Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
บทที่ 3 ยาต้านทานโรคมะเร็งและยากดภูมิคุ้มกัน - Coggle Diagram
บทที่ 3 ยาต้านทานโรคมะเร็งและยากดภูมิคุ้มกัน
ยาต้านโรคมะเร็ง
ระยะของการแบ่งตัวในวัฏจักรของเชลล์
ประกอบไปด้วย 5 ระยะ
1) G0 phase ป็นระยะพักของเซล์ หลังจากที่เซลล์แบ่งตัวเสร็จสมบูรณ์แล้ว หรือ เรียกว่าระยะที่เชลล์อยู่เฉยๆ ไม่มีการแบ่งตัว แต่เตรียมพร้อมที่จะเข้าสู่ระยะ G 1phase
2) G1 phase เป็นระยะแรกที่เชลล์เริ่มเข้าสู่การแบ่งตัว เป็นระยะที่เชลล์มีการสร้างองค์ประกอบต่าง ๆ เช่นโปรตีนและเอนไซม์เพื่อใช้ในการสร้าง DNA และ RNA
3) S phae เป็นระยะที่เซลล์ทำการสร้างและสังเคราะห์ DNA ให้เพิ่มขึ้นเท่าตัว เพื่อใช้ในการแบ่งเซลล์
4) G2 phase เป็นระยะที่เซลล์สร้างองค์ประกอบต่าง ๆ เพื่อใช้ในการแบ่ง DNA และแบ่งเชลล์เป็น 2 เชลล์
5) M phase เป็นระยะที่โครโมโชมหนาตัวขึ้นและเชลล์มีการแบ่งตัวแบบ mitosis มีการแบ่งแยกโครโมโซมออกเป็น 2 เชลล์ที่มีองค์ประกอบเหมือนกันและเท่ากัน
การแบ่งประภทยาตามการออกฤทธิ์ในวัฏจักร
เซลล์มะเร็ง ได้เป็น 2 ประเภท
Cell cycle-specific drugs (CCS)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อเชลล์ที่อยู่ในระยะใดระยะหนึ่งของวงจรเชลล์เท่านั้นไม่มีผลต่อเซลล์ในระยะอื่น ยากลุ่มนี้ใช้ได้ผลดีในมะเร็งที่มีอัตราการแบ่งตัวอย่างรวดเร็วหรือมีการแบ่งตัวอย่างต่อเนื่อง
Cell cycle-nonspecific drugs (CCNS)
เป็นยาที่ออกฤทธิ์ได้ทุกระยะในวงจรของเชลล์ ยากลุ่มนี้ใช้ได้ผลดีในมะเร็งที่มีอัตราการโตของก้อนมะเร็งทั้งต่ำและสูง
แบ่งตามคุณสมบัติทางชีวเคมี (Bochemical จะสามารถแบ่งยา chemotherapy ได้เป็น 6 กลุ่ม
ยากลุ่ม Alkylating agents
1.1 Cyclophosphamide
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็น phosphoramide mustard แทรกเข้าไปในขบวนการสร้าง DNA แบบ cross-nking และมีการเติมหมู่ alky ที่เบส guanine บนสาย DNA และกระตุ้นให้เกิดการตายของเซลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งรูปแบบฉีดและยารับประทาน ใช้รักษามะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodgkin's และ non-Hodgkin lymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาว (eukemia) ทุกชนิด และมะเร็งหลายชนิตในเต็ก
ใช้เป็นยากดภูมิคุ้มกันในผู้ปวยที่ปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วย autoimmune diseases เช่น rheumatoid arthritis แaะ nephritic syndrome
1.2 Ifosfamide (Holoxan; IFOS)
กลไกการออกฤทธิ์
กลไกเหมือน Cyclophosphamide
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งรูปแบบฉีดและยารับประทาน ใช้รักษามะต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเร็งอัณฑะ และ มะเร็งของเนื้อเยื่ออ่อน
1.3 Chlorambucil
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ crosS-lnking ส่งผลทำให้เชลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้ และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยามาตรฐานในการรักษา มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic ymphocytic leukaemia; CLL) และมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด follicular
1.4 Carmustine
กลไกการออกฤทธิ์
ทำให้เกิด หมู่ Alkyl ไปจับกับสายของ DNA ส่งผลให้ DNA ทำให้เซลล์มะเร็งแบ่งตัวไม่ได้ เกิด DNA strand break และทำให้เชลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษามะเร็งสมอง
1.5 Dacarbazine (DTIC)
