Please enable JavaScript.
Coggle requires JavaScript to display documents.
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่ - Coggle Diagram
การบริหารยากินและยาเฉพาะที่
วัตถุประสงค์และปัจจัยต่อการออกฤทธิ์
วัตถุประสงค์
เพื่อการรักษา
รักษาเฉพาะโรค
ทดแทนสิ่งที่ร่างกายขาด
ให้ร่างกายปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ
รักษาตามอาการ
เพื่อการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
ฉีดวัคซีนบีซีจีเพื่อป้องกันวัณโรค
เพื่อการตรวจวิเคราะห์โรค
ถ่ายภาพเอ็กซเรย์
ปัจจัยที่มีผลต่อการออกฤทธิ์ของยา
อายุและน้ำหนักตัว
ผู้สูงอายุมากๆ การทางานของตับและไตลดลง
คนที่มีน้ำหนักตัวมากต้องได้รับขนาดของยาเพิ่มสูงขึ้น
เพศ
ยาจะมีปฏิกิริยาต่อผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
กรรมพันธุ์
บางคนแพ้ยาง่าย
ภาวะจิตใจ
ภาวะสุขภาพ
ทางที่ให้ยา
ให้ทางหลอดเลือดดูดซึมเร็วกว่าให้รับประทานทางปาก
เวลาที่ให้ยา
ยาปฏิชีวนะบางชนิดต้องให้ก่อนอาหาร
สิ่งแวดล้อม
การตวงวัดยาและสัญลักษณ์คำสั่งการให้ยา
ระบบการตวงวัดยา
สามารถคานวณขนาดของยํได้ถูกต้อง
พบในปัจจุบัน
ระบบอโพทีคารี
ใช้หน่วยเป็น ปอนด์ ออนซ์ เกรน
20 เกรน (grain) = 1 สครูเปิล (scruple)
3 สครูเปิล (scruple) = 1 แดรม (dram)
8 แดรม (dram) = 1 ออนซ์ (ounce)
12 ออนซ์ (ounce) = 1 ปอนด์ (pound)
ระบบเมตริก
ใช้หน่วยเป็น กรัม มิลลิกรัม ลิตรมิลลิลิตร
1 ลิตร = 1000 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 กิโลกรัม = 1000 กรัม (gm)
1 กรัม = 1000 มิลลิกรัม (mg)
1 มิลลิกรัม = 1000 ไมโครกรัม (mcg)
1 กรัม = มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
ระบบมาตราตวงวัดประจำบ้าน
หน่วยที่ใช้เป็น หยด ช้อนชา ช้อนโต๊ะ ถ้วยชา และถ้วยแก้ว
15 หยด = 1 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ช้อนชา = 5 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ช้อนหวาน = 8 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ช้อนโต๊ะ = 15 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ถ้วยชา = 180 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
1 ถ้วยแก้ว = 240 มิลลิลิตร (ซี.ซี.)
