โรคของระบบทางเดินปัสสาวะ(Diseases of Urinary system)
ระบบขับถ่ายปัสสาวะ
1.ระบบขับถ่ายปัสสาวะส่วนบน (Upper Urinary tract)
หน่วยไต (Nephron) ทำหน้าที่สร้างปัสสาวะเป็นที่กรองเอาน้ำและของเสียออกจากโลหิตเป็นน้ำปัสสาวะ
ไตสองข้าง ( Kdney) เป็นอวัยวะสำคัญที่สุดของระบบนี้
กรวยไต (renal pelvis) ส่งมาตามท่อไต (Ureter)
ท่อไต (Ureter) นำน้ำปัสสาวะออกจากไตไปสู่กระเพาะปัสสาวะ
2.ระบบขับถ่ายปัสสาวะส่วนล่าง(Lower urinary tract)
เป็นที่เก็บพักปัสสาวะที่สร้างจากไตและเป็นทางส่งปัสสาวะขับทิ้งออกนอกร่างกาย
ท่อปัสสาวะ (Urethra) เป็นทางผ่านของน้ำปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะไปสู่นอกร่างกาย ซึ่งท่อปัสสาวะนั้นมีความแตกต่างกันระหว่างเพศชายและเพศหญิง
กระเพาะปัสสาวะ (Urinary bladder) เป็นที่เก็บน้ำปัสสาวะไว้ชั่วคราว เมื่อได้จำนวนที่พอเหมาะจึงหดตัวบีบน้ำปัสสาวะไปสู่ท่อปัสสาวะ (Urethra)
โครงสร้างของหน่วยไต (Nephron)
หน่วยไตสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
- Renal corpuscle
- Renal tubule
Renal malformations
ความผิดปกติของไต
ความผิดปกติในปริมาณของเนื้อไต
ความผิดปกติในตำแหน่ง รูปร่าง และ Orientation
ความผิดปกติใน differentiation
- Agenesis
- Hypoplasia
- Supernumerary kidney
Ectopia
Malrotation
- Fusion of kidneys สุขภาพ1 Dic
ความผิดปกติในปริมาณของเนื้อไต
Agenesis ไตฝ่อหรือภาวะที่ไม่มีเนื้อไต
-Renal agenesis อาจจะเป็นข้างเดียวหรือสองข้าง
- ร่วมกับปอดไม่เจริญ แขนขาผิดรูปร่าง
ลักษณะใบหน้าที่เป็นแบบจำเพาะ
ถ้าเป็นสองข้าง เรียกว่า Potter's syndrome
Potter's syndrome
- เกิดจากทารกในครรภ์อยู่ในภาวะขาดน้ำคร่ำ ทำให้ร่างกายถูกกด การแบ่งตัว ของเซลล์ผิดปกติ เป็นสาเหตุการเสียชีวิตแต่กำเนิดของทารก
ความผิดปกติในปริมาณของเนื้อไต
Potter's syndrome
- แขนขาที่ผิดปกติบ่อยคือ รูปร่างผิดปกติ
- Potter's facies หูติดต่ำ ผิวหนังย่น จมูก
งุ้ม คางเล็ก มีสันนูนเด่นที่หัวคิ้วทั้งสองข้าง
Hypoplasia
-ภาวะที่ไตมีขนาดเล็กกว่าปกติมากกว่าร้อยละ 50
- จำนวน renal lobule และ calyx ลดลงด้วย แต่เนื้อไตไม่มีความผิดปกติ
Supernumerary kidney
- ภาวะที่มีจำนวนไตมากกว่าสอง ส่วนใหญ่จะเป็นสามไต
- ไตชั้นที่เกินจะแยกออกจากไตปกติหรือเป็นภาวะ "ไตแฝด" ที่ไตสองส่วนอยู่ติดแน่นเป็นไตเดียว
ความผิดปกติในตำแหน่ง รูปร่าง และOrientation
- เมื่อทารกสร้างเซลล์ไตขึ้นมาใหม่ จะอยู่ในอุ้งเชิงกราน
- ขณะเดียวกันมีการหมุนตัวของไต ให้อยู่ในตำแหน่งผิดปกติ
- ต่อมามีการขยับตำแหน่ง เข้าไปในช่องท้อง
Ectopia
- ภาวะทีไตอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติ
เช่น อยู่ในอุ้งเชิงกราน
- อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้าง
Malrotation
ภาวะที่ไตมี renal pelvis และ ureter อยู่ทางด้านหน้า
Fusion of kidneys หรือ Horseshoe kidney การเชื่อมกันตรงกลางระหว่างเนื้อไตทั้งสองข้าง
Renal cystic diseases
- เป็นรอยโรคที่อาจเป็นพันธุกรรมการเจริญผิดปกติ หรือเกิดขึ้นภายหลัง มักก่อให้เกิดปัญหาในการวินิจฉัยแยกจากเนื้องอกของไต
- Polycystic kidney disease
แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
Adult type
Infantile type
click to edit
- พบได้บ่อย เป็นทั้งสองข้าง
- ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แบบ autosomal dominant
