Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่, Drug - Coggle Diagram
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่
วัตถุประสงค์ของการให้ยา :<3:
1 เพื่อการรักษาเป็นการให้ยาเพื่อรักษาตามสาเหตุของโรค
2 เพื่อการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
3 เพื่อการตรวจวิเคราะห์โรค
ปัจจัยที่มีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา
:<3:
1 อายุและนํ้าหนักตัว
2 เพศ
3 กรรมพันธุ์
4 ภาวะจิตใจ
5 ภาวะสุขภาพ
6 ทางที่ให้ยา
7 เวลาที่ให้ยา
8 สิ่งแวดล้อม
ระบบการตวงวัดยา :<3:
ระบบอโพทีคารีถ้ำเป็นนํ้าหนักส่วนใหญ่ใช้หน่วยเป็นปอนด์ ออนซ์ เกรน
ระบบเมตริก ถ้ำเป็นนํ้าหนักส่วนใหญ่ใช้หน่วยเป็น กรัม มิลลิกรัม ลิตร มิลลิลิตร
ระบบมาตราตวงวัดประจำบ้าน มีหน่วยที่ใช้เป็น หยด ช้อนชำ ช้อนโต๊ะ ถ้วยชำ และถ้วยแก้วสามารถเทียบได้กับระบบเมตริก
คำย่อและสัญลักษณ์เกี่ยวกับคำสั่งการให้ยา:<3:
คำสั่งแพทย์ในกำรรักษำส่วนใหญ่ใช้เป็นคำย่อและสัญลักษณ์ พยาบาลจึงจำเป็นต้องทราบความหมายโดยใช้ตัวย่อ
การให้ยาทางปากและยาเฉพาะที่ :<3:
การให้ยาทางปาก
ข้อควรปฏิบัติในการให้ยาทางปาก
ยาที่ระคายเคืองทางเดินอาหารให้กินหลังอาหารหรือนม
การให้ยาเม็ดในเวลาเดียวกัน สามารถรวมกันได้ ส่วนยานํ้าให้แยกใส่แก้วยาต่างหาก
ยำชนิดผงให้ใช้ช้อนตวงปาดแล้วเทใส่แก้วยา
ยาจิบแก้ไอควรให้ภำยหลังรับประทานยำเม็ดแล้วเพื่อให้ยาค้างอยู่ที่คอไม่ถูกนํ้าล้างออก
ยาลดกรดในกระเพาะอาหารควรให้อันดับสุดท้ายเพื่อช่วยลดอาการระคายเคือง
ยาอมใต้ลิ้น
อุปกรณ์ในการให้ยาทางปาก
นํ้าเปล่า หรือ นํ้าส้ม หรือนํ้าหวานแทนนํ้า (หากไม่มีข้อห้าม)
ถาดหรือรถใส่ยา
ถ้วยยา หรือ Syringe
แบบบันทึกการให้ยา
การพยาบาลเพื่อให้ยาได้ถูกหลักการ
เตรียมยาให้ตรงกับ MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย
อ่านฉลากยาให้ตรงกับ MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย ดูวันที่หมดอายุของยา
ดูชื่อยา ขนาดยา เวลาที่ให้ใน MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย
เทยาหรือรินยาให้ได้ตรงตามจำนวนกับขนาดของยาใน MAR ของผู้ป่วยแต่ละราย
ดูเบอร์เตียง ชื่อ นามสกุล ผู้ป่วยใน MAR ให้ตรงกัน
การให้ยาเฉพาะที่
ใช้หลักการบริหารยา
การสูดดม (Inhalation)
การให้ยาทางตา (Eye instillation)
การหยอดยาจมูก (Nose instillation)
การให้ยาทางหู(Ear instillation)
การเหน็บยา เป็นการให้ยาที่มีลักษณะเป็นเม็ด
รูปแบบการบริหารยา :<3:
การให้ยาทางปากใช้หลักสะอาด และการฉีดยาใช้หลัก aseptic technique
ตรวจสอบคำสั่งแพทย์ก่อนให้ยาทุกครั้ง
ก่อนให้ยาต้องทราบวัตถุประสงค์การให้ยา
ตรวจสอบประวัติการแพ้ยาจากตัวผู้ป่วยและญาติในกรณีที่ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว
ตรวจสอบวันหมดอายุของยาปกติแล้วยาเม็ดจะมีอายุอยู่ได้5 ปี
ไม่ควรเตรียมยาค้างไว้
ไม่ให้ยาที่ฉลากมีการลบเลือนไม่ชัดเจน
ตรวจสอบผู้ป่วยก่อนให้ยาโดยการถามชื่อและนามสกุลก่อนทุกครั้ง
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์ของการให้ยาและผลข้างเคียง
ต้องให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อหน้าพยาบาล
ลงบันทึกการให้ยาหลังจากให้ยาทันที
มีการประเมินประสิทธิภาพของยาที่ให้
สังเกตอาการก่อนและหลังการให้ยา
ในกรณีที่ให้ยาผิดต้องรีบรายงานให้พยาบาลหัวหน้าเวรรับทราบ
คำสั่งแพทย์คำนวณขนาดยา :<3:
วิถีทางการให้ยา (route) และชนิดของการปรุงยำแต่ละชนิด