คำย่อและสัญลักษณ์เกี่ยวกับคำสั่งการให้ยา
ความถี่การให้ยา
OD = วันละ 1 ครั้ง
bid = วันละ 2 ครั้ง
tid = วันละ 3 ครั้ง
qid = วันละ 4 ครั้ง
q 6 hrs = ทุก 6 ชั่วโมง
วิถีทางการให้ยา
O = รับประทานทางปาก
M = เข้ากล้ามเนื้อ
SC = เข้าชั้นใต้ผิวหนัง
V = เข้าหลอดเลือดดำ
ID = เข้าชั้นระหว่างผิวหนัง
subling = อมใต้ลิ้น
Inhal = ทางสูดดม
Nebul = พ่นให้สูดดม
Supp = เหน็บ / สอด
instill = หยอด
เวลาการให้ยา
a.c. = ก่อนอําหําร
p.c. = หลังอําหําร
h.s. = ก่อนนอน
p.r.n. = เมื่อจ ําเป็น
stat = ทันทีทันใด
คำสั่งแพทย์และรูปแบบการบริหารยา
คำสั่งแพทย์
คำสั่งครั้งเดียวใช้ได้ตลอดไป
แพทย์อาจระบุวันที่ระงับยาไว้เลยก็ได้
คำสั่งใช้ภํายในวันเดียว
ให้ยาไปแล้วเมื่อครบก็ระงับไปได้เลย
คำสั่งที่ต้องให้ทันที
เป็นคำสั่งการให้ยาครั้งเดียวและต้องให้ทันที
คำสั่งที่ให้เมื่อจำเป็น
กำหนดไว้ให้ปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยมีอาการบางอย่างเกิดขึ้น
ส่วนประกอบของคำสั่ง
ชื่อของผู้ป่วย
วันที่เขียนคำสั่งการรักษา
ชื่อของยา
ขนาดของยา
วิถีทางการให้ยา
เวลาและความถี่ในการให้ยา
ลายมือผู้สั่งยา
ลักษณะคำสั่งแพทย์ตามทางวิถีทางการให้ยา
ทางปาก (oral)
ยาจะดูดซึมทางระบบทางเดินอาหารและลำไส้
ชนิดของการปรุงยา
ยาเม็ด (tablet)
ยาแคปซูล (capsule)
ยาน้ำเชื่อม (syrup)
ยาผง (powder)
ยาอม (lozenge)
ตัวอย่าง
Vitamin C (100) 1 tab bid.pc
ทางสูดดม (inhalation)
ใช้พ่นให้ผู้ป่วยสูดดมทางปํากหรือจมูก
ตัวอย่าง
Bricanyl 1-2puff inhal bid
ทางเยื่อบุ (mucous)
ใช้สอดใส่หรือหยอดทางอวัยวะต่างๆ ของผู้ป่วย
ตัวอย่าง
Mycostatin 1 tab supp hs
ทางผิวหนัง (skin)
ชนิดของการปรุงยา
ชนิดโลชั่น (lotion)
ครีม (cream)
ยาขี้ผึ้ง (ointment)
ยาถูนวด (inunction)
ตัวอย่าง
Hand E blam appliedq bid
ทางกล้ามเนื้อ (intramuscular)
ตัวอย่าง
Paracetamol 500mg 1amp M PRN q 4-6hrs for fever
ทางชั้นผิวหนัง (intradermal)
ตัวอย่าง
TAT diluted skin test
ทางหลอดเลือดดำ (intravenous)
ตัวอย่าง
Cefazolin 1gmv q 6hr.
ทางใต้ผิวหนัง
ตัวอย่าง
Regular insulin (RI) 10 U sc stat and if blood sugar>130mg
รูปแบบการบริหารยา
ยึดหลัก 11 ข้อ
Right patient/client (ถูกคน)
เช็คชื่อผู้ป่วยทุกครั้งก่อนให้ยาหรือก่อนฉีดยา
Right drug (ถูกยา)
การอ่านชื่อยาอย่างน้อย 3 ครั้ง
ครั้งแรก
ก่อนหยิบภาชนะใส่ยาออกจากที่เก็บ
ครั้งที่สอง
ก่อนเอายาออกจากภาชนะใส่ยา
ครั้งที่สาม
ก่อนเก็บภาชนะใส่ยาเข้าที่หรือก่อนทิ้งภาชนะใส่ยา
Rightdose (ถูกขนาด)
จัดยาหรือคำนวณยาให้มีขนาดและความเข้มข้นของยาตามคำสั่งการให้ยา