- ไตจะมีขนาดใหญ่ขึ้น บางครั้งหนักได้ถึง 4 กิโลกรัม
ผิวนอกตะปุ่มตะป่ำ หน้าตัดประกอบด้วย cyst ขนาดใหญ่ 3-4 เซนติเมตร
click to edit
- พบได้ตั้งแต่ทารกแรกคลอด มักจะเสียชีวิตในระยะแรก ๆ
- ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แบบ autosomal recessive
- ไตมีขนาดใหญ่ทั้งสองข้าง ผิวหนังนอกเรียบหน้าตัดพบ cyst ทั้งที่ cortex และ medulla ทำให้เนื้อมีลักษณะพรุนแบบฟองน้ำ
Medullary cyst
Uremic Medullary cystic disease
Medullary sponge kidney
click to edit
click to edit
collecting tubule ของ medulla - พบในผู้ใหญ่ tubule.มีการขยายใหญ่เป็นถุงของไตยังทำงานปกติ
Uremic Medullary cystic disease
- เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ มักมีอาการ พิมหรือสร้าง
- พบcyst อยู่ในบริเวณ Medulla-ที่สำคัญคือมี cortical tubular atrophy และinterstitial fibrosis ร่วมด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะไตวายในระยะต่อมา
Simple cyst
-อาจพบ cyst เดียวหรือหลายอัน ขนาดอาจจะเล็กหรือใหญ่
-มักพบอยู่ในบริเวณ cortex เกิด dilatation ของ
tubule อาจทำให้มีเลือดออก หรือ calcificationในภายหลัง
Glomerular diseases
- พยาธิสภาพที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน
Glomerulonephritis (GN)
- การอักเสบภายนอกไตที่มีผลต่อไตส่วนใหญ่เป็นภาวะแพ้ภูมิตนเอง (autoimmunity)
Systemic Lupus Erythematosus (SLE)
กลไกการเกิด
การกรองเพิ่มขึ้น
- เนื่องจากกล้ามเนื้อเรียบของหลอดเลือดนำเลือดเข้าโกลเมอรูลัส มีระดับน้ำตาลภายในเซลล์
- ทำให้ขาดพลังงานในการหดตัวขยายตัวของหลอดเลือด เลือดจึงไหลเวียนไปกรองที่ไตเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงกลไกการทำงานของ Renin
- ปกติ juxtaglomerular cell มีหน้าที่สร้างProrenin และเปลี่ยนเป็นเรนิน
- สำหรับผู้ป่วยโรคไตจากเบาหวานจะพบ prorenin
เพิ่มขึ้น และการหลั่งเรนินเข้าสู่กระแสเลือดลดลง
- ทำให้เกิดภาวะ hyperkalemia ภาวะกรดเกิน เนื่องจากพยาธิสภาพที่หลอดฝอยไต (renal tubular และภาวะน้ำเกินตามมา
Tubulo-interstitial diseases
เป็นกลุ่มของโรคที่มีความผิดปกติในรูปร่างและหน้าที่ของ tubule และ interstitium ของไตเกิดจากสาเหตุหลายอย่างได้แก่ ยา การติดเชื้อ immunological reaction แบ่งเป็น
- Acute interstitial nephritis
- Chronic interstitial nephritis
พบ interstitialedema ร่วมกับ leukocytic infiltration และ tubularnecrosis
click to edit
พบ interstitialfibrosis , tubular atrophy และ mononuclear cellinfiltration
Tubular diseases
โรคที่สำคัญ คือ Acute tubular necrosis (ATN)
- เป็นภาวะที่มีการถูกทำลายอย่างเฉียบพลันของRenal tubule
- เกิดจากการขาดเลือดไปเลี้ยงไตเป็นเวลานาน
ชนิดของ Acute tubular necrosis (ATN)
- Nephrotoxic type : ได้รับสารพิษ
- Ischemic type : shock
Acute tubular necrosis (ATN) มี 3 ระยะ
ระยะที่ 1 Oliguric-เกิดในช่วงแรก เมื่อมีการตายของ renaltubule ทำให้ renal cell หลุดมาอุดตันทางเดินปัสสาวะ
ระยะที่ 2 Diuretic phase
- cell ใหม่ที่สร้างไม่สามารถดูดกลับน้ำได้เต็มที่ ปัสสาวะจึงออกมาก
เมื่อเวลาผ่านไป tubular cell ที่ตายมี การสลายไปและมีการสร้าง cell ใหม่
ระยะที่ 3 Recovery phase
- เกิดในช่วงหลัง
- เมื่อนานเข้า tubular cell สามารถดูดน้ำกลับได้ปกติ ปัสสาวะจึงมีปริมาณ ปกติ
Urinary tract infection ( UTI)
