Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การพยาบาลเด็กป่วยที่มีปัญหาทางโลหิตวิทยา - Coggle Diagram
การพยาบาลเด็กป่วยที่มีปัญหาทางโลหิตวิทยา
โรคภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia)
พบบ่อยในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี
มักเกิดจากการได้รับอาหารที่มีธาตุเหล็กน้อย ปัญหาการดูดซึมที่ลำไส้ไม่ดีจากท้องร่วงเรื้อรัง หรือมีการอักเสบของลำไส้
อาการและอาการแสดง
ซีด : สีผิวหนัง ฝ่ามือฝ่าเท้า ริมฝีปาก เหงือก เปลือกตาด้านใน
เหนื่อยง่าย: เนื่องจากหัวใจต้องทำงานเพิ่มขึ้นในการที่จะหมุนเวียนเม็ดเลือดแดงที่มีน้อยลงให้นำออกซิเจนไปยังเซลล์ให้เพียงพอ
ปวดศีรษะ เฉื่อยชา
ชีพจรเร็ว ความดันโลหิตต่ำ
เบื่ออาหาร อาหารไม่ย่อย ท้องผูกหรือท้องเสีย
การวินิฉัย
การซักประวัติ การตั้งครรภ์ของมารดา ประวัติการคลอด ชนิดของนมและอาหารเสริม
การตรวจร่างกาย เพื่อสังเกตและหาสาเหตุภาวะซีด ได้แก่ สีผิว ฝ่ามือฝ่าเท้า ริมฝีปาก เยื่อบุตา
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เม็ดเลือดแดงของผู้ป่วยที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กจะมีขนาดเล็ก ติดสีจาง serum feritin น้อยกว่า 10 นาโนกรัม/ดล.
การให้เหล็กโดยการกิน (Ferrous sulfate) ให้วันละ 3 ครั้ง ระหว่างมื้ออาหาร ถ้าให้เหล็กไปพร้อมกับอาหาร หรือให้ร่วมกับนมจะขัดขวางการดูดซึม ทำให้การดูดซึมลดลง
แก้ไขปัญหาที่เป็นสาเหตุ เช่น การให้ยาถ่ายพยาธิ
การให้เลือด รายที่มีภาวะซีดมาก หรือมีอาการแสดงของภาวะหัวใจวาย โดยให้เม็ดเลือดแดงเข้มข้น (Packed red cell)
โรคภาวะโลหิตจางจากไขกระดูกไม่ทำงาน (Aplastic Anemia)
ภาวะโลหิตจางจากไขกระดูกไม่ทำงาน หรือโรคไขกระดูกฝ่อ (Aplastic Anemia) เป็นภาวะที่มี RBC, WBC, Plt. น้อยลงหรือไม่มี เนื่องจากมีความผิดปกติในไขกระดูก
สาเหตุ
ความผิดปกติแต่กำเนิด (Congenital)
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายหลัง จากการ ทำลายของเนื้อเยื่อ stem cell ในไขกระดูก จากหลายสาเหตุดังนี้
2.1 ไม่ทราบสาเหตุ (idiopathic)
2.2 การได้รับยาบางชนิด ได้แก่ ยาเคมีบำบัด, Chloramphenical, ยาแก้ปวด, ยากันชัก
2.3 การได้รับสารเคมีบ่อย ๆ ซึ่งเป็นพิษต่อระบบเลือด เช่น ยาฆ่าแมลง ทินเนอร์
2.4 เกิดภายหลังการติดเชื้อ เช่น ไวรัสตับอักเสบ
2.5 เกิดภายหลังการได้รับรังสีการรักษาในขนาดสูง
อาการและอาการแสดง
Low Platelet
เลือดออกในอวัยวะต่างๆ มีจุดจ้ำเลือดตามลำตัวและแขนขา เลือดออกตามไรฟันและเลือดกำเดา เลือดออกในทางเดินอาหาร ทำให้มีอาการอาเจียนหรือถ่ายเป็นเลือด
Low RBC
ซีด เหนื่อยง่าย ชีพจรเบาเร็ว และถ้ามีการเสียเลือดร่วมด้วย ทำให้มีอาการซีดรุนแรงเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
Low WBC
ติดเชื้อง่าย มีไข้ เป็นแผลในปาก
การวินิจฉัย
การเจาะไขกระดูก