Right time(ถูกเวลา)
ให้ยาตรงตามเวลาหรือความถี่ตามคำสั่งการให้ยา
การออกฤทธิ์ที่เหมาะสมที่สุด
การให้ยาก่อนอาหาร
ให้ยาก่อนอาหารอย่างน้อย ½ ชั่วโมง หรือหลังอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง
การให้ยาหลังอาหาร
หลังอาหารทันที จนถึง 2 ชั่วโมง
Rightroute(ถูกวิถีทาง)
Right technique(ถูกเทคนิค)
การเตรียมยาและให้ยาที่ถูกต้องยึดหลักการปลอดเชื้อ
Right documentation (ถูกการบันทึก)
ลงในเวลาเดียวกับที่ให้ยากับผู้ป่วยในเอกสารที่ได้กำหนดไว้
Right to refuse
ตรวจสอบว่าได้รับความยินยอมจากผู้ป่วย
Right History and assessment
ซักประวัติและการประเมินอาการก่อน-หลังให้ยา
Right Drug-Drug Interaction and Evaluation
การที่ให้ยาร่วมกันต้องดูว่ายานั้นให้ร่วมกันได้ไหม
Right to Education and Information
ให้ยาผู้ป่วยทุกครั้งต้องแจ้งชื่อยาที่จะให้
หลักสำคัญในการให้ยา
ตรวจสอบคำสั่งแพทย์ก่อนให้ยาทุกครั้ง
ต้องทราบวัตถุประสงค์การให้ยา
ตรวจสอบประวัติการแพ้ยา
ตรวจสอบวันหมดอายุของยา
ไม่ควรเตรียมยาค้างไว้
ไม่ให้ยาที่ฉลากมีการลบเลือนไม่ชัดเจน
ถามชื่อและนามสกุลก่อนทุกครั้ง
บอกให้ผู้ป่วยทราบถึงวัตถุประสงค์
รับประทานยาต่อหน้าพยาบาล
ลงบันทึกการให้ยาหลังจากให้ยาทันที
ประเมินประสิทธิภําพของยาที่ให้
สังเกตอาการก่อนและหลังการให้ยา
ให้ยาผิดต้องรีบรายงํานให้พยาบาลหัวหน้าเวรรับทราบ
การให้ยาทางปากและยาเฉพาะที่
การให้ยาทางปาก
ข้อควรปฏิบัติ
ยาที่ระคายเคืองทางเดินอาหารให้กินหลังอาหารหรือนม
ให้ยาเม็ดในเวลาเดียวกัน สามารถรวมกันได้
ยาผงให้ใช้ช้อนตวงปาด
ยาจิบแก้ไอควรให้ภายหลังรับประทานยาเม็ด
ยาลดกรดควรให้อันดับสุดท้าย
ยาอมใต้ลิ้นห้ามกลืนหรือเคี้ยวยา
การพยาบาลเพื่อให้ยาได้ถูกหลักการ
ดูเบอร์เตียง ชื่อนามสกุล ผู้ป่วยใน MAR ให้ตรงกัน
ดูชื่อยาขนาดยาเวลาที่ให้ใน MAR
เตรียมยาให้ตรงกับ MAR
อ่านฉลากยาให้ตรงกับ MAR
เทยาหรือรินยาให้ได้ตรงตามจำนวนกับขนาดของยาใน MAR
การเตรียมยา
ยาชนิดUnit dose
หยิบยาใส่ถ้วยยาจำนวนตามที่แพทย์สั่ง
ยาชนิด Multidose
ค่อยๆเทยาจากซองยาหรือขวดไม่ให้มือสัมผัสยา
ยาน้ำ
หันป้ายยาหรือฉลากยาเข้าหาฝ่ามือเพื่อป้องกันยาหกเปื้อนป้ายยา
ไม่แจกยาก่อนหรือหลังเวลาที่กำหนดเกิน 30 นาที
บันทึกในแผนการพยาบาลและในใบ MAR ทุกครั้งหลังให้ยา
สังเกตการเปลี่ยนแปลงหลังรับประทานยา
การให้ยาเฉพาะที่
การสูดดม
การพ่นยาเข้าสู่ทางเดินหายใจ
ยาออกฤทธิ์แบบเฉพาะที่หรือแบบทั่วร่างกาย
การให้ยาทางตา
(Eye instillation)
วิธีใช้ยาป้ายตา
ล้างมือให้สะอาด
นอนหรือนั่งแหงนหน้า เหลือบตาขึ้นข้างบน
บีบยาลงในกระพุ้งตา โดยเริ่มจากหัวตา
หลับตา กลอกตาไปมา
