Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 5 - Coggle Diagram
บทที่ 5
พระราชบัญญัติยา พ.ศ. ๒๕๑๐
หมวด ๑ กรรมการยา
คณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการยา”ประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมกำรแพทย์ อธิบดีกรม ควบคุมโรคติดต่อ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบดีกรมอนามัย เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
หมวด ๑/๑ กระบวนการพิจารณาอนุญาตยา
เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา และเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่ได้รับมอบหมายให้ทำกิจการในหน้าที่และอำนาจของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแล้ว ให้มีผู้เชี่ยวชำญองค์กรผู้เชี่ยวชำญ หน่วยงำนของรัฐ หรือองค์กรเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำหน้าที่ในเพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุญาตยาเป็นไปด้วยความสะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
หมวด ๒ การขออนุญาตและออกใบอนุญาตเกี่ยวกับยาแผนปัจจุบัน
ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต ขาย หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบัน เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต
หมวด ๓ หน้าที่ของผู้รับอนุญาตเกี่ยวกับยาแผนปัจจุบัน
หมวด ๔
หน้าที่ของเภสัชกร ผู้ประกอบวิชำชีพเวชกรรม ผู้ประกอบโรคศิลปะแผนปัจจุบันชั้นหนึ่งในสาขาทันตกรรม การผดุงครรภ์หรือการพยาบาลหรือผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์
หมวด ๕ การขออนุญาตและออกใบอนุญาตเกี่ยวกับยาแผนโบราณ
หมวด ๖ หน้าที่ของผู้รับอนุญาตเกี่ยวกับยาแผนโบราณ
ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตผลิตหรือขายยาแผนโบราณนอกสถานที่ที่กำหนดไว้ในใบอนุญาต เว้นแต่เป็นการขายส่ง
หมวด ๗ หน้าที่ของผู้ประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ
หมวด ๘ ยาปลอม ยาผิดมาตรฐาน ยาเสื่อมคุณภาพ
หมวด ๙ การประกาศเกี่ยวกับยา
หมวด ๑๐ การขึ้นทะเบียนตำรายา
ผู้รับอนุญาตผลิตยา หรือผู้รับอนุญาตให้นำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักรผู้ใด ประสงค์จะผลิต หรือนำหรือสั่งเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งยาแผนปัจจุบันหรือยาแผนโบราณ ต้องนำตำรับยานั้นมาขอขึ้นทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และเมื่อได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาแล้วจึงจะผลิตยา หรือนำหรือสั่งยานั้นเข้ามาในราชอาณาจักรได้
หมวด ๑๑
การโฆษณา
กำรโฆษณาขายยาจะต้อง ไม่เป็นการโอ้อวดสรรพคุณยาอันเป็นเท็จหรือเกินความจริง
หมวด ๑๒ พนักงานเจ้าหน้าที่
หมวด ๑๓
การพักใช้ใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาต
เมื่อปรากฏต่อผู้อนุญาต ว่าผู้รับอนุญาตผู้ใดไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ ผู้อนุญาตโดยคำแนะนำของคณะกรรมการมีอำนาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้โดยมีกำหนดครั้งละไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวัน หรือในกรณีมีการฟ้องผู้รับอนุญาตต่อศาลว่าได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ จะสั่งพักใช้ใบอนุญาตไว้รอคำพิพากษาอันถึงที่สุดก็ได้
หมวด ๑๔ บทกำหนดโทษ
บทเฉพาะการ
ใบอนุญาตประกอบธุรกิจการขายยาตามกฎหมายว่าด้วยการขายยาก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้คงใช้ได้ต่อไปจนกว่ำจะสิ้นอำยุ ถ้ำผู้ได้รับใบอนุญาตดังกล่าวประสงค์จะผลิตยา ขายยา หรือนำหรือสั่งยาเข้ามาในราชอาณาจักรต่อไป และได้ยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้แล้วให้ดำเนินกิจการที่ได้รับอนุญาตตามใบอนุญาตเดิมต่อไปได้จนกว่าจะได้รับใบอนุญาตใหม่หรือผู้อนุญาตได้แจ้งให้ทรำบถึงการไม่อนุญาต และในกรณีได้รับใบอนุญาตใหม่ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต
พระราชบัญญัติ วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙
หมวด ๑ คณะกรรมการวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อ จิตและประสาท” ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานกรรมการ เลขาธิการ คณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด ผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติอธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมการแพทย์อธิบดีกรมคุมประพฤติอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีกรมอนามัย เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด นายกแพทยสภา นายกสภาเภสัชกรรม และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินเจ็ดคนซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความสามารถหรือประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุออกฤทธิ์เป็นกรรมการ
หมวด ๒ การขออนุญาตและการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับวัตถุออกฤทธิ์
ห้ามผู้ใดผลิต ขาย นําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาตเฉพาะในกรณีจําเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ
ห้ามผู้ใดผลิต นําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาตเฉพาะกรณี
ผู้อนุญาตอาจอนุญาตให้ยานพาหนะที่ใช้ในการขนส่งสาธารณะระหว่างประเทศที่จดทะเบียนในราชอาณาจักร นําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ในปริมาณเท่าที่จําเป็นต้องใช้ประจําในการปฐมพยาบาลหรือในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินในยานพาหนะนั้นได้
หมวด ๓ หน้าที่ของผู้รับอนุญาต
ห้ามผู้รับอนุญาตผู้ใด ผลิต ขาย นําเข้าหรือเก็บไว้ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภทนอกสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
ผู้อนุญาตอาจออกใบอนุญาตให้ผู้รับอนุญาตขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ นอกสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาตได้
ผู้รับอนุญาตผลิต นําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ตามมาตรา ๑๕ ผู้รับอนุญาตขายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ตามมาตรา ๑๙ (๓) และผู้รับอนุญาตผลิตขาย นําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ ตามมาตรา ๒๐ ต้องจัดให้มีเภสัชกรอยู่ประจําควบคุมกิจการตามเวลาที่เปิดทําการซึ่งระบุไว้ในใบอนุญาต
หมวด ๔ หน้าที่ของเภสัชกร
เภสัชกรผู้มีหน้าที่ควบคุมการผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๒ ควบคุมการผลิต ควบคุมให้มีฉลากและเอกสารกํากับ ควบคุมให้มีการแยกเก็บวัตถุเป็นสัดส่วน ควบคุมการทําบัญชีเกี่ยวกับการผลิต ควบคุมกิจการตลอดเวลา
ให้เภสัชกรผู้มีหน้าที่ควบคุมการผลิตวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือ ประเภท ๔ ควบคุมการผลิต ควบคุมให้มีฉลากและเอกสารกํากับ ควบคุมให้มีการแยกเก็บวัตถุเป็นสัดส่วน ควบคุมการทําบัญชีเกี่ยวกับการผลิต ควบคุมกิจการตลอดเวลา
หมวด ๕ วัตถุออกฤทธิ์ที่ห้ามผลิต ขาย นําเข้าหรือส่งออก
ห้ามผู้ใดผลิต ขาย นําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ ปลอม ผิดมาตรฐาน เสื่อมคุณภาพ ไม่ได้ขึ้นทะเบียน สั่งเพิกถอนทะเบียนวัตถุตํารับ
หมวด ๖ การขึ้นทะเบียนวัตถุตํารับ
ผู้รับอนุญาตผลิตหรือนําเข้าซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๓ หรือประเภท ๔ จะผลิตหรือนําเข้าซึ่งวัตถุตํารับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ดังกล่าว ต้องขอขึ้นทะเบียนวัตถุตํารับนั้น ต่อผู้อนุญาตก่อนและเมื่อได้รับใบสําคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุตํารับแล้วจึงจะผลิตหรือนําเข้าซึ่งวัตถุตำรับนั้นได้
หมวด ๗ การโฆษณา
ห้ามผู้ใดโฆษณาวัตถุออกฤทธิ์ เว้นแต่ เป็นฉลากหรือเอกสารกํากับ เป็นการโฆษณาซึ่งกระทําโดยตรงต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม
หมวด ๘ พนักงานเจ้าหน้าที่