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงโดย CYP450 ให้กลายเป็นสารที่มีพิษต่อการสร้าง DNA และ RNA ของเชลล์มะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ใช้ร่วมกับยา Adriamycin,Bleomycin,Vinblastine หรือ Dacarbazine ในการรักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodgkin's lymphoma และมะเร็งผิวหนัง
1.6 Cisplatin, Carboplatin
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNAทำให้เกิดการยับยั้งกระบวนการ DNA replication และ DNA transcription
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำหรือฉีดเข้าช่องท้อง ใช้ร่วมกับยื่นในการรักษา มะเร็งอัณฑะ มะเร็งรังไข่ เป็นต้น
1.7 Busulfan (Myleran)
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA แบบ cross-linking ส่งผลทำให้เซลล์มะเร็งไม่สามารถสร้างหรือแบ่งตัวได้ และทำให้เซลล์ตาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
รักษมะเร็งม็ดเลือดชาวบางชนิด (chronic myelgenous leukemia;
CML) และใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่น
1.8 Mechlorethamine (Mustargen, Mustine)
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกการเชื่อมจับของสาย DNA ทำให้เกิดสาย DNA
แตก และยับยั้งกระบวนการ DNA transcription
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เดิมใช้รักษารักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดHodgkin'slymphoma แต่ปัจจุบันใช้ยานี้น้อยลง เนื่องจากมีการเปลี่ยนไปใช้cyclophosphamide และยาอื่น ๆ แทน
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Alylating agents
อาการพิษต่อระบบประสาท
ความเป็นพิษต่อไต
ผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหาร
ยากลุ่มนี้มีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงการเกิดพิษต่อหัวใจได
ทำให้เกิดการกดการทำงานของไขกระดูก
ผลต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหลังมีสีคล้ำ
ยากลุ่ม Antimetabolites
2.1 Antifolate/Folate antagonist: Methotrexate (เมโธเทรกเซท), Pemetrexed (เพมิเทรกเซด)
2.1.1 Methotrexate (MTX)
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลตี่ออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์dihydrofolate reductase ที่เปลี่ยน dihydrofolate ไปเป็น tetrahydrofolate ที่เป็น cofactorสำคัญที่นำไปใช้สร้างสารตั้งตันของ DNA, RNA และโปรตีน
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยามีทั้งยาชนิดเม็ดรับประทาน ยาฉีดเข้าทางหลอดเลือดดำ ยาฉีดทางกล้ามเนื้อ และยาฉีดเข้าทางน้ำไขสันหลัง
2.1.2 Pemetrexed
กลไกการออกฤทธิ์
เป็นยาต้านโฟเลตตัวใหม่ เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูก metabolite ให้กลายเป็นสารที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งการสังเคราะห์และสร้างสารตั้งตันของDNA, RNA และโปรตีน
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปอด มะเร็งตับอ่อน
ผลข้างเคียงจากยากลุ่มยา Antifolate/Folate antagonist
อาจทำให้แท้งและเด็กในครภ์พิการได้
ผิวหนังจะถูกแสงแดดเผาได้ง่าย
จำนวนเม็ดเลือดขาวลดลง
ผมร่วง พบได้น้อย แต่ผมจะงอกขึ้นใหม่หลังหยุดยา
ระค่ายเคืองต่อระบบทางเดินอาหาร
2.2 Purine analogs
2.2.1 ยา 6-mercaptopurine (6-MP)
กลไกการออกฤทธิ
เป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายเบสเพียวรีน ซึ่งเป็นยาชนิดแรกในกลุ่มนี้ที่นำมาใช้รักษาโรคมะเร็ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาม็ดร้ประทานใช้รักษามะเร็งม็ดเลือดขาวชนิด ALLและ AML หรือANLL
2.2.2 ยา 6-thioguanine (6-TG)