จะพบว่ามีเซลล์ไขกระดูกน้อยกว่าปกติ และอาจตัดชิ้นเนื้อไขกระดูกมาตรวจเพื่อยืนยันการวินิจฉัยให้ชัดเจนขึ้น โดยพบเซลล์ไขมันเพิ่มขึ้นแทนที่เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด
การตรวจนับเม็ดเลือดทั้งสามชนิด
จะพบเม็ดเลือดทั้งสามชนิดมีจำนวนลดลงอย่างชัดเจน
การรักษา
การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ใช้ในผู้ป่วยเด็กที่ไขกระดูกไม่ทำงานขั้นรุนแรง คือ ซีด เลือดออก และติดเชื้อรุนแรง ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา โดยเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกจากพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน จะช่วยให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคได้ถึงร้อยละ 80-90
การรักษาด้วยฮอร์โมน ใช้ในผู้ป่วยเด็กที่มีอาการไม่รุนแรงมาก เนื่องจากฮอร์โมน Androgen จะกระตุ้นให้ร่างกายมีการหลั่ง Erythropoietin ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง
การรักษาด้วยยากดระบบ Immune ใช้ในผู้ป่วยเด็กภาวะโลหิตจางจากไขกระดูกไม่ทำงานที่มีผลต่อการตรวจวินิจฉัยยืนยันว่าไขกระดูกไม่ทำงานจากปฏิกิริยาทางอิมมูน ยากดระบบอิมมูน ได้แก่ Antilymphocyte Globulin (ALG), Antithymocyte Globulin (ATG) หรือ Cyclosporin
การรักษาตามอาการ เป็นการรักษาประคับประคองตามอาการ ได้แก่ การรักษาด้วยการให้เลือด เมื่อผู้ป่วยมีอาการซีดรุนแรง หรือมีเลือดออกในอวัยวะต่าง ๆ การรักษาภาวะติดเชื้อ เป็นต้น
โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
โรคซีด ชนิดที่มีความผิดปกติของการสร้างฮีโมโกลบิน ทำให้ RBC มีลักษณะผิดปกติและแตกง่าย (hemolytic anemia) ทำให้ซีด เหลือง ตับม้ามโต โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคพันธุกรรม มีการถ่ายทอดแบบ autosomal recessive
สาเหตุ
-เกิดจากความผิดปกติในการสังเคราะห์โกลบิน ทำให้การสร้างฮีโมโกลบินลดลงโดยที่สูตรโครงสร้างของฮีโมโกลบินยังเป็นปกติ ทำให้เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้น
-เกิดปัญหาซีดเรื้อรังตั้งแต่แรกเกิด
การวินิจฉัย
การซักประวัติ ประวัติการซีดเรื้อรัง ประวัติครอบครัว
การตรวจร่างกาย
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ การตรวจนับจำนวนและดูลักษณะของเลือดเลือดแดง ได้แก่ Hematocrit, Hemaglobin, Mean corpuscular volume ซึ่งมักพบว่ามีปริมาณต่ำทุกตัว นอกจากนั้นมักพบเม็ดเลือดแดงมีขนาดเล็กและติดสีจาง มีรูปร่างแตกต่างกัน
การรักษา
การรักษาทั่วไป อธิบายให้ผู้ป่วยและผู้ปกครองเข้าใจเกี่ยวกับโรค การถ่ายทอดทางพันธุกรรม การปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน ได้แก่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง ระวังการติดเชื้อ
การให้เลือด เพื่อเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดแดงในร่างกาย
