ Vaccine ใช้เข็มเล็กสุด กดนาน 5-10
        
        ดูแลสุขภาพฟันไม่ให้ฟันผุ หลีกเลี่ยง การใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง
        
        หลีกเลี่ยงกีฬาที่กระทบกระแทก
        
        ไม่ให้ผู้ป่วยอ้วน หรือ น้ำหนักมากเกินไป
        
        ป้องกันภาวะท้องผูก ให้อาหารอ่อน ย่อยง่าย
    - - จ้ำเลือด
        
        เลือดออกง่าย หยุดยาก
  - - - เมื่อร่างกายขาด โปรทรอมบิน คอมเพล็กซ์ (ตัวที่ 2 7 9 และ10) ทำให้กระบวนการแข็งตัวของเลือดหยุดชะงักในระยะของการสร้างโปรทรอมบินและทรอมบิน ทำให้การสร้างไฟบริน เพื่อช่วยในการอุดรอยฉีกขาดของหลอดเลือดหยุดชะงักไปด้วยจึงเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติในอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะในสมอง
        
        สาเหตุ : APCDเกิดจากการขาดวิตามิน เค พบมากที่สุดในช่วงอายุ 1-2 เดือน
    - - มีเลือดออกในสมอง ทางเดินอาหาร ผิวหนัง มักมีอาการซีด ซึม ไม่ดูดนม ชักหรือมีกระหม่อมหน้าโป่งตึง
        
        อาการซีด
        
        มีจ้ำเขียวตามตัว หรือเลือดหยุดยาก
        
        อาการตับโต ในผู้ป่วยเด็กบางราย
        
        ในรายที่ไม่เสียชีวิตจากการมีเลือดในสมอง อาจมีอาการพิการทางสมองใน
    - - เมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้ว ให้Vit K 2-5 ml.ทาง v นาน2-3 วัน
        
        ให้ Fresh Frozen Plasma ถ้าผู้ป่วยมีอาการเลือดออกรุนแรง เพื่อเป็นการเพิ่มโปรทรอมบิน คอมเพล็กซ์
        
        ให้เม็ดเลือดแดงเข้มข้น (Packed Red Cell) ถ้าซีดมาก
  - - - การเจาะไขกระดูก จะพบว่ามีเซลล์ไขกระดูกน้อยกว่าปกติ
        
        การตรวจนับเม็ดเลือดทั้งสามชนิด
    - - Low Platelet มีจุดจ้ำเลือดตามลำตัวและแขนขา เลือดออกตามไรฟันและเลือดกำเดา
        
        Low RBC ซีด เหนื่อยง่าย ชีพจรเบาเร็ว
        
        Low WBC ติดเชื้อง่าย มีไข้
    - - การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ใช้ในขั้นรุนแรง คือ ซีด เลือดออก และติดเชื้อรุนแรง
        
        การรักษาด้วยฮอร์โมน ใช้ในรุนแรงมาก
        
        การรักษาด้วยยากดระบบ Immune ใช้ในผู้ป่วยเด็กภาวะโลหิตจางจากไขกระดูกไม่ทำงานที่มีผลต่อการตรวจวินิจฉัยยืนยันว่าไขกระดูกไม่ทำงานจากปฏิกิริยาทางอิมมูน
        
        ยากดระบบอิมมูน ได้แก่ Antilymphocyte Globulin (ALG),
        Antithymocyte Globulin (ATG) หรือ Cyclosporin
    - - เป็นภาวะที่มี RBC, WBC,Plt.น้อยลงหรือไม่มี
        
        สาเหตุ
        
        ความผิดปกติแต่กำเนิด
        
        ความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายหลัง จากการ ทำลายของเนื้อเยื่อ stem cell ในไขกระดูก
        
        ไม่ทราบสาเหตุ
        
        ได้รับยาบางชนิด ได้แก่ ยาเคมีบำบัด chloramphenical ยาแก้ปวด ยากันชัก
        
        ได้รับสารเคมีบ่อยๆ
        6.เกิดภายหลังการติดเชื้อ
  - - - ซีดลงอย่างรวดเร็ว
        
        ปัสสาวะดำเป็นสีโค๊ก (Hemoglobinuria)
        
        ภาวะไตวาย เนื่องจากมีกรดยูริกเพิ่มจำนวนขึ้นไปอุดหลอดเลือดฝอยในไต
        
        ตัวเหลืองภายหลังคลอดในทารกแรกเกิดที่
        มีภาวะพร่องเอ็นไซม์ G-6-P-D
        
        ภาวะซีดเรื้อรัง
    - - หาสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการซีด
        
        การรักษาภาวะแทรกซ้อน
        
        ให้เลือด ถ้ามีอาการซีดมากๆ
        
        ทารกแรกเกิดที่มีอาการตัวเหลือง
  - - - การซักประวัติ
        
        การตรวจร่างกาย เพื่อสังเกตและหาสาเหตุภาวะซีด
        
        การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็ก ติดสีจาง serum feritin น้อยกว่า 10 นาโนกรัม/ดล.
    - - การให้เหล็กโดยการกิน ให้วันละ 3 ครั้ง ระหว่างมื้ออาหาร
        
        แก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุ เช่น การให้ยาถ่ายพยาธิ
        
        การให้เลือด โดยให้PRC
    - - ซีด : สีผิวหนัง ฝ่ามือฝ่าเท้า ริมฝีปาก เหงือก เปลือกตาด้านใน
        
        เหนื่อยง่าย: เนื่องจากหัวใจต้องทำงานเพิ่มขึ้นในการที่จะหมุนเวียนเม็ดเลือดแดงที่มีน้อยลงให้นำออกซิเจนไปยังเซลล์ให้เพียงพอ
        