1) ทางปาก (oral)
2) ทางสูดดม (inhalation)
3) ทางเยื่อบุ (mucous)
4) ทางผิวหนัง (skin)
5) ทางกล้ามเนื้อ (intramuscular)
6) ทางชั้นผิวหนัง (intradermal)
7) ทางหลอดเลือดดำ (intravenous)
8) ทางใต้ผิวหนัง (subcutaneous / hypodermal)
ส่วนประกอบของคำสั่งการรักษา
1 ชื่อของผู้ป่วย
2 วันที่เขียนคำสั่งการรักษา
3 ชื่อของยา
5 วิถีทางการให้ยา
6 เวลาและความถี่ในการให้ยา
7 ลายมือผู้สั่งยา
คำสั่งแพทย์
1 คำสั่งครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป (Standing order / order for continuous)
2 คำสั่งใช้ภำยในวันเดียว (Single order of order for one day)
3 คำสั่งที่ต้องให้ทันที(Stat order)
4 คำสั่งที่ให้เมื่อจำเป็น (prn order)
ลักษณะคำสั่งแพทย์ตามทางวิถีทางการให้ยา
แพทย์จะเขียนคำสั่งกำรให้ยาเป็นรูปแบบเดียวกัน คือ
ชื่อยำ – ขนาด – จำนวน – ทางที่ให้ – ความถี่
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา :<3:
ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา (Prescription error)
(1) สั่งยาผิดขนาด หมายถึง แพทย์สั่งใช้ยาที่มีขนาดมากเกิน Maximum dose
(2) สั่งยาผิดชนิด หมำยถึง เขียนใบสั่งยาสั่งยาคนละชนิดกับที่ควรจะเป็น
(3) ผิดวิถีทาง หมายถึง เขียนใบสั่งยา สั่งใช้ยาผิดวิถีทาง ทำให้ใช้ยาไม่ถูกวิธี
(4) ผิดความถี่ หมายถึง เขียนใบสั่งยา วิธีรับประทานผิด หรือระบุวิธีรับประทำานที่ไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยคนนั้น
(5) สั่งยาที่มีประวัติแพ้ หมายถึง แพทย์สั่งยาที่ผู้ป่วยมีประวัติแพ้
(6) ลายมือไม่ชัดเจน หมายถึง เขียนใบสั่งยาด้วยลายมือที่ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิด อ่านผิด
ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกคำสั่งใช้ยา (Transcribing error)
(1) ที่หอผู้ป่วย หมายถึง พยาบาลลอกคำสั่งแพทย์หรืออ่านคำสั่งแพทย์ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตำมแพทย์สั่ง ทำให้ข้อมูลที่คัดลอกไว้นั้นมีความคลาดเคลื่อน
(2) ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ หมำายถึง เจ้าหน้าที่ศูนย์คอมพิวเตอร์ ทำหน้าที่คัดกรองกำรลงข้อมูลยาในคอมพิวเตอร์ไม่ครอบคลุม
(3) ที่เภสัชกรรม หมายถึง เจ้าหน้าที่ห้องยาเเละเภสัชกร อ่านคำสั่งแพทย์ ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามแพทย์สั่ง ส่งผลถึงกำรส่งต่อข้อมูลและการจ่ายยามีความคลาดเคลื่อน
ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา (Dispensing Error)
ความคลาดเคลื่อนในกระบวนการจ่ายยาของกลุ่มงานเภสัชกรรม ที่จ่ายยาไม่ถูกต้องตำมที่ระบุในคำสั่งใช้ยำ
ความคลาดเคลื่อนนี้ส่งผลให้ผู้ป่วย
ได้รับยาที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสม
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา (Administration error)
(1) การให้ยาไม่ครบ (Omission error)
(2) การให้ยาผิดชนิด (Wrong drug error)
(3) การให้ยาซึ่งผู้สั่งใช้ยาไม่ได้สั่ง (Unordered or unauthorized drug)
(4) การให้ยาผู้ป่วยผิดคน (Wrong patient)
(5) การให้ยาผิดขนาด (Wrong-dose or Wrong-strength error)
(6) การให้ยาผิดวิถีทำง (Wrong-route error)
(7) การให้ยาผิดเวลา (Wrong-time error)
(8) การให้ยามากกว่าจำนวนครั้งที่สั่ง (Extra-dose error)
(9) การให้ยาในอัตราที่ผิด (Wrong rate of administration error)
(10) การให้ยาผิดเทคนิค (Wrong technique error)