วิธีใช้ยาล้างตา
ตรวจดูเสียก่อนว่าน้ำยาล้างตาใสหรือขุ่น
ลืมตาในน้ำยาล้างตา
กลอกตาไปมาสักพัก
การให้ยาทางหู
อุ่นยาให้มีอุณหภูมิเท่ากับอุณหภูมิกาย
เอียงหู หรือนอนตะแคง
ดูดยาและหยอดยาตามจำนวนหยด
เอียงหูข้างนั้นไว้ 2-3นาที
การหยอดยาจมูก
เงยหน้าขึ้น และยกปีกจมูกผู้ป่วยข้างที่จะหยอดยาขึ้นเบาๆ
แล้วหยดยาผ่านทางรูจมูกห่างประมาณ 1-2 นิ้ว
การเหน็บยา
วิธีการเหน็บยาทางทวารหนัก
ยกแก้มก้นผู้ป่วยขึ้นจนเห็นรูทวารหนักชัดเจน จึงสอดใส่เม็ดยาเข้าไป
วิธีการเหน็บยาทางช่องคลอด
ให้ผู้ป่วยนอนหงายใส่เม็ดยาหรือแท่งเข้าไปทางช่องคลอด
ความคลาดเคลื่อนและบทบาทพยาบาล
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
ความคลาดเคลื่อนในการสั่งใช้ยา
ประเภท
สั่งยาผิดขนาด
สั่งยาผิดชนิด
ผิดวิถีทาง
ผิดความถี่
สั่งยาที่มีประวัติแพ้
ลายมือไม่ชัดเจน
ความคลาดเคลื่อนในการคัดลอกคำสั่งใช้ยา
ที่หอผู้ป่วย
พยาบาลลอกคำสั่งแพทย์หรืออ่านคำสั่งแพทย์ไม่ถูกต้อง
ที่ศูนย์คอมพิวเตอร์
คัดกรองการลงข้อมูลยาในคอมพิวเตอร์ไม่ครอบคลุม
ที่เภสัชกรรม
เจ้าหน้าที่ห้องยา/เภสัชกร อ่านคำสั่งแพทย์ ไม่ถูกต้อง
ความคลาดเคลื่อนในการจ่ายยา
กระบวนการจ่ายยาของกลุ่มงานเภสัชกรรม ที่จ่ายยําไม่ถูกต้องตามที่ระบุในคำสั่งใช้ยา
ความคลาดเคลื่อนในการบริหารยา
จำแนกได้ 11 ข้อ (11R)
การให้ยาไม่ครบ
การให้ยาผิดชนิด
การให้ยาซึ่งผู้สั่งใช้ยาไม่ได้สั่ง
การให้ยาผู้ป่วยผิดคน
การให้ยาผิดขนาด
การให้ยาผิดวิถีทาง
การให้ยาผิดเวลา
การให้ยามากกว่าจำนวนครั้งที่สั่ง
การให้ยาในอัตราเร็วที่ผิด
การให้ยาผิดเทคนิค
การให้ยาผิดรูปแบบยา
บทบาทพยาบาลในการให้ยาผู้ป่วย
พยาบาลตรวจสอบยาให้ตรงกับคำสั่งแพทย์
การซักประวัติ ถามเรื่องการแพ้ยาทุกครั้ง
มีคำสั่งใหม่หัวหน้าเวรลงคำสั่งในใบ MAR ทุกครั้ง
ยาที่แพทย์สั่งในห้องยาไม่มีปริมาณ mg ตามสั่ง
ยาที่เป็นเศษส่วนและมากกว่าหนึ่งมักจัดผิดให้วงกลมด้วยปากกาแดง
ยาก่อนนอนทำเครื่องหมายดอกจันทร์
ระมัดระวังในการจัดยา
เวรบ่าย
ตรวจสอบรายการยาในใบ MAR กับคำสั่งแพทย์ให้ตรงกัน
ผู้ป่วยที่ NPO ให้มีป้ายNPO
คำสั่งสารน้ำ + ยํา B co 2 ml ให้เขียนคำว่า + ยา B co 2 ml
จัดยาตามหน้าชองยา
มีผู้จัด-ผู้ตรวจสอบ คนละคนกัน
ไล่แจกยาตามเตียงพร้อมเซ็นชื่อทุกครั้ง
ยึดหลัก 6R
สมรรถนะของพยาบาลและกระบวนการพยาบาล
สมรรถนะของพยาบาลในการใช้ยาอย่างสมเหตุผล
ประเมินปัญหาผู้ป่วย
ประวัติโรคประจำตัว
อาการข้างเคียงจากการใช้ยา
อาการที่ดีขึ้นหรือเลวลง
ความร่วมมือในการใช้ยา
พิจารณาการเลือกใช้ยา
ข้อมูลสำคัญผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา
ข้อมูลที่สำคัญผู้ป่วยเพื่อประกอบการปรับขนาดยา
