Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่ - Coggle Diagram
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
2 ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกคำสั่งใช้ยา
(2) ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์
(3) ที่เภสัชกรรม
(1) ที่หอผู้ป่วย
3 ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา (Dispensing Error)
1 ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา (Prescription error)
(3) ผิดวิถีทาง
(4) ผิดความถี่
(2) สั่งยาผิดชนิด
(5) สั่งยาที่มีประวัติแพ้
(1) สั่งยาผิดขนาด
(6) ลายมือไม่ชัดเจน
4 ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
(6) การให้ยาผิดวิถีทาง (Wrong-route error)
(7) การให้ยาผิดเวลา (Wrong-time error)
(5) การให้ยาผิดขนาด (Wrong-dose or Wrong-strength error)
(8) การให้ยามากกว่าจํานวนครั้งที่สั่ง (Extra-dose error)
(4) การให้ยาผู้ป่วยผิดคน (Wrong patient)
(9) การให้ยาในอัตราเร็วที่ผิด (Wrong rate of administration error)
(3) การให้ยาซึ่งผู้สั่งใช้ยาไม่ได้สั่ง
(10) การให้ยาผิดเทคนิค (Wrong technique error)
(2) การให้ยาผิดชนิด (Wrong drug error)
(11) การให้ยาผิดรูปแบบยา (Wrong dosage-form error)
(1) การให้ยาไม่ครบ (Omission error)
บทบาทพยาบาลในการให้ยาผู้ป่วย
เวรบ่าย พยาบาลจะตรวจสอบรายการยาในใบ MAR กับคําสั่งแพทย์ให้ตรงกัน และดูยาในช่องลิ้นชักยาอีกครั้ง
กรณีผู้ป่วยที่ NPO ให้มีป้าย NPO และเขียนระบุว่า NPO เพื่อผ่าตัดหรือเจาะเลือดเข้า ให้อธิขายและแนะนําผู้ป่วยและญาติทุกครั้ง
การจัดยาให้ระมัดระวังในการจัดยาเนื่องจากความผิดพลาดด้านนบุคคลโดยเฉพาะยาน้ํา
กรณีคําสั่งสารน้ํา+ยํา B co 2 ml ให้เขียนคําว่า +ยํา B co 2 ml ด้วยปากกาเมจิก อักษรตัวใหญ่บนป้ายสติ๊กเกอร์ของสารน้ําให้ชัดเจนเพื่อสังเกตได้ง่าย
เมื่อมีคําสั่งใหม่ หัวหน้าเวร ลงคําสั่งในใบ MAR ทุกครั้ง
กํารจัดยาจะจัดตามหน้าชองยาหลังจากตรวจสอบความถูกต้องแล้ว
การซักประวัติ จะถามเรื่องการแพ้ยาทุกครั้งดูสติ๊กเกอร์สีแสดงแพ้ยาที่ติดอยู่ขอบ OPD card และดูรายละเอียดใน OPD card ร่วมด้วยทุกครั้ง และพยาบาล ติดสติ๊กเกอร์สีบนชาร์ตผู้ป่วย และปั้มตรา ยางทุกหน้าคําสั่งของแพทย์
มีผู้จัด-ผู้ตรวจสอบ คนละคนกันตรวจสอบซ้ำก่อนให้ยา ให้ตรวจสอบ 100% เช็คดูตามใบ MAR ทุกครั้ง
เมื่อผู้ป่วยเข้ามานอนรักษาในครั้งแรก พยาบาลตรวจสอบยาให้ตรงกับคําสั่งแพทย์ พร้อมกับ เช็คยาและจํานวนให้ตรงตามฉลากยา หากไม่ตรงให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที
การแจกยาไล่แจกยาตามเตียงพร้อมเซ็นชื่อทุกครั้งหลังให้ยาและให้พยาบาลตรวจดูยา ในลิ้นชักของผู้ป่วยทุกเตียงจนเป็นนิสัยและดูผู้ป่วยประจําเตียงว่ามีหรือไม่
ให้ยึดหลัก 6R ตํามที่กล่าวมาข้างต้น
คำสั่งแพทย์ คำนวณขนาดยา
1 คำสั่งแพทย์
ส่วนประกอบของคาสั่งการรักษา
4) ขนาดของนา
5) วิถีทางการให้ยา
3) ชื่อของยา
6) เวลาและความถี่ในการให้ยา
2) วันที่เขียนคําสั่งการรักษา
7) ลายมือผู้สั่งยา
1) ชื่อของผู้ป่วย
ลักษณะคำสั่งแพทย์ตามทางวิถีทางการให้ยา
4) ขนาดของนา
5) ทางกล้ามเนื้อ (intramuscular)
3) ทางเยื่อบุ (mucous)