(11) การให้ยาผิดรูปแบบยำ (Wrong dosage-form error)
บทบาทพยาบาลในการให้ยาผู้ป่วย :<3:
เมื่อมีคำสั่งใหม่ หัวหน้าเวร ลงคำสั่งในใบ MAR ทุกครั้ง
การจัดยาให้ระมัดระวังในการจัดยา
การซักประวัติจะถามเรื่องการแพ้ยาทุกครั้งดูสติ๊กเกอร์สีแสดงแพ้ยา
พยาบาลจะตรวจสอบรายการยาในใบ MAR กับคำสั่งแพทย์ให้ตรงกัน
เมื่อผู้ป่วยเข้ามานอนรักษาในครั้งแรก พยาบาลตรวจสอบยาให้ตรงกับคำสั่งแพทย์พร้อมกับเช็คยา
กรณีผู้ป่วยที่ NPO ให้มีป้าย NPO และเขียนระบุว่า NPO เพื่อผ่าตัดหรือเจำะเลือดเช้า ให้อธิบายและแนะนำผู้ป่วยและญาติทุกครั้ง
กรณีคำสั่งสารนํ้า+ยำ B co 2 ml ให้เขียนคำว่า +ยำ B co 2 ml ด้วยปากกาเมจิก อักษรตัวใหญ่บนป้ายสติ๊กเกอร์ของสารนํ้าให้ชัดเจนเพื่อสังเกตได้ง่าย
การจัดยาจะจัดตามหน้าชองยาหลังจากตรวจสอบความถูกต้องแล้ว
มีผู้จัด-ผู้ตรวจสอบ คนละคนกันตรวจสอบก่อนให้ยาให้ตรวจสอบ 100%
การแจกยาไล่แจกยาตามเตียงพร้อมเซ็นชื่อทุกครั้งหลังให้ยา
สมรรถนะของพยาบาลในการใช้ยาอย่างสเหตุผล :<3:(Competencies of nurses for RationalDrug Use)
สามารถสื่อสารเพื่อให้ผู้ป่วยร่วมตัดสินใจในการใช้ยา โดยพิจารณาจากข้อมูลทางเลือกที่ถูกต้องเหมาะสมกับบริบทและเคารพในมุมมองของผู้ป่วย (Reach a shared decision)
สามารถร่วมพิจารณาการเลือกใช้ยาได้อย่างเหมาะสมตามความจำเป็น (Consider the options)
บริหารยาตามการสั่งใช้ยาได้อย่างถูกต้อง
สามารถประเมินปัญหาผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา(Assess the patient)
สามารถให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้ยาได้อย่างเพียงพอ (Provide information)
สามารถติดตามผลการรักษา และรายงานผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาได้(Monitor andreview)
สามารถใช้ยาได้อย่างปลอดภัยทั้งต่อผู้ป่วย และไม่เกิดผลกระทบต่อสังคมโดยรวม (Prescribe safely)
สามารถใช้ยาได้อย่างเหมาะสม ตามความรู้ควำมสามารถทำงวิชาชีพ และเป็นไปตามหลักเวชจริยศาสตร์ (Prescribe professionally)
สามารถพัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ยา ได้อย่างต่อเนื่อง (Improve prescribingpractice)
สามารถทำงานร่วมกับบุคลากรอื่นแบบสหวิชาชีพ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยาอย่างสมเหตุผล(Prescribe as part of a team)
กระบวนการพยาบาลในการบริหารยาทางปากและยาเฉพาะที่ :<3:
การวางแผนการพยาบาล
หลังจากได้ข้อมูลและปัญหาหรือข้อบ่งชี้ในกำรให้ยาแล้วทำการ
วางแผนหาวิธีการว่าจะให้ยาอย่ำงไร ผู้ป่วยจึงจะได้ยาถูกต้อง ครบถ้วน
การปฏิบัติการพยาบาล
เป็นการปฏิบัติการให้ยาตามแผนที่วางไว้ไปปฏิบัติ โดยยึดหลักความถูกต้อง 7 ประกำร และคำนึงถึงบทบาทพยาบลในกำรให้ยาตามที่ได้กล่าวข้างต้น
การวินิจฉัยการพยาบาล
เมื่อรวบรวมข้อมูลจากการประเมินสภาพได้ทั้งหมดแล้วนำมาจัด
หมวดหมู่ข้อมูลที่เป็นปัญหา ดูว่าผู้ป่วยมีปัญหาหรือไม่มีปัญหาที่จะได้รับยาขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ประเมินมาได้ในขั้นตอนแรก
การประเมินผล
หลังจากให้แล้วต้องกลับมาตามผลทุกครั้ง เพื่อดูผลของยาต่อผู้ป่วยทั้ง
ด้านการรักษำ และผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงการแพ้ยาด้วย
การประเมินสภาพ
ก่อนให้ยาต้องหำข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้ป่วยและยาที่จะให้ผู้ป่วย ต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับการแพ้ยา ภาวะขณะที่จะให้ยา