Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารยาและยากินเฉพาพที่ - Coggle Diagram
การบริหารยาและยากินเฉพาพที่
วัตถุประสงค์ของการให้ยา
เพื่อการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
เพื่อการตรวจวิเครําะห์โรค
เพื่อการรักษาเป็นการให้ยาเพื่อรักษาตามสาเหตุของโรค
ทดแทนสิ่งที่ร่ํางกํายขําด
รักษาเฉพาะโรค
รักษาตามอาการ
รูปแบบการบริหารยา
Right time(ถูกเวลา)คือการให้ยาถูกหรือตรงเวลา
Rightroute(ถูกวิถีทาง) โดยการให้ยาแก่ผู้ป่วยตามที่แพทย์สั่งการรักษา
Rightdose(ถูกขนาด) โดยการจัดยาหรือคำนวณยาให้มีขนาดและความเข้มข้นของยาตามคำสั่งการให้ยา
Right technique(ถูกเทคนิค)
Right drug(ถูกยา)คือการให้ยาถูกชนิด
ก่อนหยิบภําชนะใส่ยําออกจํากที่เก็บ
ก่อนเอายาออกจากภาชนะใส่ยา
ก่อนเอายาออกจากภาชนะใส่ยา
Right documentation(ถูกการบันทึก)
Right patient/client(ถูกคน)คือการให้ยาถูกคน
Right to refuseคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่ําได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยในการจัดการยา
Right History and assessmentคือการซักประวัติและการประเมินอาการก่อน-หลังให้ยา
ight Drug-Drug Interaction and Evaluation คือการที่จะต้องให้ยาร่วมกันจะต้องดูก่อนว่ํายานั้นสามารถให้ร่วมกันได้ไหม
Right to Education and Informationคือก่อนที่พยาบาลจะให้ยาผู้ป่วยทุกครั้งต้องแจ้งชื่อยาที่จะให้ ทางที่จะให้ยา ผลการรักษา ผลข้ํางเคียงของยาที่อาจจะเกิดและอาการที่ต้องเฝ้ําระวัง
สมรรถนะของพยาบาลในการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้ยาได้อย่ํางเพียงพอ
สามารถติดตามผลการรักษา และรายงานผลข้ํางเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาได้
บริหารยาตามการสั่งใช้ยาได้อย่ํางถูกต้อง
สามารถใช้ยาได้อย่ํางปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วย และไม่เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
สามารถสื่อสารเพื่อให้ผู้ป่วยร่วมตัดสินใจในการใช้ยา
ระบุและยอมรับความแตกต่ํางระหว่างบุคคล ค่ํานิยม ความเชื่อ และความคาดหวัง
อธิบายเหตุผล และความเสี่ยง/ประโยชน์ของทางเลือกในการรักษาที่ผู้ป่วย/ผู้ดูแลเข้ําใจได้
ชี้แจงทางเลือกในการรักษา
ประเมินความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วยอย่ํางสม่ำเสมอโดยไม่ด่วนตัดสิ
สามารถใช้ยาได้อย่ํางเหมาะสม ตามความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ และเป็นไปตามหลักเวชจริยศาสตร์
สามารถร่วมพิจารณารเลือกใช้ยาได้อย่ํางเหมาะสมตามความจำเป็น
สามารถพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ยา ได้อย่างต่อเนื่อง
สามารถประเมินปัญหาผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา หรือมีความจำเป็นต้องใช้ยาในการรักษา
ประเมินอาการที่ดีขึ้นหรือเลวลง
ติดตามความร่วมมือในการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง
ประเมินอาการข้ํางเคียงจากการใช้ยา
การส่งต่อ
การประเมินประวัติโรคประจำตัว ประวัติการใช้ยา และประวัติการแพ้ยา/แพ้อาหาร
สามารถทำงํานร่วมกับบุคลากรอื่นแบบสหวิชาชีพ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
คำย่อและสัญลักษณ์เกี่ยวกับคำสั่งการให้ยา
วิถีทางการให้ยา
ตัวย่อ M ความหมาย เข้ํากล้ํามเนื้อ
ตัวย่อ subling ความหมาย อมใต้ลิ้น
ตัวย่อ O ความหมาย รับประทํานทํางปาก
ตัวย่อ Inhal ความหมาย ทางสูดดม
เวลาการให้ยา
ตัวย่อa.c.ความหมาย ante cibum ก่อนอําหําร
ตัวย่อp.c.ความหมาย post cibum หลังอําหําร
ตัวย่อh.s.ความหมาย hora somni ก่อนนอน
ตัวย่อp.r.n. ความหมายpro re nataเมื่อจำเป็น
ตัวย่อstat ความหมาย statim ทันทีทันใด
ความถี่การให้ยา
ตัวย่อ bid ภาษาลาติน bis in die ความหมาย วันละ 2 ครั้ง
ตัวย่อ tid ภาษาลาตินter in die ความหมาย วันละ 3 ครั้ง
ตัวย่อOD ภาษาลาติน omni die ความหมาย วันละ 1 ครั้ง
ปัจจัยที่มีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา
กรรมพันธุ์
ภาวะจิตใจ
เพศผู้ชายมีขนาดตัวใหญ่กว่าผู้หญิง ยาจะมีปฏิกิริยําต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ภาวะสุขภาพผู้ป่วยที่เป็นโรคหรือมีอาการป่วย เมื่อได้รับยาจะมีผลต่อการแสดงออกของฤทธิ์ยาต่ํางจากคนปกติ
อายุและน้้ำหนักตัว ผู้สูงอายุมากๆ การทำงานของตับและไตลดลง จึงทำให้ยามีปฏิกิริยามากขึ้น ขนาดของยาที่ให้จึงต้องน้อยกว่ําคนปกติส่วนคนที่มีน้ำหนักตัวมากต้องได้รับขนาดของยาเพิ่มสูงขึ้น
ทํางที่ให้ยายาที่ให้ทํางหลอดเลือดจะดูดซึมได้เร็วกว่ํายาที่ให้รับประทานทางปาก
เวลาที่ให้ยายาบางชนิดต้องให้เวลาที่ถูกต้องยาจึงออกฤทธิ์ตามที่ต้องการ
สิ่งแวดล้อม ยาที่รักษาการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางชนิด ต้องให้ผู้ป่วยอยู่ในที่สงบ เพื่อจะได้พักผ่อน
ระบบการตวงวัดยา
ระบบเมตริกถ้ําเป็นน้าหนักส่วนใหญ่ใช้หน่วยเป็น กรัม มิลลิกรัม ลิตรมิลลิลิตร
1 กิโลกรัม*= 1000 กรัม (gm)
1 ลิตร =1000 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 กรัม*= 1000มิลลิกรัม (mg)
1 กรัม = 1 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
ระบบมาตราตวงวัดประจำบ้ํานมีหน่วยที่ใช้เป็น หยด ช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยชา และถ้วยแก้ว สามารถเทียบได้กับระบบเมตริก
