Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
ยาต้านโรคมะเร็งและยากดภูมิคุ้มกัน - Coggle Diagram
ยาต้านโรคมะเร็งและยากดภูมิคุ้มกัน
Antineoplastic drugs
Cancer
คือกลุ่มของโรคที่เกิดจากความผิดปกติของรหัสสารพันธุกรรม
ส่งผลให้การเจริญเติบโตหรือการเพิ่มจำนวนเซลล์เป็นไปอย่างรวดเร็วมากกว่าปกติ
วัฏจักรของเซลล์
ประกอบด้วย 5 ระยะ
G0 Phase
ระยะพักของเซลล์ จะไม่มีการแบ่งตัว
G1 Phase
เป็นระยะแรกที่เซลล์เริ่มเข้าสู่การแบ่งตัว เซลล์มีการสร้างองค์ประกอบต่างๆ
S Phase
ระยะที่เซลล์ทำการสร้างและสังเคราะห์ DNA ให้เพิ่มขึ้นเท่าตัว
G2 Phase
ระยะที่เซลล์สร้างองค์ประกอบต่างๆ เพื่อใช้ในการแบ่งDNA และแบ่งเซลล์เป็น 2 เซลล์
M Phase
ระยะที่โครโมโซมหนาตัวขึ้นและเซลล์มีการแบ่งตัวแบบ Mitosis
ยารักษามะเร็ง (ยาเคมีบำบัด)
มีกลไกการทำงานของยามีผลเฉพาะกับเซลล์ที่กำลังอยู่ในช่วงแบ่งตัว
ปัจจุบันนิยมใช้ยาหงายชนิดร่วมกัน
เพื่อควบคุมยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งและลดภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียง
ประเภทยาตามการออกฤทธิ์ 2 ประเภท
Cell cycle-specific drugs(CCS)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อเซลล์ที่อยู่ในระยะใดระยะหนึ่งของวงจรเซลล์เท่านั้น
ใช้ได้ดีในมะเร็งที่มีอัตราการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วหรือมีการแบ่งตัวอย่างต่อเนื่อง
เช่น มะเร็งเม็ดเลือด
Cell cycle-nonspecific drugs(CCNS)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ได้ทุกระยะในวงจรของเซลล์
ใช้ได้ดีในมะเร็งที่มีอัตราการโตของก้อนมะเร็งทั้งต่ำและสูง
แบ่งตามคุณสมบัติทางชีวเคมีแบ่งยาChemotherapy
มี6 กลุ่ม
ยากลุ่ม Alkylasting agents
ยากลุ่ม Antimetabolictes
ยากลุ่ม Anticancer antibiotics
ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ
ยากลุ่มอื่นๆ
ยากลุ่มฮอร์โมน
ยากลุ่ม Alkylating agents
Cyclopshosphamide
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็น phosphoruside mustard แทรกเข้าไปในขบวนการสร้าง DNAแบบcross-linking และมีการเติมหมู่ alky| ที่เบส guanine บนสาย DNA และกระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งหลานชนิดในเด็ก
ใช้เป็นยากดภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วย Autoimmune diseases
Ifostamide
กลไกการออกถฤทธิ์
กลไกเหมือนCyclophosphamide
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะต่อมน้ำเหลือง มะเร็งอัณฑะ และมะเร็งของเนื้อเยื่ออ่อน
เช่น
กระดูก
กระดูกอ่อน
ไขมัน
กล้ามเนื้อ
หลอดเลือด
Chlorambucil
กลไกการออกถฤทธิ์
เข้าไปทารกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross- linking
ส่งผลให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยามาตรฐานในการรักษา มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรังและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด follicular
Carmustine
กลไกการออกถฤทธิ์
ทำให้เกิด หมู่AlkyI ไปจับกับสายของ DNA
ส่งผลให้ DNA ทำให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่ได้เกิด DNA strand break และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งสมอง
Dacarbazine
กลไกการออกถฤทธิ์
ยาเข้าร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็นสารที่มีพิษต่อการสร้างDNAและ RNA ของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ใช้ร่วมกับยา
Adriamycin
Bleomycin
Vinblastine
Dacarbazine
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิดHodgkin's lymphomaและมะเร็งผิวหนัง
Cisplatin,Carboplatin
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกเชื่อมจับของสาย DNA
ทำให้เกิดการยับยั้งกระบวนการ DNA replication และ DNA transcription
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำหรือฉีดเข้าทางช่องท้อง
ใช้ร่วมกับยื่นในการรักษา มะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มะเร็งปอด มะเร็งทางเดินอาหาร