6) ทางชั้นผิวหนัง (intradermal)
2) ทางสูดดม (inhalation)
7) ทางหลอดเลือดดา (intravenous)
1) ทางปาก (oral)
8) ทางใต้ผิวหนัง (subcutaneous / hypodermal)
การเขียนคําสั่งแพทย์มี 4 ชนิด
2 คําสั่งใช้ภํายในวันเดียว
3 คําสั่งที่ต้องให้ทันที
1 คําสั่งครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป
4 คําสั่งที่ให้เมื่อจําเป็น
2 คำนวณขนาดยา
ความเข้มข้นของยา(ในแต่ละส่วน)=ขนาดความเข้มข้นของยาที่มีหารปริมาณยา
รูปแบบการบริหารยา
2 คำนวณขนาดยา
Right documentation (ถูกการบันทึก)
Right route (ถูกวิถีทาง)
Right to refuse
Right time (ถูกเวลา)
Right History and assessment
Right dose (ถูกขนาด)
Right Drug-Drug Interaction and Evaluation
Right drug (ถูกยา)
Right to Education and Information
Right patient/client (ถูกคน)
Right technique (ถูกเทคนิค)
หลักสำคัญในการให้ยา
ไม่ควรเตรียมยาค้างไว้
ไม่ให้ยาที่ฉลากมีการลบเลือนไม่ชัดเจน
ตรวจสอบวันหมดอายุของยาปกติแล้วยาเม็ดจะมีอายุอยู่ได้ 5 ปีและยาน้ําจะมีอายุได้ 3 ปี
ตรวจสอบผู้ป่วยก่อนให้ยาโดยการถามชื่อและนามสกุลก่อนทุกครั้งหากผู้ป่วยไม่รู้สึกตัวหรือไม่รู้ เรื่องต้องทําการตรวจชื่อผู้ป่วยกับป้ายข้อมือก่อนให้ยาทุกครั้ง
ตรวจสอบประวัติการแพ้ยาจากตัวผู้ป่วยและญาติ
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการให้ยาและผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วย
ต้องให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อหน้าพยาบาลเพื่อป้องกันผู้ป่วยไม่ได้รับยา ยกเว้นยาบางชนิดเช่น ยาจิบแก้ไอให้ผู้ป่วยได้จิบยาเพื่อบรรเทาไอที่เกิดขึ้น
ลงบันทึกการให้ยาหลังจากให้ยําทันที
มีการประเมินประสิทธิภาพของยาที่ให้ หากยาไม่มีฤทธิ์ตามต้องการอาจต้องหาสาเหตุอื่นเพื่อ ช่วยบรรเทาหรือรักษาอาการนั้น ๆ ด้วย
สังเกตอาการก่อนและหลังการให้ยาถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นต้องรีบรายงานแพทย์ทันที
ก่อนให้ยาต้องทราบวัตถุประสงค์การให้ยา การวินิจฉัยโรค ผลของยาที่ต้องการให้เกิดและฤทธิ์ ข้างเคียง
ในกรณีที่ให้ยาผิดต้องรีบรายงานให้พยาบาลหัวหน้าเวรรับทราบเพื่อหาทางแก้ไข
ตรวจสอบคําสั่งแพทย์ก่อนให้ยาทุกครั้ง
การให้ยาทางปากใช้หลักสะอาด และการฉีดยาใช้หลัก aseptic technique
สมรรถนะของพยาบาลในการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้ยาได้อย่างเพียงพอ (Provide information)ช
สามารถติดตามผลการรักษา และรายงานผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาได้
บริหารยาตามการสั่งใช้ยาได้อย่างถูกต้อง
สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วย และไม่เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม
สามารถสื่อสารเพื่อให้ผู้ป่วยร่วมตัดสินใจในการใช้ยา
สามารถใช้ยาได้อย่างเหมาะสม ตามความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ และเป็นไปตามหลักเวชจริยศาสตร์
สามารถร่วมพิจารณาการเลือกใช้ยาได้อย่างเหมาะสมตามความจําเป็น (Consider the options)
สามารถพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ยาได้อย่างต่อเนื่อง
สามารถประเมินปัญหาผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา หรือมีความจําเป็นต้องใช้ยาในการรักษา (Assess the patient)
สามารถทํางานร่วมกับบุคลากรอื่นแบบสหวิชาชีพ
วัตถุประสงค์ของการให้ยา
เพื่อการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
ฉีดวัคซีนบีซีจีเพื่อป้องกันวัณโรค
ให้วิตามินเพื่อบํารุงร่างกายให้แข็งแรง
เพื่อการตรวจวิเคราะห์โรค
เพื่อการรักษา เป็นการให้ยาเพื่อรักษาตามสาเหตุของโรค หรือช่วยให้ผู้ป่วยบรรเทา ทุเลา และหายจากอาการหรือโรคที่เป็นอยู่
2) รักษาเฉพาะโรค
3) ทดแทนสิ่งที่ร่างกายขาด
1) รักษาตามอาการ
4) ให้ร่างกายปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
คําย่อและสัญลักษณ์เกี่ยวกับคําสั่งการให้ยา
วิถีทางการให้ยา
เวลาการให้ยา
ความถี่การให้ยา
การให้ยาทางปากและยาเฉพาะที่
1 การให้ยาทางปาก
อุปกรณ์ในการให้ยาทางปาก
การพยาบาลเพื่อให้ยาได้ถูกหลักการ
ข้อควรปฏิบัติในการให้ยาทางปาก
การเตรียมยาตามขั้นตอน
2 การให้ยาเฉพาะที่
(3) การให้ยาทางหู (Ear instillation)
(4) การหยอดยาจมูก (Nose instillation)
(2) การให้ยาทางตา (Eye instillation)
(5) การเหน็บยา เป็นการให้ยาที่มีลักษณะเป็นเม็ด เข้าทางเยื่อบุตามอวัยวะต่าง ๆเพื่อให้ยาออกฤทธิ์เฉพาะที่
(1) การสูดดม (Inhalation) เป็นการให้ยาในรูปของก๊าซ (Gas) ไอระเหย (Vapor) หรือ ละออง (Aerosol)
ระบบการตวงวัดยา
2 ระบบเมตริก ถ้าเป็นน้ําหนักส่วนใหญ่ใช้หน่วยเป็น กรัม มิลลิกรัม ลิตร มิลลิลิตร ดังนี้
3 ระบบมาตราตวงวัดประจําบ้าน มีหน่วยที่ใช้เป็น หยด ช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยชา และถ้วยแก้ว
1 ระบบอโพทีคารี ถ้าเป็นน้ําหนักส่วนใหญ่ใช้หน่วยเป็นปอนด์ ออนซ์ เกรนที่พบบ่อยมีดังนี้
ปัจจัยที่มีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา
4 ภาวะจิต
5 ภาวะสุขภาพ
3 กรรมพันธุ์
6 ทางที่ให้ยา
2 เพศ
7 เวลาที่ให้ยา
1 อายุและน้ําหนักตัว
8 สิ่งแวดล้อม
กระบวนการพยาบาลในการบริหารยาทางปากและยาเฉพาะที่
การวินิจฉัยการพยาบาล เมื่อรวบรวมข้อมูลจากการประเมินสภาพได้ทั้งหมดแล้วนํามาจัด หมวดหมู่ข้อมูลที่เป็นปัญหา ดูว่าผู้ป่วยมีปัญหาหรือไม่มีปัญหาที่จะได้รับยาขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ประเมินมาได้ ในขั้นตอนแรก แล้วให้การวินิจฉัยพยาบาล
3.การวางแผนการพยาบาล
เกณฑ์การประเมินของแต่ละข้อวินิจฉัยการพยาบาล
การวางแผนการพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยา
1.การประเมินสภาพ
1.3 ประเมินผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
1.4 การได้รับสารน้ําเพียงพอหรือไม่
1.2 ประวัติการแพ้ยา
1.5 ความรู้ความเข้าใจเรื่องยาที่ได้รับ
1.1 ประเมินดูว่าผู้ป่วยมีข้อห้ามในการให้ยาทางปากหรือไม่
1.6 การปฏิบัติตัวในการได้รับยา
การปฏิบัติการพยาบาล เป็นการปฏิบัติการให้ยาตามแผนที่วางไว้ไปปฏิบัติ โดยยึดหลัก ความถูกต้อง 7 ประการ และคํานึงถึงบทบาทพยาบาลในการให้ยาตามที่ได้กล่าวข้างต้น รวมไปถึงการ บันทึกหลังการให้ยาด้วยปฏิบัติตามหลักการบริหารยาที่ลงมือปฏิบัติจริง
การประเมินผล
สามารถบอกการปฏิบัติตัวขณะได้รับยาได้ถูกต้อง
สามารถอธิบายวัตถุประสงค์ของการให้ยาได้ถูกต้อง
หลังจากได้รับยา 30 นาที ไม่มีอาการแพ้ยา