        ปวดศีรษะ เฉื่อยชา
        
        ชีพจรเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
        
        เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องผูกหรือท้องเสีย
- - - - คลำพบก้อนในท้อง
        
        ความดันโลหิตสูง
        
        เบื่ออาหาร ปัสสาวะเป็นเลือด และมีอาการซีด
    - - ผ่าตัดเอาก้อนเนื้องอกออก
        
        รังสีรักษา ที่บริเวณตำแหน่งของโรค
        
        ให้เคมีบำบัด
        
        ห้ามคลำท้อง
    - - ภาวะเนื้อไต มีการเจริญเติบโตผิดปกติ
        กลายเป็นก้อนเนื้องอกภายในเนื้อไต
  - - - มักพบที่บริเวณต่อมหมวกไตชั้นเมดัลลา (adrenal medulla) มีอาการท้องโตหรือคลำก้อนได้ในท้อง
        
        ถ้ามีการแพร่กระจายของมะเร็งอาจมีตาโปน
        
        เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง ซีด อ่อนเพลีย ปวดกระดูก
    - - การเจาะไขกระดูก
        
        การตรวจเลือด
        
        Ultrasound, CT abdomen
    - - มะเร็งเกิดจากเซลล์ประสาทอ่อน (Neural crest) พบโรค ได้ตามแนวของเส้นประสาทซิมพาเธติค
        
        สาเหตุ : ไม่ทราบแน่นอน มักพบมากในวัยเด็ก
        
        ก้อนเนื้องอกมักเป็นก้อนขนาดใหญ่ที่เกิดจากการแบ่งตัว
        ผิดปกติของเซลล์ประสาทอ่อน (neural crest)
    - - การผ่าตัด
        
        การให้รังสีรักษา หลังผ่าตัด
        
        การให้ยาเคมีบัดบัด
        
        การปลูกถ่ายไขกระดูก
  - - - ต่อมน้ำเหลืองโต
        
        ตับ ม้ามโต
        
        อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด
    - - Stage I เป็นที่ต่อมน้ำเหลืองต่อมเดียวหรือกลุ่มเดียว หรือเป็นเพียงแห่งเดียว ยกเว้นตับ ปอด ไขกระดูก
        
        Stage II เป็นต่อมน้ำเหลืองหลายกลุ่ม แต่ยังอยู่ด้านเดียวกันของกระบังลม
        
        Stage III เป็นต่อมน้ำเหลืองทั้งสองข้างของกระบังลม หรือเป็นที่ต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะอื่นๆ อีก 1 แห่ง
        
        Stage IV เป็นที่อวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย ทั้งในต่อมน้ำเหลือง
        และนอกต่อมน้ำเหลือง เช่น ตับ ปอด ไขกระดูก
    - - รักษาผสมผสานระหว่างเคมีบำบัด รังสีรักษา และการปลูกถ่ายไขกระดูก
        
        ยาเคมีบำบัด: Cyclophosphamide, Vincristine, เพรดนิโซโลน
    - - เกิดจากการที่เซลล์ในต่อมน้ำเหลืองที่ตำแหน่งใดตำแหน่ง
        หนึ่งในร่างกาย มีการแบ่งตัวผิดปกติ จนเกิดเป็นก้อน พบบ่อยคือต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ พบในผู้ใหญ่ มากกว่าเด็ก
        
        สาเหตุ : ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง แต่อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส การได้รับยากดภูมิคุ้มกันเป็นระยะเวลานานๆ
        
        แบ่งเป็น 2 ชนิด
        
        Lymphoma(non-Hodgkins’s Lymphoma หรือ NHLs)
        ผิดปกติจาก T หรือ B Cell และสามารถแยกจากกันโดยตัวบ่งชี้ทางพันธุกรรม
        
        Hodgkin’s Lymphoma (Hodgkin’s Disease, HL)
        จะเกิดจาก B cells ที่ผิดปกติส่วนพวก Lymphoma
  - - - ไข้ ซีด เลือดออก ปวดข้อหรือปวดกระดูก ตับ ม้าม และต่อมน้ำเหลืองโต
        
        CBC: พบ Hct ต่ำ, Pltต่ำ WBCมักสูงเป็นหมื่น หรือแสนตัวต่อ ลบ .มม
        
        เจาะไขกระดูก
    - - มะเร็งเม็ดเลือดขาว คือกลุ่มของโรคที่มีความผิดปกติของเม็ดเลือดขาวที่มีการสร้างเม็ดเลือดขาวทั้งในรูปของตัวอ่อนและตัวแก่ออกมา มากมายและควบคุมไม่ได้ ทำให้มีจำนวนของเซลล์เม็ดเลือดขาวตัวอ่อนแทรกอยู่ในไขกระดูกและอวัยวะต่างๆ พบมากในช่วงอายุ 2-5 ปี
        
        (Acute Myeloid Leukemia – AML)
        
        พบได้บ่อยกว่าชนิดลิมฟอยด์ แต่มักจะพบ
        บ่อยในผู้ป่วยสูงอายุ
        
        (Acute Lymphoblastic Leukemia – ALL)
        
        มักพบในผู้ป่วยอายุน้อยหรือผู้ป่วยสูงอายุ
    - - ให้เคมีบำบัด
        
        การแก้ไขภาวะซีด(ให้เลือด), ภาวะติดเชื้อ(ให้ATB)
        
        การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก (เจาะเลือดดูค่า ANC)
    - - รังสี
        
        ยา
        
        พันธุกรรม
        
        ติดเชื้อ