Busulfan
กลไกการออกฤทธิ์
แทรกการเชื่อมจับของสาร DNA แบบ Cross- linking
ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวบางชนิดและใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่น
Mechlorethamine
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA ทำให้สาย DNAแตกและยับยั้งกระบวนการ DNA transcription
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkins lymphoma
ปัจจุบันใช้ยาน้อยลง
เนื่องจากมีการเปลี่ยนไปใช้cyclophosphamideและยาอื่นแทน
ทำให้เกิดหมู่อัลคิล
เข้าไปทำปฏิกิริยาทางเคมี
ไปจับกับสายของ DNA
ส่งผลให้ DNAไม่ให้แยกออกจากกัน
ทำให้เซลล์ไม่แบ่งตัว
เกิดการแตกหักของสาย DNA
เกิดการถอดรหัของ DNAผิดพลาด
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Alkylating agents
ทำให้เกิดการกดการทำงานของไขกระดูก
เม็ดเลือดขาวต่ำ
เม็ดเลือดแดงต่ำ
เกล็ดเลือดต่ำ
พบได้บ่อยของยากลุ่มนี้
ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร
ส่งผลต่อ mucosal cells
คลื่นไส้
อาเจียน
มีแผลในปาก
เบื่ออาหาร
พบได้ในผู้ป่วยเกือบทุกราย
อาการพิษต่อระบบประสาท
พบในยาIfostfamide สูงกว่าขาชนิดอื่น
มีอารมณ์แปรปรวน เสียการทรงตัว เดินเซ หรือเกิดอาการชัก หลังได้รับยา
ยากลุ่มนี้มีโอการเพิ่มความเสี่ยงการเกิดพิษต่อหัวใจ
เลี่ยงการใช้ยากลุ่มนี้ในผู้ป่วยโรคหัวใจ
ผลต่อผิวหนัง
ทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำและทำให้เล็บมีรอยดำ
พบในยา cyclopsosphamide
ยากลุ่ม Antimetaboldites/Antineoplastic agents
Methotrexate
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลตที่ออกกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ dihydrofolate reductase
เปลี่ยน dihydrotolateไปเป็น tetrahydrotolate
เป็นcofactor สำคัญที่นำไปใช้สร้างสารตั้งต้นของ DNA,RNAและโปรตีน
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษาโรคมะเร็งหลายชนิด
มะเร็งรก
มะเร็งที่ศีรษะและคอ
มะเร็งปอด
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด acute lymphocytic leukemia
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Non-Hodgkin lymphoma
มะเร็งกระดูก
มะเร็งเต้านม
มีทั้งยาชนิดเม็ดรับประทาน ยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ยาฉีดทางกล้ามเนื้อและยาฉีดเข้าทางน้ำไขสันหลัง
Pemetrexed
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลตตัวใหม่ เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูก Metabolite
กลายเป็นสารที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งการสังเคราะห์และสร้างสารตั้งต้นของ DNA, RNA และโปรตีน
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน
6-mercaptopurine
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายเบสเพียวรีน
เป็นยาชนิดแรกในกลุ่มนี้ที่นำมาใช้รักษาโรคมะเร็ง
เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดจะถูกเปลี่ยนเป็นสารไรโบนิวคลีโอไทด์
ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเอนไซม์หลายตัวที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง
purineถูกนำมาใช้สังเคราะห์กรดนิวคลีอิกที่จำเป็นในการสร้างDNA
ไม่สามารถสร้างและสังเคราะห์ DNAและ RNA ได้
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาเม็ดรับประทาน
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดALLและAMLหรือAcute nonlymphocytic
6-thioguranine
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ 6-MP
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ANLLหรือAML
ใช้ร่วมกับยาDaunorubincinและCytarabine
Fludarabine
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA
เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
เนื่องจากเป็นพิษต่อทางเดินอาหารมาก(หากให้โดยการรับประทาน)
ใช้รักษา CLLและมะเร็งต่อน้ำเหลืองที่ไม่รุนแรง
5-fluorouracil
กลไกการออกกฤทธิ์
ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์thymidylate synthase
เป็นเอนไซม์ที่จำเป็นในการสังเคราะห์ DNAและ RNA
การนำไปใช้ในคลินิก
ชนิดยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งทางเดินอาหาร
Capectibine
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ5-FU
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาชนิดเม็ดรับประทาน
ใช้รักษาเพื่อบรรเทาอาการในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
ปัจจุบันนิยมใช้ร่วมกับยาOxaliplatinในการรักษามะเร็งลำไส้ที่แพร่กระจาย
Cytarabine
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปเติมหมู่ฟอตเฟต
เกิดการยับยั้งการเชื่อมต่อสายของสาร DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
นิยมใช้การหยดแบบช้าๆเป็นเวลา5-7 วัน
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดAML
Gemcitabine
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่เซลล์ขาจะถูกกระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอตเฟต จะไปเข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA
เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
ผลข้างเคียงจากยากลุ่มยาAntiforlate/Folate antagonist
ระคายเคืองต่อระบบเดินอาหาร
มักเกิดขึ้นเมื่อได้รับยาในขนาดสูง
จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง
ทำให้ผู้ป่วยเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น
อาจทำให้แท้งและเด็กในครรภ์พิการได้
ผิวหนังจะถูกแสงแดดเผาได้ง่าย
ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดด
ผมร่วง
พบได้น้อย
ยากลุ่ม Anticancer antibiotics
Dactinomycin
กลไกการออกกฤทธิ์
สอดแทรกเข้าไปในสายDNAยับยั้งRNA polymerase
ทำให้สายsingle-strandของ DNA แตก
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
ใช้ร่วมกับยาVincristineในการรักษาWil ms' tumorและมะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในเด็กและใช้ร่วมกับยาMethotrexateในการรักษาChoriocarcinoma
ยังใช้ในการรักษาEwing's tumorและ Kaposi's sarcoma
Doxorubicin
กลไกการออกฤทธิ์
มีหลายกลไก
เช่น
ยับยั้ง topoisonerase2 แทรกไปอยู่ระหว่างDNA base pairs ในสาย DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ
มีกฤทธิ์ในการรักษามะเร็งหลานได้ชนิด
Bleomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์โดยจับกับธาตุเหล็ก
เป็นสารประกอบเชิงซ้อนของยากับเหล็ก
ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้อนุมูลอิสระ
เกิดการแตกของสาย DNA และสอดแทรกในสายDNA
มีผลต่อเซลล์ระยะ G2
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ฉีดชั้นใต้ผิวหนังหรือฉีดเข้าช่องต่างๆ
ใช้ในการรักษามะเร็งอัณฑะมะเร็งต่อมน้ำเหลือทั้งชนิดHodgkins และ non-Hodgekin lymphoma และ Epithelial tumor
Mitomycin C
กลไกการออกฤทธิ์
ยาถูกเปลี่ยนแปลงในเซลล์ไปเป็นสารAlkyleting agents
มีฤทธิ์แรงมาก
เกิดสะพานในสาย DNAมีผลยับยั้งการสังเคราะห์DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปากมดลูก มะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะปัสสาว มะเร็งลำไส้ใหญ่
ผลข้างเคียงจากยากลุ่มAnticancer antibiotics
ยา doxorubicin
มีพิษต่อหัวใจมีทั้งพิษเเฉียบพลันและเรื้อรัง
ทำให้เกิดArrhythmiaและ CHFตามลำดับ
ยาbleomycin
มีพิษต่อปอด
ทำให้ปอดอักเสบและมีพังผืดในปอด
ยา Mitomycin
ก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อไตและเกิดพังผืดในปอด
ยากดการทำงานของไขกระดูก
โดยเฉพาะยา Mitomycinมีกดไขกระดูกอย่างรุนแรง
ทำให้เม็ดเลือดขาวต่ำและเกล็ดเลือดต่ำเป็นอย่างมาก
รบกวนทางเดินอาหาร
อาการ
เบื่ออาหาร
คลื่นไส้
อาเจียน
ผิวหนังไวต่อการฉายรังสี เยื่อบุในช่องปากอักเสบและผมร่วง
หากยารั่วออกนอกหลอดเลือด
ทำให้ผิวหนังบริเวณรอบๆตาย
ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ
vince alkal๐ids