เข้าไปในสถานที่ทําการของผู้รับอนุญาตนําเข้าหรือส่งออก สถานที่ผลิต สถานที่ขาย
เข้าไปในเคหสถานหรือสถานที่ใด ๆ เพื่อตรวจค้นเมื่อมีเหตุเชื่อได้ตามสมควร
ค้นบุคคลหรือยานพาหนะใด ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีวัตถุออกฤทธิ์ซุกซ่อนอยู่
ยึดหรืออายัดวัตถุออกฤทธิ์ที่มีไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
หมวด ๙ การพักใช้ใบอนุญาตและการเพิกถอนใบอนุญาต
ผู้รับอนุญาตผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎกระทรวงหรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ผู้อนุญาตโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจสั่งพักใช้ใบอนุญาตได้โดยมีกําหนดครั้งละไม่เกินหนึ่งร้อยแปดสิบวัน แต่ในกรณีมีการฟ้องผู้รับอนุญาตต่อศาลว่าได้กระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ผู้อนุญาตจะสั่งพักใช้ใบอนุญาตไว้รอคําพิพากษาถึงที่สุดก็ได้
หมวด ๑๐ มาตรการควบคุมพิเศษ
ให้ถือว่าวัตถุตํารับที่มีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทหนึ่งประเภทใดปรุงผสมอยู่เป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทนั้นด้วย
ในกรณีที่วัตถุตํารับมีวัตถุออกฤทธิ์อันระบุอยู่ในประเภทต่างกันมากกว่าหนึ่งประเภทผสมอยู่ ให้ถือว่าวัตถุตํารับนั้นเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภทที่มีการควบคุมเข้มงวดที่สุดในบรรดาวัตถุออกฤทธิ์ที่ผสมอยู่นั้น
ห้ามผู้ใดมีไว้ในครอบครองหรือใช้ประโยชน์ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ทุกประเภทเว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต
ห้ามผู้ใดเสพวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑
หมวด ๑๑ การค้าระหว่างประเทศ
การนําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ของผู้รับอนุญาตตามมาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๐ นอกจากจะต้องได้รับใบอนุญาตตามมาตราดังกล่าวแล้ว ในการนําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ของผู้รับอนุญาตในแต่ละครั้งต้องได้รับใบอนุญาตเฉพาะคราวทุกครั้งที่นําเข้าหรือส่งออกอีกด้วย ในกรณีที่ผู้รับอนุญาตไม่สามารถส่งออกได้ตามปริมาณที่ระบุไว้ในใบอนุญาตเฉพาะคราวให้ผู้รับอนุญาตแจ้งไปยังเลขาธิการเพื่อแก้ไขใบอนุญาตเฉพาะคราวให้ถูกต้องตามปริมาณที่ส่งออกจริงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กําหนดในกฎกระทรวง
หมวด ๑๒ บทกําหนดโทษ
ผู้ใดผลิต นําเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท ๑ อันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงสองล้านบาท
บทเฉพาะกาล
คําขอใดที่ได้ยื่นไว้ตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๑๘ และยังอยู่ในระหว่างพิจารณาให้ถือว่าเป็นคําขอตามพระราชบัญญัตินี้ในกรณีที่คําขอมีข้อแตกต่างไปจากคําขอซึ่งต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ให้ผู้อนุญาตมีอํานาจสั่งให้ผู้ขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมได้ตามความจําเป็น เพื่อให้การเป็นไปตามพระราชบัญญัติ
พระราชบัญญัติ เครื่องสําอาง พ.ศ. ๒๕๕๘
หมาด ๑ คณะกรรมการเครื่องสําอาง
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการเครื่องสําอาง”ประกอบด้วยปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ อธิบดีกรมการแพทย์อธิบดีกรม ควบคุมโรค อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมอนามัย เลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา ผู้แทนกรมวิทยาศาสตร์บริการ ผู้แทนกรมศุลกากร ผู้แทนสํานักงาน
หมวด ๒ การจดแจ้งและการรับจดแจ้งเครื่องสําอาง
ผู้ใดประสงค์จะผลิตเพื่อขาย นําเข้าเพื่อขาย หรือรับจ้างผลิต เครื่องสําอาง ต้องจดแจ้งรายละเอียดของเครื่องสําอางต่อผู้รับจดแจ้ง และเมื่อผู้รับจดแจ้งออกใบรับจดแจ้งให้แล้วจึงจะผลิตหรือนําเข้าเครื่องสําอางนั้นได้
หมวด ๓ ฉลากเครื่องสําอาง