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ 6-MP
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิค ANLL หรือ AML โดยใช้ร่วมกับยา
Daunorubicin และ Cytarabine
2.2.3 ยา Fludarabine
กลไกการออกฤทธิ์
เข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ เนื่องจากเป็นพิษต่อทางเดิน
ผลข้างเคียงจากยากลุ่มยา Purine analogs
มีแผลในปาก หรือริมฝีปาก
อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ แต่พบไม่บ่อย ช่น อุจจาระสีดำ
กดไขกระดูก ขนาดยาที่สูงจะทำให้เกิด Leucopenia,thrombocytopenia เกิดพิษต่อตับและรบกวนระบบทางเดินอาหาร
2.3 Pyrimidine analogs
2.3.1 5-fluorouracil (5-FU)
กลไกการออกฤทธิ์
ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ thymidylate synthase
ในการสังเคราะห์ DNA และ RNA
การนำไปใช้ในคลินิก
ชนิดยาฉีดทางหลอดเลือดดำ รักษามะเร็งเต้านม
2.3.2 Capectibine
กลไกการออกฤทธิ์
คล้ายกับ 5-Fu
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาชนิดเม็ดรับประทาน ใช้รักษาเพื่อบรรเทาอาการในผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
2.3.3 Cytarabine
กลไกการออกฤทธิ์
ยาจะไปเติมหมู่ฟอตฟต ทำให้กิดการยับยั้งการเชื่อมต่อสายของสาย DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ นิยมใช้การหยดแบบช้า ๆ เป็นเวลา
5-7วัน ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด AML
2.3.4 Gemcitabine
กลไกการออกฤทธิ์
เมื่อยาเข้าสู่เชลล์ ยาจะถูกกระตุ้นให้มีการเติมหมู่ฟอตเฟตจะไปเข้าไปแทรกกระบวนการเชื่อมจับของสาย DNA เกิดการยับยั้งการสร้าง DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ชนิดยาฉีดทางหลอดเลือดดำ ใช้รักษามะเร็งตับ
อ่อนที่แพร่กระจายไปแล้ว
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Pyrimidine analogs
อาจพบอาการอ่อนเพลียไม่มีแรง
ผิวหนังจะถูกแสงแดดผาได้ง่าย
อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนพะอึดพะอมหรืออาการท้องเสีย
มีแผลในทางเดินอาหารตั้งแต่ที่ริมฝีปาก
กดการสร้างเม็ดเลือด
ยากลุ่ม Anticancer antibiotics
3.1 Dactinomycin หรือ actinomycin D
กลไกการออกฤทธิ์
สอดแทรกเข้าไปในสาย DNA ยับยั้งRNA polymerase ทำให้สาย single-strand ของ DNA แตก
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ ใช้ร่วมกับยาVincristine ในการรักษา Wms' tนmor และมะเร็งของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในเด็ก
3.2 Doxorubicin (DOX)
กลไกการออกฤทธิ
ยับยั้ง topoisomerase 2 แทรกไปอยู่ระหว่าง DNA base pairs ในสาย DNA
ปิดกั้นการสัคราะห์ DNA และ RNAรบกวนการทำงานของเยื่อหุ้มเชลล์ และสร้างอนุมูลอิสระซึ่งทำให้สาย DNA แตก
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ มีฤทธิ์ในการรักษามะเร็งหลายได้
ชนิด เช่น ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน
3.3 Bleomycin
กลไกการออกฤทธิ์
ออกฤทธิ์โดยจับกับธาตุเหล็กด้เป็นสารประกอบเชิงซ้อนของยากับเหล็กซึ่งทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้อนุมูลอิสระ
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
เป็นยาฉีดทางหลอดเลือดดำ ฉีดเข้ากล้มเนื้อ ฉีดชั้นใต้ผิวหนัง หรือฉีดเข้าช่องต่าง ๆ ของร่างกาย
3.4 Mitomycin
กลไกการออกฤทธิ
ยาถูกเปลี่ยนแปลงในเซลล์ไปเป็นสาร Alkylating agents ที่มีฤทธิ์แรงมาก ทำให้เกิดสะพานในสาย DNA มีผลยับยั้งการสังเคราะห์ DNA
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งปากมดลูก
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Anticancer antibiotics