1 ช้อนชา *5มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ช้อนหวาน 8มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
15 หยด*1 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
ระบบอโพทีคารีถ้ําเป็นน้าหนักส่วนใหญ่ใช้หน่วยเป็นปอนด์ ออนซ์ เกรน
12 ออนซ์ (ounce)= 1 ปอนด์ (pound)
8 แดรม (dram) = 1 ออนซ์(ounce)
ดังนี้20เกรน (grain) =1 สครูเปิล(scruple)
3สครูเปิล(scruple) = 1 แดรม (dram)
คำสั่งแพทย์คำนวณขนาดยา
คำนวณขนาดยา
ความเข้มข้นของยา(ในแต่ละส่วน)= ขนาดความเข้มข้นของยาที่มีหารปริมาณยาที่มี
คำสั่งแพทย์
ลักษณะคำสั่งแพทย์ตามทางวิถีทางการให้ยา
ทางสูดดม (inhalation)
ชนิดของการปรุงยา spray คำสั่งแพทย์ Bricanyl 1-2puff inhal bid
ชนิดของการปรุงยา Nebulae คำสั่งแพทย์ Bricanyl 1-2drops nebulbid
ทางปาก (oral)
ชนิดของการปรุงยา tablet ชนิดของการปรุงยาVitamin C (100) 1 tab bid.pc
ชนิดของการปรุงยา capsule คำสั่งแพทย์ Amoxicillin (500mg) 1cap tid.pc + hs
ทางเยื่อบุ (mucous)ยําที่ใช้สอดใส่หรือหยอดทางอวัยวะต่างๆ ของผู้ป่วย
ชนิดของการปรุงยา aqueous solution คำสั่งแพทย์ Sancoba 1-2 drops instilleye bid
ชนิดของการปรุงยา Suppository คำสั่งแพทย์ Mycostatin 1 tab supphs
ทางผิวหนัง (skin)
ชนิดของการปรุงยา Cream คำสั่งแพทย์ Hand E blam appliedq bid
ทางกล้ามเนื้อ (intramuscular)
ชนิดของการปรุงยา aqueous solution คำสั่งแพทย์ Paracetamol 500mg 1amp M PRN q 4-6hrs for fever
ทางใต้ผิวหนัง (subcutaneous /hypodermal)
ชนิดของการปรุงยา aqueous solution ชนิดของการปรุงยา TAT diluted skin test
ทางหลอดเลือดดำ (intravenous
ชนิดของการปรุงยา Aqueous solution ชนิดของการปรุงยา Cefazolin 1gmv q 6hr.
ทางชั้นผิวหนัง (intradermal)
ชนิดของการปรุงยา aqueous solution ชนิดของการปรุงยา Regular insulin (RI) 10 U sc stat and if blood sugar>130mg
ส่วนประกอบของคำสั่งการรักษา
วันที่เขียนคำสั่งกํารรักษา
ชื่อของยา
ชื่อของผู้ป่วย
ขนาดของยา
วิถีทํางการให้ยา
เวลาและความถี่ในการให้ยา
ลายมือผู้สั่งยา
การให้ยาทางปากและยาเฉพาะที่
การให้ยาทางปาก
ยาชนิดผงให้ใช้ช้อนตวงปาดแล้วเทใส่แก้วยา
ยาจิบแก้ไอควรให้ภายหลังรับประทานยาเม็ดแล้วเพื่อให้ยาค้ํางอยู่ที่คอไม่ถูกน้ำล้ํางออก
การให้ยาเม็ดในเวลาเดียวกัน สามารถรวมกันได้ ส่วนยําน้ำให้แยกใส่แก้วยาต่างหาก
ยาลดกรดในกระเพาะอาหารควรให้อันดับสุดท้ํายเพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองและเคลือบผนังของหลอดอาหารและกระเพาะ
ยาที่ระคายเคืองทางเดินอาหารให้กินหลังอาหารหรือนม