ผู้ผลิตเพื่อขาย ผู้นําเข้าเพื่อขาย และผู้รับจ้างผลิตเครื่องสําอางต้องจัดให้มีฉลาก ใช้ข้อความที่ตรงต่อความจริง ใช้ข้อความภาษาไทย และมีขนาดที่สามารถอ่านได้ชัดเจน ชื่อเครื่องสําอางและชื่อทางการค้า ชื่อและที่ตั้งของผู้ผลิต ปริมาณ วิธีใช้ข้อแนะนํา คําเตือน เดือน ปีที่ผลิตและที่หมดอายุ เลขที่ผลิต
หมวด ๔ การควบคุมเครื่องสําอาง
มื่อมีประกาศตามมาตรา ๖ (๙) การนําเข้าเพื่อขายเครื่องสําอาง ต้องผ่านการตรวจสอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ด่านตรวจสอบเครื่องสําอาง ผู้จดแจ้งต้องผลิตหรือนําเข้าเครื่องสําอางให้ตรงตามที่ได้จดแจ้งไว้
ห้ามมิให้ผู้ใดผลิตเพื่อขาย นําเข้าเพื่อขาย รับจ้างผลิตหรือขายเครื่องสําอาง ไม่ปลอดภัย ปลอม ผิดมาตราฐาน รัฐมนตรีประกาศห้าม ถูกสั่งเพิกถอน
หมวด ๕ การเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอาง
ผู้รับจดแจ้งมีอํานาจสั่งเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอาง หากปรากฏว่าเครื่องสําอางนั้นเป็นเครื่องสําอางที่รัฐมนตรีประกาศตามมาตรา ๖ ผู้จดแจ้งไม่ปฏิบัติตามมาตรา๒๖
เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภคผู้รับจดแจ้งโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการมีอํานาจสั่งเพิกถอนใบรับจดแจ้งเครื่องสําอางได้หากปรากฎไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไข ไม่ปลอดภัยได้เปลี่ยนหรือเพิ่มเติมวัตถุประสงค์
หมวด ๖ การโฆษณา
การโฆษณาเครื่องสําอางต้องไม่ใช้ข้อความที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม ทั้งนี้ไม่ว่าข้อความดังกล่าวนั้นจะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกําเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือลักษณะของเครื่องสําอาง
หมวด ๗ พนักงานเจ้าหน้าที่
เข้าไปในสถานที่ผลิต สถานที่นําเข้า สถานที่เก็บ หรือสถานที่ขายเครื่องสําอางในเวลาทําการของสถานที่นั้น หรือเข้าไปในยานพาหนะที่บรรทุกเครื่องสําอางเพื่อตรวจสอบ
ในกรณีที่ปรากฏต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่ามีการกระทําความผิดตามมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง มาตรา ๒๖ มาตรา ๒๗ หรือมาตรา ๓๒ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับอนุมัติจากเลขาธิการมีอํานาจสั่งให้ผู้จดแจ้ง ผู้ขาย หรือผู้ครอบครองเครื่องสําอางดังกล่าว เรียกเก็บคืนและทําลายเครื่องสําอางนั้น หรือส่งมอบเครื่องสําอางนั้นให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กําหนด
หมวด ๘ การอุทธรณ์
ในกรณีผู้รับจดแจ้งไม่ออกใบรับจดแจ้งหรือไม่ต่ออายุใบรับจดแจ้ง ผู้ขอจดแจ้งหรือผู้จดแจ้งซึ่งขอต่ออายุใบรับจดแจ้งมีสิทธิอุทธรณ์คําสั่งดังกล่าวเป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการไม่ออกใบรับจดแจ้งหรือการไม่ต่ออายุใบรับจดแจ้งแล้วแต่กรณี
หมวด ๙ บทกําหนดโทษ
ผู้ใดผลิตเพื่อขาย นําเข้าเพื่อขาย หรือรับจ้างผลิตเครื่องสําอางอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศที่รัฐมนตรีออกตามมาตรา ๖ (๑) ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจําทั้งปรับผู้ใดขายเครื่องสําอางอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศที่รัฐมนตรีออกตามมาตรา ๖ (๑)ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
บทเฉพาะกาล
ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการประกอบด้วยกรรมการโดยตําแหน่งตามมาตรา ๗ ยกเว้นคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ของสถาบันอุดมศึกษา ปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน จนกว่าจะมีกรรมการที่มาจากคณบดีคณะเภสัชศาสตร์ของสถาบันอุดมศึกษา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ต้องไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
คําขอแจ้งรายละเอียดเครื่องสําอางควบคุมที่ได้ยื่นไว้ตามพระราชบัญญัติเครื่องสําอาง พ.ศ. ๒๕๓๕ และยังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ให้ถือว่าเป็นการขอจดแจ้งเครื่องสําอางตามพระราชบัญญัตินี้โดยอนุโลม และผู้รับจดแจ้งมีอํานาจสั่งให้ผู้ยื่นคําขอส่งเอกสารเพิ่มเติมแก่ผู้รับจดแจ้ง หรือแก้ไขเพิ่มเติมคําขอแจ้งรายละเอียดเครื่องสําอางควบคุมเท่าที่จําเป็นได้