กรวยไตอักเสบ( Pyelonephritis)
- อาจเกิดเพียงข้างเดียว หรือ เกิดพร้อมกันทั้งสองข้าง
Chronic Pyelonephritis
Acute Pyelonephritis
click to edit
เกิดทันที และรุนแรง แต่เมื่อได้รับการรักษา จะหายได้ภายใน 2-3 สัปดาห์
- มีอาการไตบวมโตมีเลือดคั่งมากขึ้น พบจุด
หนองกระจายเป็นทางจากผิว ลึกลงไปในส่วนcortex,medulla และ renal pelvi
เป็นการอักเสบไม่รุนแรง แต่เป็นๆหายๆ (scar) รูป "u" ที่เกิดจากการทำลายของเนื้อไตแล้วไตจะมีขนาดเล็กลง ผิวขรุขระ เนื่องจากรอยแผลเป็นแทนที่ด้วย fbrosis ร่วมกับ deformity ของ calyx ที่อยู่ใกล้เคียง มักเกิดจากการควบคุมสาเหตุของโรคไม่ได้ เช่นนิ่วในไตเรื้อรัง หรือ ต่อมลูกหมากโต
Nephrocalcinosis
กลไกการเกิด
- เมื่อเลือดมีแคลเซียมสูง ร่างกายขับแคลเซียมออกไม่หมด เกิดการตกตะกอนของแคลเซียมในเนื้อไต
การมีระดับแคลเซียมในเลือดสูง
เมื่อเลือดกรองที่ไต แคลเซียมส่วนหนึ่งจะถูกดึงไว้ในกระดูกเพื่อให้ในยามจำเป็น ส่วนที่เหลือใช้จะถูกขับออกทางปัสสาวะ
Urinary tract obstruction
ภาวะที่มีการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ
สาเหตุ
- ความพิการแต่กำเนิด
- การอุดกั้นจากรอยโรคที่เกิดขึ้นภายหลัง ได้แก่นิ่ว เนื้องอก การอักเสบ ก้อน renal papillae ทีตายหรือก้อน
- ความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะ
ผลจาก Urinary tract obstruction
- ทำให้ทางเดินปัสสาวะส่วนที่อยู่เหนือตำแหน่งที่มีการอุดตันขึ้นไปขยายตัว (dilatation)
- มีโอกาสเกิดนิ่วและการติดเชื้อเพิ่มขึ้น และ ทำลายเนื้อไตอย่างถาวร
ความผิดปกติในส่วนของ Ureter
click to edit
-การอุดกั้น
-เนื้องอก
-vesicoureteral reflux
Ureteric Obstruction
สาเหตุ
-นิ่วที่หลุดมาจากส่วนของไต
หลอดไตตีบ(stricture) อาจเป็นมาแต่กำเนิดหรือเป็นผลจากการอักเสบ
-เนื้องอกของ Ureter
เนื้องอกของอวัยวะใกล้เคียง เช่น ปากมดลูกและมดลูก
Vesicoureteral reflux
- เป็นความผิดปกติที่เกิดจากมีการไหลย้อนกลับของน้ำปัสสาวะจากกระเพาะปัสสาวะเข้าไปในหลอดไตและ renal pelvis
- พบมากในเด็ก อาจทำให้มีการติดเชื้อและเป็นสาเหตุหนึ่งของ pyelonephritis
สาเหตุ
การทำศัลยกรรมทางการแพทย์
การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การบาดเจ็บจากภายนอก
พันธุกรรม
มีความผิดปกติของ sphincter
มีการอุดกั้นทางเดินปัสสาวะส่วนที่ออกจากกระเพาะปัสสาวะ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ(Cystitis)
เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย
ㆍ มักจะเกิดในผู้หญิง เนื่องจากท่อปัสสาวะสั้น และ รูเปิดของท่อปัสสาวะ อยู่ใกล้หวารหนัก ทำให้เชื้อสามารถเข้าไปในท่อปัสสาวะ
สาเหตุ
การกลั้นปัสสาวะ
หลังการกระเทือนหรือหลังมีเพศสัมพันธ์ุ
เกิดการอักเสบของท่อปัสสาวะ
ㆍ มีสิ่งแปลกปลอมในท่อทางเดินปัสสาวะ
อาหารหรือยาบางอย่าง เช่น อาหารที่มีเกลือมาก
ㆍดื่มน้ำน้อย ดื่มแอลกอฮอล์มาก
่ท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis)
เป็นการบาดเจ็บ อักเสบ บวม ของเซลล์เยื่อเมือกบุ
ท่อปัสสาวะ เกิดจากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยที่สุด
คือ จากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โดยเฉพาะจากเชื้อแบคทีเรีย
พบได้ในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ แต่มักพบได้สูงในวัยที่มีเพศสัมพันธ์สูง คือ ช่วงอายุ 20-35 ปี
ผู้หญิงมีโอกาสติดเชื้อได้สูงกว่าผู้ชาย