ประเมินความเสี่ยงและประโยชน์
ใช้ความรู้ด้านเภสัชศาสตร์ของยา
พิจารณาโรคร่วม
คำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา
พัฒนาความรู้ให้เป็นปัจจุบัน
เข้าใจเรื่องเชื้อดื้อยา
สื่อสาร
ยอมรับในการตัดสินใจของผู้ป่วย/ผู้ดูแล
ระบุและยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล
อธิบายเหตุผล และความเสี่ยง/ประโยชน์
ประเมินความร่วมมือในการใช้ยาของผู้ป่วย
สร้างสัมพันธภาพกับผู้ป่วย/ผู้เกี่ยวข้อง
ทำความเข้าใจ ร่วมปรึกษาก่อนใช้ยา
บริหารยา
หลีกเลี่ยง/ลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
คำนวณการใช้ยาให้ถูกต้อง
คำนึงถึงโอกาสที่จะเกิดการใช้ยาผิด
ใช้ข้อมูลที่ทันสมัย
ให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการใช้ยา
เฝ้าระวังติดตาม และการมาตรวจตามนัด
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ชัดเจน เข้าใจได้ง่าย
แนะนำผู้ป่วย/ผู้ดูแลเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือ
สร้างความมั่นใจให้ผู้ป่วย/ผู้ดูแล
ติดตามผลการรักษา
ทบทวนแผนการบริหารยา
มีการติดตามประสิทธิภาพของการรักษา
ค้นหาและรายงานอาการไม่พึงประสงค์
ใช้ยาได้อย่างปลอดภัย
รู้เกี่ยวกับชนิด สาเหตุ ของความคลาดเคลื่อน
ระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
พัฒนาหาความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ
รายงานความคลาดเคลื่อนในการใช้ยา
ใช้ยาได้อย่างเหมาะสม
ยอมรับความรับผิดชอบส่วนบุคคล
รู้และทำงานภายใต้กฎหมาย
พัฒนาความรู้ความสามารถในการใช้ยา
สะท้อนคิดการบริหารยาของตนเองและการสั่งยาของผู้เกี่ยวข้อง
เข้าใจและใช้เครื่องมือในการปรับปรุงการบริหารยา
ทำงานร่วมกับบุคลากรอื่น
มีส่วนร่วมกับสหวิชาชีพ
สร้างสัมพันธภาพกับทีมสหวิชาชีพ
กระบวนการพยาบาลในการบริหารยาทางปากและยาเฉพาะที่
การประเมินสภาพ
ผู้ป่วยมีข้อห้ามในการให้ยาทางปากหรือไม่
ประวัติการแพ้ยา
ประเมินผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการดูการทำงานของ ตับไต
รับสารน้ำเพียงพอหรือไม่
ความรู้ความเข้าใจเรื่องยาที่ได้รับ
การปฏิบัติตัวในการได้รับยา
การวินิจฉัยการพยาบาล
รวบรวมข้อมูลงแล้วนำมาจัดหมวดหมู่ข้อมูลที่เป็นปัญหา
การวางแผนการพยาบาล
เกณฑ์การประเมิน
ไม่เกิดอาการสำลัก
สามารถรับยาได้จนครบ
การปฏิบัติการพยาบาล
ยึดหลักความถูกต้อง 7 ประการ
คำนึงถึงบทบาทพยาบาลการให้ยา
การประเมินผล
เพื่อดูผลของยาต่อผู้ป่วย
ด้านการรักษา
ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
การแพ้ยาด้วย
เกณฑ์การประเมิน
หลังจากได้รับยา 30 นาที ไม่มีอาการแพ้ยา
สามารถบอกการปฏิบัติตัว
สามารถอธิบายวัตถุประสงค์