Please enable JavaScript.

Coggle requires JavaScript to display documents.

สรุปบทที่ 2 ไม้ก่อสร้างและเกณฑ์การออกแบบ Design of Timber and Steel…

- - - - ขนาดของตาไม้ให้ถือค่าเฉลี่ยของเส้นผ่าศูนย์กลางที่กว้างที่สุดและแคบที่สุด
      - รอยแตกร้าว ความกว้างของรอยแตกร้าว วัดที่ปลายไม้ตามแนวดิ่ง
      - มุมของเสี้ยนขวางต้องไม่ชันกว่า 1 ใน 15 กับแนวขอบไม้ทางยาว
      - กระพี้ ยอมให้มีได้สำหรับการก่อสร้างชั่วคราว
    - - มุมของเสั้ยนขวางต้องไม่ชันกว่า 1 ใน 20 กับขอบไม้ทางยาว
      - ยอมให้มีตำนิดได้เพียงครึ่งเดียวของไม้ก่อสร้างชั้น 2
      - ไม่ยอมให้ไม้มีตาหลุด ตาผุ
    - - ยอมให้มีตำนิดได้ถึงหนึ่งเท่าครึ่งของไม้ก่อสร้างชั้น 2
      - มุมของเสี้ยนขวางยอมให้ชันได้ถึง 1 ใน 12 กับขอบไม้ทางยาว
    - - เหมาะกับงานสำหรับสิ่งก่อสร้างชั่วคราว เช่น ค้ำยัน นั่งร้าน ไม้แบบ
      - เป็นไม้ที่มีคุณภาพต่ำกว่าไม้ก่อสร้างชั้น 3
  - - - ขนาดเดิม (nominal size) เรียกว่า ขนาด ''ใช้เรียก''
      - ขนาดไสแล้ว (dressed size)
        
        ในต่างประเทศกำหนดว่า ถ้าไม้ของขนาดที่ ''ใช้เรียก'' ไม่เกินกว่า 6'' ให้คิดว่าไม้ที่แต่งไสเรียบร้อยแล้ว มีขนาดเล็กลงได้ไม่เกิน 3/8''
        
        ขนาดที่ไสแล้วคือขนาดที่ มีแการตกแต่งและทำให้ไม้เล็กกว่าเดิม
  - - - แข็งแรงกว่าไม้จริง
      - มีขนาดรูปร่างไม่จำกัด
      - สามารถควบคุมปริมาณความชื้นในไม้ได้
        
        มีความทนไฟมากขึ้นและสามารถเลือกใช้ชนิดของไม้ได้
    - - ประกับทางตั้ง
        
        เป็นการนำไม้กระดานมาวางเรียงชิดติดกัน
      - ประกับทางนอน (นิยมมากกว่า)
        
        เป็นการนำไม้กระดานมาวางเรียงซ้อนกัน
- - - - ค่าของหน่วยแรงที่ยอมให้ ที่สำคัญสำหรับใช้ในการออกแบบโครงสร้างไม้คือ หน่วยแรงดัด หน่วยแรงดึงขนานเสี้ยน หน่วยแรงเฉือนขนานเสี้ยน หน่วยแรงอัดขนานเสี้ยน และ หน่วยแรงอัดตั้งฉากเสี้ยน หาได้จากค่าหน่วยแรงประลัย สูงสุดนั้นๆ ซึ่งมีค่า factor of safety ในการควบคุม
    - - เกิดจากน้ำหนักบรรทุกจนที่กระแทกหรือกระทำต่อโครงสร้างอย่างทันทีทันใด
    - - น้ำหนักบรรทุกจร (Live load)เช่นน้ำหนักของผู้อยู่อาศัย,ลม,เครื่องเรือน
      - น้ำหนักบรรทุกคงที่ (Dead load) เช่นน้ำหนักของ คอนกรีต,เสา,คาน
    - - หน่วยแรงที่เกิดขึ้นจริงต้องไม่มากกว่าหน่วยแรงที่ยอมให้
- - - - คานไม้ (beam)
      - เสาไม้ (post)
    - - ตงไม้ (floor joist)
      - ขื่อ (tie beam)
      - พื้นไม้หรือไม้กระดาน (floor plank)
      - อะเส (girt)
    - - สะพานรับจันทัน (bridge)
      - อกไก่ (ridge)
      - ระแนง (roof batter)
    - - ดั้ง (king post)
      - ขื่อคัด (collar beam)
    - - ตะเฆ่ราง (valley rafter)
      - ตะเฆ่สัน (hip rafter)
      - จันทันพราง (common rafter)
- - - - ละลายในน้ำมัน
        
        ละลายในน้ำ
        
        โครเมเตดคอปเปอร์อาร์ซีเนต (chormated copper arssenate)
        
        ครีโอโสต (creosote) , โซลิกนัม (solignum)
    - - ใช่สารเคมีแบบให้ซึมผ่านเข้าเนื้อไม้ตามธรรมชาติ
    - - ใช้สารเคมีแบบใช้ความดัน
- - - - สารเคมีกันไฟที่ใช้อัดเข้าไปในเนื้อไม้หรือทาเคลือบ
        
        อะลูมินัมซัลเฟต , กรดบอริกโซเดียมฟอสเฟต
        
        แอมโมเนียมโบรไมด์ , แอมโมเนียมคลอไรด์
        
        โครเมเตดซิ้งค์คลอไรด์ , มินาลิธ , โซเดียมซิลิเกต
- - - - เลือกวิธีการคำนวณอออกแบบโครงส้รางซึ่งในที่นี้ใช้วิธี ASD
        
        เลือกชนิดของไม้ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
      - ศึกษารูปตั้ง รูปตัด รูปแปลนชั้นต่างๆโดยละเอียดและรอบคอบ
        
        ศึกษาประเภทของอาคารว่าเป็นอาคารประเภทไหน
    - - วิเคราะห์โครงสร้างหาแรงและโมเมนต์ของโครงสร้างที่ต้องรับหรือต้านทานโดยต้องไม่ลืมน้ำหนักของส่วนโครงสร้างเอง
      - ออกแบบโครงสร้างส่วนต่างๆให้สามารถรับแรงและโมเมนต์ได้
        
        ออกแบบรอยต่อต่างๆ และเขียนแบบแสดงรายละเอียดสำหรับนำไปคิดราคาและดำเนินการก่อสร้าง