Vinblastine(VLB)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgekin'sและ non-Hodgkin lymphoma มะเร็งลูกอัณฑะและมะเร็งเต้านม
Vincristine(VCR)
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดacute lymphocystic leukemia,มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิดHodgkins 's และnon-Hodgkin lymphoma,มะเร็งหงายชนิดในเด็ก มะเร็งในกระดูกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
กลไกการออกกฤทธิ์ของยากลุ่มVinca alkal๐ids
ยาจะไปจับกับโปรดีน tubulin
ทำให้ยับยั้งการประกอบMicrotubules ยับยั้งการประกอบด้าวของ Mitotic spindle
เซลล์หยุดการเจริญเติบโตในระยะMetaphase
Vinorelbine
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษาnon-small cell lung cancerและมะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม vinca alkaloids
Vincistine
มีพิษต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ
VinblastineและVinorelbineกดไขกระดูกมากกว่าvincristine
ผลข้างเคียงอื่นที่พบบ่อย
คลื่นไส้
อาเจียน
เบื่ออาหาร
ท้องเดิน
ปวดท้อง
เม็ดเลือดขาวต่ำ
เกล็ดเลือดต่ำ
ซีด
ความดันโลหิตต่ำ
ยากลุ่ม taranes
กลไกการออกถฤทธิ์ของยากลุ่ม taxanes
ยาจะไปจับกับB-tubulin
ทำให้เพิ่มการก่อตัวเป็น Microtubulesแต่ยับยั้งการสลายของสายMi crotubules
การนำไปใช้รักษาในคลินิกของยากลุ่ม taxanes
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำใช้รักษามะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งรั้งไข่
มะเร็งที่ศีรษะและคอ
ผลข้างเคียงของยากลุ่ม taxanes
กดไขกระดูก
ทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ
ยา Docetaxel
Paclitaxel
ใช้หลายครั้งอาจทำให้เกิดภาวะคั่งน้ำในร่างกาย
ปฏิกิริยาแพ้ยา
ผื่นลมพิษ
หายใจลำบาก
การให้ยา steroidsหรือantihistamine
ผลต่อทางเดินอาหาร
คลื่นไส้
อาเจียน
ยากลุ่มฮอร์โมน
Progestins
Megestrol acetate
เป็น Progersteroneสังเคราะห์
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเยื้อบุมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งของไต
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
progerstins
เพิ่มอุบัติการณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
Glucocorticoids
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิดHodgkin's และnon-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL
ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้
มีโอกาสติดเชื้อง่าย
กลูโคสในเลือดสูง
โรกระดูกพรูน
โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้
Androgen
Goserelin
Leoprolide
Abarelix
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยา Goserelin
เป็นยาที่ใช้ฝังในกล้ามเนื้อ
ยา Levprolide
เป็นยาฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง
ยา Abarelix
เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
ใช้บรรเทาอาการผู้ป่วยมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย
ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้
ร้อนวูบวาบ
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ในระยะแรกอาจทำให้เซลล์มะเร็งเจริญมากขึ้น
Antiestrogens
Tamoxifen
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นตัวเลือกแรกในการนำมาใช้รักษามะเร็งเต้านม
Toremifene
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเต้านม
Raloxifene
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้การป้องกันการเกิดมะเร็งโรคกระดูกพรุน
ผลข้างเคียงของยากลุ่มนี้
ร้อนวูบวาบ รบกวนทางเดินอาหาร
คลื่นไส้ อาเจียน
มีเลือดประจำเดือนผิดปกติ
ใช้ในระยะยาวเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือด
ยามะเร็งมุ่งเป้า
Monoclonal antibodies
Transtuzumab
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปจับกับHuman epidermold growth factor receptor 2
ทำให้ HER-2 receptor ไม่สามารถส่งสัญญาณไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษาโรคมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