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐
หมวด ๑ สิทธิและหน้าที่ด้านสุขภาพ
บุคคลมีสิทธิในการดํารงชีวิตในสิ่งแวดล้อมและสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อสุขภาพ
สุขภาพของหญิงในด้านสุขภาพทางเพศและสุขภาพของระบบเจริญพันธุ์ ซึ่งมีความจําเพาะ ซับซ้อนและมีอิทธิพลต่อสุขภาพหญิงตลอดช่วงชีวิต ต้องได้รับการสร้างเสริม และ คุ้มครองอย่างสอดคล้องและเหมาะสม
ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล เป็นความลับส่วนบุคคล
ในการบริการสาธารณสุข บุคลากรด้านสาธารณสุขต้องแจ้งข้อมูลด้าน สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการให้ผู้รับบริการทราบอย่างเพียงพอที่ผู้รับบริการจะใช้ประกอบการตัดสินใจ
ในกรณีที่ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขประสงค์จะใช้ผู้รับบริการเป็นส่วนหนึ่งของการทดลองในงานวิจัย ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขต้องแจ้งให้ผู้รับบริการทราบล่วงหน้า และต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือ
หมวด ๒ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
๑๓ ให้มีคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเรียกโดยย่อว่า “คสช.”
หมวด ๓ สํานักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
ให้จัดตั้งสํานักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติขึ้นเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน และไม่เป็นรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น
การเก็บรักษาและการใช้จ่ายเงินของสํานักงานให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกําหนด
ให้มีเลขาธิการคนหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบการบริหารงานของสํานักงานขึ้นตรงต่อ คสช. มีหน้าที่ควบคุมดูแลโดยทั่วไปซึ่งงานของสํานักงาน เป็นผู้บังคับบัญชาพนักงาน และลูกจ้าง
หมวด ๔ สมัชชาสุขภาพ
การจัดสมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่ หรือสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นหรือสนับสนุนให้ประชาชนรวมตัวกันเพื่อจัดสมัชชาสุขภาพเฉพาะพื้นที่ หรือสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คสช. กําหนด
หมวด ๕ ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ
ให้คสช. จัดทําธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติเพื่อใช้เป็นกรอบและแนวทางในการกําหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์และการดําเนินงานด้านสุขภาพของประเทศเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
หมวด ๖ บทกําหนดโทษ
พระราชบัญญัติสุขภาพจิต พ.ศ. ๒๕๔๑
หมวด ๑ คณะกรรมการ
ส่วนที่ ๑ คณะกรรมการสุขภาพจิตแห่งชาติ
ส่วนที่ ๒ คณะกรรมการสถานบําบัดรักษา
สถานบําบัดรักษาแต่ละแห่งให้มีคณะกรรมการสถานบําบัดรักษาซึ่งอธิบดีแต่งตั้งประกอบด้วย จิตแพทย์ประจําสถานบําบัดรักษาหนึ่งคน เป็นประธานกรรมการ แพทย์หนึ่งคน พยาบาลจิตเวชหนึ่งคน นักกฎหมายหนึ่งคน และนักจิตวิทยาคลินิกหรือนักสังคมสงเคราะห์ทางการแพทย์หนึ่งคน เป็นกรรมการ
หมวด ๒ สิทธิผู้ป่วย
มีสิทธิ ได้รับการบําบัดรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์โดยคํานึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ด้รับการปกปิดข้อมูล
การบําบัดรักษาโดยการผูกมัดร่างกาย การกักบริเวณ หรือแยกผู้ป่วยจะกระทําไม่ได้เว้นแต่เป็นความจําเป็นเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยเอง บุคคลอื่น
การรักษาทางจิตเวชด้วยไฟฟ้า
หมวด ๓ การบําบัดรักษาทางสุขภาพจิต
ส่วนที่ ๑ ผู้ป่วย
การบําบัดรักษาจะกระทําได้ต่อเมื่อผู้ป่วยได้รับการอธิบายเหตุผลความจําเป็นในการบําบัดรักษา รายละเอียดและประโยชน์ของการบําบัดรักษาและได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย เว้นแต่เป็นผู้ป่วยตามมาตรา ๒๒ มีความจําเป็นต้องได้รับการบําบัดรักษา มีภาวะอันตราย