ผิวหนังไวต่อการฉายรังสี
หากยารั่วออกนอกหลอดเลือดจะทำให้ผิวหนังบริเวณรอบๆตาย
รบกวนทางเดินอาหาร มีอาการเบื่ออาหาร
ยากลุ่มสารสกัดจากพืชธรรมชาติ (Natural and semi-synthetic products)
4.1 ยากลุ่ม vinca alkaloids เป็นสารสกัดจากพืช
4.1.1 Vincristine (VCR): Oncovin
4.1.2 Vinblastine (VLB): Velban
4.1.3 Vinorelbine: Navelbine
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม vinca alkaloids
Vincistine มีพิษต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ
Vinblastine และ vinorelbine กดไขกระดูกมากกว่า vincristine
ผลข้างเคียงอื่นที่พบบ่อยคือ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
อาจพบการอักเสบของหลอดเลือดดำ บริเวณที่ให้ยา
4.2 ยากลุ่ม taxanes
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่ม taxanes
ยาจะไปจับกับ 8 tนbนln ทำให้เพิ่มการก่อตัวเป็น microtubules แต่ยับยั้งการสลายขอสาย microtubules ทำให้การแบ่งสมโตจิไม่สบูรณ์โตยหยุดชะงักที่ระยะ anaphase
ผลข้างเคียงของยากลุ่ม taxanes
ผลต่อทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
อวัยวะส่วนปลายบวม
กดไขกระดูก ทำให้ปริมาณเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดต่ำ
ยากลุ่มฮอร์โมน (Hormone and hormone antagonists)
5.1 ยากลุ่มสเตียรอยด์
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองทั้งชนิด Hodekin'sและ non-Hodgkinlymphoma มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด ALL
ผลข้างเคียงของยากลุ่มสเตียรอยด์
มีโอกาสติดเชืองำย กลูโคสไนเลือดสูง
5.2 ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน
การนำไปใช้ในคลินิก
Tamoxifen เป็นตัวเลือกแรกในการนำมาใช้รักษามะเร็งเต้านม
Toremifene ใช้รักษามะเร็งเต้านม
ผลข้างเคียง
ร้อนวูบวาบ รบกวนทางเดินอาหาร
มีเลือดประจำเดือนผิดปกติ
5.3 ยาออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมน androgen
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ยา Goserelin เป็นยาที่ใช้ฝังในกล้ามเนื้อ ส่วนยา Leuprolideเป็นยาฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง กลุ่มยานี้ใช้รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม
ยา Abarelix เป็นยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ใช้บรรเทาอาการผู้ป้วยมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย
ผลข้างเคียงของยากลุ่มออกฤทธิ์ต้านฮอร์โมน androgen
เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ในระยะแรกอาจทำให้เซลล์มะร็งเจริญมากขึ้น จากผลกระตุ้นการหลั่ง FSH และ LH ในช่วงแรก
ร้อนวูบวาบ
5.4 ยาฮอร์โมนโปรเจสติน
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ใช้รักษามะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็งของไต
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
progestin เพิ่มอุบัติกาณ์ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน
ยามะเร็งมุ่งเป้า
6.1 ยาโมโนโคลนอลแอนติบอดี
6.1.1 Trastuzumab
กลไกการออกฤทธิ์: ยาจะไปจับกับ human epidermoid growth
factor receptor 2 (HER-2) ซึ่ง receptor ชนิดนี้เกี่ยวข้องกับ tyrosine
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก: ใช้รักษาโรคมะเร็งต้านมที่แพร่กระจายไปแล้ว
ผลข้างเคียงจากยา : อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
6.1.2 Rituximab
กลไกการออกฤทธิ์: ยาไปจับกับ C020 ที่ผิว B cell ได้ หลังจากที่จับกันแล้วจะกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเซลล์มะเร็ง