ยาอมใต้ลิ้นเช่น ไนโตรกลีนเซอลีน (Nitroglycerine) ไอซอร์ดิล (Isodril) ที่ใช้รักษาอาการเจ็บหน้ําอกจากการขาดเลือดไปเลี้ยงกล้ํามเนื้อหัวใจ
การให้ยาเฉพาะที่
การหยอดยาจมูก ให้ผู้ป่วยเงยหน้ําขึ้น และพยาบาลยกปีกจมูกผู้ป่วยข้ํางที่จะหยอดยาขึ้นเบาๆ แล้วหยดยาผ่านทางรูจมูกห่างประมาณ 1-2 นิ้ว
การเหน็บยาเป็นการให้ยาที่มีลักษณะเป็นเม็ดเข้ําทางเยื่อบุตามอวัยวะต่างๆ เพื่อให้ยาออกฤทธิ์เฉพาะที่คือ การเหน็บยาทางทวารหนัก การเหน็บยาทางช่องคลอด
การให้ยาทางหูเป็นการหยอดยาเข้ําไปในช่องหูชั้นนอก ยาที่ใช้เป็นยาน้ำ ออกฤทธิ์เฉพาะเยื่อบุในช่องหู มักเป็นยาชาหรือยาฆ่าเชื้อโรคเฉพาะที่
การให้ยาทางตา เนื่องจากดวงตาเป็นเนื้อเยื่อที่บอบบางมาก ติดเชื้อได้ง่าย การใช้ยาบริเวณตาจึงต้องคำนึงถึงความสะอาดเป็นสำคัญ
การสูดดม สามารถให้โดยการพ่นยาเข้ําสู่ทางเดินหํายใจ เพื่อให้ยาไปสู่บริเวณที่ต้องการให้ยําออกฤทธิ์ ยาออกฤทธิ์แบบเฉพาะที่หรือแบบทั่วร่างกาย
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกคำสั่งใช้ยา
ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ หมายถึง เจ้ําหน้ําที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่คัดกรองการลงข้อมูลยาในคอมพิวเตอร์ไม่ครอบคลุม
ที่เภสัชกรรม หมายถึง เจ้ําหน้ําที่ห้องยาเภสัชกร อ่ํานคำสั่งแพทย์ ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามแพทย์สั่ง
ที่หอผู้ป่วยหมายถึง พยาบาลลอกคำสั่งแพทย์หรืออ่านคำสั่งแพทย์ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามแพทย์สั่ง
ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา
ผิดชนิดยา รูปแบบยา ความแรงยํา ขนาดยํา วิธีใช้ยา จำานวนยาที่สั่งจ่าย จ่ายยําผิดตัวผู้ป่วย จ่ายยาที่เสื่อมสภาพ หรือหมดอายุ จ่ายยําที่ไม่มีคำสั่งใช้ยา เตรียมยาผิด
ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา
ผิดวิถีทาง หมายถึง เขียนใบสั่งยา สั่งใช้ยาผิดวิถีทาง ทำให้ใช้ยาไม่ถูกวิธี
ผิดความถี่ หมายถึง เขียนใบสั่งยา วิธีรับประทานผิด หรือระบุวิธีรับประทานที่ไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยคนนั้น
สั่งยาผิดชนิด หมายถึง เขียนใบสั่งยา สั่งยาคนละชนิดกับที่ควรจะเป็น
สั่งยาที่มีประวัติแพ้ หมายถึง แพทย์สั่งยาที่ผู้ป่วยมีประวัติแพ้ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการแพ้ยาซ้ำ
สั่งยาผิดขนาด หมายถึง แพทย์สั่งใช้ยาที่มีขนาดมากเกิน Maximum dose
ลายมือไม่ชัดเจน หมายถึง เขียนใบสั่งยาด้วยลายมือที่ทำให้ผู้อ่านเข้ําใจผิดอ่านผิด
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
การให้ยาผิดขนาด
การให้ยาผิดวิถีทําง
การให้ยาผู้ป่วยผิดคน
การให้ยาผิดเวลา