ส่วนที่ ๒ ผู้ป่วยคดี
พิจารณาความอาญา ให้พนักงานสอบสวนหรือศาลส่งผู้ต้องหาหรือจําเลยไปรับการตรวจที่สถานบําบัดรักษาพร้อมทั้งรายละเอียดพฤติการณ์แห่งคดี
ส่วนที่ ๓ การฟื้นฟูสมรรถภาพ
ในกรณีที่คณะกรรมการสถานบําบัดรักษามีคําสั่งตามมาตรา ๒๙ (๒) ให้หัวหน้าสถานบําบัดรักษามีหน้าที่แจ้งให้ผู้รับดูแลผู้ป่วยรับตัวผู้ป่วยไปดูแล ไม่มีผู้รับดูแลให้แจ้งหน่วยงานด้านสงเคราะห์และสวัสดิการทั้งภาครัฐและเอกชน
หมวด ๔ การอุทธรณ์
ในกรณีที่คณะกรรมการสถานบําบัดรักษา มีคําสั่งตามมาตรา ๒๙ (๑) หรือ (๒) หรือมีคําสั่งให้ขยายระยะเวลาการบําบัดรักษาตามมาตรา ๓๐ ให้ผู้ป่วยหรือคู่สมรส ผู้บุพการีผู้สืบสันดาน ผู้ปกครอง ผู้พิทักษ์ผู้อนุบาล หรือผู้ซึ่งปกครองดูแลผู้ป่วย แล้วแต่กรณีมีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อคณะกรรมการอุทธรณ์ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคําสั่งดังกล่าว
หมวด ๕ พนักงานเจ้าหน้าที่
เข้าไปในเคหสถาน หรือสถานที่ใด ๆ ในระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นและตกเพื่อนําบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่ามีลักษณะตามมาตรา ๒๒ ไปรับการบําบัดรักษาในสถานพยาบาลของรัฐหรือสถานบําบัดรักษา เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยตามสมควรว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ในเคหสถานหรือสถานที่นั้นประกอบกับมีเหตุอันควรเชื่อว่าเนื่องจากการเนิ่นช้ากว่าจะเอาหมายค้นมาได้บุคคลนั้นจะหลบหนีไปหรือกรณีมีเหตุฉุกเฉินเนื่องจากบุคคลนั้นมีภาวะอันตรายและเป็นอันตรายที่ใกล้จะถึง
หมวด ๖ บทกำหนดโทษ
พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภคพ.ศ. ๒๕๒๒
หมวด ๑ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค”ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีปลัดสํานักนายกรัฐมนตรีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปลัดกระทรวงพาณิชย์ปลัดกระทรวงมหาดไทยปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงคมนาคม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินแปดคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง เป็นกรรมการ และเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นกรรมการและเลขานุการ
หมวด ๒ การคุ้มครองผู้บริโภค
ในกรณีที่กฎหมายว่าด้วยการใดได้บัญญัติเรื่องใดไว้โดยเฉพาะแล้วให้บังคับตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายว่าด้วยการนั้น และให้นําบทบัญญัติในหมวดนี้ไปใช้บังคับได้เท่าที่ไม่ซ้ําหรือขัดกับบทบัญญัติ
เจ้าหน้าที่ผู้มีอํานาจตามกฎหมายดังกล่าวยังมิได้มีการดําเนินการหรือดําเนินการยังไม่ครบขั้นตอนตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น และมิได้ออกคําสั่งเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคตามกฎหมายดังกล่าวภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากคณะกรรมการเฉพาะเรื่องหรือคณะกรรมการให้คณะกรรมการเฉพาะเรื่องหรือคณะกรรมการเสนอเรื่องให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาออกคําสั่งตามความในหมวดนี้ได้
ส่วนที่ ๑ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านการโฆษณา
การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม ทั้งนี้ไม่ว่าข้อความดังกล่าวนั้นจะเป็นข้อความที่เกี่ยวกับแหล่งกําเนิด สภาพ คุณภาพ หรือลักษณะของสินค้าหรือบริการ ตลอดจนการส่งมอบ การจัดหา หรือการใช้สินค้าหรือบริการ
ส่วนที่ ๒ การคุ้มครองผู้บริโภคในด้านฉลาก
ให้สินค้าที่ผลิตเพื่อขายโดยโรงงานตามกฎหมายว่าด้วยโรงงานและสินค้าที่สั่งหรือนําเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อขายเป็นสินค้าที่ควบคุมฉลาก
ส่วนที่ ๒ ทวิการคุ้มครองผู้บริโภคในด้านสัญญา
ในการประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการใด ถ้าสัญญาซื้อขายหรือสัญญาให้บริการนั้นมีกฎหมายกําหนดให้ต้องทําเป็นหนังสือ หรือที่ตามปกติประเพณีทําเป็นหนังสือ คณะกรรมการว่าด้วยสัญญามีอํานาจกําหนดให้การประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือให้บริการนั้นเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญาได้
ส่วนที่ ๓ การคุ้มครองผู้บริโภคโดยประการอื่น
เมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่าสินค้าใดอาจเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคคณะกรรมการมีอํานาจออกคําสั่งให้ผู้ประกอบธุรกิจดําเนินการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้านั้น ถ้าผู้ประกอบธุรกิจไม่ดําเนินการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้าหรือดําเนินการล่าช้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรคณะกรรมการจะจัดให้มีการทดสอบหรือพิสูจน์โดยผู้ประกอบธุรกิจเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายก็ได้ในกรณีจําเป็นและเร่งด่วน คณะกรรมการอาจออกคําสั่งห้ามขายสินค้านั้นเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะทราบผลการทดสอบหรือพิสูจน์สินค้านั้น
หมวด ๓ การอุทธรณ์
ในกรณีที่ผู้ได้รับคําสั่งของคณะกรรมการเฉพาะเรื่องตามมาตรา ๒๗หรือมาตรา ๒๘ วรรคสอง ไม่พอใจคําสั่งดังกล่าว ให้มีสิทธิอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการได้
บทกําหนดโทษ
ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อํานวยความสะดวก ไม่ให้ถ้อยคํา หรือไม่ส่งเอกสารหรือหลักฐานแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติการตามมาตรา ๕ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคําสั่งของคณะกรรมการหรือคณะกรรมการเฉพาะเรื่องตามมาตรา ๑๗ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
พระราชบัญญัติหลักประกันสขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๕
ที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติพระราชบัญญัตินี้มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจํากัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๕ และมาตรา ๔๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
หมวด ๑ สิทธิการรับบริการสาธารณสุข
บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กําหนดโดยพระราชบัญญัตินี
หมวด ๒ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ”
หมวด ๓ สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ให้มีสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐมีฐานะเป็นนิติบุคคล อยู่ภายใต้การกํากับดูแลของรัฐมนตรี
หมวด ๔ กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
ให้จัดตั้งกองทุนขึ้นกองทุนหนึ่งในสํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเรียกว่า “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย สนับสนุน และส่งเสริมการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการ
หมวด ๕ หน่วยบริการและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
ให้สํานักงานจัดให้มีการขึ้นทะเบียนหน่วยบริการและเครือข่ายหน่วยบริการแล้วประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ เพื่อดําเนินการลงทะเบียนเลือกเป็นหน่วยบริการประจําของตน
หมวด ๖ คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข”
หมวด ๗ พนักงานเจ้าหน้าที่
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจเข้าไปในสถานที่ของหน่วยบริการ หรือของเครือข่ายหน่วยบริการ ในระหว่างเวลาทําการ เพื่อตรวจสอบ สอบถามข้อเท็จจริง ตรวจสอบทรัพย์สินหรือเอกสารหลักฐาน ถ่ายภาพ ถ่ายสําเนา หรือนําตรวจสอบ สอบถามข้อเท็จจริง ตรวจสอบทรัพย์สินหรือเอกสารหลักฐาน ถ่ายภาพ ถ่ายสําเนา หรือนําเอกสารที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ หรือกระทําการอย่างอื่นตามสมควรเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงอันที่จะปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๘ การกํากับมาตรฐานหน่วยบริการ