ผลข้างเคียงจากยา Rituximab : อาจทำให้เกิด infusion reaction
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก : ใช้รักษามะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด B-cell lymphoma
6.1.3 Cetuximab
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก: ใช้รักษา มะเร็งบริเวณศีรษะและลำคอ
และมะเร็งลำไส้ส่วนล่าง
ผลข้างเคียงจากยา Cetuximab (Erbitux ) : ในระยะแรก อาจทำให้ความดันต่ำ และหายใจลำบากได้
กลไกการออฤทธิ์: ซึ่งไปจับที่ epidermal growth factor (EGFR) ทำ
ใหม่สมารถรับสัญญาณที่จะไปกระตุ้น การเจริญเติบโตของเชลล์มะเร็งได้
6.1.4 Alemtuzumab
การนำไปใช้รักษทางคลินิก: ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว
ผลข้างเคียงจากยา Alemtuzumab : อาจทำให้เกิด nfusion reaction ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวีต เช่น มีอาการความดันเลือดต่ำ หลอดลมบีบ
เกร็ง บวม angioedema เป็นต้น
กลไกการออกฤทธิ์: ไปจับกับ C052 ซึ่งเป็นโปรตีนที่พบได้ในเซลล์ปกติและเซลล์มะเร็งชนิด B cellหรือ T cell แล้วจะไปกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันให้มากำจัดเชลล์มะเร็งต่อไป
6.2 ยาโมเลกุลขนาดเล็ก
6.2.1 Imatinib
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก: ใช้รักษา gastrointestinal stromal
tumor ซึ่งเป็นมะเร็งลำไส้ที่พบได้น้อยชนิดหนึ่งและมะเร็งเม็ดเลือดขาว
6.2.2 Dasatinib
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก: ใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว
6.2.3 Nilotinib
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก: ใช้รักษา chronic myeloid
leukemia
ผลข้างเคียงจากยากลุ่ม Small molecules:
เกล็ดเลือดต่ำ ทำให้เลือดออกง่าย
กดไขกระดูกทำให้ม็ดเลือดขาวชนิด neutrophil ต่ำ
พิษต่อตับ ทำให้บวมน้ำ
ยากลุ่ม อื่น ๆ
7.1 Asparaginase
กลไกการออกฤทธิ์: ยาจะไปเร่งปฏิกิริยา hydrolysis ทำให้
เชลล์มะเร็งขาดสารจำเป็นที่จะนำไปสร้างการเจริญเติบโตและสร้างโปรตีน
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก: ใช้ในการรักษา ALL ในเด็ก โดยใช้
ร่วมกับ Vincristine และ Prednisone
ผลข้างเคียงจากยา Asparaginase
อาจทำให้เกิดปฏิกิริยแพ้ที่รุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้ ทำให้เกิดตับอ่อนอักเสบพิษต่อตับชัก และ โคม่าได้
7.2 Mitotane
กลไกการออกฤทธิ์: รบกวนการทำงานของไมโตครอนเดรียในเชลล์ต่อมหมวกไตชั้นนอก
การนำไปใช้รักษาทางคลินิก: ใช้รักษามะเร็งต่อมหมวกไตชั้นนอก
ผลข้างเคียงจากยา Mitotane
อาจทำให้เกิดอาการซึมเศร้า มึนศรีษะ
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านมะเร็งโดยรวม
ประเมินสัญญาณชีพก่อนและหลังให้ยา
ประเมินผลข้างเคียงจากการได้รับยาเคมีบำบัดที่พบบ่อย
2 ประเมินภาวะสุขภาพของผู้งวยมะเร็งที่ไร้ยา
กรณีได้ยาชนิดรับประทานดูแลให้ได้รับยาตามแผนการรักษาและดื่มน้ำตามมากๆ หลังรับประทานยา
ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาครั้งแรก พยาบาลเตรียมความพร้อมของผู้ป่วย และครอบครัวโดยการให้ความรู้และคำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่ยวกับ เหตุผลของการให้ยาเคมีบำบัด ผลดีของการให้ยาเคมีบำบัด
ถ้ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเหลวเย็น
แนะนำให้ดูแลสุขวิทยาส่วนบุคคล
แนะนำให้ดูแลสุขภาพปากและฟันด้วยแปรงสีฟันขนนิ่ม ๆ แปรงฟันเบา ๆหรือใช้ผ้สะอาดซุบน้ำยา
แนะนำผลข้างเคียงที่อาจพบ
ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือสัมผัสกับบุคคลที่เป็นโรคติดต่อ