การให้ยาขับธาตุเหล็ก เพื่อป้องกันและลดภาวะเหล็กเกินในเลือด
การผ่าตัดม้าม (Splenectomy) การผ่าตัดจะทำในกรณีที่ม้ามโตมากจนทำให้เกิดอาการอึดอัด หรือมีภาวะม้ามทำงานมากกว่าปกติ (Hypersplenism)
การเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ซึ่งเป็นการรักษา โรคธาลัสซีเมียให้หายได้ ซึ่งจะช่วยให้มีการสร้างเม็ดเลือดแดงที่ปกติในตัวผู้ป่วยได้
การให้คำปรึกษาทางพันธุศาสตร์
ภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากเม็ดเลือดแดงแตก
ภาวะแทรกซ้อนเนื่องจากภาวะเหล็กเกิน
โรคภาวะเกล็ดเลือดต่ำโดยไม่ทราบสาเหตุ (Indiopathic Thrombocytopenic purpura: ITP)
สาเหตุ
การสร้างเกล็ดเลือดลดลง เนื่องจากโรคของไขกระดูกเอง
เกล็ดเลือดถูกทำลายมากกว่าปกติ
เกล็ดเลือดถูกใช้ไปมากกว่าปกติ
อาการและอาการแสดง
จุดจ้ำเลือดที่ผิวหนัง ทั้งที่เป็นจุดเล็ก ๆ (petechiae) และเป็นจ้ำเลือด (ecchymosis) ซึ่งอาจเกิดขึ้นเองหรือภายหลังการกระทบกระเทือนเพียงเล็กน้อย
เลือดกำเดาไหล
เลือดออกในเยื่อบุต่าง ๆ
ผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ตับม้าม ต่อมน้ำเหลืองไม่โตแต่อาจตรวจพบอาการซีด
ถ้าภาวะเลือดออกเกิดขึ้นช้า ๆ และไม่รุนแรง
การวินิจฉัย
การซักประวัติ อาการและความผิดปกติที่ควรซักถาม ได้แก่ การมีเลือดออกตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น จุด จ้ำเลือดตามลำตัว แขนขา
การตรวจร่างกาย เช่น มีเลือดกำเดาไหล
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ พบว่า เกล็ดเลือดต่ำกว่าปกติ แต่เม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวปกติ
การรักษา
ส่วนใหญ่โรคหายได้เอง 70-80 % ภายในเวลา 1-2 เดือน และจะไม่กลับเป็นซ้ำอีก บางรายที่ไม่หาย หรือมีเลือดออกใต้ผิวหนังหลายแห่ง หรือมีจุดเลือดออกในปากควรให้กิน prednisolone เพื่อให้ผนังของหลอดเลือด
แข็งแรงขึ้น ในรายที่เกล็ดเลือดเพิ่มขึ้นก็ค่อยๆ ลดขนาดของยาลงจนหยุดยา
ฮีโมฟีเลีย (Hemophilia)
สาเหตุ
ฮีโมฟีเลีย A (Classical Hemophilia) พร่องแฟคเตอร์ 8 พบได้บ่อยที่สุด ประมาณ 80-85 % ของโรคฮีโมฟีเลีย
ฮีโมฟีเลีย B (Christmas disease) พร่องแฟคเตอร์ 9 พบได้ประมาณ 10-15 % ของโรคฮีโมฟีเลีย
ฮีโมฟีเลีย C พร่องแฟคเตอร์ 11 พบได้ประมาณ 5 % ของฮีโมฟีเลีย อาการไม่รุนแรงมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมแบบ autosomal recessive
อาการและอาการแสดง
เลือดออกปริมาณมากผิดปกติหลังมีดบาด ทำฟัน หรือผ่าตัด
มีรอยฟกช้ำจ้ำใหญ่ทั่วร่างกาย
เลือดออกผิดปกติหลังฉีดวัคซีน
เลือดกำเดาไหลไม่มีสาเหตุ
ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด
ปวดตึงที่ข้อต่อ
หากเป็นในเด็กทารก ก็จะร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ
การดูแล
ให้ FFP หรือ Cryoprecipitate
ห้ามเลือดและลดการมีเลือดออก ในวันแรกประคบด้วยความเย็นเพื่อให้เลือดหยุด วันต่อมาประคบด้วยน้ำอุ่นเพื่อให้ลิ่มเลือดละลายเร็วขึ้น