ผลข้างเคียงจากยา
อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวคั่ง
Rituximab
กลไกการออกฤทธิ์
ยาไปจับกับ CD20ที่ผิว B cellได้แล้วกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
เกิดการตายของเซลล์มะเร็งในที่สุด
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลือชนิดB-cell lymphoma
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิดInfusion reaction
กดไขกระดูก
Cetusximab
กลไกการออกฤทธิ์
ไปจับที่ epidermal growth factor ทำให้ไม่สามารถรับสัญญาณที่จะไปกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอและมะเร็งลำไส้ส่วนล่าง ชนิดSquanous cell carcinoma
ผลข้างเคียงจากยา
ในระยะแรกอาจทำให้ความดันต่ำและหายใจลำบากได้
Alemtuzumab
กลไกการออกฤทธิ์
ไปจับกับCD52 เป็นโปรตีนที่พบได้ในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็ง ชนิด B cell หรือ T cell
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดB-cell chronic lymphocytic leukemia
ผลข้างเคียงจากยา
อาจทำให้เกิด Infusion reaction
กดไขกระดูก
Small molecules
กลไกการออกฦฤทธิ์ยา
ไปยับยั้งเอนไซม์ไคเนส ทำให้ไม่มีการเจริญเติบโตและแบ่งตัวของเซลล์
ยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ในก้อนเนื้อมะเร็ง
Imatinib
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษาgastrointestinal stromal tumor
Dasatinib
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดบางชนิด chronic myeloid leukemia
และacute lyasphobiastic leukemiaและรักษามะเร็งที่ดื้อยาImatinibได้
Nilotinib
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษา chronic myeloid leukemia
และรักษามะเร็งที่ดื้อยาImatinib ได้
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ยับยั้งเอนไซม์CYP450
ยาต้านเชื้อราในกลุ่มAzole และ Erythromycin
ผลข้างเคียงจากยา
มีของเหลวคั่งในร่างกาย
พิษต่อตับ
ทำให้บวมน้ำ
เกล็ดเลือดต่ำ
ทำให้เลือดออกง่าย
กดไขกระดูก
ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิด Neotrophil ตำ
เสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
Dasatinibและ Nilotinib
ทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ
ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
ยากลุ่มอื่นๆ
Asparaginase
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปเร่งปฏิกิริยา hydrolysis
ทำให้เซลล์มะเร็งขาดสารจำเป็นที่จะไปสร่างการเจริญเติบโตและสร้างโปรตีน
ทำให้เซลล์ไม่สามารถสังเคราะห์และสร้างตัวเองได้
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้ในการรักษา ALL ในเด็ก
ใช้ร่วมกับVincristine และPrednisone
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้ที่รุนแรง
อาจทำให้เส้นชีวิตได้
Mitotane
กลไกการออกฤทธิ์
รบกวนการทำงานของไมโตคอนเดรียในเซลล์ต่อมหมวกไตชั้นนอก
ทำให้ฝ่อลงและลดการสร้างcortisol
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมหมวกไตชั้นนอก
ผลข้างเคียง
อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านมะเร็งโดยรวม
กรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาครั้งแรก
พยาบาล ต้องเตรียมความพร้อมของผู้ป่วยและครอบครัวโดยการให้ความรู้และคำแนะนำกับผู้ป่วยและญาติที่เกี่ยวข้องเหตุผลของ การใช้ยาเคมีบำบัดข้อดีของการใช้ยาเคมีบำบัดภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นได้และแผนและขั้นตอน ในการให้ยาเคมีบำบัด
ประเมินภาวะสุขภาพของผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยา
โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาที่มีผลข้างเคียงสูงและได้รับยาหลายๆชนิดในเวลาเดียวกัน
ประเมินสัญญาณชีพก่อนและหลังให้ยา
ประเมินผลข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีบำบัดที่พบบ่อย
กรณีได้ยาชนิดรับประทานดูแลให้ได้ รับยาตามแผนการรักษาและดื่มน้ำตามมากๆหลังรับประทานยา