ในกรณีที่มีอาการชาตามปลายประสาทส่วนปลาย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุ
ดูแลการได้รับยาตามแผนการรักษา และสังเกตผลข้างเคียงหลังได้รับยา
ยากดภูมิคุ้มกัน
กลุ่มออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซมแคลซินิวริน
1.1 Cyclosporin A (CsA)
กลไกการออกฤทธิ์: ยับยั้งเอนไซม์ calcineนrn ส่งผลยับยั้งการสร้างและการหลั่ง L-2 จาก T cell
การนำไปใช้รักษาในคลินิก: ใช้ป้องกันและรักษา acute graft
rejection
ผลข้างเคียงจากยา Cyclosporin A (CsA)
พิษต่อระบบประสาท
อาจทำให้ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง
พิษต่อไต
1.2 Tacrolimus (FK506)
กลไกการออกฤทธิ์: ออกฤทธิ์เหมือนกับ cyclosporin แต่เป็นยาใหม่กว่า
การนำไปใช้ในคลินิก: ใช้แทน Cyclosporin ในการรักษาผู้ป่วยที่ได้รับ
การปลูกถ่ายอวัยวะ
ผลข้างเคียงจากยา Tacrolimus (FK506 )
คล้ายกับ Cyclospoin แต่ยาไม่ทำให้เหงือกหนาและขนดก
ยามีพิษต่อระบประสาท ซึ่งพบได้บ่อยกว่า Cyclospoin
กลุ่มยาที่มีพิษต่อเซลล์
2.1 Azathioprine (Imuran )
กลไกการออกฤทธิ์: ยับยั้งการสร้าง DNA, RNA และโปรตื่น
การนำไปใช้ในคลินิก: ใช้ร่วมกับยากลุ่ม Corticosteroids และ Cyclosporin ในการรักษาแบบ triple therapy เพื่อป้องกัน acute graftImuran
ผลข้างเคียง
คลื่นไส้ อาเจียน เกิดพิษต่อตับ
ตัวเหลือง ตาเหลือง ผมร่วง กล้ามเนื้ออ่อนแรง อ่อนเพลีย เป็นผื่น
2.2 Mycophenolate mofetil (MMF)
กลไกการออกฤทธิ์: เมื่อยาเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนเป็นmycophenolic acid ส่งผลยับยั้งการสร้าง DNA, RNA และโปรตีน ยามีผลยับยั้งการแบ่งตัวของ B และ T lymphocytes
การนำไปใช้รักษาในคลินิก: ใช้ป้องกันและรักษา acute gaft rejection
ผลข้างเคียงของยา Mycophenolate mofetil (MMF)
ผลข้างเคียงที่พบน้อย ความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง
มีผลข้งเคียงที่ต่ำกว่ Azathopine ที่พบบ่อยได้แก้ กดไขกระดูกทำให้ม็ดเลือดขาวต่ำ
2.3 Sirolimus หรือ Everolimus
กลไกการออกฤทธิ์: ยาไปยับยั้งการทำงานของ mammalian target of
rapamycin ; mTOR
การนำไปใช้รักษาในคลินิก: ใช้ป้องกันการเกิด acute graft rejection
ผลข้างเคียงของยา Sirolimนs หรือ Everolimus
หากใช้ยา Siolimนs ร่วมกับ Cycosporine จะทำให้พิษต่อไตของ Cyclosporine สูงขึ้น และภาวะไขมันในเลือดสูงรุนแรงขึ้น
ภาวะโพแทสเซียมต่ำในเลือด
กดไขกระดูก ทำให้เกร็ดเลือดต่ำ
2.4 Leflunomide
กลไกการออกฤทธิ์: ยาไปยับยั้งการสังเคราะห์ pyrimidine ส่งผลให้การสังเคราะห์และการสร้าง DNA และ RNA ถูกยับยั้ง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก รักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ผลข้างเคียงของยา Leflunomide
พิษต่อตับ พิษต่อไต ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีโรคตับและโรคไต
กfไขกระดูก ทำให้เกร็ดเลือดต่ำ
กลุ่มอดรีโนคอร์ติคอยด์
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่มอดรีโนคอร์ติคอยด์
การออกฤทธิ์ยาจะไปควบคุมการทำงานขของ gene โดยจับกับ steroid receptor ภายในเชลล์ได้เป็น drug-receptor complex ไปออกฤทธิ์ที่นิวเคลียสโดยไปยับยั้ง การสร้าง mRNA ของโปรตีนหลายชนิด รวมทั้ง cytokine ชนิดต่าง ๆ
การนำไปใช้รักษาในคลินิก
ในด้านการกดภูมคุ้มกัน หากใช้ในขนาดสูง (high dose) สามารถนำไปใช้กดอาการแสดงของโรคภูมิคุ้มกัน
ผลข้างเคียงของยากลุ่มอดรีโนคอร์ติคอยด์
ผลข้างเคียงหมือนกับการใช้ยากลุ่ม steroids โดยความรุนแรงของผลข้างเคียงขึ้นกับขนาดและระยะเวลาในการให้ยา
กลุ่มสารยับยั้ง Cytokines (Cytokines inhibitors)