การให้ยาซึ่งผู้สั่งใช้ยาไม่ได้สั่ง
การให้ยามากกว่าจำนวนครั้งที่สั่ง
การให้ยาผิดชนิด
การให้ยาในอัตราเร็วที่ผิด
การให้ยาไม่ครบ
การให้ยาผิดเทคนิค
การให้ยาผิดรูปแบบยา
บทบาทพยาบาลในการให้ยาผู้ป่วย
เวรบ่ํายพยาบาลจะตรวจสอบร่ายการยาในใบ MAR กับคำสั่งแพทย์ให้ตรงกันและดูยาในช่องลิ้นชักยาอีกครั้ง
กรณีผู้ป่วยที่NPO ให้มีป้ํายNPO และเขียนระบุว่ําNPO เพื่อผ่ําตัดหรือเจําะเลือดเช้ําให้อธิบํายและแนะน ําผู้ป่วยและญําติทุกครั้ง
การจัดยาให้ระมัดระวังในการจัดยาเนื่องจากความผิดพลาดด้ํานบุคคลโดยเฉพาะยาน้ำ
กรณีคำสั่งสารน้ำ+ยาB co 2 mlให้เขียนคำว่า+ยาB co 2 ml ด้วยปากกาเมจิกอักษรตัวใหญ่บนป้ํายสติ๊กเกอร์ของสารน้ำให้ชัดเจนเพื่อสังเกตได้ง่ําย
เมื่อมีคำสั่งใหม่หัวหน้ําเวรลงคำสั่งในใบ MAR ทุกครั้ง
การจัดยาจะจัดตามหน้ําชองยาหลังจากตรวจสอบความถูกต้องแล้วในการจัดยาที่เป็นคำสั่งใหม่ผู้จัดจะดูวันที่ที่สั่งยาใหม่หน้ําซองยาในการเริ่มยาใหม่ในครั้งแรกพร้อมตรวจดูยากับใบMARอีกครั้งว่ํามีตรงกันหรือไม่
การซักประวัติจะถามเรื่องการแพ้ยาทุกครั้งดูสติ๊กเกอร์สีแสดงแพ้ยาที่ติดอยู่ขอบOPD card และดูรายละเอียดในOPD card ร่วมด้วยทุกครั้ง
มีผู้จัด-ผู้ตรวจสอบคนละคนกันตรวจสอบช้าก่อนให้ยาให้ตรวจสอบ100% เช็คดูตามใบMAR ทุกครั้ง
เมื่อผู้ป่วยเข้ํามานอนรักษานครั้งแรกพยาบาลตรวจสอบยาให้ตรงกับคำสั่งแพทย์พร้อมกับเช็คยาและจำนวนให้ตรงตํามฉลากยา
การแจกยาไล่แจกยาตามเตียงพร้อมเซ็นชื่อทุกครั้งหลังให้ยาและให้พยาบาลตรวจดูยาในลิ้นชักของผู้ป่วยทุกเตียงจนเป็นนิสัยและดูผู้ป่วยประจำเตียงว่ํามีหรือไม่และตามผู้ป่วยมารับยาให้กินยาเลยและสอบถามคู่เวรว่ําแจกยามดหรือยังให้เป็นนิสัย
กระบวนการพยาบาลในการบริหารยาทางปากและยาเฉพาะที่
การวางแผนการพยาบาลหลังจากได้ข้อมูลและปัญหาหรือข้อบ่งชี้ในการให้ยาแล้วทำการวางแผนหาวิธีการว่าจะให้ยาอย่ํางไร ผู้ป่วยจึงจะได้ยาถูกต้อง ครบถ้วน
การปฏิบัติการพยาบาลเป็นการปฏิบัติการให้ยาตามแผนที่วํางไว้ไปปฏิบัติ โดยยึดหลักความถูกต้อง 7ประการ
การวินิจฉัยการพยาบาลเมื่อรวบรวมข้อมูลจากการประเมินสภาพได้ทั้งหมดแล้วนำมาจัดหมวดหมู่ข้อมูลที่เป็นปัญหา
การประเมินผลเนื่องจากยาที่ให้นอกจากจะมีผลทํางการรักษา แล้วยังอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยได้ ดังนั้นหลังจากให้แล้วต้องกลับมาตามผลทุกครั้ง
การประเมินสภาพ
ประเมินผลการตรวจทํางห้องปฏิบัติการ เพื่อดูหน้ําที่การทำงานของ ตับไต
การได้รับสารน้ำเพียงพอหรือไม่
ประวัติการแพ้ยา
ความรู้ความเข้ําใจเรื่องยาที่ได้รับ
ประเมินดูว่ําผู้ป่วยมีข้อห้ํามในกํารให้ยาทางปากหรือไม่
การปฏิบัติตัวในการได้รับยา