ในกรณีที่สํานักงานตรวจสอบพบว่าหน่วยบริการใดไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการให้บริการสาธารณสุขที่กําหนด ให้รายงานต่อคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานเพื่อแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณา
หมวด ๙ บทกําหนดโทษ
พระราชบัญญัติสถานพยาบาลพ.ศ. ๒๕๔๑
เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลอันจะเป็นการจํากัดสรีภาพในการประกอบกิจการหรือประกอบอาชีพและการแข่งขันโดยเสรีอย่างเป็นธรรม ซึ่งมาตรา๕๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทําได้โดยอาศัยอํานาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
หมวด ๑ คณะกรรมการสถานพยาบาล
มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการสถานพยาบาล”ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานกรรมการ อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นกรมทุกกรมในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนกระทรวงกลาโหมผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ผู้แทนสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และผู้แทนสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) เป็นกรรมการ โดยตําแหน่ง กับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
หมวด ๒ การประกอบกิจการสถานพยาบาลและการดําเนินการสถานพยาบาล
สถานพยาบาลมี ๒ ประเภท คือ สถานพยาบาลประเภทที่ไม่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน สถานพยาบาลประเภทที่รับผู้ป่วยไว้ค้างคืน
หมวด ๓ พนักงานเจ้าหน้าที่
หมวด ๔ การปิดสถานพยาบาลและการเพิกถอนใบอนุญาต
เมื่อปรากฏว่าผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัตินี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอํานาจสั่งให้ผู้รับอนุญาตหรือผู้ดําเนินการ แล้วแต่กรณีระงับหรือปฏิบัติให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่เห็นสมควร แต่ทั้งนี้ไม่เป็นเหตุลบล้างความผิด
หมวด ๕ บทกำหนดโทษ
พระราชบัญญ้ติโรคติดต่อพ.ศ. ๒๕๕๘
การสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
หมวด ๑ บททั่วไป
เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ให้รัฐมนตรีโดยคําแนะนําของคณะกรรมการมีอํานาจประกาศกําหนด
หมวด ๒ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ
มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง เรียกว่า “คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ”
หมวด ๓ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
หมวด ๔ คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร
หมวด ๕ การเฝ้าระวังโรคติดต่อ
ในกรณีที่มีโรคติดต่ออันตราย โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง หรือโรคระบาดเกิดขึ้นให้แจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
หมวด ๖ การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ
เพื่อเป็นประโยชน์การป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ เมื่อเกิดโรคติดต่อ อันตรายหรือโรคระบาดหรือมีเหตุสงสัยว่าได้เกิดโรคติดต่ออันตรายหรือโรคระบาดในเขตพื้นที่ใด ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่นั้นมีอํานาจที่จะดําเนินการเองหรือออกคําสั่งเป็นหนังสือให้ผู้ใดดำเนินการ
หมวด ๗ เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ
หมวด ๘ ค่าทดแทน
ในการดําเนินการของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตาม พระราชบัญญัตินี้หากเกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของบุคคลใดจากการเฝ้าระวัง การป้องกัน หรือการควบคุมโรคให้ทางราชการชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นให้แก่ผู้นั้นตามความจําเป็น
หมวด ๙ บทกําหนดโทษ