กรณีที่ได้รับยาชนิดฉีด
พยาบาลที่ให้ยาควรมีความรู้และทักษะที่ถูกต้องเหมาะสม
ควรมีอุปกรณ์ป้องกันตัว
จัดเตรียมยาในห้องที่มีพัดลมดูดอากาศกรณีที่ยาเคมีบำบัดที่ 6 ตามที่ต่างๆควรเช็ดออกด้วยกระดาษซับและทำความสะอาดด้วยสบู่และน้ำแล้วจึงจะเช็ดด้วย 70% แอลกอฮอล์ อีกครั้ง
กำจัดอุปกรณ์และภาชนะบรรจุยาในถุงขยะปิดปากถุงให้แน่นแยกสีถุงขยะจากถุงบรรจุยาประเทศอื่นของโรงพยาบาลติดฉลากระบุว่าเป็นยา ปนเปื้อน ยาเคมีบำบัด
การเลือกเส้นเลือดดำที่จะให้ยา
ควรเลือกเส้น เลือดที่เห็นได้ชัดมีขนาดใหญ่ หลอดเลือดนุ่มเรียบตรงไม่แข็งหรือคดงอ
กรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัดหลายชนิด
ควรเลือกฉีดยากลุ่มVes i cant ก่อนตามด้ว v irritantและ non- Vesicantหรือตามใบ MAR
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษาและสังเกตผลข้างเคียงหลังจากได้รับยา
ถ้าผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ให้แนะนำดื่มน้ำหรือดื่มเครื่องดื่มเหลวเย็นลงไปโดยที่ค่อยๆจิบทีละน้อยแต่บ่อยๆไม่ควรรับประทานเครื่องดื่มประเภทนมหรือรับอาหารประเภทอาหาร อาหารอ่อน
แนะนำให้ดูแล สุขวิทยาส่วนบุคคล
แนะนำให้ดูแลสุขภาพปากและฟันด้วยแปรงฟันขนนุ่มๆ
แนะนำผลข้างเคียงที่พบ
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตระยะประชิดหรือสัมผัสกับคนที่เป็นโรคติดต่อโรคติดเชื้อหลีกเลี่ยงกันเข้าไปในสถานที่ที่ชุมชนก็ได้รับยาเคมีบำบัด มีฤทธิ์กดการทำงานของไขกระดูกทำให้ติดเชื้อได้ง่าย
ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นหมันชั่วคราวหรือถาวรหลังจากได้รับยาเคมีบำบัด
ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกแล้วงดอาหารสดผลไม้รับประทานทั้งเปลือกเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากอาหาร
แนะนำให้สังเกตอาการเลือดออกมา
กรณีที่ รับประทาน ยาที่บ้าน
แนะนำให้รับประทานยาตรงเวลาขณะที่แพทย์กำหนดเพื่อส่งผลต่อประสิทธิภาพของการรักษา
ในกรณีที่มีอาการ ตาตาม ประสาทส่วนปลายกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ
ยากดภูมิคุ้มกัน
Caleineurin inhibitors
Cyclesporin A
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งเอนไซม์ calcineurin
ส่งผลยับยั้งการสร้างและการหลั่ง IL_2 จาก Tcell
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ป้องกันและรักษาacute graft rejection
ผลข้างเคียง
พิษต่อโตขึ้นกับขนาดบางทีให้และระดับยาให้เลือด
ผลข้างเคียงจากยา
พิษต่อไต
พิชต่อระบบประสาท
อาจทำให้ความดันโลหิตสูง
Tacrolimus
กลไกการออกฤทธิ์
ออกกทธิ์เหมือนกับcycloserin
การนำไปใช้ในคลินิก
ใช้แทน Cycloporinในการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ
ผลข้างเคียง
คล้ายกับCycloseorin
แต่ยาไม่ทำให้เหงือกหนาและขนดก
ยามีพิษศอระบบประสาท
นอนไม่หลับและชัก
Cytotoxic agents
Azathioprine
กลไกการออกกฤทธิ์
ยับยั้งการสร้างDNA, RNAและโปรตีน
การนำไปใช้ในคลินิก
ใช้ร่วมกับยากลุ่ม CorticosteroidsและCydosporin
ในการรักษาแบบ triple therapy
ผลข้างเคียงของยา
กดการทำงานของไขกระดูก
เกิดภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำบ่อยกว่าโลหิตจาง
คลื่นไส้อาเจียน
เกิดพิษต่อตับ
ตัวเหลืองตาเหลืองผมร่วง กล้ามเนื้ออ่อนแรง อ่อนเพลีย เป็นผื่น
Mycophenolate motetil
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการแบ่งตัวของB และ T lymphocytes
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ป้องกันและรักษา acute graft rejection
ผลข้างเคียง
มีผลข้างเคียงต่ำกว่าAzatbioprine
พบผลข้างเคียงน้อย
SirolinusหรือEverolimus
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการทำงานของ mammalian target of rapamycin
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ป้องกันการเกิด acute graft rejection
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูก
หากใช้ยา Sirolimusร่วมกับ Cyclesporineจะทำให้พิษต่อไต
ภาวะโพแทสเซียมต่ำในเลือด
Leflunomide