ถ้าเลือดออกในข้อให้ใช้ผ้ายืดพันไว้และให้พักข้อนิ่งๆ ป้องกันและหลีกเลี่ยงการทำให้เลือดออก / สังเกตอาการทางระบบประสาท
เมื่อเลือดหยุดออกเริ่มให้เคลื่อนไหวเพื่อป้องกันข้อติด
คำแนะนำสำหรับผู้ปกครองในการดูแลเด็กโรค Hemophilia
ดูแลสุขภาพฟันไม่ให้ฟันผุ หลีกเลี่ยง การใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง
หลีกเลี่ยงกีฬาที่กระทบกระแทก
ไม่ให้ผู้ป่วยอ้วน หรือ น้ำหนักมากเกินไป
ป้องกันภาวะท้องผูก ให้อาหารอ่อน ย่อยง่าย
โรคเลือดออกจากการมี Prothrombin ต่ำ (Acquired Prothrombim Complex Deficiency Syndrome : APCD)
สาเหตุ
โรค APCDเกิดจากการขาดวิตามิน เค ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างโปรทรอมบิน คอมเพล็กซ์ โดยมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้ทารกขากวิตามิน เค ดังนี้
ทารกแรกเกิดมีวิตามิน เค ในเลือดน้อยมาก
ทารกไม่ได้รับวิตามิน เค เมื่อแรกเกิด
การได้รับอาหารเสริมที่ไม่ถูกต้อง
อาการและอาการแสดง
มีเลือดออกในสมอง ทางเดินอาหาร ผิวหนัง อาการมักเกิดอย่างเฉียบพลัน โดยไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ นำมาก่อน ทารกมักมีอาการซีด ซึม ไม่ดูดนม ชัก หรือมีกระหม่อมหน้าโป่งตึง
อาการซีด
มีจ้ำเขียวตามตัว หรือเลือดหยุดยาก
อาการตับโต ในผู้ป่วยเด็กบางราย
ในรายที่ไม่เสียชีวิตจากการมีเลือดในสมอง อาจมีอาการพิการทางสมองในระยะต่อมา
การรักษา
เมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้ว ให้วิตามินเค 2-5 มิลลิกรัม เข้าทางหลอดเลือดดำ เป็นเวลา 1- 3 วัน
ให้ Fresh Frozen Plasma ถ้าผู้ป่วยมีอาการเลือดออกรุนแรง เพื่อเป็นการเพิ่มโปรทรอมบิน คอมเพล็กซ์
ให้เม็ดเลือดแดงเข้มข้น (Packed Red Cell) ถ้าซีดมาก
ภาวะเลือดออกผิดปกติในทารกขวบปีแรก เนื่องจากขาดองค์ประกอบในการแข็งตัวของเลือดตัวที่ 2 7 9 และ10 (Prothrombin Complex) โดยส่วนใหญ่จะมีอาการเลือดออกในสมอง พบมากที่สุดในช่วงอายุ 1-2 เดือน
ภาวะพร่องเอนไซม์ G-6-P-D (G-6-P-D Deficiency)
สาเหตุ
ยา ยารักษามาลาเรีย ยาปฏิชีวนะ เช่น chloramphenical ยาแก้ปวด เช่น aspirin, paracetamal
สารเคมี เสื้อผ้าที่อบด้วยลูกเหม็น
อาหาร ถั่วปากอ้าดิบๆ
การติดเชื้อ: ไทฟอยด์ ปอดอักเสบ ตับอักเสบ ไข้หวัด มาลาเรีย
อาการและอาการแสดง
ซีดลงอย่างรวดเร็ว
ปัสสาวะดำเป็นสีโค๊ก (Hemoglobinuria)
ภาวะไตวาย เนื่องจากมีกรดยูริกเพิ่มจำนวนขึ้นไปอุดหลอดเลือดฝอยในไต
ตัวเหลืองภายหลังคลอดในทารกแรกเกิดที่มีภาวะพร่องเอ็นไซม์ G-6-P-D
ภาวะซีดเรื้อรัง
การรักษา
หาสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการซีด ได้แก่ ชนิดของยาหรือสารเคมีที่ได้รับก่อนเกิดอาการ
การรักษาภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะไตวาย
ให้เลือด ถ้ามีอาการซีดมากๆ
ทารกแรกเกิดที่มีอาการตัวเหลือง รักษาด้วยPhototherapy