4.1 Anti-IL-2 receptor antibody
กลไกกาออกฤทธิ์: ออกฤทธิ์ยับยั้งการกระตุ้น lymphocyte ด้วย lL-2 ที
เป็น pathway สำคัญในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย
การนำไปใช้รักษาในคลินิก: ใช้ในผู้ป่วยที่มีการปลูกถ่ายไต เพื่อเป็นการป้องกันการเกิด acute graft rejection
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
อาจพบอาการแพ้ยาได้
4.2 Anti-CD2
กลไกการออกฤทธิ. ยาออกฤทธิ์โดยจับกับ C2 บนพื้นผิวT cll ทำให้ลดการแบ่งตัว ยับยั้งการกระตุ้นและเกิดการทำลาย T cell และทำให้จำนวน T cell ในกระแสเลือดลดลง
การนำไปใช้รักษาในคลินิก: ใช้รักษาผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงิน (psoriasis)
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
อาจพบอาการ ไข้ หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ ติดเชื้อได้ง่าย
4.3 Anti-TNF-a antibody
กลไกการออกฤทธิ์: เป็น antbodies ที่จับกับ TNF-a ซึ่งเป็น cytokine ที่เหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบ
การนำไปใช้รักษาในคลินิก: ใช้ในการรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ผลข้างเคียงของยากลุ่ม Anti-TNF-a antibody
กดไขกระดูก ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
พบปฏิกิริยาบริเวณที่ฉีดยา เช่น ผื่นแดงดัน ปวดหรือบวม
4.4 Anti-IgE mAbs
กลไกการออกฤทธิ์: ยาจะไปปิดกั้นการจับของ lgE กับ Fc receptor ส่งผลให้ลดการหลั่งสารที่อให้เกิดการแพ้แบบ hypersenstivity
การนำไปใช้รักษาในคลินิก: ใช้ร้โรคหอบหืดที่เกิดจากภูมิแพ้
ผลข้างเคียงและความเป็นพิษ
อาจเกิด anaphylactic reaction หลังจากได้รับยา 2 ชั่วโมง
เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเพิ่มขึ้น และอาจเหนี่ยวนำทำให้เกิดมะเร็งได้
4.5 Anti-lymphocyte globulin (ATG) และ Antilymphocyte globulin(ALG) Lymphoglobulin, Thymoglobulin
การนำไปใช้รักษาในคลินิก: ใช้รักษาภาวะปฏิสธการปลูกถ่ยไตแบบเฉียบพลัน
ผลข้างเคียงของยา ATG และ ALG
มักมีไข้ หนาวสั่น ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ
กลไกการออกฤทธิ์: ยาออกฤทธิ์โดยจับกับโมเลกุลบนพื้นผิว T cell ทำให้ลดการแบ่งตัว ยับยั้งการกระตุ้นและเกิดการทำลายT cell ยาออกฤทธิ์แรง
การพยาบาลผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันโดยรวม
แนะนำให้ผู้ป่วยไม่ควรซื้อยารับประทานเอง
ยากลุ่มนี้มีผลทำให้ทารกพิการแต่กำเนิด
ยากดภูมิคุ้มกันหลายๆชนิดมีผลกดการกระทำงานของไขกระดูกอาจทำให้มีโลหิตจาง
ระหว่างที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันอยู่ มีข้อควรระวังในการรับวัคซีนบางชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนที่มีเชื้อมีชีวิต
กรณีที่ผู้ป่วยกินยาอยู่ที่บ้านแนะนำให้รับประทานยาตรงตามเวลาและขนาดที่แพทย์กำหนดให้อย่างต่อเนื่อง
แนะนำให้ผู้ปวยหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้หรือสัผัสกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อหรือผู้ป่วยโรคติดต่อ
กรณีที่ผู้ป่วยปลูกถ่ายอวัยวะ แนะนำให้ผู้ป่วยถึงความจำเป็นในการรับประทานยากดภูมิคคุ้มกัน
ยาบางชนิดเช่น azthioprine ทำใหเกิดแผลในปากแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลสุขภาพปากและฟัน
ติดตามผลการตรวจทางห้องปฎิบัติการ
2 ดูแลการไดรับยตาแผนการรักษา ให้ยาโดยยึดหลัก ประเมินผลข้างเคียง
ในกรณีที่ผู้ป่วยได้รับยาครั้งแรก พยาบาลเตรียมความพร้อมของผู้ป้วย และครอบครัวโดยการให้ความรู้และคำแนะนำผู้ป่วยและญาติเกี่วกับ เหตุผลของการให้ยากดภูมิคุ้มกัน ผลดีของการให้ยา