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการสังเคราะห์ purimidine
ส่งผลให้สั่งเคราะห์และสร้างDNA และRNA ถูกยับยั้ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ผลข้างเคียง
พิษต่อตับ ไต
กดไขกระดูก
ทำให้เกร็ดเลือดต่ำและเม็ดเลือดขาวต่ำ
ติดเชื้อง่าย
Adrenocorticoids
กลไกการออกดฤทธิ์
ควบคุมการทำงานของ geneโดยจับกับsteroid receptorภายในเซลล์ได้เป็นdrug_receptor complex ไปออกฤทธิ์ที่นิวเคลียสรโดยไปยับยั้งการสร้าง mRNA ของโปรตีนหลายชนิด
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้กดอาการแสดงของโรคคภูมิคุ้มกัน
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงเหมือนการใช้ยา Steroids
Cytokines inhibitors
Ant i -IL- 2 receptor antibody
กลไกการออกกฤทธิ์
ยับยั้งการกระตุ้น lymphocyte
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ในผู้ป่วยทีมีการปลูกถ่ายโต
เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดacute graft rejection
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
อาจพบอาการแพ้ยาได้
Anti-CD2
กลไกการออกกฤทธิ์
ยาออกฤทธิ์โดยจับกับ CD2 บนพื้นผิวT cell
ทำให้ลดการแบ่งตัว ยับยั้งการกระตุ้น
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษาผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน
ผลข้างเคียงและคามเป็นพิษ
อาจพบอาการไข้ หนาวสั่น ขวดกล้ามเนื้อ ติดเชื้อได้ง่าย
Anti -INF- antibody
กลไกการออกฤทธิ์
เป็น antibodiesที่จับกับ TNF
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้ในการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ร่วมกับยาMethothexate
สำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาDMARDs
ผลข้างเคียง
กดไขกระดูก
พบปฏิกิริยาบริเวณที่ฉีดยา
พบอาการ
ปวดศีรษะ
ปวดท้อง
คลื่นไส้
อาเจียน
Anti- IgE mAbs
กลไกการออกฤทธิ์
ปิดกั้นการจับตัวของ IgEกับ Fc recaptor
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษาโรคหอบหื่ดที่เกิดจากภูมิแพ้
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
อาจเกิด anaphylactic reactionหลังรับยา 2 ชั่วโมง
เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น
อาจพบอาการปวดศีรษะหรือปวดบริเวณที่ฉีดยา
Anti-lymphocyte globulin
กลไกการออกฤทธิ์
ยาออกฤทธิ์โดยจับกับโมเลกุวางพื้นพิว Tcell
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษาภาวะปฏิเสธการปลูกถ่ายไตแบบเฉียบพลัน
ผลข้างเคียง
มักมีไข้หนาวสั่น เม็ดเลือขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันโดยรวม
กรณีผู้ป่วยได้รับยาครั้งแรกพยาบาลเตรียมความพร้อมผู้ป่วยและครอบครัวโดยการให้ความรู้และคำแนะนำให้กับผู้ป่วยและญาติที่เกี่ยวข้องเหตุผลของการใช้ยากดภูมิคุ้มกันข้อดีในการใช้ยาและภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ ใช้ยากดภูมิคุ้มกันซึ่งอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษาโดยให้ยึดหลัก 7r
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการห้องปฏิบัติการ
กรณีที่ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะแนะนำผู้ป่วยถึงความจำเป็นในการรับประทานอาหาร ต่างๆอย่างระมัดระวังและการรับประทานยากดภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
กรณีที่ผู้ป่วยกินยาอยู่ที่บ้านแนะนำให้รับประทานยาตรงตามเวลาและขนาดที่แพทย์กำหนดอย่างต่อเนื่อง
ยากดภูมิคุ้มกันหลายๆชนิดมีผลกดการทำงาน ของไขกระดูกอาจทำให้มีโลหิตจาง
แนะนำให้ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยารับประทานกินเอง
ระหว่าง ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันอยู่มีข้อควรระมัดระวังในการรับวัคซีนบางชนิด
แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้หรือสัมผัสผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อหรือผู้ป่วยโรคติดต่อ
ยาบางชนิด ก็ทำให้เกิดแผลในปากแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลสุขภาพปากและฟัน